ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    องค์หญิงเพี้ยน กับ เหล่านายสนม

    ลำดับตอนที่ #16 : บทที่ 15 บุกรุกตำหนัก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.67K
      799
      19 พ.ค. 64

    บทที่ 15

    บุกรุกตำหนัก


                     ฟุ่บ...ฟุ่บ...


                    เสียงฝีเท้ากระทบกับหญ้าต้นเตี้ยดังในที่ๆไม่มีใครพบเห็น ในยามที่ท้องฟ้าย้อมตนเองเป็นสีดำสนิทที่เพียงเสียงดาวในคือที่จันทร์บอดสนิทที่คอยส่องเสียงลงมา บุคคลในชุดดำกระโดดจากกำแพงที่มุมที่มืดที่สุด


                    หลังจากที่คนแรกกระโดดลงมาแล้วก็หันซ้ายขวาสำรวจที่ทางว่าที่ผู้ใดผ่านมาก็หนักลับไปส่งสัญญาณให้อีก 5 คนที่เหลือกระโดดตามลงมา


                    “...ที่นี่จุดไฟมากกว่าปกติ”เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นเบาๆราวเสียงกระซิบ


                    “...ต้องใช้เส้นทางอื่น...ตามมา”


                    เสียงของชายคนแรกที่กระโดดลงจากกำแพงเรียกพวกพ้องทุกคนให้เดินอ้อมไปยังที่มืดกว่าแม้จะค่อนข้างคับแคบและใกล้กับตำหนักใหญ่ๆแต่ก็ปลอดภัยกว่าถูกเห็นด้วยแสงไฟ


                    การเดินฝีเท้าที่เงียบสงบราวกับนักย่องเบาที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี พวกเขาทั้งหกคนเดินลัดเลาะไปตามตำหนักและหลีเลี่ยงทางที่จะได้เจอกับประตูเพราะหากคาดการณ์ไม่ผิดที่ประตูจะต้องมีทหารอยู่มากกว่าบริเวณตำหนักในยามวิกาลเช่นนี้


                    ทว่า...พวกเขาคาดการณ์พลาดไป


                    ฟึ่บ...ฟึ่บ...


                    “ใครน่ะ!!


                    “...!!!


                    แต่เมื่อพวกเขาเดินออกไปจนพ้นทางแคบหลังตำหนักก็พบกับเหล่าทหารในชุดเกราะพร้อมรบมากมายกำลังเดินตระเวนรอบด้านตำหนักอย่างไม่ขาดสาย เพียงแต่การขยับของต้นหญ้าก็ทำให้รู้ได้ทันทีว่ามีผู้ไม่คิดเปิดเผยตนกำลังย่างกรายใกล้ๆ


                    ฟึ่บ!! ฟึ่บ!! ฟึ่บ!!


                    แต่ไม่ทันให้ถูกจับตัวได้เหล่าผู้สวมชุดดำต้องสงสัยก็วิ่งหนีกันไปคนละทางด้วยความชำนาญ..!!


                    “พบผู้บุกรุก!! ทหารทุกหน่วยตามจับผู้บุกรุก!!


                    “มีผู้บุกรุก!!


                    เหล่าทหารสาวในชุดเกราะต่างช่วยกันกระจายเสียงออกไปให้ดังที่สุดแล้วรีบออกตามเสียงฝีเท้าของคนที่หลบหนีกันไปแต่ละหน่วย หน่วยที่ทำหน้าที่ตีกลองเตือนภัยคนในวังก็รีบลั่นกลองด้วยเสียงที่ดังกังวานสร้างความแตกตื่นไปทั่วพระราชวัง


                    ตามที่องค์หญิงหนิงหลงได้คาดการณ์ไว้ไม่มีผิด...


                    การเคลื่อนไหวกลับเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คิดไว้เสียอีก!!  


                   

                    ตึก ตึก ตึก...


                    “องค์หญิง...”


                    เงาของชายหนุ่มพาดไปที่ร่างของหญิงสาวที่นอนหลับอยู่บนเตียง เธอกำลังนอนหงายตัวและถลำลึกลงไปในฝันที่แสนหวานราวน้ำผึ้ง เมื่อชายหนุ่มเห็นสีใบหน้าที่หลับพริ้มของหนิงหลงแล้วใบหน้าของเขาก็แดงระเรื่อไปด้วยความปรารถนา


                    ...นี่ข้ากำลังทำอะไรอยู่?


