ในวันนั้นผมมัวแต่ซ้อมเพื่อการแข่งขันไม่ได้สนใจที่จะไปหาเธอเลย ผมไม่รู้ว่าวันนั้นจะเป็นวันสุดท้ายที่เธอจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ กว่าผมจะรู้มันก็สายเกินไปแล้ว ผมไม่อาจจะย้อนเวลากลับไปเพื่อหาเธอได้เลย เธอผู้ซึ่งไม่มีใครแทนที่ได้ หากไม่มีเธอแล้วคงจะไม่มีผมในวันนี้ เพราะเธอผู้นั้นคือ
.แม่
"ไม่เอา! ผมจะไม่อยู่แล้วไอ้ชมรมบ้านั่นน่ะ บาสอะไรนั่นผมไม่เล่นมันแล้ว" ผมตะโกนอย่างสุดเสียง ในเวลานี้ผมไม่ได้ฟังเสียงใครเลย จนกระทั่ง
"เงียบหน่อยสิ จะตะโกนไปทำไมล่ะจ้ะ ค่อยๆพูดก็ได้แม่ฟังอยู่ แล้วสาเหตุที่ทำให้ลูกจะลาออก" แม่ถามผมด้วยความเป็นห่วง
"ก็เจ้าเพื่อนบ้าน่ะสิ ผมไม่อยากจะทนกับความปากห มาของมันแล้ว ถ้าผมยังต้องอยู่คอยฟังละก็ผมได้ชกหน้ามันแน่ๆ" ผมเบาเสียงลงและพยายามให้ใจเย็น
"พี่ว่าออกมาซะก็ดีนะ แต่ว่าเราน่ะไม่เสียดายเหรอ ได้เป็นตัวจริงแล้วนะ" ในที่สุดก็ยอมเอ่ยปากพูด หลังจากที่นั่งฟังผมบ่นมานาน
"เสียดายน่ะก็เสียดายอยู่หรอกแต่จะให้อยู่ก็ไม่เอาแล้ว ผมไม่มีความรู้สึกสนุกกับบาสอีกแล้วนี่นา"
"ยังงั้น ลูกจะออกจากชมรมแม่ก็ไม่ว่าแต่ลูกต้องมาช่วยงานแม่นะเข้าใจมั้ย"
"ครับผม" ผมตอบพลางยิ้ม แล้วทั้งสองคนก็ยิ้มตอบกลับมา
ผ่านไป1ปี
ในช่วง1ปีที่ผ่านมานั้นผมได้รู้จักกับ inlinesket ความจริงนั้นผมก็รู้จักมันมาตั้งนานแล้ว ผมเริ่มเล่นมันมาตั้งแต่5ขวบ แต่การที่ผมกลับมาเล่นในครั้งนี้มันไม่เหมือนกับสมัยเด็กอีกแล้ว เพราะผมตั้งใจที่จะลงแข่งในการแข่งขันรายการต่างๆ ผมจึงต้องซ้อมอย่างหนักอยู่ทุกวัน
"กลับมาแล้วรึดาร์ค ไหงวันนี้กลับบ้านไวจังน่ะ ยังไม่ถึง3ทุ่มเลย" เสียงของนานะดังมาจากด้านบน นี่ก็หมายความว่าเธอขึ้นไปนั่งเล่นFF8(ที่ไปตบมาจากเพื่อน)อยู่ ไม่เช่นนั้นเธอจะนั่งอ่านเหล่าโดจิน(Y)ที่แสนรักของเธอ
"อื้อกลับมาแล้ว นานะช่วยเตรียมกล่องปฐมพยาบาลให้หน่อยสิ เดี๋ยวผมอาบน้ำแล้วจะขึ้นไป" ผมตะโกนขึ้นไปพลางเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเพื่อมาอาบน้ำ
"โอเค ว่าแต่วันนี้ได้มากี่แผลล่ะเนี่ย" นานะถามกลับมา น้ำเสียงของเธอในตอนนี้ช่างกวนประสาทผมเป็นอย่างมาก
"เดี๋ยวผมขึ้นไปก็รู้เองล่ะน่า" ผมตะโกนกลับขึ้นไป พอผมอาบน้ำเสร็จแล้วก็ขึ้นไปชั้น2เพื่อทำแผล วันนี้นานะช่วยผมทำแผลด้วยเพราะมีบางแผลที่ผมทำเองไม่ได้
