ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    องค์หญิงเพี้ยน กับ เหล่านายสนม

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 กลายเป็นองค์หญิง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16.29K
      1.4K
      19 พ.ค. 64

    บทที่ 2

    กลายเป็นองค์หญิง


         หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น...


         วันที่เธอได้ลืมตาตื่นแล้วพบว่าตนเองไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป เธอนอนซมอยู่กับเตียงไปสามวันเต็มโดย สามวันที่ต้องทุกข์ทรมานกับพิษไข้และความทรงจำแปลกผลอมที่พยายามเข้ามาอยู่ในสมอง เธอดึงดันต่อสู้กับมันในวันแรกแต่แล้วเธอก็ต้องยอมแพ้ให้ความทรงจำนั้นรวมเป็นหนึ่งในชีวิตของเธอในตอนนี้ไปแล้ว


         มันทำให้เธอลืมชื่อจริงขอองตัวเองไป...ตอนนี้เธอเรียกแทนตัวเองว่า หนิงหลง องค์หญิงลำดับที่หนึ่งแห่งอาณาจักร ฉางจิน อย่างไม่ขัดเคือง แต่ใจเธอรู้ดีกว่าใครว่านี่ไม่ใช่ชื่อที่แท้จริงของเธอทว่ามันแปลกยิ่งนักที่เธอยังจำความทรงจำเก่าๆขอองตัวเองได้หมดเว้นเสียแต่ชื่อที่แท้จริง


         อาณาจักร ฉางจิน เป็นอาณาจักรที่คล้ายกับประเทศจีนในโลกของเธอมาก ในตอนแรกเธอตื่นตกใจเป็นอย่างมากแต่ความเจ็บปวดขอองความร่างที่เธอได้รับในตอนนั้นมันลบความรู้สึกขัดข้องใจไปจนหมดสิ้น เธอไม่ได้รับความทรงจำของหนิงหลงมาโดนสมบรูณ์ เธอรู้เพียงว่าเธอคือองค์หญิงอันดับหนึ่งทายาทผู้สืบเชื้อสายกษัตริย์ในดินแดนที่ราวกับเวทมนต์แห่งนี้


         ในโลกที่ผิดแปลกแห่งนี้เหล่าผู้คนยกย่องว่าสตรีนั้นเป็นใหญ่เหนือบุรุษ ในโลกที่ผู้หญิงเป็นผู้นำในขณะที่ผู้ชายเป็นดั่งช้างเท้าหลัง ข้าหลวงและตำแหน่งสำคัญในวังต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้นที่จะทำได้


         มันช่างต่างกับโลกที่เธอจากมาเสียเหลือเกิน...


         หากเป็นที่นี่แล้วล่ะก็ เธอก็ไม่ต้องทนเก็บความรู้สึกคับแค้นอีกต่อไป


         ...แต่เหตุใดกันล่ะ?


         เธอกลับรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องเอาเสียเลย..


         “เฮ้อ...ในที่สุดชั่วเวลานรกก็ผ่านไปสักที”


         หนิงหลงในตอนนั้นเธอเรียกตัวเองว่าเช่นนั้นกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนหลังตำหนักมังกรฟ้าที่เธออาศัยอยู่ ที่เป็นเหมือนกับบ้านชั้นเดี่ยวหลังใหญ่ที่แสนหรูหราในแบบขอองจีนโบราณแห่งนี้คือสถานที่ส่วนตัวขององค์หญิงหนิงหลงและคนสนิทรวมถึงนายกำนัลบางส่วน


         ฟังไม่ผิดหรอก...นายกำนัล...


         เพราะที่นี่มันย้อนแย้งกับโลกเก่าของเธอ ไม่มีนางกำนันแต่เป็นนายกำนัลที่คอยทำความสะอาดเหมือนนางกำนัลไม่มีผิด  เธอที่ยังไม่ค่อยชินกับโลกแห่งนี้กลับรู้สึกแปลกประหลาดในใจเป็นยิ่งนักแต่หากในโลกนี้สิ่งเหล่านี้ล้วนปกติทั้งสิ้น!


