ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รับสมัครตัวละครเรื่องเอเลลัส(นักเรียน ครบเเล้ว)

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำมาเรียกน้ำย่อยอ่านกันก่อนสมัคร

    • อัปเดตล่าสุด 25 พ.ย. 52


     

    เอเลลัส อาณาจักรแห่งมนตรา

     

    บทที่1 การเดินทางสู่เอเลลัส

     

     

    เฮ้อ เสียงถอนหายใจของเด็กหนุ่มผมทองผู้นั่งอยู่บนเรือสำเภาลำใหญ่ดังขึ้นหลังจากที่เขานั่งเงียบๆจ้องมองคลื่นทะเลอยู่นาน เส้นผมสีทองพลิ้วไหวไปตามแรงลม ดวงตาสีน้ำตาลเข้มบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าอารมณ์ตอนนี้ของเขาเบื่อหน่ายเต็มที ในหัวสมองของเขามีเรื่องมากมายให้คิด นั่นช่างไม่เข้ากับคนนิสัยเปื่อยๆอย่างเขาเลย ส่วนเหตุผลที่เขาต้องมานั่งเล่นอยู่บนเรือแบบนี้น่ะหรอ...

     

     สองวันก่อนหน้านี้....ขณะที่เขาเดินทางกลับมาถึงบ้านหลังจากเลิกเรียน เมื่อเขาเปิดประตูเข้าบ้านเขาเองก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าข้าวของจำนวนไม่น้อยทีเดียวที่กองอยู่บนพื้นบ้าน ในตอนแรกหลังจากที่เขาเรียกสติกลับคืนมาความคิดที่ว่าอาจจะมีพวกย่องเบาซักคนแอบเข้ามาในบ้านระหว่าที่แม่ของเขาไม่อยู่ก็เป็นไปได้อย่างมาก และเมื่อทันทีที่ได้ยินเสียงรื้อของอยู่บนห้องของเขา เขาก็รีบขึ้นไปดูทันทีโดยหวังว่าย่องเบาคนนั้นอาจจะยังไม่รู้ตัวว่าจ้าของบ้านได้กลับมาแล้ว และเมื่อเปิดประตูเข้าไปเขาก็ต้องแปลกใจยิ่งกว่าเมื่อพบว่าบุคคลที่อยู่ในห้องไม่ใช่ใครอื่น กลับเป็นแม่ของเขาผู้กำลังกวาดข้าวของบนโต๊ะของเขาลงในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่

     

    อ่าว กลับมาแล้วเหรอ ยืนหัวโด่อยู่ได้ รีบมาช่วยแม่จัดของสิ ผู้เป็นมารดาเอ่ยทันที่เห็นเจ้าลูกชายคนเดียวยืนอยู่ตรงประตูห้อง มือหนึ่งก็กวักเรียกให้ลูกมาช่วยส่วนอีกมือก็ยังกวาดของบนโต๊ะลงกระเป๋าเรื่อยๆ

     

    แม่ทำอะไรน่ะ เขาเอ่ยถามทันที่ที่ผู้เป็นมารดาพูดจบ

     

    แม่ตัดสินใจแล้ว ว่าจะให้ลูกไปเรียนที่เอเลลัส อีกสามวันจะเป็นวันสมัคร ส่วนลูกก็ขึ้นเรือไปวันนี้เลย ผู้เป็นแม่อธิบายแต่นั่นไม่ได้ให้ความกระจ่างแก่ผู้เป็นลูกเลยสักนิดเดียว และก่อนที่เขาจะได้เอ่ยอะไรออกมา เขาก็ถูกจับโยนออกมาจากบ้านพร้อมเจ้ากระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองใบแถมจดหมายอีกหนึ่งฉบับที่ผ็เป็นมารดายัดใส่มือมา

     

    นี่เป็นรายละเอียดต่างๆเผื่อลูกจะอยากรู้ ขอให้โชคดี แม่ของเขากล่าว พร้อมยืนยิ้มส่งผู้เป็นลูกด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุข สุขเสียจนออกนอกหน้า จนทำให้เขาเองยังอดสงสัยไม่ได้ว่าความจริงแล้วแม่ของเขาดีใจที่เขาได้ไปเรียนที่เอเลลัส หรือดีใจที่เขาออกมาจากบ้านเสียทีกันแน่!