"โหนี่ไปล้มมาอีท่าไหนเนี่ยได้แผลมาซะ
. ใกล้จะถึงวันแข่งแล้วนะระวังตัวหน่อยสิ"นานะพูดพลางทำแผลให้ผม
"โอ๊ย! นี่ทำให้มันเบากว่านี้ไม่ได้เหรอ แล้วไอ้แผงนี่ก็เป็นเพราะฝึกท่าใหม่ตะหากล่ะ ไม่ใช่ว่าผมไม่ได้ระมัดระวังซะหน่อย" ผมพูดพลางส่งสายตาดุไปให้ แต่นานะกลับไม่สนใจแถมยังส่งสายตามาเป็นเชิงว่าเดี๋ยวได้เจอหนักกว่านี้หรอก ผมเลยได้แต่นั่งเงียบให้ทำแผลอย่างเด็กดี
แกร๊ก
แกร๊ก
.. เสียงเปิดประตูแม่ คงกลับมาแล้วแน่เลย ตึงๆๆๆๆๆๆๆ(โปรดนึกถึงเวลาช้างวิ่งว่าดังแค่ไหน)นานะวิ่งลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว
"สวัสดีค่ะ แม่ค่ะกินข้าวกลับมารึยังค่ะ ถ้ายังละก็หนูทำซุปไว้จะกินมั้ยค่ะ" เสียงของนานะดังขึ้นมาถึงข้างบน
"แม่ยังไม่ได้กินมาหรอกจ้ะ นี่แม่ซื้อกับข้าวมาด้วยมากินด้วยกันสิจ้ะ ดาร์คลงมาช่วยแม่จัดโต๊ะเร็ว" แม่ตะโกนขึ้นมาเรียกผม ผมก็เลยรีบลงมาช่วยแม่จัดโต๊ะ ส่วนนานะนั้นก็ไปอุ่นซุปไว้เพื่อตักให้ทุกคนแล้วพวกเราทั้งหมดก็กินข้าวกันอย่างพร้อมหน้า ทุกวันผ่านไปอย่างราบลื่นไม่มีสัญญาณเตือนเลยว่าเธอจะเป็นอะไรไป จนกระทั่งวันหนึ่ง
"เอ้ารีบขึ้นรถซะทีสิ มัวแต่ชักช้ากันอยู่ได้" เสียงของพี่ผู้ชายที่รู้จักกับแม่ดังขึ้น ในวันนี้เค้าจะเป็นคนขับรถพาพวกเราไปเที่ยว แต่ผมกับไม่ชอบหน้าพี่คนนี้เลยจริงๆ
"เดี๋ยวปิดประตูก่อน" นานะกำลังยืนล็อคประตูอยู่ แล้วก็วิ่งมาขึ้นรถ"เอาล่ะเรียบร้อยไปกันเลย"
วันนี้พวกเราจะเที่ยวระยองกัน แม่อยากจะพาพวกเราไปมานานแล้วที่แรกที่พวกเราจะไปก็คือน้ำตก น้ำตกแห่งนี้สวยงามมากแม้ว่าตอนแรกพวกเราจะเดินหลงทางกันก็ตาม แต่พอขึ้นไปถึงแล้วความเหนื่อยก็หายไป น้ำตกอันสวยงามสูงมากเมื่อมองจากด้านที่ยืน ละอองน้ำสีขาวกระทบหน้าของพวกเรานั้นเย็นฉ่ำ ชวนให้ผมต้องลองกวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าด้วยความใส แล้วผมก็นั่งลงไกวขาในน้ำนั้นและชวนให้นานะทำเช่นเดียวกับผม แม่ของผมนั้นนั่งดูอยู่บนก้อนหินอีกก้อน แล้วก็เรียกให้มากินข้าวเที่ยง สักพักพวกเราก็เดินทางกลับไปที่รถเพื่อที่จะออกเดินทางต่อเพราะแม่ต้องไปหาลูกค้า การเที่ยวครั้งนี้แม้จะได้ไปแค่แห่งเดียวแต่พวกเราก็สนุกกันมาก
"กลับมาแล้วคร้าบ" ผมตะโกนเพื่อให้คนที่อยู่ข้างบนลงมาเปิดประตูให้ วันนี้ผมลืมเอากุญแจบ้านไปด้วยเลยต้องทำอย่างนี้ สักพักนานะก็เดินลงมาเปิดประตูให้
