ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : งานเลี้ยงวันสุดท้าย
และแล้วงานเลี้ยงวันจบการศึกษาของนักเรียนชั้น ปี 7 ก็มาถึง
        งานนี้จะเหมือนงานเลี้ยงอำลา สำหรับ ปี 7 ทุกคน ซึ่งก่อนจะมีงานเลี้ยง ทุกคนได้ทำการสอบไปแล้ว  ผลการสอบทุกคน คงจะพอเดากันได้อยู่แล้ว ลำดับที่ 1 คงต้องยกให้ เจ้าหญิงคนงามผู้อ่อนหวานแห่งป้อมอัศวิน เรนอนนั่นเอง ที่ 2 คงเป็นขอทานความที่มีรู้ท่วมหัว อย่างโร เซวาเรส และเจ้าหญิงแห่งอเมซอล มาทิลด้า ซิลเวอร์
ที่ 3 มาจากม้ามืด ซึ่งมันเพิ่งจะมาแผลงลายตอน ปี 7 คือ กัส โทนี่ย่า และ เจ้าชายสุดเก๊กของเรา เจ้าชายแห่งคาโนวาลนั่นเอง  ส่วนด้านจอมแสบ เฟริน เดอโบว์โร หรือ เฟลิโอน่า แห่งเดมอส และคิล ฟีลมัส นักฆ่าจากซาเรส ไม่รู้ว่าปีนี้ไปกินยาม้าหรืออะไรมา ทำให้คะแนนดีขึ้นกว่าปีอื่นๆทั้งๆที่แอบหลับในชั่วโมงเรียนประจำ ส่วนที่สุดท้ายของป้อม เห็นจะเป็นใครไม่ได้ ครี้ด นั่นเอง ทั้งๆที่การคาดการของ ขอทานเจ้าความรู้บอกไว้ว่า ปีนี้ที่สุดท้ายคงหนีไม่พ้น เฟรินหรือคิลแน่ๆ จึงสร้างความตะลึงงันกับเพื่อนๆเป็นอย่างมาก
ในงานเลี้ยงซึ่งจัดตอนกลางคืน ทุกคนใส่เสื้อผ้าอย่างดีกันทุกคน  ซึ่งเฟริน วันนี้ก็อุตส่าห์ลงทุน ยอมแต่งตัวเป็นผู้หญิง ไม่รู้ว่าเพราะเห็นว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะได้อยู่ที่นี้ เลยขอเป็นผู้หญิงสักวัน หรือใส่เพราะอยากอวดใครบางคนว่า  ตัวเองก็แต่งตัวเป็นผู้หญิงกับคนอื่นได้  ซึ่งเมื่อเฟรินแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงยาวสีน้ำเงิน รวมทั้งสวมสร้อยคอไข่มุกแสงจันทร์ที่ได้จากใครบางคน ก็เรียกความตะลึง และสายตาจากหนุ่มๆได้อย่างอยูมัด แต่เธอไม่สนใจคนพวกนั้นสักนิด กลับมองหาใครบางคนที่อยู่ในใจ
และแล้ว........เจ้าชายแห่งคาโนวาลก็ทนไม่ไหว กับสายตาของพวกผู้ชาย.......จึง.....เกือบแช่แข็งปราสาทเอดินเบิร์กมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งเมื่อเจ้าตัวเห็นพฤติกรรมนี้ก็อดอมยิ้มไม่ได้
“คาโลนายมาที่ระเบียงหน่อยสิ ฉันมีเรื่องจะพูดกับนาย”  เฟรินเดินไปหาคาโลพร้อมชวนคุย
“นายมีอะไรก็พูดกันตรงนี้ก็ได้” คาโลเปลี่ยนบุคลิกเป็นเย็นชาเหมือนเดิม
“เอาเถอะน่า นายก็ ฉันถามจริงเหอะ เรียนมาด้วยกันจนจะจบปี 7 อยู่แล้ว นายช่วยเลิกทำเป็นเย็นชาสักทีได้ไหม” เฟรินพูดอย่างอารมณ์เสียก็ในเมื่อเขาชวนคุยด้วยดีๆ กลับตอบมาอย่างน่าเตะ
“แล้วอีกอย่างนะ นายเลิกทำให้ปราสาทเอดินเบิร์กเป็นน้ำแข็งได้แล้ว รู้ไหมคนอื่นเขาลุ้นขนาดไหน” เฟรินยังพล่ามไม่เลิก
