คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #35 : บทที่ 34 เดินทางออกวังหลวง
บทที่ 34
เดินทางออกวังหลวง
บัดนี้ร่างของเด็กหนุ่มตัวเล็กได้หายไปจากห้องและได้แปลเปลี่ยนเป็นหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับหนิงหลง
เธอมีรูปร่างที่ผอมเพรียวปานต้นไผ่ผิวขาวดั่งหิมะใบหน้างดงามเหมือนกับว่าเทพธิดาได้มาลงเกิดเป็นเธอผู้นี้
เส้นผมสีดำทว่าดวงตาเป็นสีฟ้าสดใสแก้มแดงประหนึ่งกลีบบุปผา
หญิงงามในใต้หล้า...
ตัวตนของมังกรฟ้าตอนนี้ช่างเหมาะสมกับคำๆยิ่งกว่าอะไร
จนทำให้อยากรู้ว่าร่างผู้ชายจะเป็นยังไงไปด้วย...
ไม่...ไม่เด็ดขาด...ไม่ได้
หนิงหลงห้ามปรามตัวเองเพราะหากมีใครเห็นว่ามีชายแปลกหน้าอยู่ในห้องของชื่อเสียงของเธอก็จะยิ่งขจรกระจายไปในแง่ลบ
“ความจริงเจ้าพอใจกับร่างผุ้หญิงมากกว่าสินะ?”มังกรฟ้าขยับคอเสื้อให้พอดีตัวแล้วหันมาจ้องมองหนิงหลงที่นอนกุมท้องที่เตียง
“เพราะมันปลอดภัยสำหรับที่นี่มากกว่าน่ะสิ
แล้วทำไมเจ้าถึงออกมาล่ะ? ข้ายังไม่ได้เรียกเลยนะ”
“เพราะว่าธาตุในกายของเจ้ากำลังเพิ่มขึ้น
พลังของเจ้าร้อนดั่งไฟข้าอยู่ในนั้นมิได้”
หากเป็นยามปกติมังกรฟ้าสามารถอาศัยภายในจิตใจของเธอได้อย่างสบายแต่ทว่าช่างเป็นเวลาที่ไม่ประจวบเหมาะ
เพราะช่วงสามวันนี้คือวันที่ดวงจันทร์เต็มดวงเป็นช่วงเวลาที่พลังจิตของมังกรไหลเวียนอย่างรุนแรงที่สุดและพอดีกับวันแบบนี้หนิงหลงจึงรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าปกติ
“เช่นนั้นหรือ...”หนิงหลงพยายามขยับตัวขึ้นมานั่งบนเตียง
“ข้ารู้ว่าเจ้ามีความตั้งใจที่จะออกไปภายนอกวังหลวง
ทว่าอนาคตที่ข้าเห็นเจ้าจะไม่ได้รับการอนุมัติ”
“หา!? ทำไม...!”
พอได้ยินคำทำนายจากมังกรฟ้าเธอก็ตกใจจนเผลอขยับตัวกะทันหัน
ความรู้สึกปวดที่ท้องก็แล่นเข้าสู่สมองในบัดดลเธอมีใบหน้าที่เหยเกด้วยความรู้สึกปวด
“กองไฟที่ถูกจุดเพียงเล็กๆสร้างความปั่นป่วนแก่เหล่าผึ้ง...”
“กองไฟ....กับผึ้งงั้นเหรอ?”
“ข้าเห็นนิมิตเช่นนี้”
มังกรฟ้ากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบคำพูดดั่งปัญหาเชาที่ต้องให้คนมาแก้จึงจะเข้าใจ
“...ข้าสามารถพาเจ้าไปข้างนอกได้โดยไม่มีใครรู้ในตอนนี้”
“จะ...จริงหรือ!? แต่ข้า...”
“ข้ามีพลังสามารถหยุดการไหลของธาตุสตรีได้ชั่งคราวทว่ามันอาจจะส่งผลหลังจากนั้นเล็กน้อย
ข้าทำให้เจ้าเดินปกติได้หากเจ้ายินยอม”
หนิงหลงหูผึ่งทันทีเมื่อได้ยิน
มังกรฟ้าเสนอตัวจะพาเธอแอบออกนอกวังหรือ?