"ดาร์ค กลับมาก็ดีแล้วเดี๋ยวขึ้นไปดูแม่หน่อย ชั้นจะต้มข้าวต้ม"นานะพูดพลางเดินไปหยิบหม้อ
"แม่เป็นอะไรเหรอ"ผมถามด้วยความสงสัย
"ก็ไม่สบายน่ะสิ นี่พี่ว่าถ้าพรุ่งนี้ยังไม่ดีขึ้นจะพาไปโรงพยาบาล แล้วค่อยโทรบอกอาอี้" นานะตอบกลับมา อาการของแม่ในตอนนี้ยังไม่มีอะไรมากนักแค่ปวดหัวกับกินอะไรไม่ค่อยได้ นานะเลยต้องต้มข้าวต้มให้แม่แทนเพื่อที่จะกินได้ง่ายๆ แต่วันต่อมาอาการของแม่เริ่มหนักขึ้นจากเดิม ในตอนนี้มีการอาเจียรเพิ่มเข้ามาด้วย นานะจึงรีบพาไปที่รพ.ทันที ส่วนผมก็โทรไปหาอาอี้
"สวัสดีค่ะ จะคุยกับใครค่ะ" เสียงหนึ่งดังขึ้นมา คนๆนี้เป็นพี่สาวอีกคนหนึ่งของผมพี่คนนี้ชื่อกุ้ง
"เจ๊กุ้ง อี้อยู่มั้ยคับ ตอนนี้แม่เข้ารพ.น่ะคับอยากให้มาเป็นญาติผู้ใหญ่ให้หน่อยอ่ะคับ" ผมรีบถามอย่างรวดเร็วเพราะกว่าอี้จะมาถึงก็ต้องรอประมาณ2ชม.
"แล้วอยู่รพ.ไหนล่ะ อาการเป็นยังไงบ้าง" เจ๊กุ้งถามด้วยความเป็นห่วง
"ไว้มาดูที่รพ.เถอะคับ ตอนนี้มินพาไปที่รพ.ตากสินแล้วล่ะคับ" ผมตอบกลับ พลางรอให้อีกฝ่ายรับคำแล้ววางสาย จากนั้นผมก็รีบไปที่รพ.ทันที
ตั้งแต่วันที่แม่เข้ารพ.นานะกับผมก็เข้าไปเยี่ยมแม่ทุกวัน นานะจะคอยเช็ดตัวให้แม่ในทุกๆเย็นและจะพาแม่ไปสระผมทุกครั้งที่คุณหมออนุญาต ในทุกๆวันพวกเราจะคอยเล่าเรื่องต่างๆที่ไปเจอมาให้แม่ฟัง เพื่อไม่ให้แม่เบื่อ แต่ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่แม่ก็ไม่ได้มีท่าทางว่าอาการจะดีขึ้นมาเลย แม้จะดีขึ้นมาบ้างแต่พอวันต่อมาอาการก็ทรุดลงไปอีก พวกผมคอยถามหมออยู่เสมอว่าแม่เป็นโรคอะไรแต่หมอก็ไม่ยอมบอกเพียงแต่บอกว่าให้ทำใจหากว่าการดูดน้ำที่ไขสันหลังไม่สำเร็จความหลังก็จะหมดไป แต่แม่ก็ผ่านมาได้และอาการก็เริ่มดีขึ้นมาจนคุณหมอ ยอมอนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่ถึงอย่างนั้นอาการของแม่ก็ยังน่าเป็นห่วงคุณหมอแนะนำให้คอยดูแลอย่างใกล้ชิด อี้จึงคอยมาดูแลแม่แทนในระหว่างที่พวกผมไปโรงเรียน ในช่วงนี้ผมต้องเรียบกลับบ้านมาดูแลแม่รอให้นานะ กลับมาถึงบ้านแล้วค่อยออกไปซ้อมinline ใกล้ถึงวันแข่งเข้ามาทุกทีแม้ว่าผมจะเป็นห่วงแม่ซะแค่ไหนแต่ผมก็ไม่อาจตัดใจในการแข่งครั้งนี้ได้ แต่แม่ก็กลับมาอยู่บ้านได้แค่2สัปดาห์เท่านั้น ในวันที่ลุงมาเยี่ยม
