ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    องค์หญิงเพี้ยน กับ เหล่านายสนม

    ลำดับตอนที่ #42 : บทที่ 41 องค์หญิงลำดับที่สาม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.21K
      529
      23 ก.พ. 62

    บทที่ 41

    องค์หญิงลำดับที่สาม


                เมื่อรุ่งเช้ามาถึงหนิงหลงตื่นขึ้นมาพร้อมความรู้สึกที่ยังปวดเมื่อยตามตัว เมื่อคืนมีงานเข้ามาไม่หยุดแทบไม่ได้พักไม่รู้ว่าจักรพรรดินีขาดแคลนคนดูงานหรืออย่างไร ไยให้ลูกสาวของตนมานั่งตรวจงานแทนเช่นนี้? จิ้นอันกล่าวว่านี่อาจจะเป็นการทดสอบจากองค์จักรพรรดินีก็เป็นได้ แต่หนิงหลงกลับรู้สึกว่าท่านแค่อยากจะหาคนดูงานที่ไว้ใจได้ก็เท่านั้นเอง


                    “อึก...อืม”


                    ทว่าในยามนี้ไม่ใช่เธอคนเดียวที่ตื่น คนที่หลับอยู่ข้างกายเธอก็ตื่นด้วยเช่นกัน ซูฮวาขยับกายใต้ผ้าห่มเมื่อสายตาของเขาลืมตื่นขึ้นเขาก็ได้เห็นเสี้ยวหน้าที่งดงามของสตรีที่หลับเคียงกายเขา


                    หนิงหลงหันมาทางซูฮวาเพราะรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหว หนิงหลงยิ้มต้อนรับรุ่งเช้าให้เขาบางๆ ซูฮวาแก้มระเรื่อแดงเล็กน้อย แล้วรีบลุกขึ้นมาจัดทรงผมให้เรียบร้อยก่อน เขาตั้งใจว่าจะตื่นก่อนองค์หญิงแล้วแท้ๆ ต้องให้องค์หญิงได้เห็นสภาพที่ไม่น่ามอง เส้นผมของเขาแม้จะชี้ฟูเล็กน้อยแต่ต่อหน้าองค์หญิงเขาก็อยากจะดูงดงามอยู่ตลอดเวลา


                    “ตะ..ตื่นแล้วหรือขอรับ องค์หญิง”ซูฮวาสางผมตัวเองเบาๆแล้วเหลือบมองมายังสตรีข้างกาย


                    “อื้ม เมื่อคืนเจ้าหลับสบายดีรึเปล่าซูฮวา?”


                    “ขอรับ ได้อยู่เคียงองค์หญิงแล้ว ข้าก็รู้สึกสบายใจไม่ว่าเมื่อใดขอรับ”


                    “...ชะ..เช่นนั้นหรือ?”


                    แม้แต่ซูฮวาที่เป็นคนพูดเองยังรู้สึกเนียมอาย หนิงหลงที่เป็นคนฟังก็รู้สึกขัดเขินไม่แพ้กัน แม้เมื่อคืนจะจบลงด้วยความผิดพลาดของเขาก็ตาม ซูฮวาลุกขึ้นมาหวีผมช้าๆส่วนหนิงหลงก็ขยี้เส้นผมตัวเองเบาๆ


                    “องค์หญิง ข้าจะหวีผมให้ท่านนะขอรับ”ซูฮวาลุกขึ้นจากเก้าอี้และเอ่ยเชิญอง๕หญิงมานั่งแทนเขา


                    “อา...ขอบคุณนะ ต้องลำบากเจ้าซะแล้ว”


                    “..ลำบากอะไรกัน!


                    หนิงหลงเพียงหยอกล้อซูฮวาเล่นเท่านั้น แต่เธอก็เดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้แต่โดยดี ซูฮวาจับเส้นผมของหนิงหลงขึ้นอย่างเบามือ สัมผัสนุ่มลื่นที่ประสานกับปลายหวีมันช่างสบายมือยิ่งนัก ซูฮวาเห็นเส้นผมสีดำประกายครามอันโดดเด่นงดงามที่อยู่ในมือของเขา มันยากเย็นนักที่จะต้องปล่อยมันไป


                    แต่...การที่เขาจะจับเส้นผมขององค์หญิงตามอำเภอใจเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง


                    “เสร็จแล้วขอรับองค์หญิง..”


