ตอนที่ 10 : [Memory 11 Do you love me?]
[Memory 11 Do you love me?]
นานาโฮะกลับมาร่วมในกลุ่มชินเซ็นกุมิอีกครั้งหลังจากหายตัวไปหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ โดยเธอให้ข้ออ้างว่าเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย จึงเดินทางมาล่าช้ากว่าปกติที่ควรจะเป็น ซึ่งฮิจิคาตะก็รู้ดีว่าต้องเกิดอะไรขึ้นมากกว่านั้นเพราะคนอย่างนานาโฮะอุบัติเหตุเล็กๆน้อยๆไม่สามารถหยุดนางได้หรอก แต่เขาก็ไม่ได้เซ้าซี้มากมายนัก
“ว่าแต่...เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า? สีหน้าไม่สู้ดีเลยนี่”
ฮิจิคาตะเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าใบหน้าของเธอหมองกว่าที่ควรจะเป็น นานาโฮะส่ายหน้าก่อนจะขอตัวออกมาเพราะรู้ดี ว่าถ้าหากยังฝืนอยู่ต่อ...ฮิจิคาตะคงเริ่มถามซอกแซกเป็นได้
เมื่อเธอออกมาจากห้องก็พบกับไซโต้ที่กำลังเดินมาพอดี เขาเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นเธอเอาแต่จ้องหน้าเขา
“จะไปไหนอย่างนั้นหรือ?”
นานาโฮะเอ่ยถามเรียบ ไซโต้กระพริบตาปริบๆก่อนจะหน้าแดงเมื่อนึกได้ว่าเขาเป็นห่วงนางจึงออกมาเผื่อว่านางเป็นอะไร
“ป...เปล่า...ข้าแค่...”
ไซโต้ก้มหน้าลงเพื่อพยายามปกปิดใบหน้าที่แดงก่ำ ในอกของเขาเต้นรัวราวกับเกิดอุบัติภัย ทว่าเป็นอุบัติภัยที่ท้องฟ้าช่างสดใส เขาเริ่มอยากออกจากที่แห่งนั้นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เขาอยากออกมาจริงๆ
“ถ้าเจ้าไม่ได้ยุ่งอยู่...ช่วยอยู่กับข้าสักพักได้หรือไม่?”
ไซโต้เงยหน้าขึ้น พอดีกับที่นางเอนตัวลงซบอกเขาอีกครั้ง
“มันเหนื่อยจริงๆนั่นแหละ...ที่ต้องแบกรับเรื่องราวไว้หลายอย่างในคราเดียว...”
นานาโฮะเอ่ยอู้อี้ มือเล็กขยำเนื้อผ้าชั้นดีของชายหนุ่มแน่นราวกับจะระบายอะไรบางอย่าง
“คุยกันที่นี่ไม่สะดวก...ไปนั่งคุยกันดีๆจะดีกว่าไหม?”
ไซโต้เอ่ย เมื่อตอนนี้พวกเขากำลังอยู่บนระเบียงที่มีคนสามารถเดินผ่านไปมาได้สะดวก แถมตอนนี้พวกเขายังอยู่ตรงหน้าห้องของรองหัวหน้าปีศาจอีก
นานาโฮะไม่ว่าอะไรเป็นเชิงอนุญาต ไซโต้จึงพานางไปที่ห้องของนางที่เพิ่งจัดไว้ให้
“เจ้าเหนื่อยมากเลยอย่างนั้นหรือ?”
ไซโต้เอ่ยถาม เพราะนานาโฮะยังเกาะเขาไม่ปล่อยแม้กระทั่งนั่งอยู่
“...ข้าน่ะ...ที่หายไปอาทิตย์หนึ่ง...ไม่ได้เกิดอุบัติเหตุใดๆหรอก...”
นานาโฮะสารภาพ ไซโต้เลิกคิ้วเล็กน้อยเพราะเธอมักจะไม่โกหกใคร แต่ครานี้เธอกลับโกหกฮิจิคาตะเสีย
“ข้าถูกคาซามะจับตัวไป...”
ราวกับอะไรในหัวขาดผึง ไซโต้กำมือแน่น เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ได้เป็นเรื่องเล่นๆ
“แล้วเจ้าโดนทำอะไรบ้างหรือเปล่า?”