                    หากถูกจับได้ขึ้นมา..มีหวังต้องโดนโบยเชียวนะ!!


                    เขาคิดในใจและหยุดฝีเท้าลง...


                    แต่หาก...เมื่อมองไปยังองค์หญิงแรงใจเขาก็กลับมีแรงกระตุ้นอย่างรุนแรง นานแล้วที่เขาไม่ได้ถูกเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน ก็ยาวนานเหมือนกันที่เขาไม่ได้จ้องดวงตาสีดำที่งดงาม...


                    แม้จะผ่านไปเพียงวันเดียวแต่เวลาในใจเขานั้นมันช่างแสนนานเหลือเกิน


                    องค์หญิงผู้แสนอ่อนโยน...แม้จะต้องถูกโบกอีกกี่ครั้งหากได้มีสักครั้งที่ได้สัมผัสมือคู่นั้นเขาก็พร้อมจะยอมรับโทษทุกอย่าง


                    เขาคุกเข่าลงที่ขอบเตียงแล้วเคียงคอลงสัมผัสกับฝ่ามือของหญิงสาว เธอไม่มีท่าทีว่าจะตื่นแม้จะถูกแก้มของเขาวางลงที่ฝ่ามือก็ตาม จิตใจของชายหนุ่มก็ยิ่งปรารถนาแรงกล้าขึ้นอีกแค่นี้ยังไม่พอหัวใจได้สั่งการให้ลงมือทำสิ่งที่น่าอับอาย


                    “องค์หญิง...”


                    สายแหบเบาของชายหนุ่มกล่าวเรียกทว่าตัวเธอก็ยังไม่หลุดออกจากนิทรา เรียวขาของเขายกขึ้นไปคร่อมร่างของหญิงสาวด้วยหัวใจที่เต้นระรัวผิวกายของเขาเริ่มร้อนจนต้องถอดเสื้อนอกออกไปกองกับพื้นเหลือเพียงแต่เสื้อคลุมด้านในสีขาวบางที่หลุดลุ่ย อีกสักนิด...อีกเพียงสักนิดก็ยังดี ขอแค่เวลานี้ที่เขาจะได้ชิดใกล้..


                    ตึง..!! ตึง!!!


                    “...!!!?


                    แต่ในตอนนั้นเองเสียงตีกลองเตือนภัยก็ดังขึ้นปลุกให้หนิงหลงต้องตื่นจากความฝัน..!!


                    “...อะ..อื้อ..นี่มัน...อะไรกันเนี่ย?”


                    ท่าทางของเธอยังสะลืมสะลือไม่ตื่นเต็มที่แต่เมื่อดวงตาเปิดขึ้นที่ละเล็กสิ่งที่เธอเห็นเกือบทำให้ต้องหยุดหายใจ..!!


                    “ซะ...ซิ่วเหว่!!?”


                    เธอเอ่ยชื่อของเด็กหนุ่มที่กำลังนั่งทับตัวเอง เขามีใบหน้าที่แดงยิ่งกว่าผลมะเขือเทศแล้วเสื้อผ้าก็เบาบางจนเกือบจะเห็นผิวหนังมังสาด้านในหมดแล้ว!!


                    “อะ...องค์หญิง...ได้โปรด...อภัยให้ข้าด้วย”ดวงตากลมโตที่น่าเอ็นดูตอนนี้กลับเอ่อไปด้วยหยาดน้ำตา เขาทำไปเพียงเพราะอารมณ์ที่ล่องลอยหลังจากได้ยินว่าองค์หญิงจะทรงพักที่นี่...


                    จิตใจของเขาก็โหยหาเธอจนห้ามไม่ได้...


                    “มะ...มาทำอะไรที่นี่...แล้วนี่มัน...”เธอยังคงเรียบเรียงอะไรในหัวได้ไม่ดีนัก แต่แค่ดูก็เดาไม่คร่าวๆแล้ว...


         ...ว่าเธอถูกลักหลับ!!


         เธออยากจะตั้งสติเพื่อทำอะไรสักอย่างแต่นี่เป้นครั้งแรกเลยที่ถูกลักหลับแบบนี้แล้วยัง...กับเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักแบบนี้อีกด้วย!! ไม่สิ..เรื่องหน้าตามันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาคิดตอนนี้!!


         แปะ...แปะ...


