คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : บทที่ 15 บุกรุกตำหนัก
บทที่ 15
บุกรุกตำหนัก
ฟุ่บ...ฟุ่บ...
เสียงฝีเท้ากระทบกับหญ้าต้นเตี้ยดังในที่ๆไม่มีใครพบเห็น
ในยามที่ท้องฟ้าย้อมตนเองเป็นสีดำสนิทที่เพียงเสียงดาวในคือที่จันทร์บอดสนิทที่คอยส่องเสียงลงมา
บุคคลในชุดดำกระโดดจากกำแพงที่มุมที่มืดที่สุด
หลังจากที่คนแรกกระโดดลงมาแล้วก็หันซ้ายขวาสำรวจที่ทางว่าที่ผู้ใดผ่านมาก็หนักลับไปส่งสัญญาณให้อีก
5 คนที่เหลือกระโดดตามลงมา
“...ที่นี่จุดไฟมากกว่าปกติ”เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นเบาๆราวเสียงกระซิบ
“...ต้องใช้เส้นทางอื่น...ตามมา”
เสียงของชายคนแรกที่กระโดดลงจากกำแพงเรียกพวกพ้องทุกคนให้เดินอ้อมไปยังที่มืดกว่าแม้จะค่อนข้างคับแคบและใกล้กับตำหนักใหญ่ๆแต่ก็ปลอดภัยกว่าถูกเห็นด้วยแสงไฟ
การเดินฝีเท้าที่เงียบสงบราวกับนักย่องเบาที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี
พวกเขาทั้งหกคนเดินลัดเลาะไปตามตำหนักและหลีเลี่ยงทางที่จะได้เจอกับประตูเพราะหากคาดการณ์ไม่ผิดที่ประตูจะต้องมีทหารอยู่มากกว่าบริเวณตำหนักในยามวิกาลเช่นนี้
ทว่า...พวกเขาคาดการณ์พลาดไป
ฟึ่บ...ฟึ่บ...
“ใครน่ะ!!”
“...!!!”
แต่เมื่อพวกเขาเดินออกไปจนพ้นทางแคบหลังตำหนักก็พบกับเหล่าทหารในชุดเกราะพร้อมรบมากมายกำลังเดินตระเวนรอบด้านตำหนักอย่างไม่ขาดสาย
เพียงแต่การขยับของต้นหญ้าก็ทำให้รู้ได้ทันทีว่ามีผู้ไม่คิดเปิดเผยตนกำลังย่างกรายใกล้ๆ
ฟึ่บ!! ฟึ่บ!!
ฟึ่บ!!
แต่ไม่ทันให้ถูกจับตัวได้เหล่าผู้สวมชุดดำต้องสงสัยก็วิ่งหนีกันไปคนละทางด้วยความชำนาญ..!!
“พบผู้บุกรุก!! ทหารทุกหน่วยตามจับผู้บุกรุก!!”
“มีผู้บุกรุก!!”
เหล่าทหารสาวในชุดเกราะต่างช่วยกันกระจายเสียงออกไปให้ดังที่สุดแล้วรีบออกตามเสียงฝีเท้าของคนที่หลบหนีกันไปแต่ละหน่วย
หน่วยที่ทำหน้าที่ตีกลองเตือนภัยคนในวังก็รีบลั่นกลองด้วยเสียงที่ดังกังวานสร้างความแตกตื่นไปทั่วพระราชวัง
ตามที่องค์หญิงหนิงหลงได้คาดการณ์ไว้ไม่มีผิด...
การเคลื่อนไหวกลับเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คิดไว้เสียอีก!!
ตึก ตึก ตึก...
“องค์หญิง...”
เงาของชายหนุ่มพาดไปที่ร่างของหญิงสาวที่นอนหลับอยู่บนเตียง
เธอกำลังนอนหงายตัวและถลำลึกลงไปในฝันที่แสนหวานราวน้ำผึ้ง เมื่อชายหนุ่มเห็นสีใบหน้าที่หลับพริ้มของหนิงหลงแล้วใบหน้าของเขาก็แดงระเรื่อไปด้วยความปรารถนา
...นี่ข้ากำลังทำอะไรอยู่?
หากถูกจับได้ขึ้นมา..มีหวังต้องโดนโบยเชียวนะ!!
เขาคิดในใจและหยุดฝีเท้าลง...