ไซโต้เอ่ยถามทันทีด้วยความเป็นห่วง ถึงจะเคล้ากับความโกรธ แต่เขาก็ไม่อยากวู่วาม นานาโฮะส่ายหน้า
“เจ้าคิดว่าข้ายอมรึเปล่าล่ะ?”
ไซโต้พอคลายกังวลลง เขารู้คงสึกแย่มากหากนางเป็นอะไรไป แต่เมื่อนึกถึงว่าสาวน้อยคนนี้ไปอยู่ในมือของผู้ชายที่เป็นศัตรูกันตลอดศกแล้วก็พาลให้หายโกรธไม่ลง
“แล้วทำไม...เจ้าไม่บอกข้าก่อน...”
ไซโต้เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ทำให้สาวน้อยเงยหน้าขึ้นมองไซโต้ที่ตอนนี้กำลังโกรธเคือง
“เจ้ารู้หรือเปล่าว่าข้าเป็นห่วงเจ้าแค่ไหน! เจ้าที่เป็นยักษ์ที่สามารถเดินทางได้อย่างรวดเร็วควรจะมาถึงก่อนข้าด้วยซ้ำ แต่เมื่อข้ามาถึง กลับไม่มีร่องรอยของเจ้าอยู่เลย! เจ้ารู้หรือเปล่าว่าข้าตามหาเจ้าทุกวัน กินก็กินไม่ได้ นอนก็นอนไม่หลับเพราะเป็นห่วงเจ้า แต่พอเจ้ากลับมา เจ้ากลับโกหกข้า โกหกว่าเจ้าไม่ได้เป็นอันตรายใดๆ ทั้งๆที่เจ้าเป็นอันตราย เป็นอันตรายจนข้าเกรงว่าหากเจ้าไม่ได้เป็นยักษ์ แล้วเจ้าจะรอดกลับมารึเปล่า!!! เจ้าคิดถึงจิตใจข้าบ้างรึไม่ มินาโมโต้!!!”
ไซโต้ระบายความอัดอั้นทั้งหมดออกมา นานาโฮะที่นั่งฟังอยู่ได้แต่อึ้งและพูดอะไรไม่ออก ถึงเขาจะพูดชวนให้เข้าข้างตัวเองแบบนี้ก็เถอะ แต่นางก็รู้ดีว่าเขาคงแค่เป็นห่วงธรรมดาๆเท่านั้นเอง
“เจ้านั่นแหละ คิดถึงจิตใจข้าบ้างรึเปล่า นี่ครั้งที่สองแล้วนะที่เจ้าโวยใส่ข้าแบบไม่ฟังเหตุผล ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าเป็นห่วงไปมากกว่านี้ข้าจึงโกหก แต่ที่ข้าบอกเป็นเพราะข้าทนไม่ไหวแล้วต่างหาก แล้วเจ้าจะมาสนใจข้าทำไม ในเมื่อเจ้าไม่ได้รักข้า!!!!”
สิ้นเสียง ทั้งสองก็เงียบ ไม่มีใครพูดออกมาสักคน นานาโฮะหอบเพราะใช่แรงในการตะโกน ส่วนไซโต้ก็อึ้งที่จู่ๆนางก็สารภาพความในใจแบบอ้อมๆออกมา
“ในเมื่อเจ้าไม่ได้รักข้า...แล้วเจ้าจะมาเป็นห่วงข้าทำไมกัน...”
นานาโฮะเอ่ย ก่อนที่จะร้องไห้ออกมา ไซโต้พูดอะไรไม่ออกเพราะเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นห่วงเธอคนนี้ขนาดนี้...
“นี่เจ้า...อย่าบอกนะว่าเจ้า....รัก...?”
ไซโต้เอ่ยตะกุกตะกัก ใบหน้าของเขาขึ้นสีแดงเรื่อ นานาโฮะที่เริ่มรู้ตัวก็แดงไม่แพ้กัน
“...ข้า...อย่างนั้นหรือ?”
เมื่อประโยคต่อจนจบ ทั้งห้องก็เต็มไปด้วยความเงียบ ไซโต้จ้องมองใบหน้าที่แดงก่ำของอีกฝ่ายไม่วางตา
“ย...อย่างนั้นหรือ...จ...จริง...อย่างนั้นสินะ...”
เขาก้มหน้าลงเมื่อเธอพยักหน้าหงึก
“ต...ตั้งแต่ตอนไหน...”