     

     

    เด็กหนุ่มถอนหายใจอีกเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของวัน ก่อนจะดึงจดหมายที่อยู่ในกระเป๋ามาอ่านอีกครั้ง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มไล่อ่านข้อความในจดหมายทีล่ะตัว

     

     

     

     

     

    เอเลลัสแห่งอาณาจักรเอเลลัส

     

    ถึง  ลีนอส ดาดีเลน

    จาก โรงเรียนเวทเอเลลัส

     

                            หลังจากที่ทางโรงเรียนได้พิจารณาแล้วพบว่า ลีนอส ดาดีเลน มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้เป็นนักเรียนของทางโรงเรียน จึงขอให้ได้มารายงานตัวในอีกสามวันข้างหน้าด้วย (ซึ่งตรงกลับวันเปิดรับสมครนักเรียนของทางโรงเรียน)

     

                                                                                                                                                      ลงชื่อ

                                                                                                                                                    อัลมอนเน่

    (ผอ.โรงเรียนเวทเอเลลัส)

     

                                                                                                                   อาเทมิส

          (ผอ.โรงเรียนเวทเอเลลัส)

     

                                                                                                                                                    อามอนซ่า

    (ผอ.โรงเรียนเวทเอเลลัส)

     

                                                                                                                                                   อาเชอร์รอส

    (ผอ.โรงเรียนเวทเอเลลัส)

     

     

     

     

     

     

    จดหมายสั้นกระชับได้ใจความ ไม่มีอะไรมากไปกว่าที่เขียน ไม่มีแม้แต่เอกสารอะไรทั้งสิ้นมีเพียงจดหมายสั้นๆฉบับเดียว ไม่แน่แม่ของเขาอาจจะลืมหยิบให้อีกก็ได้ แต่เนื่องจากการที่เป็นแม่ลูกกันมานานถึง 17 ปีจึ่งมั่นใจได้ว่าแม่ของเขาไม่ใช่คนสะเพร่าถึงขนาดนั้น

     

    ตามตำราเรียนที่ได้ศึกษามาเกี่ยวกับเอเลลัสกล่าวว่า  เอเลอไลท์คือโรงเรียนที่ได้ขึ้นชื่อว่ามีระบบการเรียนการสอนที่เยี่ยมยอดที่สุดในโลก เป็นโรงเรียนที่ทุกคนต่างฝันหาอยากจะเข้าเรียน นอกจากนี้ยังเป็นโรงเรียนโรงเรียนเดียวของอาณาจักรเอเลลัส อาณาจักที่ตั้งอยู่กลางเกาะกลางทะเล ไม่มีคนรู้ว่าความกว้างใหญ่ของอาณาจักรกว้างมากเท่าไหร่ บางคนกล่าวว่าความกว้างทั้งหมดของอาณาจักรนั้นกว้างใหญ่ยิ่งกว่าอาณาจักรบนโลกรวมกันเสียอีก นอกจากนี้เอเลลัสยังเป็นศูนย์รวมของต้นกำเนิดเผ่าพันธุ์ต่างๆ  หรือความจริงอาจพูดง่ายๆว่าเป็นประเทศมหาอำนาจอันลี้ลับก็ได้  ส่วนเรื่องโรงเรียนเวทเอเลลัสนั้นตามที่ได้ยินมา คุณสมบัติข้อแรกและข้อเดียวคือผู้สมัครต้องมีครบสิบเจ็ดปีในปีที่สมัครเพียงเท่านั้น!

     

    .......