ทั้งๆที่เป็นเรื่องไม่ควรกระทำแต่ใจของหญิงสาวกลับรู้สึกว่ามันเป็นไปได้
มังกรฟ้าอาจจะมีเหตุผลที่ทำเช่นนี้รึอาจจะเพียงแค่ตอยสนองความต้องการของเธอเท่านั้น?
แต่เรื่องนั้นใครจะสนกันล่ะ!!
“ข้ายอมรับ..!”
เธอตอบไปโดยไม่คิดมาก
มังกรฟ้าคือบุคคลที่ไว้ใจได้ที่สุดสำหรับหนิงหลงแต่ทว่าในตอนนั้นเองที่เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงเรียกของคนสนิท
“องค์หญิงเพคะ
กำลังคุยกับผู้ใดหรือเพคะ?”จิ้นอันที่เพิ่งกลับการจากส่งมอบจดหมายแต่เมื่อเธอได้ยินเสียงขององค์หญิงกำลังพูดคุยกับใครบางคน
ท่าทางเวลาคุยกันดูจะไม่มีอันตรายแต่ทว่าคนๆนั้นก็ยังน่าสงสัยอยู่ดี
“อะ...เอ่อ”
เธอลืมปราการที่สำคัญที่ชื่อจิ้นอันไปได้อย่างไร?
ถ้าเธอจะออกนอกวังไม่มีทางที่จิ้นอันจะไม่รู้หากจิ้นอันทราบว่าเธอจะแอบออกนอกวังไปกับมังกรฟ้า
เมื่อเห็นองค์หญิงของตนเงียบไปนานคิดเป็นกังวลเธอจึงเปิดประตูเข้าไปทันที
และเมื่อเห็นหญิงงามที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ
เธอไม่เคยเห็นผู้ใดงดงามเท่านี้มาก่อนจะว่าเป็นขุนนางก็ไม่เคยเห็นมาก่อนดูจากรูปร่างแล้วคงมิใช่ทหารอย่างแน่นอน
เธอคนนี้....เป็นใครกัน?
“...อะ...เอ่อ จิ้นอัน..นี่คือ มังกรฟ้า”
ปิดไว้กับจิ้นอันไม่นานความก็ต้องแตก
หนิงหลงจึงแนะนำให้เธอได้รู้จักกับมังกรฟ้าในร่างมนุษย์ไปเสียเลย
แต่เมื่อได้รู้ว่าบุคคลตรงหน้าเป็นมังกรฟ้าแล้วจิ้นอันก็พลันร่างกายแข็งทื่อ! สัตว์เทพคู่บ้านคู่เมืองที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นดังตัวตนที่ไม่อาจเอื้อมถึง
บัดนี้มังกรฟ้าผู้นั้นมานั่งอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว..!!
“ขะ..ขอถวายความเคารพท่านมังกรฟ้า”จิ้นอันก้มกราบคารวะกับพื้นต่อหน้าหญิงสาวผู้งดงามคนนี้
“ลุกขึ้น...”
เสียงที่สงบนิ่งเอ่ยขึ้นและเปี่ยมด้วยอำนาจ
จิ้นอันค่อยๆลุกขึ้นอย่างช้าๆและนอบน้อม
ส่วนมากแล้วคอื่นที่นอกจากองค์หญิงจะไม่มีใครได้พบหรือพูดคุยกับมังกรฟ้า
เว้นแต่ครั้งนี้ที่ที่บังเอิญมาในตอนที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่พอดิบพอดี
หวังว่า...จิ้นอันจะไม่ได้ยินเรื่องนั้นหรอกนะ?
เรื่องที่มังกรบอกจะพาเธอออกไปข้างนอกหวังว่าจิ้นอันจะไม่ทันรู้....
“ข้าจะพาองค์หญิงออกไปนอกวัง”
“...!!”
มังกรฟ้า!!? ไปบอกทำไม!!!?
ใบหน้าหวั่นวิตกของหนิงหลงหันสลับไปมาระหว่างมังกรฟ้าและจิ้นอัน
ยิ่งเห็นใบหน้ามึนงงราวกับชนตอไม้ของคนสนิท
มังกรฟ้าเป็นผู้มีรับสั่งมาเอง...นี่คือสารจากฟ้าที่ยากจะปฏิเสธ...