“เขาจะลุ้นอะไรกันละ” คาโลยังไม่เข้าใจในความหมายของคนตรงหน้า
“ก็ลุ้นว่าตัวเองจะถูกแช่แข็งตายเมื่อไรนะสิ” เมื่อเฟรินพูดจบก็หัวเราะออกมาดังลั่น ทำให้เพื่อนๆหันมามองกันใหญ่ และมันยิ่งกวนประสาทของเจ้าชายมากขึ้นไปอีก
“ตกลงจะไปไหม ที่ระเบียงเนี่ย” คาโลพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“อ่า...ไปสิๆ ไปอยู่แล้ว.....อิอิ” เฟรินยังหัวเราะทิ้งท้ายพร้อมคิดในใจว่า ขนาดวันสุดท้าย เจ้าชายบ้าเวทมนต์ยังไม่เลิกทำตัวเก๊กไม่เข้าท่าอีก แล้วเขาก็หัวเราะในใจ
“ตกลงนายมีอะไรก็พูดมา” คาโลพูดด้วยเสียงที่บ่งบอกชัดว่ากำลังอารมณ์ไม่ดี
หึหึ นายอารมณ์ ไม่ดีใช่ไหมคาโลดีละ ฉันจะแกล้งนายเอง เฟรินคิดแผนในใจ
“คาโล ฉันมีเรื่องอยากจะบอกนายอะ”
“ฉันรู้แล้วไม่งั้นนายก็คงไม่เรียกฉันออกมานะสิ” คาโลย้อนกลับ
“เออ” เฟรินตอบอย่างโมโห ตอนนี้เริ่มเป็นตัวเขาเองแล้วที่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
“คาโล..ฉันว่า นายล้มเลิกแผนที่จะหมั้นฉันเถอะ”
“ทำไมละเฟริน” เมื่อเฟรินพูดจบเหมือนมีอะไรมาสะกิดหัวสมองทำให้เขาฟังถ้อยคำนั้นได้อย่างชัดเจน และเขาก็ไม่สามารถควบคุมสติได้ เลยพูดโพล่งออกไป
“ก็ฉันว่าฉันไม่เหมาะกับนายนิ ไม่แน่บางทีพ่อนายอาจจะพูดถูกก็ได้นะ” เฟรินยังแกล้งต่อ
“บ้าเหรอเฟริน!!!! ไม่มีทางหรอก นี่นายเป็นอะไรของนายเนี่ย” คาโลพูดอย่างอารมณ์เสีย
“ก็อย่างที่ฉันพูดไปนายมีอะไรไม่เข้าใจเหรอ” เมื่อถึงตอนนี้คาโลชักเริ่มรู้แล้วว่ามันแปลกๆ ก็ในเมื่อเมื่อวานมันยังบ้าๆบอๆ สัญญากับเขาอยู่เลย ทำไมมันถึงเปลี่ยนใจง่ายอย่างนี้ เอ๊ะ!!!!หรือว่ามันแกล้ง คราวก่อนก็ทีหนึ่งแล้วตอนมันบ้า ไปขอโรเป็นแฟน เมื่อคิดได้ดังนั้น คาโลเลยลองทำเป็นไม่สนใจดู
“เหรอ....อืม ฉันคิดว่าไม่แน่มันก็อาจจะเป็นอบย่างที่นายพูดก็ได้นะ บางทีนายอาจจะยังไม่ดีพอ ท่านพอเลยไม่ยอมให้ฉันแต่งงานกับนาย” คาโลพูดพร้อมทำหน้าตาแบบเรียบเฉย
เมื่อเฟรินฟังดังนั้นก็ชะงักไปชั่วครู่
“ฉันว่า ท่านพ่ออาจจะหวังดีกับฉันก็ได้นะ ไม่มีพ่อที่ไหนไม่รักลูกใช่ไหมเฟริน” คาโลยังแหย่ต่อไม่เลิก
“คาโล.....” เฟรินเรียกคาโล ตอนนี้เขาสับสนไปหมดแล้ว ตอนแรกเขากะแค่ว่าจะมาล้อเล่นมันเฉยๆ แต่ตอนนี้มันกลับเอาจริงเหรอ
“หือ” คาโลยังแสดงละครต่อ
‘นี่หรือว่ามันพูดจริง บ้าน่า!!! มันไม่มีทางคิดอะไรแบบนั้นหรอกจริงไหม’ เฟรินยังไม่เชื่อ
‘เราไม่น่าไปแหย่คาโลมันเลย ทำไมเราถึงโง่ขนาดนี้ ไปแหย่อะไรไม่รู้เรื่องเลย”เฟรินนึกโทษตัวเอง เอาหวะ ไม่กงไม่แกล้งมันแล้ว เราจะบอกความจริงกับมัน
“คาโล......”