         ทันใดนั้นดวงตาที่ปริ่มด้วยหยาดน้ำก็แปลเปลี่ยนเป็นหยดน้ำไหลลงจากข้างแก้ม ซิ่วเหว่หลั่งน้ำตาด้วยความรู้สึกผิดและหวาดกลัว...เขากลัวเหลือเกินว่าจะต้องถูกเกลียด กลัวเหลือเกินว่าจะไม่อาจพูดคุยกับองค์หญิงได้อีก


         กลัวจนได้แต่ร่ำไห้ออกมา...


         “...ซิ่วเหว่?”


         “ข้า...ข้าขอโทษองค์หญิง..ข้ารักท่าน...รักท่านจริงๆ..ได้โปรด”


         ได้โปรดอย่าเกลียดข้าเลย...


                    พอเห็นผู้ชายที่กำลังคร่อมเธออยู่ร้องไห้ออกมาไม่หยุดตัวเธอเองก็ทำอะไรไม่ถูกขึ้นมากะทันหัน ถึงจะบอกว่าเธอเป็นฝ่ายเสียหายก็เถอะแต่คนลักหลับกับร้องไห้ซะเองแบบนี้จะให้ดุด่าว่ากล่าวได้ลงคอได้อย่างไร!!?


                    “ฮึก...ฮือ...”ซิ่วเหว่ยังคงร้องไห้ไม่หยุด นั่นก็เพราะเขาไม่สามารถหยุดน้ำตาไม่ให้ไหลออกจากตาได้เลย ความรู้สึกมันล้นจนหาทางหยุดไม่ได้


                    “อย่าร้องสิ...ขะ..ข้าจะไม่โทษอะไรเจ้าหรอกถ้าเจ้าอธิบายมา กะ...ก่อนใส่เสื้อเหมือนเดิมเถอะ”


                    เมื่อเหลือบสายตาไปที่พื้นหนิงหลงก็พบกับเสื้อนอกของนายกำนัลที่ถอดทิ้งไว้นั่นคงจะเป็นของซิ่วเหว่แน่ๆ...นอกจากเธอและเขาที่นี่ก็ไม่มีใครแล้ว!


                    “ร่างกายของข้า...ไม่น่ามองขนาดนั้นเลนหรือขอรับ?”เขายิ่งรู้สึกสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม


    ร่างกายที่ผอมเกร็งขนาดนี้เธอคงไม่แม้อยากจะมองเลยสินะ? ถึงได้อยากให้ใส่ปกปิดมันขนาดนั้น ในเวลาที่จิตใจของเขาดิ่งสู่ขั้วลบที่ต่ำที่สุดไม่ว่าสิ่งใดก็เหมือนจะบั่นทอนจิตใจไปเสียหมด


                    “...เอ๊ะ!! คือ..ไม่ใช่..!! ไม่ อา...!!แล้วจะพูดยังไงดีล่ะ!!?


                    เธอรนรานไปหมดจนไม่รู้จะทำสิ่งใดก่อนระหว่างปลอบใจกับพูดกล่อมในยามนี้ แต่...แบบนี้เธอก็เหมือนให้ความหวังนายกำนัลตัวน้อยไปเลยน่ะสิ? ไม่นะ...เธอเอ็นดูเขาก็จริงแต่ไม่ได้รู้สึกรักใคร่ในทางเพศเลยสักนิดเดียวนะ!


                    ทว่าในตอนนั้นหนิงหลงก็นึกขึ้นได้...


                    เมื่อครู่เสียงกลองเตือนภัยลั่นมิใช่หรือ? หากคาดการไม่ผิดอีกไม่นานคงจะมีคนมาที่นี่แน่ๆ..!!


                    “ตอนนี้รีบใส่เสื้อแล้วไปซ่อน..ให้เร็วเลยซิ่วเหว่!!”เธอลุกขึ้นนั่งแล้วจับไหล่ชายหนุ่มแน่น


                    “...ซะ...ซ่อน..?”


                    “ตอนนี้...!


                    ตึก ตึก ตึก!!


                    ไม่ทันไรเสียงฝีเท้านับสิบก็วิ่งมาจากระเบียงอย่างรวดเร็ว..!!


                    ปึง!!


                    “องค์หญิง..!! ท่านปลอดภัยดีรึไม่!!?


