คาซึยะ
เมื่อหนุ่มน้อยจากญี่ปุ่นต้องมาผจญภัยในเมืองไทยกับครอบครัวที่แปลกประหลาดที่สุด อะไรต่อมิอะไรก็เกิดขึ้นได้
ผู้เข้าชมรวม
960
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
สวัสดีค่ะขอแนะนำตัวก่อนน่ะค่ะพวกเราครอบครัวตัวจริง คือว่าพวกเรานามสกุล ตัวจริงค่ะ
เริ่มจากน้องสาวคนสุดท้องเธอชื่อแพรวา ตัวจริง ฉันเรียกเธอว่าเจ้าหญิงน้ำแข็ง นั่นก็เพราะเธอมีรูปร่างหน้าตาที่สวยสด งดงามเหมือนเจ้าหญิง ตาโต ผมตรงดำสนิท ถึงกลางหลัง แต่เธอเย็นชากับทุกเรื่อง สาเหตุของความเย็นชาก็มาจากแม่ของพวกเรา เรื่องนี้ฉันจะเล่าให้ฟังในโอกาสหน้าน่ะค่ะ แต่สิ่งที่เป็นความลับที่สำค้ญของเจ้าหญิงน้ำแข็ง นั่นคือเธอกินจุมากและไม่เคยเลือกของกิน
ต่อมาน้องชายคนที่2หมอนี่ชื่อ ใบหม่อน ตัวจริง ฉันเรียกหมอนี่ว่า เจ้าชายหลงยุค นั่นก็เพราะ หมอนี่มันหล่อ กระชากใจสาวๆ ทำอาหารคาว หวานอร่อยจนแม่ช้อยต้องมารำ แต่ความลับที่คนในครอบครัวเท่านั้นที่รู้ก็คือ หมอนี่เป็นแฟนพันธ์แท้ของสุนทราภรณ์ มันร้องได้ทุกเพลง ในห้องของมันมีแต่รูปและของสะสมที่เกี่ยวกับสุนทราภรณ์ แต่มันจะบอกคนอืนๆว่ามันชอบศิลปินสมัยใหม่ ทั้งที่มันร้องไม่ได้สักเพลง ได้แต่ ฮัมเพลงตามเบาๆ
แม่ของฉันเธอเป็นถึงอดีตนางงามเชียงใหม่ ชอบทำอาหาร เลี้ยงจรเข้ และชอบใช้เจ้าหญิงน้ำแข็งเป็นตัวประกันเมื่อต้องการเรียกร้องความสนใจ จากพ่อ เรื่องของเรื่องคือแม่เปิดบ้านเป็นที่ขายพวกเครื่องสำอาง อาหารเสริม และอื่นๆ ที่ทำจากสมุนไพร ประมาณตัวแทนจำหน่าย และสินค้าทุกตัวแม่จะต้องทดลองก่อนเพื่อทดสอบสรรพคุณ จะได้บอกลูกค้าได้ อย่างเช่นเมื่อเดือนก่อนมีครีมพอกหน้าตัวใหม่ แม่ต้องการให้พ่อเป็นหนูทดลอง แต่พ่อไม่ยอม แม่เลยจับเจ้าหญิงน้ำแข็งมัดไว้และไปหย่อนในบ่อเลี้ยงจรเข้ (นี่เป็นหนึ่งในหลายๆครั้งที่แม่ทำกับแพรวาจนเธอชาชินและเป็นสาเหตุที่แพรวาเป็นเจ้าหญิงน้ำแข็ง) ถ้าพ่อไม่ยอม เนื่องจากพ่อรักแพรวามากเพราะเธอหน้าตาเหมือนเจ้าหญิงน้อยๆ พ่อก็เลยต้องยอม พอกหน้าด้วย สมุนไพร ขาวไปทั้งหน้า
พ่อของฉัน ท่านเป็นบุคคลที่ น่าสงสารที่สุดในบ้าน เพราะจะโดนแม่ข่มขู่อยู่ตลอดเวลา ทั้งให้ พอกหน้า ทาลิปสติก ทาเล็บ ทานอาหารเสริม ซึ่งมันไม่ได้เข้ากันเลยกับอาชีพเปิดอู่ซ่อมรถยนต์