“หือ....นายมีอะไรก็พูดมาสิ นายเรียกฉันเป็นรอบที่ล้านแล้วก็ไม่พูด”
“คือ...เมื่อกี้ฉันพูดเล่นเอง นายอย่าคิดจริงๆจังๆสิ” เฟรินสารภาพ ทำให้คาโลคิดในใจ ‘ฉันรู้ว่านายแกล้งตั้งนานแล้วแหละ’ แต่ก็เพิ่งรู้เหมือนกันนะว่าแกล้วคนมันสนุกขนาดนี้ ยังไงแกล้งต่อไปดีกว่า เอาคืนที่มันทำกับเราบ้าง
“อะไรเฟริน นายพูดแล้วห้ามคืนคำสิ ต่อไปนายจะเป็นพระราชินีหรือกษัตริย์ก็ไม่รู้ นายต้องอย่าพูดจากลับกลอกรู้ไหม ต่อไปเราก็จะไม่ได้เจอกันแล้วนายต้องหัดทำตัวดีๆรู้ไหม”
“คาโล.....ฉันบอกว่าฉันล้อเล่นจริงๆนะ นายอย่าพูดแบบนี้สิ” เฟรินพูดแล้วก็เริ่มร้องไห้ ทั้งๆที่เขารู้ว่าร้องไห้ในวันสุดท้ายแถมอยู่ในงานเต้นรำมันไม่ดี แต่มันห้ามน้ำตาไม่ไหวแล้ว
เมื่อคาโลเห็นเช่นนั้นเลยอยากจะคิดจะบอกความจริงเพราะเขาคิดว่าแกล้งแค่นี้คงพอแล้ว
“เฟรินฉันพูดจริงๆนะ แต่ก่อนที่เราจะจบจากที่นี่ฉันมีเรื่องอะไรจะบอกนาย”
“ไม่...ฉันไม่ฟังอะไรทั้งนั้น” เมื่อเฟรินพูดจบก็ทำท่าจะวิ่งหนี ทำให้คาโลต้องรีบจับคนตรงหน้าไว้
“เดี๋ยวก่อนสินายต้องฟังฉันนะ มันสำคัญมาก” คาโลพูดพร้อมมีรอยยิ้มนิดๆเกิดขึ้นที่ใบหน้า
“ไม่เอาแล้ว....ฉันไม่อยากฟังอะไรจากนายทั้งนั้น” เฟรินอย่างน้อยใจ ‘ผู้ชายบ้าอะไร มาหลอกให้เรามีใจให้ แล้วก็จะทิ้งกันไปง่ายๆอย่างนี้เหรอ’ แต่คาโลไม่ฟังกลับแนบหน้ามาใกล้เฟรินยิ่งขึ้น พร้อมพูดอย่างแผ่วเบาว่า....