                    จิ้นอันและเหล่าทหารองค์รักษ์มากมายผลักบานประตูเข้ามาเสียงดังสนั่น พวกเธอทั้งหมดมาที่นี่เพื่อคุ้มครององค์หญิงเพราะสัญญาณเตือนภัย แต่พวกเธอทั้งหลายที่เปิดประตูเข้ามากลับพบองค์หญิง..ถูกนายกำนัลระดับล่างกำลังคร่อมกายเอาไว้อยู่!!


                    “...เจ้าเข้ามาในห้องขององค์หญิงทำไม นายกำนัลไม่ได้รับสิทธิ์ให้ออกจากพื้นที่ยามวิกาล!!


                    “...ข้า”


                    จิ้นอันตะเบ่งเสียงขู่คำรามหนุ่มน้อยคนนั้นในขณะที่ซิ่วเหว่ได้แต่กลืนถ่อยคำลงคอไปหมดเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดถึงสิ่งใดก่อน...เขามิได้มีความกล้าพอที่จะบอกว่าตนทำสิ่งใดกับองค์หญิงไปบ้าง!!


                    “เจ้าคือผู้ต้องสงสัยในการบุกรุกตำหนักองค์หญิง..!!!”จิ้นอันชี้นิ้วประกาศอย่างเด็ดเดี่ยว ในเวลาที่เกิดการบุกรุกวังหลวงเช่นนี้ไม่ว่าใครที่ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ตนควรจะอยู่ก็ล้วนแต่เป็นผู้ต้องสงสัยทั้งนั้น!!


                    “ไม่...ไม่ใช่!!


         “...เหล่าองค์รักษ์...จับเขาไปขัง!!


                    “ขะ..ข้าไม่ได้ทำร้ายองค์หญิงนะขอรับ..ข้าไม่เคยคิดจะทำ!! อึก..!!


                    จิ้นอันลั่นคำสั่งแก่องค์รักษ์ด้านหลังเพียงเท่านั้นอัศวินในชุดนักรบก็เดินกรูเข้ามาจับตรึงแขนทั้งสองของซิ่วเหว่แล้วกระฉากเขาออกจากหนิงหลงไม่โดยไม่ฟังเสียงร้องเรียกใดๆ


                    “หยุดก่อน...จิ้นอัน!!”หนิงหลงลุกขึ้นยืนเพื่อทวงความจริงแก่ซิ่วเหว่ ทว่า..เหล่าองค์หญิงก็ไม่ยอมหยุดเดิน พวกเธอสามคนจากสิบคนคุมตัวนายกำนัลคนนั้นไปเสียแล้ว


                    “...องค์หญิง ได้โปรดอยู่แต่ในห้อง...ในยามนี่ท่านไม่ควรออกไปไหนทั้งนั้น”จิ้นอันกางแขนยั้งเธอเอาไว้ไม่ให้ออกนอกประตู


                    “แต่..!!


                    “หากมีสิ่งใดจงบอกให้ข้าฟัง...เพียงคนเดียว”


                    “...อึก”


                    จิ้นอันอันไปหาเหล่าองค์รักษ์ส่งสัญญาณให้เขาพวกออกไปจากห้อง เมื่อไร้ซึ่งผู้ใดนอกจากเธอทั้งสองแล้วบานประตูก็ปิดลง


                    “...เกิดอะไรขึ้นเพคะ?”จิ้นอันยังคงสงบอารมณ์ตนเองได้ เธอมีความเยือกเย็นในทุกสถานการณ์แม้จะเป็นยามที่คับขันเช่นนี้..


                    “เป็นเรื่องที่พูดได้ยาก...”


                    “เช่นนั้นแล้วข้าขอเป็นฝ่ายพูดก่อน”


                    “...เชิญเลย”


                    หนิงหลงไปนั่งสงบอารมณ์คนเองที่ขอบเตียงแล้วปล่อยให้จิ้นอันได้กล่าวสิ่งที่เธออยากจะบอกก่อนที่เธอจะหลุดพูดอะไรที่จะทำร้ายชีวิตของซิ่วเหว่ออกไป เธอคงเลี้ยงไม่ได้ที่จะต้องบอกว่าเขากระทำสิ่งใดต่อหน้าจิ้นอัน ท้ายที่สุดแล้วเขาจะต้องโดนโทษร้ายแรงไม่ต่างกัน..