                    “ขอบคุณ เจ้านี่มือเบายื่งกว่าจิ้นอันเสียอีกนะ”


                    หนิงหลงหยิบเอาเสื้อนอกขึ้นมาสวมจากนั้นก็ชวนซูฮวาทานข้าวเช้าด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับตำหนักของเขา หนิงหลงไม่ได้ขัดข้องอะไรหากซูฮวาจะอยู่ที่นี่ แต่การที่เธอให้เขาอยู่ที่ตำหนักของตนเองนานเกินไปอาจจะทำให้ผู้อื่นครหาไม่ดีเกี่ยวกับตัวเธอก็ได้ เธอไม่ได้มีนายสนมแค่คนเดียว แม้จะไม่ได้เป็นนายสนมที่มาจากความตั้งใจของเธอ แต่การที่เธอให้ใครคนใดคนหนึ่งมาอยู่ที่ตำหนักของตนเองนานๆ ขุนนางท่านอื่นที่เป็นผู้ปกครองของนายสนมอีกสามคนอาจจะไม่พอใจเอาได้ เรื่องนี้แม้แต่ซูฮวาก็ยังเข้าใจ


    อาหารเช้าส่วนใหญ่ของหนิงหลงมักจะเป็นอาหารอ่อนๆ ยิ่งวันนี้ซูฮวามาพักด้วยหนิงหลงจึงต้องจัดสำรับพิเศษที่เหมาะสำหรับคนที่รักรูปร่างของตนเองมากมาด้วย อาหารเช้าที่อุดมไปด้วยผักและไขมันน้อย บางทีอาจจะถูกใจเขาอยู่บ้าง แม้จะขัดกับความชอบของเธอไปก็ตาม


    “องค์หญิง ปกติท่านชอบทานผักเยอะๆแบบนี้ด้วยหรือขอรับ?”


    ซูฮวานั่งบนเก้าอี้อาหารแล้วมองไปยังโต๊ะอาหารที่มีผักต้มนานาชนิดกับข้าวสวยร้อนๆ นอกนั้นก็เป็นอาหารที่ทำจากปลา เขามักจะกินแบบนี้อยู่บ่อยๆเพื่อนรักษาหุ่นแต่นายกำนัลของเขามักจะบอกว่าอาหารแบบนี้คนอื่นๆไม่ค่อยทานนักเพราะมันจืดและไร้รสชาติ


    “ไม่บ่อยครั้งหรอก ครั้งนี้เป็นพิเศษเพราะเจ้ามาค้างด้วยยังไงล่ะ”หนิงหลงนั่งกับเก้าอี้แล้วยิ้มบางๆที่มุมปาก


    “...เพราะข้า?”


    “เจ้ามาค้างที่ตำหนักข้าครั้งที ข้าก็อยากให้เจ้าได้ทานอะไรเหมือนกับตอนที่อยู่ตำหนักเจ้าก็เท่านั้นเอง”


    “องค์หญิง...”


                    หัวใจของเขาพองโตขึ้นเมื่อรู้ว่าองค์หญิงใส่ใจเขาถึงขนาดนี้ องค์หญิงยอมกินอาหารจืดเพื่อเขาเช่นนี้..!


                    ...หากว่าไม่นับเรื่องเมื่อคืนแล้วล่ะก็ เขาก็พอใจตื้นตันใจได้อยู่หรอก


                    เวลาผ่านไปไม่นานนักจิ้นอันก็เข้ามาทักทายซูฮวาอย่างนอบน้อม วันนี้หนิงหลงตื่นเช้ากว่าปกติจิ้นอันก็แปลกใจอยู่บ้างแต่เพราะเมื่อคืนมีซูฮวามาค้างคืนหากว่ากันตามปกติแล้วคงไม่น่าจะได้ตื่นเช้าแบบนี้ เว้นเสียแต่เมื่อคืน...ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลย


                    ถ้าเป็นองค์หญิงหนิงหลงล่ะก็คงไม่แปลกเท่าไหร่หรอก มีคนงามล่มเมืองสองคนผลักกันมาค้างห้อง และจบที่เช้ารุ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนที่จะทำแบบนี้ได้ก็คงมีแต่องค์หญิงหนิงหลงคนเดียวนั้นแหละ


                    หนิงหลงเดินออกไปส่งซูฮวากลับตำหนักหลังทานอาหารเช้าเสร็จ เมื่อท้องอิ่มแล้วงานก็ต้องเดินต่อ หนิงหลงเข้าห้องทำงานไปจัดการกับเอกสารในวันนี้ในขณะที่จิ้นอันก็คอยรายงานถึงกำหนดการของวันให้เธอฟังไปด้วย


                    “องค์หญิงเพคะ บ่ายนี้มีคำเชิญจากองค์หญิงลำดับที่สามเชิญท่านไปดื่มชาที่ตำหนักพยัคฆ์ขาวเพคะ”จิ้นอันยื่นจดหมายลงที่โต๊ะทำงานของหนิงหลงเบาๆ


                    “น้องสามกระนั้นหรือ? จะใช่เรื่องที่หอนายโลมรึเปล่า?”