"อาการเป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกดีขึ้นบ้างมั้ย" ลุงถามแม่ด้วยความเป็นห่วงเพราะถ้าเกิดแม่เป็นอะไรไปแล้วพวกเรา2พี่น้องจะไม่มีใครคอยดูแล
"ก็เหมือนกับทุกวันแหละค่ะ แต่วันนี้รู้สึกปวดหัวมากกว่าน่ะค่ะ" แม่ตอบกลับไป
"แล้วนี่กินยาครบทุกมื้อรึปล่าวฮึ"
"ครบทุกมื้อค่ะ หนูจัดให้แม่ก่อนไปรร.ทุกวัน" นานะตอบแทนแม่เพราะไม่อยากให้แม่ต้องพูดมากเกินไป จะเหนื่อยเอาได้ง่ายๆ
"งั้นรึ แล้วนี่ตุลย์ไปไหนล่ะ มาทีไรก็ไม่เคยเห็นเลยนะ" ลุงเริ่มถามถึงผม
"ออกไปซื้อกับข้าวค่ะ เดี๋ยวก็คงจะกลับมาแล้ว" นานะตอบ แล้วอีกสักพักผมก็กลับเข้ามา พอถึงตอนบ่าย แม่เริ่มมีอาการไม่ดี ลุงจึงพาไปรพ.อีกครั้งเพื่อให้คุณหมอมาดูมาอาการ
"อาการเป็นอย่างไรบ้างครับ" ลุงรีบถามทันทีที่หมอออกมาจากห้อง
"ผมก็ยังบอกอะไรไม่ได้หรอกครับ แต่ว่าผมต้องการที่จะให้คนไข้อยู่ที่รพ.ไปก่อนนะครับเพื่อความสะดวกในการตรวจครับ" แล้วคุณหมอก็เดินไป
พวกผมเข้าไปดูอาการของแม่ แต่แม่ไม่รู้สึกตัวและยังคงนอนหลับอยู่ อยู่ในนั้นได้ไม่นานลุงก็บอกให้พวกผมกลับไปที่บ้านก่อนเผื่อใครมาหาหรือว่าโทรมาจะได้มีคนอยู่ ผมกับนานะจึงกลับเข้าบ้าน แต่ผมว่าที่ลุงบอกให้ผมกลับอาจเป็นเพราะตอนนี้สีหน้าของนานะดูแย่มาก เธอดูกังวลกับการที่แม่ต้องเข้ารพ.อีกครั้ง ผมจึงบอกให้นานะขึ้นไปพักผ่อนก่อนส่วนผมจะอยู่ข้างล่างเอง ในวันนี้พี่ที่ช่วยขับรถมา และก็ยังมีอีกหลายคนที่พอรู้ข่าวแล้วก็รีบมาที่นี่ทันที สรุปแล้ววันนี้ก็เป็นวันที่วุ่นวายมาก นานะแทบไม่ได้หยุดเดินเลย ถูกคนโน้นใช้ทีคนนี้ใช้ทีตลอดเวลา พอพวกญาติกลับไปหมดผมแทบจะยืนไม่อยู่เลยทีเดียว แต่นานะนั้นหลับคาโต๊ะไปเลย พวกเค้าไม่มีใครเป็นห่วงนานะเลยทั้งที่เธอหน้าซีดซะขนาดนั้นแล้วแท้ๆ(แต่ก็ยังถึกจนอยู่รอดมาได้ทั้งวัน) วันต่อมานานะไปอยู่เฝ้าแม่ทั้งวัน ส่วนผมพอไปเยี่ยมเสร็จก็รีบไปซ้อมinlineทันที ในวันนี้ผมซ้อมได้ไม่ดีนักอาจเป็นเพราะว่าผมเป็นห่วงทางฝ่ายนานะซะมากกว่าจึงไม่ค่อยจะมีสมาธิในการซ้อมซะเท่าไหร่นัก ผมจึงรีบกลับบ้านในวันนั้นเพราะถึงจะอยู่ต่อก็คงจะไม่ได้ซ้อมอะไรมากนัก
"อ้าวดาร์ค วันนี้ทำไมกลับมาเร็วจังน่ะ" นานะทักทันทีที่เห็นผมตอนนี้เธอก็ยังดูไม่ค่อยจะสบายนัก
"อื้อ อยู่ที่นู้นแล้วมันใจไม่สงบน่ะเลยกลับมาก่อนน่ะ" ผมตอบกลับไปพลางนั่งลงที่ข้างเตียง
"เหรอ งั้นตุดาร์คช่วยอยู่ดูแลแม่ก่อนละกันพี่จะกลับบ้านก่อนล่ะ"