         คงจะมีเพียงเธอทีผิดเพี้ยนไปคนเดียว...!!


         ...แม้แต่ความทรงจำก็ยังรู้สึกว่ามันขาดๆหายๆไม่ค่อยปะติดปะต่อกันเลย


         หนิงหลงถอนหายใจออกมาแล้วเดินเตะปลายเท้าไปยังก้อนหินสีขาวก้อนเล็กๆในสวนดอกไม้ที่รื่นรมย์แม้ในใจจะว้าวุ่นสักเพียงใดแต่สวนดอกไม้นี้ก็ยังเยียวยาทำให้จิตใจสงบ


         อยากได้ชานั่งจิบที่นี่จริงๆ รอให้ร่างกายฉันหายดีกว่านี้ก่อนเถอะ...


                    เธอหยุดยืนที่พุ่มดอกเบญจมาศแล้วเอามือประคองดอกไม้เอาไว้ในมือเบาๆอย่างนิ่มนวลจากนั้นก้มลงนำปลายจมูกเข้าไปสูดกลิ่นหอมของดอกไม้ช้าๆ ดวงตาทั้งสองพริ้มลงแล้วยิ้มออกมาอ่อนๆเส้นผมดุจแพรไหมคลอที่ข้างพวงแก้มสีชมพูดั่งดอกบ๊วยในฤดูหนาวแรกช่างเป็นภาพที่งามราวกับภาพวาด..


                    เพร้ง!!


                    “..!!


                    ช่วงเวลาที่หนิงหลงกำลังเคลิบเคลิ้มไปกับความหอมรัญจวนของเบญจมาศเสียงชามกระเบื้องก็ดังก้องมาจากระเบียงทางเดินของตำหนัก ดวงตาหนิงหลงหันไปหาต้นเหตุขอองเสียงทันทีเธอก็พบกับหนุ่มน้อยคนหนึ่งอายุรุ่นราว 13-14 ปี ใบหน้าอ่อนเยาว์ดูอ่อนแอและบออออกบางน่าถะนุทนอม เขากำลังมองมาทางนี่แววตาสีหวาดวิตกราวกับกระต่ายตัวน้อยที่กำลังจะถูกหมาป่าจับกิน


                    “อะ...เอ่อ”หนิงหลงเดินเข้าไปหาเขาอย่างช้าๆแต่หากในสายตาของหนุ่มน้อยคนนั้นกลับเห็นเธอเป็นมัจจุราชที่น่ากลัวกำลังเลื่อนตัวมาเข้ามอบความตายให้แก่เขา


                    “ขะ...ข้าน้อยผิดไปแล้ว! ข้าไม่ได้เจตนาจะตั้งใจแอบมองท่านเลยสักนิดพะย่ะค่ะองค์หญิง!! ขะ..ข้าน้อยจะรีบทำความสะอาด...!”นายกำนัลตัวน้อยรีบก้มเก็บเศษกระเบื้องที่แตกละเอียดที่พื้นอย่างรีบร้อน


                    ความจริงแล้วเขาเพียงแค่จะมารับชามข้าวจากห้องครัวที่เก่าแล้วไปเปลี่ยนอันใหม่ความคำสั่งของหัวหน้านายกำนัน แต่ทว่า...ในชั่ววินาทีที่เขาเดินผ่านระเบียงเขาก็พบกับองค์หญิงที่กำลังชื่นชมความงามขอองธรรมชาติ ภาพที่เธอกำลังร่ายรำ(แท้จริงแล้วเธอแค่เดินเตะก้อนหิน)อยู่กลางสวนดอกไม้ มันทำให้เขาต้องหยุดเดินราวกับวิญญาณได้ถูกช่วงชิง เขาเดินไม่ระวังจนสะดุดและเผลอทำชามแตกจนได้!!


                    เขาคนนี้ได้ทรัพย์สินขององค์หญิงพังเสียหายเช่นนี้ นายกำนัลอย่างเขาไม่ว่าจะมีกี่ชีวิตก็ไม่เพียงพอที่จะชดใช้!!


