คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : บทที่ 10 บ่อน้ำร้อน
บทที่ 10
บ่อน้ำร้อน
“สุขภาพขององค์หญิงไม่มีอาการที่น่าเป็นห่วงแล้วเพคะ”
หญิงสาวที่แต่งกายด้วยชุดทางการสีขาวที่ตราสัญลักษณ์กระต่ายสีทองพิมพ์อยู่ที่แขนเสื้อของ
เธอเป็นหญิงสาวที่หน้าตามีภูมิฐานแต่ก็ไม่ใช่เพียงหน้าตาของเธอเท่า นั้นผู้นี้คือแพทย์ที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับการบรรจุเป็นแพทย์หลวง
ก่อนจะถึงเวลาเย็นเธอมีนัดตรวจสุขภาพกับหมอหลวงคนนี้ตามกำหนดที่จิ้นอันวางมาให้
ความจริงแล้วหนิงหลงก็รู้ว่าตอนนี้ร่างกายแข็งแรงกว่าตอนแรกที่มาที่นี่ไม่มีแม้กระทั่งอาการปวดหัวรึเจ็บปวด
“อย่างไรก็ตาม...แม้ตอนนี้จะไม่มีสิ่งใดต้องกังวลแต่ยาพิษมักมีผลข้างเคียง
เมื่อใดที่ร่างกายรู้ไม่สึกปกติขอองค์หญิงโปรดบอกข้าทันที”แพทย์หลวงคำนับให้แก่องค์หญิงที่นั่งอยู่
ณ เตียงบรรทมในห้องส่วนตัวอย่างนอบน้อม
ภายในห้องบรรทมส่วนตัวของหนิงหลงตอนนี้มีเธอกับจิ้นอันที่ยืนอยู่ข้างๆเตียงและผู้ติดตามของแพทย์หญิงที่เป็นสตรีในชุดแพทย์ฝึกหัดสีขาวขอบเขียวอยู่ภายในห้อง
“ข้าเข้าใจแล้ว
ขอบคุณท่านมากท่านแพทย์หลวง”หนิงหลงพยักหน้าเบาๆ
“เป็นเกียรติยิ่งนักที่ได้รักษาท่าน
องค์หญิง เช่นนั้นแล้วข้าต้องขอตัว..”
“จิ้นอันไปส่งท่านแพทย์หลวงทีสิ”
“เพคะองค์หญิง”
จิ้นอันโค้งคำนับให้กับแพทย์หลวงแล้วเดินนำเธอและเหล่าผู้ติดตามที่สองสามคนไปที่ประตูห้อง
ทว่าในตอนนั้นเองก็เกิดมีเสียงเอะอะโวยวายดังมาลอยมาจากทางเดินนอกห้องบรรทม
ตึก ตึก ตึก!!
“ฝะ...ฝ่าบาทโปรดใจเย็นลงเถอะเพคะ!!”
“ฝ่าบาท!!”
“อย่าห้ามข้า! ครั้งนี้เจ้าห้ามข้าไม่ได้อีกแล้ว!!”
ข้างนอกเสียงดังอะไรกัน?
หนิงหลงลุกขึ้นจากเตียงเพื่อตรวจสอบให้แน่ชัด
แต่ในวินาทีนั้นเองที่ประตูห้องอยู่ๆก็เปิดขึ้นเองพร้อมกับร่างสูงของใครคนหนึ่งเข้าโผล่กอดเธอจนเกือบล้ม!
ปึง!
“หนิงหลง..! หนิงหลงของพ่อ!”
“อะ..เอ๊ะ! เสด็จพ่อ!!?”