"อื้อ แล้วจะกินข้าวเลยรึเปล่า ถ้ายังเดี๋ยวผมซื้อกลับเข้าไปให้" นานะรับคำแล้วก็เดินออกไป ผมอยู่ดูแม่ไปอีกครู่ใหญ่จนหมดเวลาเข้าเยี่ยมจึงกลับบ้านก่อนกลับผมไมลืมที่จะแวะซื้อข้าวก่อน วันนี้แม่ก็ยังไม่รู้สึกตัวถึงนางพยาบาลจะบอกว่าแม่มีพูดถามหาพวกเราในตอนกลางคืนก็เถอะ จนผ่านไป4วันอาการของแม่ก็ยังไม่ดีขึ้น แม่ไม่รู้สึกตัวเลยตลอด5วันที่ผ่านมา
"ดาร์คตื่นได้แล้ว นี่มันสายแล้วนะ จะนอนหลับอุตุไปจนถึงเมื่อไหร่หา!" นานะตะโกนปลุกผมที่ข้างหู พอเห็นว่าผมไม่มีท่าทางที่จะตื่นก็เลยถีบผมตกจากเตียง
"โอ๊ย..ปลุกให้มันเบากว่านี้ไม่ได้เหรอ แล้วนี่กี่โมงแล้วอ่ะ" ผมงัวเงียขึ้นมาถาม
"8โมงแล้ว แล้วนายก็จะไปไม่ทันแล้วด้วย รีบลงไปอาบน้ำได้แล้วไป!" นานะตอบพลางลากผมไปที่บันไดเพื่อไล่ให้ผมลงไปอาบน้ำ
"แล้วทำไมไม่ปลุกให้เร็วกว่านี้ล่ะ" ผมตะโกนขึ้นมาพลางวิ่งลงไปอาบน้ำ
"ชั้นปลุกนายตั้งนานแล้วแต่นายไม่ยอมตื่นเองนี่นา" นานะตะโกนตอบกลับมา พอผมอาบน้ำเสร็จผมก็รีบแต่งตัวหยิบข้าวของออกจากบ้านโดยทันที ผมไม่กลัวที่จะไปสายหรอกเพราะว่าสถานที่แข่งกับบ้านผมนะใกล้กันพอสมควร แต่หากเกิดรถติดขึ้นมามันจะแย่ผมเลยต้องรีบออกจากบ้าน พอผมไปถึงลาน Red Blue Extra ผมก็รีบวิ่งไปลงทะเบียนทันที(เอ่อ
.ลืมบอกไปวันนี้ผมมีแข่งinlineซ้อมมานานจะรู้ผลก็วันนี้แหละคับ)
"เฮ้ย เจ้าดาร์ค ไงได้ฤกษ์แผ่นออกจากบ้านแล้วรึ" ฮาร์ทเดินเข้ามาทักกับผม ฮาร์ทนี่ที่บ้านของมันเป็นร้านอาหารเวลาใครจะจัดงานเลี้ยงก็ไปลงกันที่บ้านของมันทุกที เสียแต่ว่าบ้านมันอยู่ไกลจากบ้านของผมไปสักหน่อย
"เออ นี่กูนึกว่าจะมาไม่ทันแล้วนะเนี่ย แล้วนี่คนอื่นๆล่ะ" ผมตอบกลับไปพลางถามถึงเพื่อนคนอื่น
"นู่น..ซ้อมกันอยู่ที่กลางสนามแล้ว ไป เอากระเป๋าไปวางกับพวกผู้หญิงแล้วลงไปซ้อมกัน" ฮาร์ทตอบกลับมา แล้วผมก็เดินเอากระเป๋าไปฝากไว้กับเปิ้ลเพื่อนสาวของผม
"ดาร์ค วันนี้นานะจะมาดูการแข่งรึเปล่า"เปิ้ลถามผม
"เห็นบอกว่าจะมาน่ะ แต่ไม่รู้ว่ากี่โมง" ผมตอบแล้วก็สวมโรเลอร์เบลดวิ่งลงไปที่สนาม ผมซ้อมอยู่ประมาณชม.