     

     

    หึหึ  เรียกน้ำย่อยค่ะ ยังไม่หมด แต่คนแต่งเหนื่อยแล้ว เอาแค่นี้พอก่อนรีบสมัครกันเข้ามานะคะ ^ ^

     

    (เเก้เเล้วนะคะ)

    ต่อ

    ถึงแม้ว่าลีนอสจะไม่ค่อยได้เดินทางไปไหนนัก.. ความจริงหากจะพูดให้ถูกจริงๆแล้วล่ะก็ต้องพูดว่าไม่ได้ไปไหนเลยมากกว่า พ่อของเขาเสียตั้งแต่ยังเด็กที่เขายังจำหน้าของพ่อได้นั้นก็เพียงเพราะรูปถ่ายเท่านั้น ตอนเช้าไปโรงเรียน เลิกเรียนก็กลับบ้าน อาจมีไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกันบ้างแต่ไม่บ่อย ชีวิตตลอดสิบเจ็ดปีที่ผ่านมาของเจาเลยไม่ค่อยพบเจอกับเรื่องน่าตื่นเต้นเองซะเลย

     

    เสียงเรือจอดเทียบท่านไล่ความคิดทั้งหมดออกไปจากหัวเด็กชายอย่างหมดจด ผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่ไปมาตรงท่าเรือ หน้าตาและเครื่องแต่งกายแตกต่างกันออกไป มีทั้งคนที่มีหูและหางแมว คนที่มีปีกอยู่ที่กลางหลัง  มีแม้กระทั่งแมวที่เดินสองขาที่กำลังต่อราคาปลากับพ่อค้า ภาพตรงหน้าสร้างความปละหลาดใจให้กับลีนอสเป็นอย่างมาก ถึงเขาจะค่อนข้างเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วว่าการมาที่นี้ต้องพบเจอกับสิ่งแปลกๆมากมาย  แต่เมื่อเขาอยู่ในสถานการณ์จริงๆเขากลับยิ่งตื่นเต้นมากจนทำอะไรไม่ถูก  เขาสะบัดหน้าเตรียมใจก่อนที่จะเดินลงเรือเพื่อมุ่งหน้าสู่โรงเรียนเวทเอเลลัส

     

    เบื้องหน้าของเด็กหนุ่มคือกำแพงใหญ่ ความยาวของกำแพงเขาเองก็ไม่แน่ใจนักว่ามันยาวเท่าไหร่กันแน่ เพราะดูแล้วมันช่างยาวสุดลูกหูลูกตา  ไม่แน่บริเวณของโรงเรียนอาจจะเกือบครึ่งเกาะเลยก็ได้ ทั้งเกวียน ทั้งรถม้า และยานพาหนะต่างๆมากมายทั้งที่ลีนอสเคยเห็นและไม่เคยเห็นกำลังวิ่งเข้าสู่เขตรั้วโรงเรียนอย่างช้าๆ ผ่านประตูใหญ่ซึ่งสลักลายวิจิตร รอบๆบริเวณถนนที่ตรงทางเข้าโรงเรียนเต็มไปด้วยแผงลอยต่างๆมากมายที่ต่างมาฉกฉวยโอกาสในช่วงรับสมัครนักเรียนของโรงเรียนใหญ่แห่งนี้ ลีนอสมองไปรอบๆ  ความจริงมันดูไม่เหมือนกับการรับสมัครเรียนเลยดูเหมือนอย่างกับว่ามีงานรื่นเริงมากกว่าเสียอีก

     

    ลีนอสตัดสินใจเดินหาอาหารรองท้อง เพราะตั้งแต่เช้าเขาเองยังไมมิอะไรตกถึงท้องเลย เขาเดินตรงไปยังแถวบริเวณรั้วด้านข้างประตู ตรงไปยังร้านใหญ่ซึ่งดูแปลกแตกต่างจากร้านค้าต่างๆในบรเวณเดียวกัน ลีนอสเดินไปซื้ออาหารทางด้านซ้ายของร้านหลังเคาเตอร์ คือหญิงสาวร่างเล็กผู้มีเส้นผมและดวงตาสีดำสนิทพร้อมแว่นหนาสีเดียวกัน  เส้นผมสีดำสนิดยาวประบ่าชุดสีฟ้าครามแขนยาวเรียบร้อย

     

    รับอะไรดีคะ หญิงสาวเอ่ยถาม

     

    เออ...ขอซุปมันฝรั่งล่ะกันฮะ ลีนอสสั่งรายการอาหารที่อยู่บนสุดของเมนูที่ร้าน

     

    ซักครู่นะคะ มาสมัครเรียนหรอ หญิงผมดำเอ่ยถาม ลีนอสพยักหน้า

     

    เออ..คุณ

     

    เรียกอัลบิวเถอะ หญิงผมดำที่แนะนำตัวว่าอัลบิวเอ่ย แล้ว..