เขาถามอีกครั้ง ทำให้สาวน้อยตอนนี้หน้าจะติดพื้นอยู่แล้ว
“ย...ต...ตอน...งานเทศกาล...”
นานาโฮะสารภาพ ไซโต้อยากจะเขกหัวตายในครานั้น
“ล...แล้วทำไมอีกวันเจ้าต้องทำร้ายข้าด้วยล่ะ...”
“ก็ข้าอายนี่ เจ้าไม่เข้าใจจิตใจสาวน้อยเสียจริงเลยนะ!!!”
นานาโฮะโวยวายขัด ไซโต้แย้มรอยยิ้มเล็กน้อย
“ล...แล้วเจ้า...รักข้าหรือเปล่า?”
นานาโฮะเอ่ยถามขณะที่ใบหน้าแดงก่ำ ไซโต้ไม่ตอบอะไร
ทั้งสองเงียบกันนาน นานมาก นานจนคนรอคำตอบเริ่มรู้สึกกดดันหนัก
“ถ...แต่ถ้าเจ้าไม่อยากตอบ...ก...ก็ไม่ต้องตอบก็ได้ ยังไงๆ ยักษ์อย่างข้าก็ครองคู่กับมนุษย์ไปตลอดชีวิตไม่ได้...”
สรรพเสียงทั้งหมดเงียบไป สาวน้อยเบิกตากว้างเมื่อจู่ๆไซโต้ก็ขยับเข้ามาใกล้ๆก่อนจะประกบริมฝีปากลงไปบนกลีบปากของเธออย่างไม่ทันตั้งตัว แรกๆเธอก็พยายามดันออก แต่เมื่อต้านแรงของชายหนุ่มไม่ได้ เธอก็เงียบไป ก่อนจะหลับตาเพื่อรับสัมผัสของชายหนุ่มทั้งหมด ลิ้นอุ่นสอดเข้าไปสำรวจโพรงปากบาง ทำให้เธอเผลอสะดุ้งกอดเขาไปตามสัญชาติญาณ มือหนาลูบท้ายทอยของเธอเบาๆเพื่อให้ผ่อนคลาย เมื่อเธอพยายามตอบรับสัมผัสของเขา รสชาติของเธอทำให้เขาไม่อยากปล่อยเธอไปจริงๆ...
“ฮ้า...”
เมื่อไซโต้ถอนจูบออก นานาโฮะก็โกยอากาศเข้าปอดทันที การจูบเมื่อครู่นั้นแย่งอากาศของเธอไปเสียหมด
“ให้การกระทำเมื่อครู่ของข้าเป็นคำตอบก็แล้วกันนะ นานาโฮะ...”
ชายหนุ่มเอ่ยชื่อของเธอออกมา คำตอบของเขาทำให้สาวน้อยที่มุดอยู่ในอ้อมกอดอยากจะมุดหายเข้าไปในดินและไม่ออกมาอีกเลย เขารั้งท้ายทอยของสาวน้อยไว้ซบไหล่ก่อนจะสูดกลิ่นกายของเธอจากลำคอระหงทำให้เธอเผลอสะดุ้งเบาๆและใบหน้าแดงก่ำ
“บ้า...เอ๊ย...”
เธอเอ่ยไม่ออก ขณะที่พยายามปรับความคิดให้เข้ากับสถานการณ์ในตอนนี้ เพราะถ้าไม่ทำมีหวังเธอคงสติแตกจนกู่ไม่กลับแน่ๆ
“ว่าแต่ว่า...เจ้าช่างน่ารักเสียจริงๆนะ ข้าชักจะทนไม่ไหวเสียแล้วสิ...”
ไซโต้เอ่ยด้วยน้ำเสียงแปลกๆ นานาโฮะรีบผละออกทันทีเมื่อเขากำลังจะทำท่าจะจูบเธออีกรอบก่อนจะแถมด้วยหมัดหนึ่งดอกเข้าให้
“เจ้าบ้า!!!”
นางโวยวายเสียงดัง ก่อนจะหัวเราะออกมา ไซโต้ก็เช่นกัน
...............................................................................................................................
“ว...ว่าอย่างไรนะ!”
ฮิจิคาตะดูจะช็อกไปเล็กน้อยเมื่อจู่ๆนานาโฮะกับไซโต้ก็เดินมาบอกว่าทั้งสองคนจะคบหากัน และอาจจะแต่งงานหลังจากที่จบศึกครั้งนี้
“ต...แต่นางเป็น...” ยักษ์...