                    “ข้าคิดว่าใช่เพคะ คิดว่าอย่างน้อยก็คงจะสังเกตเห็นข้า แต่ไม่รู้จุดประสงค์จริงๆที่เชิญไปตำหนักเช่นนี้ ท่านจะตอบรับไหมเพคะองค์หญิง”


                    “....อืม ข้าก็คงต้องไปนั่นแหละนะ ก็เป็นน้องสามนี่”


                    หนิงหลงไม่คิดว่าสงสัยอะไรในตัวน้องของตนเอง อย่างน้อยๆก็คงไม่สามารถทำร้ายเธอได้ ยิ่งส่งคำเชิญมาเช่นนี้ก็หมายความว่าน้องสามต้องการแสดงถึงความเป็นมิตร และอยากพูดคุยเสียมากกว่า


                    แต่อย่างไรเสียก็ประมาทมิได้...


                    “องค์หญิงเพคะ องค์หญิงลำดับที่สามเป็นคนที่เข้าถึงยาก ข้าคิดว่าควรพาองค์รักษ์ไปอย่างเปิดเผยเพื่อก้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิดจะดีกว่านะเพคะ”จิ้นอันเสนอความเห็น ในบรรดาองค์หญิงทั้งสี่จิ้นอันคิดว่าคนที่สมควรระวังตัวที่สุดเป็นองค์หญิงสาม เพราะด้วยท่าทางนิ่งเงียบจนไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ อาจจะคิดอะไรที่เกินการคาดเดาก็เป็นได้


                    “แค่สองคนก็พอนะ ข้าไม่อยากให้น้องสามต้องรู้สึกว่าข้าไม่ไว้ใจนาง”


                    “เพคะ..แล้วก็ ถึงนี่จะไม่ใช่เรื่องที่สำคัญอะไร แต่ข้าได้ยินข่าวที่มีมูลความจริงมา..”


                    “หืม? มีอะไรหรือ”


                    ข่าวจากจิ้นอันอย่างนั้นหรือ? ช่างเป็นคนที่ไวต่อข่าวลืมในวังเสียจนน่าชื่นชมยิ่งนัก หนิงหลงวางเอกสารในมือแล้วหันมาตั้งใจฟังที่จิ้นอันจะกล่าว


                    “องค์หญิงหลิ่งเฟินมีนายสนมที่แต่งตั้งอย่างเป็นทางการอยู่แล้วสองคนเพคะ ทว่านายสนมขององค์หญิงหลิ่งเฟินทั้งสองเป็นฝาแฝดจากหอนายโลมที่ถูกทำรายไป เป็นข้อครหากันอย่างมากเลยทีเดียว เพราะองค์หญิงลำดับที่สามปฏิเสธไม่รับหมั้นจากจุนนางขั้นผู้ใหญ่ ทำให้ขุนนางท่านนั้นไม่พอใจอย่างมาก องค์จักพรรดินีจึงสั่งลงโทษขึ้นหนัก ไม่ให้องค์หญิงหลิ่งเฟินเข้าร่วมงานเลี้ยงของราชวงศ์นานสามปี...”


                    “นี่เป็นเรื่องที่เกิดมาสองปีแล้วมิใช่หรือ?”หนิงหลงขมวดคิ้วแน่น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนรับรู้กันไปทั้งวังหลวง


                    “เพคะ แต่ว่า ข้าได้ข่าววงในมาว่าองค์หญิงหลิ่งเฟินนั้นแทบมิได้ออกจากตำหนัก ว่ากันว่าองค์หญิงลำดับที่สามหมกวุ่นอยู่กับนายสนมสองคนนั้น มีข่าวลือหนาหูว่านายสนมที่องค์หญิงเก็บว่ามาปีศาจบ้างก็ว่าองค์หญิงหมดวุ่นนายโลมมากเกินไป  รึไม่ก็...วางแผนอะไรบางอย่างอยู่ ข้าคิดวิ่ย่างท้ายน่าจะมีความเป็นได้ได้สูงเลยเพคะ หลังจากที่ได้เห็นองค์หญิงหลิ่งเฟินที่หอนายโลมแล้ว”


                    “อื้ม ก็มีความเป็นไปได้”


                    “...องค์หญิง ในงานเลี้ยงมีเพียงองค์หญิงสามที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมงาน ในตอนที่เรายังไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ปองร้ายท่าน ทุกคนคือผู้ต้องสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ระบุที่อยู่ตนเองไม่ได้”


                    “....ข้ารู้”


                    ในงานเลี้ยงที่หนิงหลงถูกวางยา มีเพียงองค์หญิงลำดับที่สามที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด แต่ก็ไม่มีใครสาวเรื่องไปถึงเธอได้เพราะเธอกำลังต้องโทษห้ามเข้าร่วมงานเลี้ยงราชวงศ์อยู่ ในตอนแรกหนิงหลงคิดว่าน้องสามไม่มีทางทำเรื่องเช่นนั้นได้ มันไม่ใช่นิสัยโดนส่วนตัวของน้องสามเลยสักนิด แต่หากจะเป็นนาง...ก็มิใช่ว่าจะไม่มีทาง


                    เฮ้อ...เรื่องเก่ายังไม่หายก็มีเรื่องใหม่เข้ามาให้ปวดหัว


                    หนิงหลงยกเอกสารขึ้นมาตรวจต่อจากนั้นก็ถอนหายใจออกมายาวๆ...เมื่อไหร่จะจบสักทีนะ


                    ทั้งเรื่องยาพิษ แล้วก็เอกสารพวกนี้ด้วย...