กว่าก็ออกมาพัก พอดีกับที่ทางโฆษกบอกให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนออกไปจากสนามเพื่อที่จะเริ่มการแข่งของเสก็ตบอร์ด แล้วก็ต่อด้วยจักรยาน กว่าจะถึงช่วงที่ผมจะต้องลงแข่งก็อีกนานตอนนี้ผมจึงมีเวลาออกมาเดินเล่นดูรอบๆบริเวณที่แข่ง แล้วผมก็เจอนานะเดินเข้ามาอย่างเอื่อยเฉื่อย(เวลาที่นานะคิดอะไรระหว่างเดินเธอจะเดินช้าเอามากๆ) แล้วผมก็เดินเข้าไปหานานะเพื่อบอกให้ไปนั่งรวมกลุ่มกับเปิ้ล นานะมาอยู่มี่นี่จนถึงตอนที่พวกผมแข่งเสร็จเท่านั้น แล้วเธอก็ขอตัวกลับไปเฝ้าแม่ต่อตามเดิมปล่อยให้ผมอยู่ฟังผลการแข่งที่จะประกาศตอนไหนก็ไม่รู้เพราะยังแข่งกันไม่เสร็จ พอถึงเวลาที่จะประกาศผลการแข่งผมใจเต้นจนหัวใจแทบจะหลุดออกมาข้างนอกเลยทีเดียว และแล้วผมก็ได้รู้ผลการแข่งผมได้ที่6 ซึ่งถือว่าดีมากสำหรับคนที่เพิ่งเล่นมาได้แค่ครึ่งปีอย่างผม พอจบการให้รางวัลก็ปาไปเกือบจะ3ทุ่มแล้ว ผมจึงรีบกลับไปที่บ้านทันทีเพราะว่าเวลาตอนนี้กว่าจะกลับไปถึงก็ไม่ทันเข้าเยี่ยมแม่แล้ว ผมกลับไปถึง
"นานะ ผมกลับมาแล้ว" ผมตะโกนขึ้นไปแต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา "นานะ อยู่รึเปล่า นี่ผมแข่งได้ที่6นะเก่งป่ะ" ผมตะโกนขึ้นไปอีกรอบแต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบกลับมา ผมเลยเดินขึ้นไปข้างบนเห็น นานะนั่งร้องไห้อยู่ ปกติแล้วนานะจะไม่ร้องไห้ให้ใครเห็นและก็จะไม่ค่อยร้องไห้อีกด้วย ถ้าอย่างนั้นการที่เธอร้องไห้ก็แสดงว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับ
แม่
สินะ
"นานะเกิดอะไรขึ้นทำไมมานั่งร้องไห้อยู่อย่างนี้" ผมถามนานะทั้งๆที่พอจะเดาคำตอบได้แล้ว
"ม
แม่
..แม่
.เสียแล้ว
แม่
เสียแล้ว" นานะค่อยๆพูดออกมาแต่ละคำที่เอ่ยออกมานั้นดูราวกับว่าจะทำให้เธอขาดใจตายได้นะตรงนั้น
"เดี๋ยว พูดว่าแม่ ตายแล้วงั้นเหรอ แล้วเมื่อไหร่ล่ะ" ผมพยายามที่จะทำใจแข็งแล้วถามถึงเรื่องเวลาเสียของแม่เพื่อที่ผมจะได้ไม่ร้องไห้ออกมา
"ต..ตอน.2..ทุ่มครึ่ง" นานะตอบกลับมาตอนนี้เธอยังสะอื้นอยู่
"งั้นเหรอ แล้วทีนี้พวกเราจะทำยังไงดีล่ะ พ่อก็เสียแล้ว แล้วทีนี้ก็มาแม่อีกคนเราจะทำไงดีละ จะทำไงดี" ผมเริ่มไม่รู้ที่จะทำเช่นไรอีกต่อไปแล้ว หัวสมองมันตื้อไปหมด คิดอะไรไม่ออกแล้วในตอนนี้ แล้วในที่สุดผมก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ ทำไมวันนี้ผมถึงไม่รีบกลับ ทั้งๆที่ฝากเพื่อนฟังผลการแข่งก็ได้ไม่ต้องอยู่ฟังเอง ทำไมถึงไม่อยู่เฝ้าแม่ ทำไม ทำไม ในหัวผมตอนนี้มีแต่คำว่าทำไม