     

    เออ..ผมชื่อลีนอส ดาลีเลนฮะ ลีนอสพูดตอบ เออ..คุณอัลบิวฮะ นักเรียนมาสมัครเยอะขนาดนี้เลยหรอฮะ

     

    อัลบิวพยักหน้า อืม ปีหนึ่งก็ราวๆพันคนได้มั้ง ลีนอสเบิกตากว้างเมื่อได้ฟังคำพูดของอัลบิว

     

    โห พันกว่าคน  แล้วทางโรงเรียนรับนักเรียนเท่าไหร่ฮะ ลีนอสถามอีก

     

    อืม สี่สิบคนจ๊ะ อัลบิวตอบเหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าตกใจนัก ตรงข้ามกับเด็กหนุ่มเจ้าของคำถาม

     

    สี่สิบคน ทั้งๆที่โรงเรียนนี้ออกจะกว้างมากมายขนาดนี้หรอครับ..

     

    เชอร์รอส!!!” เสียงหวานแหลมดังมาจากข้างขวาภายในอาณาบริเวณของร้าน หญิงสาวร่างสูงโปร่งในชุดกระโปรงยาวสีขาวสะอาด เส้นผมสีฟ้าอ่อนยาวถึงสะโพกตรงปลายถูกดัดเป็นลอนๆ มือทั้งสองข้างของเจ้าหล่อนกำแน่นเพื่อพยายามสะกดอารมณ์ ตรงหน้าของเจ้าหล่อนคือชายหนุ่มตัวสูงผมดำสนิทที่ดูยุ่งเหยิงเหมือนไม่เคยหวีผมมาก่อน กำลังส่งสายตาละห้อย

     

    ก็อาเจ๊บอกให้เค้าชงโกโก้ใช่ไหม ที่นี้โกโก้มันหมดเชอร์เลยเอาดินปลูกหญ้าใส่แทนไง ชายหนุ่มที่น่าจะชื่อว่าเชอร์รอส

     

    หึๆ เชอร์รอส~” หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าอาเจ๊ยิ้มเสยะ น้ำเสียงหวานหยด

     

    ว๊าก~!”

     

    ลีนอสมองบุคลสองคนตรงหน้าอย่างตกตะลึง  ถ้าเลือกได้ล่ะก็เขาคงไม่อยากจะมีปัญหากับหญิงสาวผมฟ้าคนนั้นแน่ๆ

     

    อย่างนี้ประจำล่ะจ๊ะ อยากตกใจเลย อ่ะทั้งหมดสามสิบห้าแอนอัลบิวยื่นชามใส่ซุปมันฝรั่งกลิ่นหอมน่าทานมาให้ลีนอส  ลีนอสรีบควักเงินจ่ายให้อัลบิวแล้วลงมือทานอย่างรวดเร็ว เพราะเขาเองไม่อยากถูกลูกหลงจากด้านข้างของร้านแน่ๆ

     

    .......

     

    อืม ตรงนั้นแน่ๆเลย ลีนอสที่ทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วกำลังเดินด้อมๆมองๆอยู่ภายในโรงเรียนเวทเอเลลัสตรงดิ่งไปยังแถวยาวที่ยาวจนออกมานอกตัวปราสาท ถ้าเขาดาไม่ผิด ตรงนี้ต้องเป็นที่รับสมัครเรียนแน่ๆ ลีนอสถอนหายใจเฮือกก่อนจะเดินคอตกไปต่อแถวอย่างจำยอม

     

    เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ลมเย็นๆพัดเบาๆเล่นเอาลีนอสหาวแล้วหาวอีก ทำไมคนมันเยอะอย่างนี้เนี่ย แล้ววันเดียวจะเสร็จหรอ ลีนอสอดคิดไม่ได้ ตอนนี้เขามาถึงตรงประตูปราสาทแล้ว แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ขยับอยู่ดี เขาหาวอีกครั้ง น่าเบื่อเขาคิดและในตอนนั้นเอง

     

    พรึบ!