                    แต่ทว่าองค์หญิงหนิงหลงกลับเดินเข้ามาคุกเข่าตรงหน้าเขา ใบหน้าที่ดงงามราวภาพวาดห่างจากเขาเพียงไม่กี่คีบยิ่งทำให้หัวใจของเขาอออกกำลังอย่างหนัก..!!


                    “ไม่ต้องรีบร้อน...หากเศษกระเบื้องบาดนิ้วสวยๆของเจ้าคงเป็นรอยแน่”


                    !!!??


                    หลังจากศึกษาและสังเกตดินแดนแห่งนี้มาสามวันจากคนรอบข้างเพียงอย่างเดียวทำให้หนิงหลงรู้ว่าที่นี่ใช้คำสรรพนามต่างจากโลกของเธอ และเธอต้องคอยเตือนตัวเองตลอดไม่ให้หลุดคำพูดแปลกๆออกไปไม่เช่นนั้นอาจจะถูกมองเป็นคนประหลาดในสายตาพวกเขาก็เป็นได้

                    และด้วยความที่เธอเคนเป็นหัวหน้างานมาก่อนพอเห็นเด็กที่คล้ายจะเป็นเด็กฝึกงานที่งุ่มง่ามแบบนี้มันทำให้ออดเอ็นดูไม่ได้เลยจริงๆ เธอยิ้มแย้มอ่อนโยนเพื่อลดความกังวลของนายกำนัลน้อยคนนั้น


                    ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก!!


                    อา..องค์หญิง ท่านช่างงดงามเสียเหลือเกิน..


                    “อะ...องค์หญิง...”เสียงหัวใจของเขานั้นเต้นแทบไม่ได้จังหวะ เพียงลมปากที่เธอบอกกับเขามันช่างหนาวตรึงใจเสียจนใจของเขาได้ตกเป็นทาสของเธอไปแล้วเกือบครึ่ง!!


                    กึก...!


                    แต่ห้วงภวังค์นี้ก็ต้องถูกทำลายลงด้วยเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่กำลังเดินเข้ามาทั้งหนิงหลงและนายกำนัลก็ต่างจ้องมองไปยังบุคคลนั้นในทันที


                    “ต้องขออภัย ข้ามิได้มีเจตนาที่จะมาขัดจังหวะ...”


                    คนๆนั้นเป็นหญิงสาวที่งดงามแล้วยังมีกายที่สูงโปร่งบรรยากาศภายนอกของเธอทำให้รู้สึกเยือกเย็นและสงบนิ่ง เธอมีเส้นผมสีดำยาวเหยียดหลังแต่มัดเอาไว้อย่างเรียบร้อยด้วยผ้าผูกผมสีน้ำเงิน ดวงตาสีเขียวอ่อนเข้ากับเครื่องหน้าที่ไม่ฉูดฉาดเป็นอย่างดี การแต่งกายก็เรียบร้อยไม่หนักจนเกินไปเธอใส่ชุดจีนโบราณแบบยาวสีขาวน้ำเงินที่เรียบง่ายไม่มีลวดลายใดๆแต่เพียงแค่นั้นหญิงสาวคนนี้ก็งามงดเกินพอแล้ว


                    “ขะ...ขออภัยขอรับ!


                    “ดะ...เดินระวังๆด้วยนะ!


                    เด็กหนุ่มคนนั้นรีบเก็บเศษชามอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งสวนออกไป เขาถูกเห็นในยามที่ใจหวั่นไหวกับองค์หญิงหนึ่งไปแล้ว! ช่างน่าอับอายขายหน้าเสียนี่กระไร! แต่ทว่าองค์หญิงหนิงหลงกลับเป็นห่วงนายกำนัลที่วิ่งออกไปอย่างกระทันเขาจะต้องล้มอีกแน่ๆหากไม่เดินอย่างระมัดระวัง เธอจึงส่งเสียงเตือนเขาไปแต่นั่นทำให้หัวใจของเขาเต้นระรัว


                    “ถวายบังคมองค์หญิงหนิงหลง วันนี้พระวรกายดีขึ้นบ้างรึยังเพคะ?”