                    “ตอนนี้เสียงกลองเตือนภัยดังขึ้นเพราะมีผู้บุกรุกเข้ามาเพคะ”จิ้นอันนั่งลงกับเก้าอี้กลางห้องแล้วรายงานข่าวแก่องค์หญิงอย่างใจเย็น


                    “...เห็นรึไม่ว่าเป็นใคร”


                    “...คาดว่าเป็นชายทั้งหมด แต่พวกเขาสวมชุดดำพลางตัวไว้ไม่มีใครเห็นหน้าพวกเขาตอนนี้ทหารทั้งหมดกำลังเร่งจับกุมตัวอยู่เพคะ”


                    “...จะเกิดอะไรขึ้นกับซิ่วเหว่?”สิ่งที่ควรจะรู้ก็ได้ได้รู้ไปแล้ว ตอนนี้เธอรู้สึกได้เลยว่าตนเองต้องอยู่ในห้องไปจนกว่าจะถึงรุ่งเช้ารึจนกว่าจะตามจับตัวคนร้ายได้ ต่อมาก็เป็นสิ่งที่เธออยากรู้..


                    “...ชื่อของนายกำนัลคนนั้นรึเพคะ? เขาจะถูกขังในคุกของวังเพคะ”


                    “เขาไม่ได้ทำร้ายข้า เขาเพียงแค่...เพียงแค่อยากพบข้าเท่านั้น


                    “แต่เขาทำผิดกฎร้ายแรง การเข้าห้องขององค์หญิงในยามวิกาลเป็นความผิดรุนแรง หากไม่ถูกต้องโทษโบยร้อยครั้งก็คงต้องประหาร”


                    ประหาร...!!?


                    คำพูดนี้ทำให้ใบหน้าของหนิงหลงเย็นวูบ...ด้วยโทษเพียงเท่านี้จะต้องฆ่าแกงกันเลยเหรอ!!?


                    “...ในยามนี่เขาคงกลายเป็นผู้ต้องสงสัยในการก่อเหตุไปแล้วล่ะเพคะ”


                    “จิ้นอัน...เขาไม่ได้ผิดถึงขั้นที่ต้อ..!!


                    “องค์หญิง”


                    “...!


                    น้ำเสียงของจิ้นอันยะเยือกดั่งหิมะที่ทำให้หนาวสั่น สายตาที่จับจ้องราวกับผู้คุมขังกับนักโทษยิ่งชวนให้หวาดกลัว...


                    “...แม้เขาจะไม่ผิดถึงขั้นต้องนั้น แต่การที่ผู้น้อยกระทำการเช่นนั้นล้วนมีโทษรุนแรง..ยิ่งเขาเป็นผู้ชายแล้วด้วยร้ายแรง และอย่าได้คิดที่ท่านจะออกรับหน้าแทนเด็กขาดเพคะ..ข้าจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นแน่ เสียงส่วนมากจะลงว่าท่านกระทำตัวไม่เหมาะสม”


                    “....”


                    “องค์หญิง...ท่านเป็นบุคคลที่สำคัญ ชีวิตของท่านมีค่ามากกว่าทองร้อยชั่งรึไม่ว่าสิ่งใดก็ตาม ชื่อเสียงท่านจะแปดเปื้อนเพราะชายคนเดียวไม่ได้”


                    “...ขอบใจจิ้นอัน”


                    แววตาของหนิงหลงเศร้าสร้อยก็มองไปยังเสื้อนอกของซิ่วเหว่ที่เขาถอดทิ้งเอาไว้แล้วถอนหายใจเบาๆ...


                    “ชีวิตก็ชีวิต มีเลือด...มีเนื้อ...มีความรู้สึกเหมือนกัน”องค์หญิงกล่าวทั้งสายตาที่ว่างเปล่า


                    “องค์หญิง...”


                    “เชื่อใจข้าเถอะ...จิ้นอัน”


                    ...จะต้องไม่มีใครต้องตายด้วยเหตุผลงี่เง่าแค่นั้น!!


                    หนิงหลงกำฝ่ามือแน่นกับมองตรงไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น...!!


                    “...ข้ารู้ตัวว่าทำอะไรอยู่”


    ========================================================================

    ตัดเข้าฉากซีเรียสเร็วเกินไปรึเปล่านะ?

    แต่ตอนนี้ไรท์แต่งแล้วยังรู้สึกกดดันไปด้วยเลยล่ะค่ะ

    อา...ไม่ถนัดแต่งฉากซีเรียสเลย แต่ก็ชอบ...แต่ก็รู้สึกว่าเขียนไม่ดีเท่าไหร่

    //เป็นคนติดตลกตลอดเวลาแบบไรท์ที่ลำบากแท้


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×