“ฉัน.....ล้อนายเล่นนะเฟริน”
เมื่อเจ้าตัวฟังดังนั้นน้ำตาที่ไหลอาบแก้มกลับหยุดสนิท
“นายว่าอะไรนะคาโล” เฟรินถามอย่างไม่อยากเชื่อ เขาหูฝาดหรือเปล่า 
“ฉัน...บอก...ว่า...ฉัน..ล้อนายเล่นเท่านั้นเอง” เมื่อเฟรินฟังดังนั้นจากความเสียใจได้เปลี่ยนเป็นความโกรธโดยฉับพลัน
‘หนอยเจ้าคาโล เดี๋ยวนี้นายกล้าเล่นกับฉันแบบนี้แล้วเหรอ’เฟรินคิดพร้อมกับกัดฟันกรอด....อย่างเจ็บใจ
“นี่คาโล...นายว่านายล้อฉันเล่นเนี่ยนะ”
“อืม”
“นี่...นายไม่มีอะไรทำหรือไงมาล้อคนอื่นเล่น”
“อ้าว ก็ใครดันมาล้อฉันเล่นก่อนละ” คาโลตอกกลับ
หนอยเดี๋ยวนี้ทำเป็นปากดีนะคาโล แต่ก็จริงของมัน เราไม่น่าไปหาเรื่องมันก่อนเล้ย
“เอาน่าเฟริน เอาเป็นว่านายล้อฉันเล่นแล้วฉันก็แกล้งนายกลับก็เสมอกันแล้วไง”
เฟรินยังไม่หายงอนพร้อมกับทำหน้าบึ้งตึงกว่าเดิม (คิดภาพเฟรินทำหน้าบึ้งเหมือนเด็กนะค่ะ)
“งั้น นายจะให้ฉันทำยังไงให้นายหายโกรธฉัน”
“นายต้องมาเต้นรำกับฉันเพลงนึ่ง”
“หา? เต้นรำ”
“เออสิ นายอยากทำให้ฉันโกรธทำไม”
อะไรไม่ยุติธรรมเลย ทำไมเวลาเขาล้อมันเล่นเขาต้องง้อมันด้วย ทีมันยังไม่เห็นง้อเขาเลย ฉับพลันคาโลก็คิดหน้าตัวเองเต็นรำ ทันใดนั้นหน้าก็ขึ้นสีเรื่อทันที ก็เขาไม่อยากเต้นรำต่อหน้าเพื่อนๆนี่นา แต่พอคิดๆดูแล้ว เขาก็ไม่มีทางเลือกจึงยอมตอบตกลงไป
“งั้น..ก็ได้”
“หา? นายว่าอะไรนะคาโล”
“ก็ฉันยอมแล้วไงจะเอาอะไรอีก” เฟรินแถบไม่เชื่อหูตัวเองนี่ เจ้าชายคาโนวาลตัวจริงหรือเปล่า ทำไมยอมรับอะไรง่ายอย่างนี้
“อืม...งั้นเราไปเต้นรำกันเถอะ” จากนั้นเฟรินก็จูงคาโลไปเต้นรำด้วยความอารมณ์ดี (เฮ้ย ไม่ใช่หมานะ)
และแล้วค่ำคืนนั้นทุกคนก็เต้นรำอย่างสนุกสนาน แต่ทว่าวันนี้สำหรับ เจ้าหญิงเฟลิโอน่า เกรเดเวล และ เจ้าชายคาโลแห่งคาโลวาล รวมทั้ง เพื่อนๆป้อมอัศวิน กลับมีความไม่สบายใจอย่างมาก เพราะว่า วันพรุ่งนี้แล้วที่ พวกเขาต้องเดินทางกันไป คาโนวาล ไม่รู้ว่าคิงปีศาจที่เฟรินพูดบ่อยๆจะเป็นยังไง ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้พวกเขาต้องเจอกับอะไรบ้าง......ถึงแม้ว่าจะไม่แสดงออกมาให้รู้ แต่ดูเหมือนทุกคนในป้อมคงจะรู้เรื่องความรู้สึกช่วงนี้ดี
***************************************************************************
แฮะๆ กว่าจะอัพได้ตั้งนานก็ต้องขอโทษด้วยนะค่า หวังว่าคงไม่ลืมกัน 55555+