     


                    ณ ตำหนักพยัคฆ์ขาว


                    นายกำนัลคนหนึ่งได้เดินขึ้นมาอย่างเงียบๆพร้อมจดหมายฉบับหนึ่งในมือ เขายืนอยู่ตรงหน้าห้องนอนห้องหนึ่งพร้อมกับกลืนน้ำลายเข้าไปอึกใหญ่ นายกำนัลคนนั้นสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆก่อนจะเคาะประตูเบาๆสองครั้ง


                    ก๊อก ก๊อก!


                    “...เข้ามา”


                    เสียงของสตรีผู้หนึ่งได้อนุญาตเขาก็เปิดประตูเข้าไปอย่างช้าๆ...


                    “..อะ...องค์หญิงหลิ่งเฟินขอรับ ข้านำจดหมายตอรับจากองค์หญิงหนิงหลงมาให้”เสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อยใบหน้าของเขาก้มมองลงไปกับพื้นไม่กล้าสบตาใคร


                    “มาใกล้ๆสิ แบบนั้นข้าจะรับจดหมายได้อย่างไร ที่พื้นมีอะไรน่าสนใจอย่างนั้นหรือทำไมไม่มองข้า?”


                    “...ปะ...เปล่าขอรับ!


                    นายกำนัลคนนั้นรีบเงยหน้าขึ้น และเมื่อนั้นเขาก็ได้พบ..กับสตรีท่านหนึ่งผู้แม้จะยังเยาว์วัยแต่ก็งดงาม ใส่เสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยเล็กน้อยเผยผิวที่สะอาดผุดผ่อง เส้นผมดำสนิทแก้มแดงระเรื่อธรรมชาติ ข้างกายของเธอขนาบไว้ด้วยสองหนุ่มที่งดงามสวมเสื้อผ้าสีขาวท่อนบนแทบจะไม่ปกปิดอันใด ใบหน้าของครั้งคู่เหมือนกับราวกับแกะพิมพ์เดียวกันมา


                    “อุหุหุ เจ้าคงเพิ่งมาใหม่สินะท่าทางไม่คุ้นหน้าเลย องค์หญิง ข้าว่าให้ข้าไปรับจดหมายแทนท่านดีไหมขอรับ?”ชายผู้งดงามคนหนึ่งเอ่ยขึ้น เขาเอียดกายเข้าไปใกล้องค์หญิงอย่างแนบชิด


                    “นี่เป็นจดหมายของท่านพี่หนิงหลง ข้าให้คนอื่นมารับแทนไม่ได้หรอก”องค์หญิงหลิ่งเฟินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแล้วมองไปยังนายกำนัลที่ยืนตัวสั่นไปด้วยความเขินอาย


                    “แหม...องค์หญิงนี่ใจร้ายจังเลย นายกำนัลคนนั้นตัวสั่นไปหมดแล้วแท้ๆ คิกๆ”ชายงามอีกคนหนึ่งเอียงเข้าไปกระซิบที่ข้างหูขององค์หญิงสามเบาๆ



                    “ขะ...ข้า...ข้าน้อย..ขอตัวลาก่อนขอรับ!!


                    นายกำนัลผู้นั้นรีบวิ่งเข้าไปมอบจดหมายที่มือขององค์หญิงจากนั้นก็รีบวิ่งออกไปด้วยความเร็วเหนือแสง นี่ใกล้จะเลยเวลาเช้าไปแล้ว พวกเขายังไม่เลิกระเริงรักกันอยู่อีกหรือ!?


                    องค์หญิงสาม...เป็นคนหมกวุ่นในกามาอารมณ์จริงๆรึนี่!!?


    =====================================================================

    กลับ มา แล้ววววว!!!

    เย้!!!

    ในที่สุดเราก็แต่งเรื่องนั้นจบแล้ว คราวนี้จะกลับมาแต่งเรื่องนี้ยาวๆเลยค่าาาา!!

    หะ!! อะไรนะ!! หาบไปนานเกิน เรามีภาพมาด้วยนะ โอ๋ๆ อย่างเพิ่งงอนกัน



    คงไม่ต้องทายเนอะ รู้กันอยู่ว่าใคร 555555555555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×