                    “ข้าสบายดีขึ้นมากแล้ว จิ้นอัน ขอบใจเจ้ามากที่เป็นห่วงข้า”


                    จิ้นอัน คนสนิทที่อยู่ข้างกายองค์หญิงหนึ่งเสมอไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร เธอเอามือประสานกันข้างหน้าและโค้งตัวเล็กน้อยเพื่อแสดงว่าเคารพต่อองค์หญิง


         เธอเป็นคนสนิทที่เก่งกาจไม่ว่าจะเรื่องราชการรึเป็นที่ปรึกษาชีวิตส่วนตัว เธอเกิดในตระกูลขุนนางระดับสูงในอาณาจักรมีตำแหน่งลูกสาวของเสนาบดีกรมยุติธรรมอันเป็นที่นับหน้าถือตาแม้แต่ในหมู่ขุนนางด้วยกันเอง นอกจากนี้ยังเป็นมิตรสหายที่เหนียวแน่นของหนิงหลงจนได้รับตำแหน่งคนสนิทอีกต่างหาก


                    “เห็นท่านสบายดี ข้าเองก็พลอยมีความสุขไปด้วย”


                    “อย่าพูดอะไรแบบนั้นเลยจิ้นอัน อยู่กันแค่สองคนเราพูดจาตามสบายกันเถอะ”


                    หนิงหลงเดินเข้าไปแตะที่ปลายไหล่ของคนสนิทเบาๆออย่างเป็นกันเอง รอยยิ้มของเธอยิ่งชวนให้หัวใจผ่อนคลายเป็นยิ่งนัก เมื่อจิ้นอันเห็นว่าองค์หญิงนั้นมีสุขภาพที่ดีขึ้นมากจนเดินและยิ้มได้อย่างปกติเช่นนี้เธอก็ยิ้มจนแก้มปริ


                    “หากท่านกล่าวเช่นนั้นข้าก็ขออนุญาตเพคะองค์หญิง”เมื่อจิ้นอันปลดท่าทีเกรงอกเกรงใจต่อหนิงหลงออกไปเธอทั้งสองก็ก้าวเดินไปยังห้องพักในตำหนักอย่างช้าๆ


                    “วันนี้เจ้าได้เอาหนังสือมาให้ข้ารึเปล่าจิ้นอัน?”


                    “เพคะ ข้าได้นำไปวางไว้ที่ห้องให้ท่านแล้ว แต่ไม่เห็นว่าท่านอยู่ก็เลยมาเดินหา อุหุหุ...”


                    จู่ๆจิ้นอันก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆแม้มันจะไม่ได้ดังรึแสดงท่าทีขบขันหากแต่หนิงหลงรู้ว่าคนสนิทของเธอกำลังล้อเลียนเธออยู่เล็กน้อย


                    “หะ...หัวเราะอะไรของเจ้าน่ะจิ้นอัน”


                    “เปล่าเพคะ องค์หญิงดูเปลี่ยนไปมาก ปกติท่านไม่เคยเล่นหูเล่นตากับชายคนไหนแต่วันนี้ท่านกลับอ่อนโยนแก่นายกำนัลตัวเล็กๆเช่นนั้น..”


                    “ปะ...แปลกมากเลยเหรอ?”


                    “ไม่แปลกหรอกเจ้าค่ะ องค์หญิงน่ะอ่อนโยนแบบนี้อยู่เสมออยู่แล้วล่ะเจ้าค่ะ อีกอย่างท่านก็สูญเสียความทรงจำไปบางส่วนเลยทำให้ท่านเป็นเช่นนี้ ข้าไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ประหลาดเลยแม้แต่น้อย”


                    ในตอนที่หนิงหลงหายจากพิษยาเมื่อวันก่อน เธอได้แสดงท่าทีที่สับสนออกมาจนทุกคนแปลกตื่นไปกันใหญ่ หมอหลวงได้เข้าตรวจร่างกายเธอก็พบว่าเธอนั้นได้ลืมเลือนความทรงจำและวินิจฉัยว่าเธอได้สูญเสียความทรงจำไปบางส่วน กระนั้นเธอก็จำได้ว่าตัวเองเป็นใครและจำบุคคลได้ไม่กี่คนหนึ่งในนั้นเธอจำจิ้นอันได้เป็นอย่างดี