เขาไม่เอ่ยคำสุดท้ายออกไป ด้วยนึกแล้วว่าทั้งสองคงต้องค้านแน่ๆ
ถึงแม้จะต้องโดนฆ่า แต่สิ่งที่ออกจากปากทั้งสองก็คือคำเดิมนั่นแหละ
“อา...ข้าก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ แต่ว่า...มันไม่เร็วไปหรือ? ไซโต้”
ฮิจิคาตะถามด้วยความเป็นห่วง อันที่จริงเขาก็รู้แล้วว่าทั้งสองก็คงชอบพอกันมานาน แต่ว่าตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ระหว่างสงคราม...
“ไม่เร็วไปหรอก ฮิจิคาตะ ข้ามีชีวิตหนึ่งร้อยปีมานี่เพื่อรอฮาจิเมะเชียวนะ ส่วนเขาก็รอข้ามาตั้งสองปี เจ้ายังจะว่าเร็วไปอยู่อีกหรือ?”
นานาโฮะให้เหตุผล ไซโต้ไม่ว่าอะไรเพียงแค่มองคนรักกำลังเจรจากับคุณพ่อหวงลูกชาย(ไซโต้)อยู่เงียบๆ
“เอาน่ะ ฮิจิคาตะ เจ้าอย่าทำตัวเป็นพ่อหวงลูกหน่อยเลย อีกอย่างลูกของเจ้าก็เป็นลูกชายนะ ไม่ใช่ลูกสาวเสียหน่อย หรือว่าเจ้าจะหลงรักฮาจิเมะ?”
“นี่เจ้าคิดบ้าอะไรอยู่!!!!”
ฮิจิคาตะโวยขัดคอ เรียกเสียงหัวเราะของจิซึรุและนานาโฮะได้อย่างดี
“อ้าว ข้าก็นึกว่าที่ไม่ให้ฮาจิเมะลองคบกับข้าเป็นเพราะเจ้ากำลังหลงรักเขาอยู่ซะอีก”
นานาโฮะทำหน้านิ่ง แต่ฮิจิคาตะกำลังโกรธและเคืองในเวลาเดียวกันเพราะเขาไม่สามารถเถียงเด็กคนนี้ได้
“เอาเถอะน่า หากลองนับดูอายุข้าก็ยายเจ้าแล้วนา ข้าไม่คิดจะหลอกเขาหรอก อีกอย่างเราก็แค่ลองคบหากันเท่านั้นเอง ไม่ได้แต่งงานฉันสามีภรรยากันเสียหน่อย...”
นานาโฮะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มลง ฮิจิคาตะที่หมดหนทางก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแต่พยักหน้าเป็นเชิงยินยอมเท่านั้น
“ก็ได้...แต่ว่าเจ้าน่ะ วันพรุ่งนี้เราก็จะบุกไปปราสาทเกียวโตตามที่เจ้าบอกแล้วนะ อย่าให้เรื่องนี้มาเกี่ยวกับเรื่องนั้นเด็ดขาด”
ฮิจาคาตะเตือน นานาโฮะพยักหน้าเข้าใจก่อนจะลากไซโต้ออกไปทันที
“อา...สองคนนั้น...เข้าใจจริงๆรึเปล่าเนี้ย?”
ฮิจิคาตะบ่นพึมพำเมื่อเห็นคนที่กำลังวิ่งออกไปเหมือนไม่เข้าใจสิ่งที่ตนเองเตือน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ นานาโฮะซังสามารถแยกแยะเรื่องนั้นกับเรื่องนี้ได้อยู่แล้วล่ะค่ะ”
จิซึรุเอ่ยจากด้านหลังทำให้ฮิจิคาตะใจเบาลงเล็กน้อย
........................................................................................................................................................
แต่ทำไมถึงรู้สึกแย่แบบนี้กันนะ?
........................................................................................................................................................
สมหวังกันแล้ววววว ฮิบฮิ้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว//บ้า
\:)
Shalunla
Thank for Theme
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คุณพ่อหวงลูก(ชาย?) หรือหวงอดีตว่าที่ภรรยา(?) กันแน่เอ่ย ฮิจจี้ =w=
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 6 สิงหาคม 2555 / 16:31