ร่างของบุรุษที่สูงกว่าหัวของเธอไประมานหนึ่งคืบ
เขามีใบหน้าที่สดใสดั่งดวงตะวันและมีผิวที่ขาวดั่งหิมะ
เส้นผมของเขาเป็นสีเดียวกับสีผมของหนิงหลงแต่เส้นผมยาวเพียงต้นคอเท่านั้น
เธอเคยจำได้ว่าเขามีเส้นผมยาวกว่านี้อาจจะยาวพอๆกับตัวเธอเลยด้วยซ้ำไป
เขาคือพระบิดาขององค์หญิงหนิงหลง หลี่หมิง
“เสด็จพ่อ..เหตุใดจึงมาไม่บอกกล่าวลูก”
“พ่อได้ข่าวเมื่อวานนี้ว่าลูกแข็งแรงดีแล้วก็เลยรีบกลับมาจากวัดเพื่อมาดูเจ้าอย่างไรล่ะ”
หนิงหลงพาพระบิดาไปนั่งที่ขอบเตียงในห้องช้าๆ
แม้เธอจะมีความทรงจำเกี่ยวกับพ่อคนนี้ไม่มากนักแต่ข้อมูลเก่าในหัวก็บอกว่าเขาเป็นคนที่เป็นห่วงเป็นใยหนิงหลงมากกว่าใคร
ในวันที่เธอตื่นขึ้นมาและทรมานกับอาการปวดที่ไม่รู้สาเหตุ
ตอนนั้นเธอก็ได้เห็นชายคนนี้ยืนส่งเสียงดังอยู่ภายในตำหนัก
‘ปล่อยข้านะ!! ข้าจะไปหาหนิงหลง ปล่อยข้า!!’ เขาดิ้นรนทั้งๆที่ถูกเหล่าข้าบริวารรั้งตัวเอาไว้
‘ได้โปรดใจเย็นเถิดเพคะฝ่าบาท
ตอนนี้ยังเข้าใกล้องค์หญิงไม่ได้นะเพคะ!!’
‘หนิงหลง!!’
หลังจากนั้นเธอก็จดจำสิ่งใดไม่ได้อีก แม้ว่าหลังจากนั้นเธอจะได้ข่าวคราวจากจิ้นอันว่าเขาไปปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดบนเถือกเขาแถวชานเมือง
“เสด็จพ่อเป็นเช่นไรบ้าง
ข้าได้ยินว่าท่านไปปฏิบัติธรรมที่วัดอย่างกะทันหัน ท่านลำบากรึไม่?”
“พ่อไม่เป็นอะไรหรอก
หลังจากวันที่เจ้าล้มป่วยเพราะยาพิษพ่อก็ไม่อาจนอนหลับได้ลงเลยแม้สักวันเดียว
พ่อจึงตัดสินใจไปขอพรต่อพระแม่ศักดิ์สิทธิขอเพียงช่วยให้เจ้าปลอดภัยลำบากแค่ไหนพ่อก็จะทำ”
ผู้เป็นพ่อลูบตรงขมับศีรษะของเธอเบาๆด้วยรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยน
หนิงหลงนั้นไม่มีความรู้สึกครั้งก่อนกับชายคนนี้แต่การกระทำที่แสดงถึงความห่วงใยนี้ก็ทำให้เธอยิ้มตอบรับด้วยความยินดี
“..เสด็จพ่อเดินทางมาตั้งแต่เมื่อวานคงเหนื่อยมาก
ให้ลูกรินชาให้เถอะเพคะ”
“หนิงหลง
แต่ร่างกายของลูกไม่เป็นอะไรแล้วใช่รึไม่?”
“ลูกสบายดีเพคะ
ตอนนี่ลูกหายดีแล้วแพทย์หลวงก็เพิ่งเข้ามาตรวจดูเมื่อครู่”
เธอลุกเดินไปที่ชุดน้ำชาที่อยู่ตรงโต๊ะทานข้าวกลางห้อง
ในกาน้ำชายังคงมีชาอุ่นอยู่ภายในเธอจึงรินมันใส่แก้วใบใหม่แล้วยื่นให้พระบิดา
“เห็นลูกกลับมาเดินได้แบบนี้พ่อก็โล่งใจ
แต่พูดแล้วพ่อก็ยังเจ็บใจไม่หาย...ใครกันนะที่กล้าทำเรื่องแบบนี้! จนถึงตอนนี้ก็ยังจับคนผิดไม่ได้!
ช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก”เขาจิบชาที่ขอบเบาๆแล้วใบหน้างามก็ขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยอารมณ์ไม่พิงใจ
“นั่นสินะเพคะ
เสด็จพ่อเองก็ต้องระวังตัวในช่วงนี้ให้มากๆ
เพราะคนร้ายอาจจะย้อนกลับมากระทำการเช่นเดิมอีกก็ได้นะเพคะ”
แต่หากคนร้ายได้วางแผนที่จะวางยาพิษในพิธีกรรมมาอย่างดีแล้วล่ะก็มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะใช้แผนเดิม
เมื่อการวางยาล้มเหลวแน่นอนว่าจากนั้นอาหารทุกจานที่จะส่งมาสำรับจะต้องถูกตรวจอย่างละเอียดมากกว่าเดิม
การใช้แผนเดิมมันเสี่ยงที่จะถูกจับได้เกินไป
และที่สำคัญเธอยังคิดไม่ตกว่าจะมีคนนอกเข้ามาที่นี่ได้อย่างไรโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตห้องอาหารแล้วด้วย
....งั้นก็แสดงว่าคนร้ายเป็นคนฝ่ายใน?
นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้หากเป็นฝ่ายในไม่มีทางที่จะจับไม่ได้จนลอยนวลมานานได้ขนาดนี้...
“ลูกมิต้องห่วงพ่อหรอก
ห่วงตนเองให้มากแล้วก็อย่าหักโหมตัวเองด้วยล่ะ พ่อเป็นห่วงเจ้าเรื่องนี้จริงๆนะ
เจ้าน่ะ...”
จากนั้นเขาก็พ่นคำบ่นว่าเธอเป็นพวกชอบหักโหมเรียนรู้จนมากเกินไปย้อนความจนเธอเกือบจะรู้ชีวิตของหนิงหลงไปครึ่งหนึ่งของทั้งหมด
แต่แม้เขาจะบ่นเธอมากเพียงใดสิ่งที่เธอรู้สึกจากคำพูดมากมายเหล่านั้นมีเพียงความห่วงใยจากพ่อคนหนึ่งมิใช่เพียงแค่ความสัมพันธ์ฉันผู้ปกครองธรรมดา
จนกระทั่งตะวันเกือบตกดินเธอเดินออกมาส่งเสด็จพ่อที่ด้านหน้าตำหนักที่พร้อมกับเหล่าผู้ติดตามของเขา
จากนั้นก็กลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมไปหาซูฮวาตามสัญญา..
...รู้สึกไม่ค่อยอยากไปเลย
ในขณะที่เปลี่ยนชุดและเตรียมสัมภาระไปบ่ออาบน้ำ
ความจริงแล้วเธอสามารถให้นายกำนัลเป็นผู้จัดการได้แต่ขอส่วนตัวของเธอจะให้ใครอื่นมาจัดให้แถมอีกฝ่ายยังเป็นผู้ชายอีกเธอก็รู้สึกแปลกๆขึ้นมาเลย
สำหรับที่นี่มันอาจจะปกติแต่กับสาวยุคใหม่แถมยังโสดมาทั้งชีวิตอย่างเธอมันชวนให้ไม่สบายใจเอาเลยสักนิด นี่ยังไม่รวมการมีผู้ติดตามที่ทำให้รู้สึกอึดอัดมากกว่าเดิม
แต่มันคือธรรมเนียมของที่นี่ยังไงก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ...
เพราะบางครั้งก็จำเป็นต้องมีผู้ติดตามไปจริงๆการเอาตัวไปขวางโลกรังแต่จะยิ่งเจ็บตัว
ก๊อก ก๊อก!
“องค์หญิงเพคะ ข้าได้ตามนายกำนัลมาแล้วเพคะ”
“ขอบใจมากจิ้นอัน”
คนสนิทของเธอเคาะประตูเบาๆแล้วส่งเสียงมาจากนอกห้องนอน
เมื่อก่อนหน้านั้นเธอได้ส่งจดหมายขอโทษไปหาจินหลันอย่างนอบน้อมที่สุดผ่านจิ้นอันไป
เธอเป็นฝ่ายผิดสัญญาเองแม้จะเพราะเหตุผลทางเทคนิคแต่ผิดสัญญาก็คือผิดสัญญา
หนิงหลงเดินออกมาจากห้องพร้อมตะกร้าเสื้อผ้าข้าวของจำไปที่เธอจัดมาเอง
จิ้นอันและเหล่านายกำนัลอีก 5 คนโค้งคำนับเมื่อเห็นเธอเดินออกมา
หนึ่งในนั้นยังมีซิ่วเหว่ที่เอาแต่ก้มหน้าแต่ก็ยังช้อนตาขึ้นมามองเธอบ้างเล็กน้อย
“ข้าฝากเจ้าถือไปให้ข้าทีนะ”หนิงหลงยื่นตะกร้าให้กับเขา
แต่ซิ่วเหว่ก็ได้ทำท่าประหม่าเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือออกมารับไปอย่างช้าๆ
“ขะ..ขอรับ”
“จิ้นอันข้าอยากจะแวะไปหาจินหลันเสียหน่อย..”องค์หญิงหันไปหาคนสนิท
“ได้สิเพคะองค์หญิง”
เมื่อผ่านความเห็นชอบจากคณะขุนแล้วพวกเขาทั้งหมดก็มุ่งหน้าไปหาจินหลันก่อนไปที่บ่ออาบน้ำ
หนิงหลงและผู้ติดตามก้าวเท้าไปอย่างสม่ำเสมอ