        งานนี้จะเหมือนงานเลี้ยงอำลา สำหรับ ปี 7 ทุกคน ซึ่งก่อนจะมีงานเลี้ยง ทุกคนได้ทำการสอบไปแล้ว  ผลการสอบทุกคน คงจะพอเดากันได้อยู่แล้ว ลำดับที่ 1 คงต้องยกให้ เจ้าหญิงคนงามผู้อ่อนหวานแห่งป้อมอัศวิน เรนอนนั่นเอง ที่ 2 คงเป็นขอทานความที่มีรู้ท่วมหัว อย่างโร เซวาเรส และเจ้าหญิงแห่งอเมซอล มาทิลด้า ซิลเวอร์
ที่ 3 มาจากม้ามืด ซึ่งมันเพิ่งจะมาแผลงลายตอน ปี 7 คือ กัส โทนี่ย่า และ เจ้าชายสุดเก๊กของเรา เจ้าชายแห่งคาโนวาลนั่นเอง  ส่วนด้านจอมแสบ เฟริน เดอโบว์โร หรือ เฟลิโอน่า แห่งเดมอส และคิล ฟีลมัส นักฆ่าจากซาเรส ไม่รู้ว่าปีนี้ไปกินยาม้าหรืออะไรมา ทำให้คะแนนดีขึ้นกว่าปีอื่นๆทั้งๆที่แอบหลับในชั่วโมงเรียนประจำ ส่วนที่สุดท้ายของป้อม เห็นจะเป็นใครไม่ได้ ครี้ด นั่นเอง ทั้งๆที่การคาดการของ ขอทานเจ้าความรู้บอกไว้ว่า ปีนี้ที่สุดท้ายคงหนีไม่พ้น เฟรินหรือคิลแน่ๆ จึงสร้างความตะลึงงันกับเพื่อนๆเป็นอย่างมาก
ในงานเลี้ยงซึ่งจัดตอนกลางคืน ทุกคนใส่เสื้อผ้าอย่างดีกันทุกคน  ซึ่งเฟริน วันนี้ก็อุตส่าห์ลงทุน ยอมแต่งตัวเป็นผู้หญิง ไม่รู้ว่าเพราะเห็นว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะได้อยู่ที่นี้ เลยขอเป็นผู้หญิงสักวัน หรือใส่เพราะอยากอวดใครบางคนว่า  ตัวเองก็แต่งตัวเป็นผู้หญิงกับคนอื่นได้  ซึ่งเมื่อเฟรินแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงยาวสีน้ำเงิน รวมทั้งสวมสร้อยคอไข่มุกแสงจันทร์ที่ได้จากใครบางคน ก็เรียกความตะลึง และสายตาจากหนุ่มๆได้อย่างอยูมัด แต่เธอไม่สนใจคนพวกนั้นสักนิด กลับมองหาใครบางคนที่อยู่ในใจ
และแล้ว........เจ้าชายแห่งคาโนวาลก็ทนไม่ไหว กับสายตาของพวกผู้ชาย.......จึง.....เกือบแช่แข็งปราสาทเอดินเบิร์กมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งเมื่อเจ้าตัวเห็นพฤติกรรมนี้ก็อดอมยิ้มไม่ได้
“คาโลนายมาที่ระเบียงหน่อยสิ ฉันมีเรื่องจะพูดกับนาย”  เฟรินเดินไปหาคาโลพร้อมชวนคุย
“นายมีอะไรก็พูดกันตรงนี้ก็ได้” คาโลเปลี่ยนบุคลิกเป็นเย็นชาเหมือนเดิม
“เอาเถอะน่า นายก็ ฉันถามจริงเหอะ เรียนมาด้วยกันจนจะจบปี 7 อยู่แล้ว นายช่วยเลิกทำเป็นเย็นชาสักทีได้ไหม” เฟรินพูดอย่างอารมณ์เสียก็ในเมื่อเขาชวนคุยด้วยดีๆ กลับตอบมาอย่างน่าเตะ
“แล้วอีกอย่างนะ นายเลิกทำให้ปราสาทเอดินเบิร์กเป็นน้ำแข็งได้แล้ว รู้ไหมคนอื่นเขาลุ้นขนาดไหน” เฟรินยังพล่ามไม่เลิก
“เขาจะลุ้นอะไรกันละ” คาโลยังไม่เข้าใจในความหมายของคนตรงหน้า