                    หลังจากนั้นจิตที่มากจากต่างโลกดวงนี้ก็รู้ได้ว่าตนเองก็ต้องเรียนรู้โลกใบนี้ให้เร็วที่สุด หากไม่อย่างนั้นเธออาจจะเป็นอันตรายและแย่ที่สุดคืออาจถูกสงสัยจนโดนกล่าวหาเป็นภูตผีมาสิงร่างเป็นแน่ มันก็ชัดเจนอยู่แล้วมิใช่หรือ? ในโลกแบบนี้เรื่องการใส่ร้ายในเรื่องผิดธรรมชาติเป็นเรื่องธรรมดาหากไม่ทำตัวให้กลมกลืนเข้าไว้อาจจะถูกเผาทั้งเป็นเลยก็ได้!


                    ทั้งสองคุยกันในเรื่องที่เกิดขึ้นนอกตำหนักโดยมีจิ้นอันเป็นแหล่งข่างประจำตัวก่อนจะมาถึงห้องทำงานส่วนตัว หนิงหลงเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งและหยิบหนังสือกระดาษสาที่มีบันทึกเรื่องราวและความรู้ต่างๆเอาไว้


                    ตลอดระยะเวลาสามวันนี้เธอไม่ได้นอนพักเฉยๆ หากแต่เธออ่านหนังสือและศึกษาโลกนี้ผ่านตัวอักษรไปเรื่อยๆจนแทบจะยกเหมามาทั้งห้องสมุดแล้ว! ตอนแรกเธอกังวลว่าอาจจะต้องเรียนตั้งแต่ตัวอักษรของโลกนี้ช่างแปลกประหลาดที่เธอสามารถอ่านมันได้ทันทีโดยไม่ผ่านการเรียนมาจากที่ใดมาก่อน


                    นี่คง...จะเป็นความรู้เก่าขององค์หญิงหนิงหลงเป็นแน่


                    “หนังสือเก่าพวกนี้จะให้ข้าเอาไปเก็บเลยรึไม่เพคะ?”จิ้นอันมองกองหนังสือที่ทิ้งวางช้อนอยู่บนพื้นในส่วนที่ถูกแยกออกจากเล่มใหม่มันสูงเป็นภูเขาเหล่ากาจนน่าตกใจ


                    “รบกวนด้วยจิ้นอัน”


                    “....องค์หญิงเพคะ”


                    “มีอะไร?”


                    “....ท่านกลับมามีร่างกายที่แข็งแรงแล้ว ข้าว่าท่านควรจะทำสิ่งนั้นได้แล้ว..”


                    “หือ?”


                    สิ่งนั้น?


                    หนิงหลงขมวดคิ้วของตัวเองเข้าหากัน สิ่งนั้นมันคือสิ่งไหน? สิ่งนั้นที่ว่านี้มันเกี่ยวกับงานขององค์หญิงรึเปล่า? เธอได้แต่คิดวนเวียนอยู่ในหัวแบบนั้นแต่กลับไม่เข้าใจคำว่า สิ่งนั้นที่จิ้นอันต้องการจะสื่อเลย


                    “เฮ้อ...ท่านลืมเรื่องนี้ไปก็มิแปลก”


                    “สิ่งนั้นมันคืออะไรล่ะจิ้นอัน?”


                    “ก็....ไปหานายสนมของท่านน่ะสิเพคะ”


                    “หา?”


                    “คืนนี้ท่านควรจะไปหาพวกเขาได้แล้ว”


                    “...ห๊ะ!!?


                     นะ...นายสนม..!!?


                    ..ของแบบนั้นไม่เห็นจะจำได้เลยว่ามี!!


    ==========================================================

    ดีจัง....เค้าก็อยากมีนายสนมมั่ง

    ช่วงนี้ขาดแคลนผู้ชายมานาน//โดนตบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×