ตอนนี้ยังเป็นเพียงเวลาเย็นเกือบค่ำท้องฟ้าอยู่ระหว่างสีส้มและสีม่วงอากาศวันนี้แม้ตอนกลางวันจะอบอุ่นแต่อากาศตอนเย็นนั้นเริ่มหนาวขึ้นมาบ้างไม่แน่ว่าตอนกลางคืนอาจจะหนาวยิ่งกว่านี้ก็เป็นได้
“พวกเจ้ารออยู่ตรงนี้
ข้าจะเข้าไปครู่เดียว”
เธอให้สัญญาณแก่ผู้ติดตามเมื่อมาถึงตำหนักของจินหลันแล้วเดินเข้าไปที่นั่นเพียงคนเดียว
จุดประสงค์ที่มาที่นี่เพียงแค่อยากมาบอกกล่าวเขาด้วยตนเองเท่านั้น
หากส่งเพียงแค่จดหมายก็คงไม่อาจแสดงความจริงใจของเธอได้หมด
แถมลึกๆหนิงหลงเองก็รู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย
หากรู้ว่าจะมีธุระอื่นเข้ามาแทรกเช่นนี้ก็คงจะไม่รับปากเอาไว้ว่าจะมา
จินหลันมักจะอยู่ตามที่เงียบๆหากเขาไม่ได้อยู่มนห้องก็มักจะอยู่ในสวนหรือไม่ก็...
อ้ะ...จินหลัน
ในขณะที่เธอกำลังคิดว่าจะไปที่ศาลาประจำตำหนักเธอก็พบกับเป้าหมายที่กำลังนั่งขัดกู่เจิงอยู่ตรงศาลาพอดี
จะให้ตะโกนเรียกจากตรงนี้ก็คงไม่เหมาะหญิงสาวจึงเดินข้ามสวนและเดินไปหยุดอยู่ที่ด้านหลังของเขา
“จินหลัน..”
“อะ..! องค์หญิง!?”
อยู่เสียงที่อ่อนหวานของหญิงสาวที่เขาคุ้นเคย
เขารีบหันกลับไปจนกู่เจิงเกือบจะตกจากขายังดีที่เขาจับมันไว้ได้ทันและนำมันไปวางที่โต๊ะทันที
“องค์หญิงท่านไม่ได้...ไปที่บ่ออาบน้ำหรือขอรับ?”เขาลุกขึ้นไปหาเธอด้วยแววตาร้อนรน
ก็เธอเกิดมาในเวลาที่เขาไม่คาดคิดเช่นนี้จะตกใจก็คงไม่แปลก
“ข้ากำลังจะไปน่ะ
แต่ว่า...พอมาคิดอยู่แล้วข้าอยากจะมากล่าวคำขอโทษด้วยตัวเองแทนที่จะเป็นจดหมาย”
“แค่จดหมายก็เพียงพอแล้วขอรับ!
เพียงท่านใส่ใจข้ากับเรื่องเล็กน้อยขนาดนี้...ข้าก็มีความสุขแล้วขอรับ”จินหลันโค้งตัวเพื่อแสดงความขอบคุณด้วยรอยยิ้ม
“มะ..ไม่ได้หรอก! ข้าน่ะ...ข้าเป็นฝ่ายผิดสัญญาเชียวนะ!”
“องค์หญิง...นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
ไม่ว่าท่านจะมาเมื่อใดข้าก็พร้อมรับใช้ท่านเสมอ”
“จินหลัน...”
“โปรดอย่าขอโทษข้าเลยองค์หญิง
ข้าเป็นของท่าน...อุทิศกายเพื่อท่าน..”
แววตาของชายหนุ่มหลบเลี่ยงออกไม่ยอมสบตากับเธอ
แต่เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของเขาเธอก็มองเห็นความเศร้าเพียงเสี้ยวหนึ่ง
หญิงสาวที่ผ่านการพบปะผู้คนมามากมายทั้งทางการและไม่ทางการเธอก็รับรู้ได้ถึงอารมณ์ของผู้คนที่สื่อออกมาทางดวงตาได้
ดวงตาที่จำใจยอมรับคู่นั้นไม่ต่างอะไรกับเธอเมื่อครั้งก่อน
จริงสิ...โลกนี้ไม่เหมือนกับโลกเก่าของฉัน
ในโลกนี้เธอเป็นองค์หญิงที่บุคคลระดับสูง...ฐานะของจินหลันเป็นดั่งสมบัติส่วนตัวที่เธอจะทำเช่นไรกับเขาก็ได้
โลกที่ผู้หญิงเป็นใหญ่...มันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมเลย
สุดท้ายแล้วก็ยังมีฝ่ายที่ถูกกดขี่อยู่เสมอ...