“ก็ลุ้นว่าตัวเองจะถูกแช่แข็งตายเมื่อไรนะสิ” เมื่อเฟรินพูดจบก็หัวเราะออกมาดังลั่น ทำให้เพื่อนๆหันมามองกันใหญ่ และมันยิ่งกวนประสาทของเจ้าชายมากขึ้นไปอีก
“ตกลงจะไปไหม ที่ระเบียงเนี่ย” คาโลพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“อ่า...ไปสิๆ ไปอยู่แล้ว.....อิอิ” เฟรินยังหัวเราะทิ้งท้ายพร้อมคิดในใจว่า ขนาดวันสุดท้าย เจ้าชายบ้าเวทมนต์ยังไม่เลิกทำตัวเก๊กไม่เข้าท่าอีก แล้วเขาก็หัวเราะในใจ
“ตกลงนายมีอะไรก็พูดมา” คาโลพูดด้วยเสียงที่บ่งบอกชัดว่ากำลังอารมณ์ไม่ดี
หึหึ นายอารมณ์ ไม่ดีใช่ไหมคาโลดีละ ฉันจะแกล้งนายเอง เฟรินคิดแผนในใจ
“คาโล ฉันมีเรื่องอยากจะบอกนายอะ”
“ฉันรู้แล้วไม่งั้นนายก็คงไม่เรียกฉันออกมานะสิ” คาโลย้อนกลับ
“เออ” เฟรินตอบอย่างโมโห ตอนนี้เริ่มเป็นตัวเขาเองแล้วที่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
“คาโล..ฉันว่า นายล้มเลิกแผนที่จะหมั้นฉันเถอะ”
“ทำไมละเฟริน” เมื่อเฟรินพูดจบเหมือนมีอะไรมาสะกิดหัวสมองทำให้เขาฟังถ้อยคำนั้นได้อย่างชัดเจน และเขาก็ไม่สามารถควบคุมสติได้ เลยพูดโพล่งออกไป
“ก็ฉันว่าฉันไม่เหมาะกับนายนิ ไม่แน่บางทีพ่อนายอาจจะพูดถูกก็ได้นะ” เฟรินยังแกล้งต่อ
“บ้าเหรอเฟริน!!!! ไม่มีทางหรอก นี่นายเป็นอะไรของนายเนี่ย” คาโลพูดอย่างอารมณ์เสีย
“ก็อย่างที่ฉันพูดไปนายมีอะไรไม่เข้าใจเหรอ” เมื่อถึงตอนนี้คาโลชักเริ่มรู้แล้วว่ามันแปลกๆ ก็ในเมื่อเมื่อวานมันยังบ้าๆบอๆ สัญญากับเขาอยู่เลย ทำไมมันถึงเปลี่ยนใจง่ายอย่างนี้ เอ๊ะ!!!!หรือว่ามันแกล้ง คราวก่อนก็ทีหนึ่งแล้วตอนมันบ้า ไปขอโรเป็นแฟน เมื่อคิดได้ดังนั้น คาโลเลยลองทำเป็นไม่สนใจดู
“เหรอ....อืม ฉันคิดว่าไม่แน่มันก็อาจจะเป็นอบย่างที่นายพูดก็ได้นะ บางทีนายอาจจะยังไม่ดีพอ ท่านพอเลยไม่ยอมให้ฉันแต่งงานกับนาย” คาโลพูดพร้อมทำหน้าตาแบบเรียบเฉย
เมื่อเฟรินฟังดังนั้นก็ชะงักไปชั่วครู่
“ฉันว่า ท่านพ่ออาจจะหวังดีกับฉันก็ได้นะ ไม่มีพ่อที่ไหนไม่รักลูกใช่ไหมเฟริน” คาโลยังแหย่ต่อไม่เลิก
“คาโล.....” เฟรินเรียกคาโล ตอนนี้เขาสับสนไปหมดแล้ว ตอนแรกเขากะแค่ว่าจะมาล้อเล่นมันเฉยๆ แต่ตอนนี้มันกลับเอาจริงเหรอ
“หือ” คาโลยังแสดงละครต่อ
‘นี่หรือว่ามันพูดจริง บ้าน่า!!! มันไม่มีทางคิดอะไรแบบนั้นหรอกจริงไหม’ เฟรินยังไม่เชื่อ
‘เราไม่น่าไปแหย่คาโลมันเลย ทำไมเราถึงโง่ขนาดนี้ ไปแหย่อะไรไม่รู้เรื่องเลย”เฟรินนึกโทษตัวเอง เอาหวะ ไม่กงไม่แกล้งมันแล้ว เราจะบอกความจริงกับมัน
“คาโล......”