"ดาร์ค ไม่เป็นไรหรอกอย่าโทษตัวเองเลยนะ มันไม่ใช่ความผิดของดาร์คหรอกที่ไม่ได้อยู่ดูวาระสุดท้ายของแม่น่ะ" นานะพูดปลอบใจผมทั้งที่เมื่อตะกี้เธอยังร้องไห้อยู่เลย "เจ๊เองก็ไม่ได้อยู่ตอนที่แม่เสียหรอกทางรพ.เค้าโทรมาบอกตะหาก" นานะพูดพลางน้ำตาซึมออกมาอีกครั้ง
"อื้อ ผมรู้แล้ว แม่ไปสบายแล้วเราต้องดีใจตะหากที่แม่ไม่ต้องทนทุกทรมานอีกต่อไปแล้ว" ผมพูดกลับไปเพื่อไม่ให้นานะเริ่มร้องไห้อีกครั้งหนึ่ง แล้วนานะก็บอกให้ผมลงไปอาบน้ำเพื่อพรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้าแล้วไปรับศพของแม่
"ดาร์ค ตื่นได้แล้วลุงมาแล้วเดี๋ยวตุลย์ต้องไปตัดผมนะ" นานะปลุกผม ตอนนี้ก็สายแล้ว ผมจึงรีบลงไปอาบน้ำแล้วไปตัดผมตามที่ลุงสั่ง สักพักอี้ก็มาถึงพร้อมพาผมไปที่รพ. ส่วนนานะนั้นไปกับลุงเพื่อไปหาอาม่านานะเองก็ต้องตัดผมเช่นกันเธอไม่ได้อยากที่จะตัดผมเลยแต่ก็ขัดใจอาม่าไม่ได้ พอถึงตอนเที่ยงก็เริ่มทำพิธีเพื่อเคลื่อนย้ายศพไปที่วัด ในระหว่างนี้นานะเริ่มที่จะร้องไห้ออกมาอีกครั้งแล้วและไม่มีท่าทีที่จะหยุดง่ายๆด้วย ในวันนี้ผู้ที่มาในงานมีแค่ญาติเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่ในวันต่อไปกลับมีคนมามากขึ้นอาจเป็นเพราะมีญาติที่อยู่ที่ต่างจังหวัดมากันด้วยและเพื่อนที่ทำงานของแม่เช่นกันเพียงแต่ในวันสุดท้ายจะมีมากันเยอะที่สุดเพราะเพื่อนของนานะก็จะมาด้วย เมื่อทำพิธีเผาศพเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกผมก็กลับบ้านนอน ในคืนนี้พวกผมขึ้นไปนอนกันที่เตียงของแม่ ถึจะมีคนห้ามก็ตามแต่ผมอยากที่จะนอนอยู่ตรงนี้สักคืนก็ยังดี พอวันรุ่งขึ้นผมกับนานะก็รีบตื่นแต่เช้าแล้วไปที่วัดเพื่อไปรับอัฐิของแม่ แล้วนำไปลอยอังคาร ในช่วงนี้แทบจะไม่มีใครพูดกันเลย พอเสร็จแล้วลุงก็พาพวกผมไปตามวัดต่างๆ เพื่อหาที่เก็บกระดูกให้พ่อกับแม่ จนในที่สุดก็หาเจอเป็นวัดที่พวกเราพ่อแม่ลูกมากันเป็นประจำ เหมือนกับว่าเจ้าตัวต้องการที่จะให้เป็นยังนี้ เมื่อคุยกับทางวัดเรียบร้อยแล้วลุงก็พาพวกผมกลับไปที่บ้าน และบอกว่าให้อยู่กันดีๆ แล้วอีกสัปดาห์ลุงจะมาช่วยเก็บของเพื่อย้ายที่อยู่
ชีวิตของคนเรานั้นเอาแน่เอานอนไม่ได้ พวกเราควรที่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด อย่ามานั่งเสียใจในภายหลัง เพราะเมื่อถึงเวลานั้นแล้วเราจะไม่มีโอกาสที่จะแก้ตัวอีกเลย
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น