แม้ภายนอกจะอันตรายแต่ในเมื่อมีมังกรฟ้าภัยอันตรายคงไม่น่าเป็นห่วง
เพราะมังกรฟ้าผู้เป็นดั่งเทพเจ้ากล่าวออกมาเอง...มีหรือคนธรรมดาเช่นเธอจะกล้าขัด!
“...เพคะ ท่านมังกรฟ้า
ทว่า...ข้าจะขอติดตามไปด้วย”จิ้นอันยอมอย่างง่ายดายจนหนิงหลงยังตกใจจนตาแตก
“ย่อมได้”
มังกรฟ้าพยักหน้าและทุกอย่างก็เป็นอันตกลง...
นี่ข้าจะคิดมากทำไมล่ะเนี่ย...?
หนิงหลงกวาดสายตาไปด้านข้าง
ถ้าหากให้มังกรฟ้าขออะไรแล้วก็ได้น่าจะให้มังกรฟ้าเป็นฝ่ายขอตั้งแต่แรกเสียก็ดี!
มังกรฟ้าพาทั้งสองออกมาจากประตูวังด้วยพลังในการลวงสายตา
คือหายให้เข้าใจหลักการโดยง่ายคือการล่องหนเดินออกมาอย่างสบายๆโดยไม่มีใครเห็น จากนั้นหนิงหลงก็สวมหมวกสานใบใหญ่ที่ประดับด้วยผ้าบางๆสีขาวห้อยยาวจากหมวกมาถึงหัวเข่าทำให้คนข้างนอกนอกหน้าเธอไม่ชัดซึ่งมังกรฟ้าเองก็สวมหมวกเช่นเดียวกัน
พวกเธอทั้งสามได้รถม้าจากบ้านของจิ้นอันที่จอดรออยู่หน้าพระราชวังเข้าไปยังตัวเมือง
คนสนิทพูดคุยกับคนขับรถม้าว่าเป็นขุนนางที่รู้จักกันเพื่อปกปิดตัวตนของทั้งสอง
รถม้าของจิ้นอันมีขนาดกลางๆไม่ใหญ่มากสามารถนั่งภายในได้สามคนพอดิบพอดีและมีข้างหลังเป็นที่วางสัมภาระ .ใช้ม้าสองตัวในการขับเคลื่อนและคนขับม้าที่เป็นสตรีวัยกลางคนคนหนึ่งชื่อว่า
มู่อิน
เมื่อขึ้นมาที่รถม้าหนิงหลงและมังกรฟ้าก็ถอดหมวกออกเพื่อมิให้เกะกะที่นั่ง
แต่เมื่อมีเสียงเรียกจากคนขับเมื่อใดทั้งคู่จะยกพัดขึ้นมาปิดใบหน้าในทันที
ด้วยพลังของมังกรฟ้าอารมณ์ปวดท้องเมนและการไหลของเลือดหายไปอย่างน่าเหลือเชื่อ
แต่มังกรฟ้ากล่าวว่าเป็นเพียงการหยุดเพียงชั่วคราวเท่านั้นสุดท้ายแล้วเธอจะกลับมาปวดท้องและมีเลือดไหลเช่นเดิม
ภายในเมืองเวลาสายเล็กน้อยเต็มไปด้วยผู้คนคึกคักพอเข้าไปลึกๆในเมืองก็พบบ้านเรือนเต็มสองข้างทาง
บ้างก็เป็นร้านค้าบ้างก็เป็นโรงน้ำชา
ในเวลาธุรกิจโรงน้ำชากำลังรุ่งเรืองมากเรียกได้ว่าผ่านเปิดมากกว่าห้าร้านในหนึ่งทางถนน
อีกทั้งร้านหาบเร่ขายของก็มีให้เห็นอยู่มากมาย
อาณาจักรฉางจินนั้นได้ชื่อว่ารุ่งเรืองแต่เมื่อได้มาเห็นกับตาเธอก็เข้าใจแล้วว่าดินแดนแห่งนี้ช่างเป็นไปด้วยความอุดมสมบูรณ์จริงๆ
ทว่า...
นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมดของอาณาจักร
แต่จะให้เดินไปทุกๆที่ในวันเดียวก็ไม่สามารถทำได้...
“...จิ้นอัน”
“เพคะองค์หญิง”
“หยุดเลยนะจิ้นอัน...เจ้าห้ามเรียกข้าว่าองค์หญิงเดี๋ยวคนอื่นก็รู้หมดหรอก!”