แต่หาก...เมื่อมองไปยังองค์หญิงแรงใจเขาก็กลับมีแรงกระตุ้นอย่างรุนแรง
นานแล้วที่เขาไม่ได้ถูกเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน
ก็ยาวนานเหมือนกันที่เขาไม่ได้จ้องดวงตาสีดำที่งดงาม...
แม้จะผ่านไปเพียงวันเดียวแต่เวลาในใจเขานั้นมันช่างแสนนานเหลือเกิน
องค์หญิงผู้แสนอ่อนโยน...แม้จะต้องถูกโบกอีกกี่ครั้งหากได้มีสักครั้งที่ได้สัมผัสมือคู่นั้นเขาก็พร้อมจะยอมรับโทษทุกอย่าง
เขาคุกเข่าลงที่ขอบเตียงแล้วเคียงคอลงสัมผัสกับฝ่ามือของหญิงสาว
เธอไม่มีท่าทีว่าจะตื่นแม้จะถูกแก้มของเขาวางลงที่ฝ่ามือก็ตาม
จิตใจของชายหนุ่มก็ยิ่งปรารถนาแรงกล้าขึ้นอีกแค่นี้ยังไม่พอหัวใจได้สั่งการให้ลงมือทำสิ่งที่น่าอับอาย
“องค์หญิง...”
สายแหบเบาของชายหนุ่มกล่าวเรียกทว่าตัวเธอก็ยังไม่หลุดออกจากนิทรา
เรียวขาของเขายกขึ้นไปคร่อมร่างของหญิงสาวด้วยหัวใจที่เต้นระรัวผิวกายของเขาเริ่มร้อนจนต้องถอดเสื้อนอกออกไปกองกับพื้นเหลือเพียงแต่เสื้อคลุมด้านในสีขาวบางที่หลุดลุ่ย
อีกสักนิด...อีกเพียงสักนิดก็ยังดี ขอแค่เวลานี้ที่เขาจะได้ชิดใกล้..
ตึง..!! ตึง!!!
“...!!!?”
แต่ในตอนนั้นเองเสียงตีกลองเตือนภัยก็ดังขึ้นปลุกให้หนิงหลงต้องตื่นจากความฝัน..!!
“...อะ..อื้อ..นี่มัน...อะไรกันเนี่ย?”
ท่าทางของเธอยังสะลืมสะลือไม่ตื่นเต็มที่แต่เมื่อดวงตาเปิดขึ้นที่ละเล็กสิ่งที่เธอเห็นเกือบทำให้ต้องหยุดหายใจ..!!
“ซะ...ซิ่วเหว่!!?”
เธอเอ่ยชื่อของเด็กหนุ่มที่กำลังนั่งทับตัวเอง
เขามีใบหน้าที่แดงยิ่งกว่าผลมะเขือเทศแล้วเสื้อผ้าก็เบาบางจนเกือบจะเห็นผิวหนังมังสาด้านในหมดแล้ว!!
“อะ...องค์หญิง...ได้โปรด...อภัยให้ข้าด้วย”ดวงตากลมโตที่น่าเอ็นดูตอนนี้กลับเอ่อไปด้วยหยาดน้ำตา
เขาทำไปเพียงเพราะอารมณ์ที่ล่องลอยหลังจากได้ยินว่าองค์หญิงจะทรงพักที่นี่...
จิตใจของเขาก็โหยหาเธอจนห้ามไม่ได้...
“มะ...มาทำอะไรที่นี่...แล้วนี่มัน...”เธอยังคงเรียบเรียงอะไรในหัวได้ไม่ดีนัก
แต่แค่ดูก็เดาไม่คร่าวๆแล้ว...
...ว่าเธอถูกลักหลับ!!
เธออยากจะตั้งสติเพื่อทำอะไรสักอย่างแต่นี่เป้นครั้งแรกเลยที่ถูกลักหลับแบบนี้แล้วยัง...กับเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักแบบนี้อีกด้วย!! ไม่สิ..เรื่องหน้าตามันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาคิดตอนนี้!!
แปะ...แปะ...