     

    ลูกไฟสีชมพูปรากฏขึ้นตรงหน้าของเด็กหนุ่ม จากนั้นดวงไฟก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นกระดาษสีน้ำตาลหนึ่งใบ พร้อมปากกาอีกหนึ่งด้าม พอหันไปรอบข้างก็พบว่ทุกคนเองก็ต่างมีกระดาษกับปากกาเช่นเดียวกัน สักพัก เสียงประกาศก็ดังขึ้น

     

    สวัสดี ขอให้กรอกข้อมูลของตนเองลงในใบสมัครให้เรียบร้อย ขอบบคุณ เสียงหวานแต่แฝงด้วยความเย็นชาดังขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็วโดยไม่มีการทวนซ้ำ

     

    อะไรกันเนี่ย ลีนอสอุทานทันทีหลังจากฟังประกาศจบ เด็กหนุ่มมองไปรอบๆตอนนี้หลายๆคนเริ่มลงมือเขียนกันแล้ว  เขาจึงเริ่มหยิบปากกาในมือขึ้นมาเขียนบ้าง

     

     

     

     

     

     

     

     

    โรงเรียนเวทเอเลลัส

    ใบสมัคร

     

     

    ชื่อ สกุล ::

    เพศ  ::

    ฉายา  ::

    เผ่าพันธุ์หรือเชื้อสาย  ::

    สีผม ::

    ลักษณะเส้นผม ::

    สีดวงตา ::

    สีผิว ::

    เสื้อที่ชอบใส่ ::

    สีประจำตัว ::

    ลักษณะนิสัย  ::

    คำพูดติดปาก ::

    งานอดิเรก  ::

    งานประจำ(ถ้ามี) ::

    ยศหรือบรรดาศักดิ์หรือตำแหน่ง(ถ้ามี) ::

    อาวุทจำพวกที่ถนัด (1-2อย่างเท่านั้น ::

    วิชาที่ชอบ  ::

    วิชาที่เกลียด  ::

    ความสามารถพิเศษ(อันเดียวที่ต้องการนำเสนอ ขอให้เป็นความสามารถที่ไม่เหมือนใครจะขอบคุณมากๆ ::

     

     

     

     

     

     

    (ลายมือชื่อผู้สมัคร)

     

     

     

     

     

     

    คิ้วของลีนอสขมวดเป็นปม เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงได้รอนานนักก็ไอ้ใบสมัครนี่น่ะสิ แปลกมากๆเขาสาบานได้เลยว่าไม่โรงเรียนที่ไหนถามถึงเสื้อที่ชอบใส่ สีประจำตัวอะไรพวกนี้หรอก ลีนอสถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะเริ่มกรอกข้อมูลคร่าวๆลงไป

     

    คนต่อไป เสียงเย็นเอ่ยขณะที่ลีนอสนั้นเขียนตัวสุดท้ายเสร็จพอดี และถ้าเขาจำไม่ผิดล่ะก็เสียงนี้ก็คือเสียงเดียวกับเสียงประกาศเมื่อครู่ 

     

    ตรงหน้าคือหญิงสาวผู้มีเส้นผมสีชมพูเช่นเดียวกับดวงตากลมโต ใบหน้าสวยคมและลีนอสคิดว่าจะสวยกว่านี้หากหญิงสาวไมได้อยู่ในอารมณ์นี้ ใบหน้าสวยทำหน้าไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง เธอนั่งอยู่หลังโต๊ะซึ่งเขียนว่าโต๊ะรับสมัคร พอเห็นแล้วลีนอสก็พบว่าอีกเหตุผลหนึ่งที่การรับสมัครนี้เป็นไปอย่างเชื่องช้าอันเนื่องจากผู้สมัครมีพันกว่าคนแต่ทว่าคนรับสมัครกลับมีอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×