“ขะ...ขออภัยเพคะ”
จิ้นอันยังคงติดเรียกเธอว่าองค์หญิงอยู่สงสัยว่าจะต้องใช้ชื่อใหม่ที่ไม่มีใครรู้ขึ้นมาเสียแล้ว
หนิงหลงจึงเริ่มคิดว่าจะให้จิ้นอันเรียกเธอด้วยนามใดเวลาอยู่ภายนอก
“...อืม เจ้าต้องเรียกข้าว่า เสี่ยวหนิง
และเรียกมังกรฟ้าว่า เสี่ยวหลง เข้าใจไหม?”
“ตะ...แต่ข้าว่าก็ไม่ได้ต่างจากเดิมเสียเท่าไรนะเพคะ?”
ก็แน่ล่ะเพราะคำว่า เสี่ยว
ที่นำมาติดหน้าชื่อเป็นเพียงคำพูดที่แสดงถึงความสนิทสนมส่วนชื่อยังเหมือนเดิมเลย!
“เพียงแค่เจ้าไม่เรียกข้าเต็มชื่อ
และเรียกข้าว่าองค์หญิง ผุ้ใดจะรู้เล่าว่าข้าเป็นใคร? ประชาชนทั่วไปข้าแทบไม่เคยได้เห็น
แล้วประชาชนคนไหนจะจำหน้าข้าได้?”
“...ที่ท่านว่าก็ก็ถูก
เข้าใจแล้วเพคะ เอ่อ...เสี่ยวหนิง กับสะ...เสี่ยวหลง”
จิ้นอันกล่าวชื่อของมังกรฟ้าอย่างยากลำบาก
เธอรู้สึกหนักอกหนักใจเป็นยิ่งนักที่ต้องเรียกสัตว์เทพอย่างสนิทสนมเช่นนี้
เธอไม่ได้ไม่ชอบแต่รู้สึกว่ามันไม่ควรเท่านั้น
“แล้วก็ห้ามมีคำว่าเพคะด้วย
เดี๋ยวชาวบ้านก็เข้าใจผิดหมด”
“ขะ...เข้าใจแล้วเสี่ยวหนิง
แล้ว...เสี่ยวหนิงอยากจะไปที่ไหนเล่า ข้าจะให้มู่อินพาไป”
จิ้นอันรีบทำตัวให้เคยชินตั้งแต่อยู่ในรถม้า
ถึงไม่ถามหนิงหลงก็มีที่ๆเธออยากจะไปอยู่ในใจแล้ว!
การมาครั้งนี้จะไม่มีประโยชน์อันใดหากไม่ได้ไปที่นั่น...!!
“...ข้าอยากไปหอโคมแดง”
“...”
“.....”
เมื่อหนิงหลงบอกถึงสถานที่ที่ปรารถนาทั้งมังกรฟ้าและจิ้นอันต่างก็เงียบกริบไปตามๆกัน
“....ทะ..ทำไม พวกเจ้าคิดอะไร?”หนิงหลงมองทั้งสองว่าเหตุใดต้องทำหน้าแปลกประหลาด?
“ในที่สุดท่านก็เข้าสู่ทางโลกแล้วสินะเพคะ..”จิ้นอันเอาชายเสื้อเช็ดที่หางตาเก็บกลั้นความรู้สึกปิติเอาไว้ไม่อยู่
“หนิงเอ๋อร์น้อยโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว...”มังกรฟ้าเองก็ลูบหัวองค์หญิงเบาๆราวกับเห็นเธอเป็นเด็กๆ
ดะ...เดี๋ยวสิ..!! เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว!!
“ข้าไม่ได้จะไปใช้บริการนะ...!!”
หนิงหลงร้องเสียงดังในรถม้า
เห็นเธอเป็นคนเช่นไรกัน!!
แค่อยากไปดูความเป็นอยู่ของประชาชนที่นั่นเท่านั้นเองนะ..!!
===================================================================
ลองสักครั้งจะติดใจก็ได้นะเสี่ยวหนิงงงงง!!
ในที่นี้ขอเปรียบหอโคมแดงเป็นนางโลมนะคะ เพราะบทบาททางเพศสลับกัน
ไรท์หายไปนานไม่ได้ไปไหน...
ติดสอบค่ะ...ฮืออออออออออ
สอบเสร็จสักที!!!
ความคิดเห็น