ทันใดนั้นดวงตาที่ปริ่มด้วยหยาดน้ำก็แปลเปลี่ยนเป็นหยดน้ำไหลลงจากข้างแก้ม
ซิ่วเหว่หลั่งน้ำตาด้วยความรู้สึกผิดและหวาดกลัว...เขากลัวเหลือเกินว่าจะต้องถูกเกลียด
กลัวเหลือเกินว่าจะไม่อาจพูดคุยกับองค์หญิงได้อีก
กลัวจนได้แต่ร่ำไห้ออกมา...
“...ซิ่วเหว่?”
“ข้า...ข้าขอโทษองค์หญิง..ข้ารักท่าน...รักท่านจริงๆ..ได้โปรด”
ได้โปรดอย่าเกลียดข้าเลย...
พอเห็นผู้ชายที่กำลังคร่อมเธออยู่ร้องไห้ออกมาไม่หยุดตัวเธอเองก็ทำอะไรไม่ถูกขึ้นมากะทันหัน
ถึงจะบอกว่าเธอเป็นฝ่ายเสียหายก็เถอะแต่คนลักหลับกับร้องไห้ซะเองแบบนี้จะให้ดุด่าว่ากล่าวได้ลงคอได้อย่างไร!!?
“ฮึก...ฮือ...”ซิ่วเหว่ยังคงร้องไห้ไม่หยุด
นั่นก็เพราะเขาไม่สามารถหยุดน้ำตาไม่ให้ไหลออกจากตาได้เลย ความรู้สึกมันล้นจนหาทางหยุดไม่ได้
“อย่าร้องสิ...ขะ..ข้าจะไม่โทษอะไรเจ้าหรอกถ้าเจ้าอธิบายมา
กะ...ก่อนใส่เสื้อเหมือนเดิมเถอะ”
เมื่อเหลือบสายตาไปที่พื้นหนิงหลงก็พบกับเสื้อนอกของนายกำนัลที่ถอดทิ้งไว้นั่นคงจะเป็นของซิ่วเหว่แน่ๆ...นอกจากเธอและเขาที่นี่ก็ไม่มีใครแล้ว!
“ร่างกายของข้า...ไม่น่ามองขนาดนั้นเลนหรือขอรับ?”เขายิ่งรู้สึกสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม
ร่างกายที่ผอมเกร็งขนาดนี้เธอคงไม่แม้อยากจะมองเลยสินะ?
ถึงได้อยากให้ใส่ปกปิดมันขนาดนั้น
ในเวลาที่จิตใจของเขาดิ่งสู่ขั้วลบที่ต่ำที่สุดไม่ว่าสิ่งใดก็เหมือนจะบั่นทอนจิตใจไปเสียหมด
“...เอ๊ะ!! คือ..ไม่ใช่..!! ไม่ อา...!!”แล้วจะพูดยังไงดีล่ะ!!?
เธอรนรานไปหมดจนไม่รู้จะทำสิ่งใดก่อนระหว่างปลอบใจกับพูดกล่อมในยามนี้
แต่...แบบนี้เธอก็เหมือนให้ความหวังนายกำนัลตัวน้อยไปเลยน่ะสิ? ไม่นะ...เธอเอ็นดูเขาก็จริงแต่ไม่ได้รู้สึกรักใคร่ในทางเพศเลยสักนิดเดียวนะ!
ทว่าในตอนนั้นหนิงหลงก็นึกขึ้นได้...
เมื่อครู่เสียงกลองเตือนภัยลั่นมิใช่หรือ?
หากคาดการไม่ผิดอีกไม่นานคงจะมีคนมาที่นี่แน่ๆ..!!
“ตอนนี้รีบใส่เสื้อแล้วไปซ่อน..ให้เร็วเลยซิ่วเหว่!!”เธอลุกขึ้นนั่งแล้วจับไหล่ชายหนุ่มแน่น
“...ซะ...ซ่อน..?”
“ตอนนี้...!”
ตึก ตึก ตึก!!
ไม่ทันไรเสียงฝีเท้านับสิบก็วิ่งมาจากระเบียงอย่างรวดเร็ว..!!
ปึง!!
“องค์หญิง..!! ท่านปลอดภัยดีรึไม่!!?”
จิ้นอันและเหล่าทหารองค์รักษ์มากมายผลักบานประตูเข้ามาเสียงดังสนั่น
พวกเธอทั้งหมดมาที่นี่เพื่อคุ้มครององค์หญิงเพราะสัญญาณเตือนภัย
แต่พวกเธอทั้งหลายที่เปิดประตูเข้ามากลับพบองค์หญิง..ถูกนายกำนัลระดับล่างกำลังคร่อมกายเอาไว้อยู่!!