“หือ....นายมีอะไรก็พูดมาสิ นายเรียกฉันเป็นรอบที่ล้านแล้วก็ไม่พูด”
“คือ...เมื่อกี้ฉันพูดเล่นเอง นายอย่าคิดจริงๆจังๆสิ” เฟรินสารภาพ ทำให้คาโลคิดในใจ ‘ฉันรู้ว่านายแกล้งตั้งนานแล้วแหละ’ แต่ก็เพิ่งรู้เหมือนกันนะว่าแกล้วคนมันสนุกขนาดนี้ ยังไงแกล้งต่อไปดีกว่า เอาคืนที่มันทำกับเราบ้าง
“อะไรเฟริน นายพูดแล้วห้ามคืนคำสิ ต่อไปนายจะเป็นพระราชินีหรือกษัตริย์ก็ไม่รู้ นายต้องอย่าพูดจากลับกลอกรู้ไหม ต่อไปเราก็จะไม่ได้เจอกันแล้วนายต้องหัดทำตัวดีๆรู้ไหม”
“คาโล.....ฉันบอกว่าฉันล้อเล่นจริงๆนะ นายอย่าพูดแบบนี้สิ” เฟรินพูดแล้วก็เริ่มร้องไห้ ทั้งๆที่เขารู้ว่าร้องไห้ในวันสุดท้ายแถมอยู่ในงานเต้นรำมันไม่ดี แต่มันห้ามน้ำตาไม่ไหวแล้ว
เมื่อคาโลเห็นเช่นนั้นเลยอยากจะคิดจะบอกความจริงเพราะเขาคิดว่าแกล้งแค่นี้คงพอแล้ว
“เฟรินฉันพูดจริงๆนะ แต่ก่อนที่เราจะจบจากที่นี่ฉันมีเรื่องอะไรจะบอกนาย”
“ไม่...ฉันไม่ฟังอะไรทั้งนั้น” เมื่อเฟรินพูดจบก็ทำท่าจะวิ่งหนี ทำให้คาโลต้องรีบจับคนตรงหน้าไว้
“เดี๋ยวก่อนสินายต้องฟังฉันนะ มันสำคัญมาก” คาโลพูดพร้อมมีรอยยิ้มนิดๆเกิดขึ้นที่ใบหน้า
“ไม่เอาแล้ว....ฉันไม่อยากฟังอะไรจากนายทั้งนั้น” เฟรินอย่างน้อยใจ ‘ผู้ชายบ้าอะไร มาหลอกให้เรามีใจให้ แล้วก็จะทิ้งกันไปง่ายๆอย่างนี้เหรอ’ แต่คาโลไม่ฟังกลับแนบหน้ามาใกล้เฟรินยิ่งขึ้น พร้อมพูดอย่างแผ่วเบาว่า....