“พรุ่งนี้! เวลาน้ำชาตอนบ่ายมาที่ตำหนักของข้าสิ
ข้าอยากจะไถ่โทษ!”บรรยากาศเริ่มจะไม่สู้ดีขึ้นมาแล้ว
หนิงหลงจึงใช้น้ำเสียงที่สดใสกลบเลื่อนมันออกไป
“พะ...พรุ่งนี้หรือขอรับ?”
“เจ้าว่างรึไม่?”
“ขอรับ! ข้าไม่มีธุระอันใด
แต่ว่าท่าน...จะให้ข้าไปทำอะไรหรือขอรับ?”
“หุหุ เจ้ามาเดี๋ยวก็รู้เอง
อย่าลืมเชียวล่ะ”
จินหลันได้แต่กระพริบตาไปกับประโยคที่แฝงที่ความยั่วเย้าเธอไม่รอให้อีกฝ่ายตอบรับคำตอบและเดินออกจากศาลาไปยังจุดที่ผู้ติดตามและจิ้นอันรออยู่
เมื่อเดินไปถึงบ่ออาบน้ำเธอสั่งให้ผู้ติดตามกลับไปยังตำหนักเพราะคืนนี้เธอคงจะไปพำนักที่ตำหนักของซูฮวาหลังอาบบ่อน้ำเสร็จและจึงค่อยมาเมื่อถึงเวลาเช้ามืด
ในตอนแรกเธอมิได้คิดว่ามันเป็นบ่อน้ำร้อนที่ใหญ่มากมาย แต่เมื่อเดินผ่านทางเข้าหินที่ล้อมเป็นกำแพงขนาดใหญ่เหมือนโรงกีฬา
เพียงก้าวขาผ่านก็เห็นกับตาก็สัมผัสได้เพียงแค่ไอร้อนแตะโดนหน้าว่าบ่อนี้เป็นบ่ออาบน้ำที่ใหญ่พอที่จะให้คนนับร้อยลงไปอาบเล่นได้!
ช่างเป็นบ่ออาบน้ำที่หรูหราอะไรอย่างนี้นะ?
แต่ที่นี่มันคือพระราชวังอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
สายตาของเธอสอดส่องบ่อน้ำที่ทำจากหินก้อนใหญ่ที่ใหญ่เกินกว่าเธอคนเดียวจะยกมันได้
ก้อนหินที่เธอเหยียบไปตามทางก็ทำมาจากหินสีขาวที่ดูดซับความร้อนได้อย่างพอดี
เมื่อเท้าสัมผัสก็ไม่รู้สึกร้อนจนเกินไปซ้ำยังอบอุ่นกำลังดีอีกต่างหาก รอบนอกปลูกต้นไม่ที่เหมือนกับต้นบ๊วยปลูกล้อมบ่อน้ำร้อนเอาไว้
ส่วนด้านข้างก็เป็นห้องหับสำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้าและถัดขึ้นมาจากนั้นก็คือศาลาไม้สี่เหลี่ยมที่เอาไว้สำหรับดื่มชา
ผ่านม่านไอน้ำเข้าไปก็จะเห็นเงารางของคนๆหนึ่ง
เส้นผมสีดำยาวลอยอยู่บนผิวน้ำเสื้อคลุมขาวและค่อนข้างโปร่งจนมองทะลุเห็นผิวด้านในที่สีขาวอมชมพูระเรื่อ
แผ่นหลังของชายสุขภาพดีชุ่มไปด้วยน้ำหัวไหล่ที่เปิดออกมาครึ่งหนึ่งยิ่งชวนให้ความคิดกระเจิง
“องค์หญิง...ท่านมาเร็วกว่าที่ข้าคิดเอาไว้เสียอีก”ดวงตาสีมรกตหันมาหาด้วยเสน่ห์ที่เปี่ยมล้ม
“อะ...อื้ม”
ก่อนมาเธอนึกว่าเธอจะรับมือกับเหตุการณ์แล้วผ่านมันไปได้ด้วยดี...
แต่ตอนนี้เขากลับทำให้เธอประหม่าจนต้องกลื่นน้ำลายอีกใหญ่ลงคอ...!!
===========================================================
สนมคนไหนก็งานดี แต่ยังไม่หมดนะคะ
มีใครลงเรือไหนไปแล้วมั่งคะเนี่ยยย
//แต่นี่มันเพิ่งจะ 10 บทเอง
ความคิดเห็น