“...เจ้าเข้ามาในห้องขององค์หญิงทำไม
นายกำนัลไม่ได้รับสิทธิ์ให้ออกจากพื้นที่ยามวิกาล!!”
“...ข้า”
จิ้นอันตะเบ่งเสียงขู่คำรามหนุ่มน้อยคนนั้นในขณะที่ซิ่วเหว่ได้แต่กลืนถ่อยคำลงคอไปหมดเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดถึงสิ่งใดก่อน...เขามิได้มีความกล้าพอที่จะบอกว่าตนทำสิ่งใดกับองค์หญิงไปบ้าง!!
“เจ้าคือผู้ต้องสงสัยในการบุกรุกตำหนักองค์หญิง..!!!”จิ้นอันชี้นิ้วประกาศอย่างเด็ดเดี่ยว
ในเวลาที่เกิดการบุกรุกวังหลวงเช่นนี้ไม่ว่าใครที่ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ตนควรจะอยู่ก็ล้วนแต่เป็นผู้ต้องสงสัยทั้งนั้น!!
“ไม่...ไม่ใช่!!”
“...เหล่าองค์รักษ์...จับเขาไปขัง!!”
“ขะ..ข้าไม่ได้ทำร้ายองค์หญิงนะขอรับ..ข้าไม่เคยคิดจะทำ!! อึก..!!”
จิ้นอันลั่นคำสั่งแก่องค์รักษ์ด้านหลังเพียงเท่านั้นอัศวินในชุดนักรบก็เดินกรูเข้ามาจับตรึงแขนทั้งสองของซิ่วเหว่แล้วกระฉากเขาออกจากหนิงหลงไม่โดยไม่ฟังเสียงร้องเรียกใดๆ
“หยุดก่อน...จิ้นอัน!!”หนิงหลงลุกขึ้นยืนเพื่อทวงความจริงแก่ซิ่วเหว่
ทว่า..เหล่าองค์หญิงก็ไม่ยอมหยุดเดิน พวกเธอสามคนจากสิบคนคุมตัวนายกำนัลคนนั้นไปเสียแล้ว
“...องค์หญิง
ได้โปรดอยู่แต่ในห้อง...ในยามนี่ท่านไม่ควรออกไปไหนทั้งนั้น”จิ้นอันกางแขนยั้งเธอเอาไว้ไม่ให้ออกนอกประตู
“แต่..!!”
“หากมีสิ่งใดจงบอกให้ข้าฟัง...เพียงคนเดียว”
“...อึก”
จิ้นอันอันไปหาเหล่าองค์รักษ์ส่งสัญญาณให้เขาพวกออกไปจากห้อง
เมื่อไร้ซึ่งผู้ใดนอกจากเธอทั้งสองแล้วบานประตูก็ปิดลง
“...เกิดอะไรขึ้นเพคะ?”จิ้นอันยังคงสงบอารมณ์ตนเองได้
เธอมีความเยือกเย็นในทุกสถานการณ์แม้จะเป็นยามที่คับขันเช่นนี้..
“เป็นเรื่องที่พูดได้ยาก...”
“เช่นนั้นแล้วข้าขอเป็นฝ่ายพูดก่อน”
“...เชิญเลย”
หนิงหลงไปนั่งสงบอารมณ์คนเองที่ขอบเตียงแล้วปล่อยให้จิ้นอันได้กล่าวสิ่งที่เธออยากจะบอกก่อนที่เธอจะหลุดพูดอะไรที่จะทำร้ายชีวิตของซิ่วเหว่ออกไป
เธอคงเลี้ยงไม่ได้ที่จะต้องบอกว่าเขากระทำสิ่งใดต่อหน้าจิ้นอัน ท้ายที่สุดแล้วเขาจะต้องโดนโทษร้ายแรงไม่ต่างกัน..