“ฉัน.....ล้อนายเล่นนะเฟริน”
เมื่อเจ้าตัวฟังดังนั้นน้ำตาที่ไหลอาบแก้มกลับหยุดสนิท
“นายว่าอะไรนะคาโล” เฟรินถามอย่างไม่อยากเชื่อ เขาหูฝาดหรือเปล่า 
“ฉัน...บอก...ว่า...ฉัน..ล้อนายเล่นเท่านั้นเอง” เมื่อเฟรินฟังดังนั้นจากความเสียใจได้เปลี่ยนเป็นความโกรธโดยฉับพลัน
‘หนอยเจ้าคาโล เดี๋ยวนี้นายกล้าเล่นกับฉันแบบนี้แล้วเหรอ’เฟรินคิดพร้อมกับกัดฟันกรอด....อย่างเจ็บใจ
“นี่คาโล...นายว่านายล้อฉันเล่นเนี่ยนะ”
“อืม”
“นี่...นายไม่มีอะไรทำหรือไงมาล้อคนอื่นเล่น”
“อ้าว ก็ใครดันมาล้อฉันเล่นก่อนละ” คาโลตอกกลับ
หนอยเดี๋ยวนี้ทำเป็นปากดีนะคาโล แต่ก็จริงของมัน เราไม่น่าไปหาเรื่องมันก่อนเล้ย
“เอาน่าเฟริน เอาเป็นว่านายล้อฉันเล่นแล้วฉันก็แกล้งนายกลับก็เสมอกันแล้วไง”
เฟรินยังไม่หายงอนพร้อมกับทำหน้าบึ้งตึงกว่าเดิม (คิดภาพเฟรินทำหน้าบึ้งเหมือนเด็กนะค่ะ)
“งั้น นายจะให้ฉันทำยังไงให้นายหายโกรธฉัน”
“นายต้องมาเต้นรำกับฉันเพลงนึ่ง”
“หา? เต้นรำ”
“เออสิ นายอยากทำให้ฉันโกรธทำไม”
อะไรไม่ยุติธรรมเลย ทำไมเวลาเขาล้อมันเล่นเขาต้องง้อมันด้วย ทีมันยังไม่เห็นง้อเขาเลย ฉับพลันคาโลก็คิดหน้าตัวเองเต็นรำ ทันใดนั้นหน้าก็ขึ้นสีเรื่อทันที ก็เขาไม่อยากเต้นรำต่อหน้าเพื่อนๆนี่นา แต่พอคิดๆดูแล้ว เขาก็ไม่มีทางเลือกจึงยอมตอบตกลงไป
“งั้น..ก็ได้”
“หา? นายว่าอะไรนะคาโล”
“ก็ฉันยอมแล้วไงจะเอาอะไรอีก” เฟรินแถบไม่เชื่อหูตัวเองนี่ เจ้าชายคาโนวาลตัวจริงหรือเปล่า ทำไมยอมรับอะไรง่ายอย่างนี้
“อืม...งั้นเราไปเต้นรำกันเถอะ” จากนั้นเฟรินก็จูงคาโลไปเต้นรำด้วยความอารมณ์ดี (เฮ้ย ไม่ใช่หมานะ)
และแล้วค่ำคืนนั้นทุกคนก็เต้นรำอย่างสนุกสนาน แต่ทว่าวันนี้สำหรับ เจ้าหญิงเฟลิโอน่า เกรเดเวล และ เจ้าชายคาโลแห่งคาโลวาล รวมทั้ง เพื่อนๆป้อมอัศวิน กลับมีความไม่สบายใจอย่างมาก เพราะว่า วันพรุ่งนี้แล้วที่ พวกเขาต้องเดินทางกันไป คาโนวาล ไม่รู้ว่าคิงปีศาจที่เฟรินพูดบ่อยๆจะเป็นยังไง ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้พวกเขาต้องเจอกับอะไรบ้าง......ถึงแม้ว่าจะไม่แสดงออกมาให้รู้ แต่ดูเหมือนทุกคนในป้อมคงจะรู้เรื่องความรู้สึกช่วงนี้ดี
***************************************************************************
แฮะๆ กว่าจะอัพได้ตั้งนานก็ต้องขอโทษด้วยนะค่า หวังว่าคงไม่ลืมกัน 55555+
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น