“ตอนนี้เสียงกลองเตือนภัยดังขึ้นเพราะมีผู้บุกรุกเข้ามาเพคะ”จิ้นอันนั่งลงกับเก้าอี้กลางห้องแล้วรายงานข่าวแก่องค์หญิงอย่างใจเย็น
“...เห็นรึไม่ว่าเป็นใคร”
“...คาดว่าเป็นชายทั้งหมด
แต่พวกเขาสวมชุดดำพลางตัวไว้ไม่มีใครเห็นหน้าพวกเขาตอนนี้ทหารทั้งหมดกำลังเร่งจับกุมตัวอยู่เพคะ”
“...จะเกิดอะไรขึ้นกับซิ่วเหว่?”สิ่งที่ควรจะรู้ก็ได้ได้รู้ไปแล้ว
ตอนนี้เธอรู้สึกได้เลยว่าตนเองต้องอยู่ในห้องไปจนกว่าจะถึงรุ่งเช้ารึจนกว่าจะตามจับตัวคนร้ายได้
ต่อมาก็เป็นสิ่งที่เธออยากรู้..
“...ชื่อของนายกำนัลคนนั้นรึเพคะ?
เขาจะถูกขังในคุกของวังเพคะ”
“เขาไม่ได้ทำร้ายข้า เขาเพียงแค่...เพียงแค่อยากพบข้าเท่านั้น”
“แต่เขาทำผิดกฎร้ายแรง การเข้าห้องขององค์หญิงในยามวิกาลเป็นความผิดรุนแรง
หากไม่ถูกต้องโทษโบยร้อยครั้งก็คงต้องประหาร”
ประหาร...!!?
คำพูดนี้ทำให้ใบหน้าของหนิงหลงเย็นวูบ...ด้วยโทษเพียงเท่านี้จะต้องฆ่าแกงกันเลยเหรอ!!?
“...ในยามนี่เขาคงกลายเป็นผู้ต้องสงสัยในการก่อเหตุไปแล้วล่ะเพคะ”
“จิ้นอัน...เขาไม่ได้ผิดถึงขั้นที่ต้อ..!!”
“องค์หญิง”
“...!”
น้ำเสียงของจิ้นอันยะเยือกดั่งหิมะที่ทำให้หนาวสั่น
สายตาที่จับจ้องราวกับผู้คุมขังกับนักโทษยิ่งชวนให้หวาดกลัว...
“...แม้เขาจะไม่ผิดถึงขั้นต้องนั้น
แต่การที่ผู้น้อยกระทำการเช่นนั้นล้วนมีโทษรุนแรง..ยิ่งเขาเป็นผู้ชายแล้วด้วยร้ายแรง
และอย่าได้คิดที่ท่านจะออกรับหน้าแทนเด็กขาดเพคะ..ข้าจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นแน่
เสียงส่วนมากจะลงว่าท่านกระทำตัวไม่เหมาะสม”
“....”
“องค์หญิง...ท่านเป็นบุคคลที่สำคัญ
ชีวิตของท่านมีค่ามากกว่าทองร้อยชั่งรึไม่ว่าสิ่งใดก็ตาม
ชื่อเสียงท่านจะแปดเปื้อนเพราะชายคนเดียวไม่ได้”
“...ขอบใจจิ้นอัน”
แววตาของหนิงหลงเศร้าสร้อยก็มองไปยังเสื้อนอกของซิ่วเหว่ที่เขาถอดทิ้งเอาไว้แล้วถอนหายใจเบาๆ...
“ชีวิตก็ชีวิต มีเลือด...มีเนื้อ...มีความรู้สึกเหมือนกัน”องค์หญิงกล่าวทั้งสายตาที่ว่างเปล่า
“องค์หญิง...”
“เชื่อใจข้าเถอะ...จิ้นอัน”
...จะต้องไม่มีใครต้องตายด้วยเหตุผลงี่เง่าแค่นั้น!!
หนิงหลงกำฝ่ามือแน่นกับมองตรงไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น...!!
“...ข้ารู้ตัวว่าทำอะไรอยู่”
========================================================================
ตัดเข้าฉากซีเรียสเร็วเกินไปรึเปล่านะ?
แต่ตอนนี้ไรท์แต่งแล้วยังรู้สึกกดดันไปด้วยเลยล่ะค่ะ
อา...ไม่ถนัดแต่งฉากซีเรียสเลย แต่ก็ชอบ...แต่ก็รู้สึกว่าเขียนไม่ดีเท่าไหร่
//เป็นคนติดตลกตลอดเวลาแบบไรท์ที่ลำบากแท้
ความคิดเห็น