ส่วนตัวดิฉัน ผ้าไหม ตัวจริง สาวสวย ตาคม ผมสั้น เอกภาษา พูดได้ 3 ภาษา นั่นคือ ฝรั่งเศษ อังกฤษ ญี่ปุ่น แต่สิ่งที่ฉันโปรดปราณที่สุด นั่นคือ เรื่องเครื่องยนต์ (เชื้อพ่อแรง) บางคนอาจจะแปลกใจ แล้วทำไม ฉันถึงไม่ไปเรียนพวก วิศวกรรม คือฉันสอบไม่ติดน่ะค่ะ
บ้านของเราเป็นแบบบ้าน 2 ขั้น และเปิดด้านหน้าบ้านเป็น 2 ห้อง ห้องหนึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายสมุนไพร และอีกห้องเป็นอู่รถยนต์ และในสวนหลังบ้านเป็นบ่อเลี้ยงจรเข้ของแม่ (จรเข้ของแม่มันแปลกค่ะเพราะมันเป็น มังสวิรัติ)
แต่บ้านในฝันของฉันเป็นบ้านที่อยู่ติดกัน เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น มีต้นไม้ร่มรื่น มีสระน้ำในบริเวณบ้าน เมื่อก่อนไม่มีคนอยู่แต่ตอนนี้กำลังจะมีคนมาอยู่ แม่บอกว่าลูกชายของเพื่อนแม่จะมาพักผ่อนช่วง summer เขาเป็นคนญี่ปุ่นและให้แม่ช่วยดูแลในทุกเรื่องให้ (ฉันเคยถามแม่กะอีแค่มาพักผ่อนชั่วคราวถึงกับต้องซื้อบ้านให้เลยหรือ จะรวยเกินไปหรือเปล่า แม่บอกว่าเขาไม่ได้รวย แต่ โค- ตะ-ระ- รวย หรือโครตรวยนั่นเอง และวันนี้ฉันจะต้องไปรับหมอนี่ที่สนามบินด้วย เขาชื่อ คาสึยะ
วันนี้พ่อให้ฉันช่วยเปลี่ยนน้ำมันเครื่องให้ลูกค้าเพราะลูกจ้างของพ่อที่ชื่อจ๊อดมันหยุดงานเนื่องจากมันอกหักเป็นครั้งที่10 และทุกครั้งที่มันอกหักมันจะต้องไปนั่งวิปัสนา กรรมฐาน เดินจงกรม ในวัดเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน ฉันใส่ชุดหมีและกำลังทำงานอยู่ แล้วก็มีเสียงจากแม่ ดังขึ้น
"นี่ยายไหม ทำไมแกยังไม่ไปรับ คาสึยะ กี่โมงกี่ยามแล้วนี่"
ฉันมองนาฬิกา ตายละวา เหลือเวลาอีก 1 ชั่วโมง โอ้ยแต่งตัวใหม่ก็ไม่ทัน ไปชุดนี้ก็แล้วกัน
ณ. สนามบิน เครื่องดีเลย์ 1 ชั่วโมง โอ้ยทำไมถึงซวยอย่างนี้ รู้อย่างนี้ฉันแต่งตัวมาใหม่แล้ว คนดูกันทั้งสนามบินก็ชุดฉันมันชุดช่างครื่องฟิตที่มีน้ำมันเครื่องติดอยู่ด้วยและมีกลิ่นอีกต่างหาก
ผ่านไป 1 ชั่วโมง คนไหนน่ะ คาสึยะ คงจะ ผอมๆ เกร็งๆ ขาว ซีด อุ้ยนั่นพระเอกหนังหรือยังไงน่ะ โอ้ หุ่นสมาท สูงเพรียวใส่เสื่อเชิ้ตสีขาว ปลดกระดุม 2 เม็ดเผยให้เห็น กล้ามเนื้อและไรขนอ่อนๆ โอยฉันจะละลาย ให้คะแนนเต็มสิบ โอ้ยเขามองมาทางนี้ด้วย คงจะหลง เสน่ ฉันละซิ
ไหนลูกของเพื่อนแม่ที่บอกว่าจะมารับ แล้วนั่นช่างเครื่องฟิตที่ไหนมายืนถือป้ายรับใคร โอ้ยคนที่ยายนี่มารับคงต้องอายตายแทรกแผ่นดินหนีแน่ๆ เฮ้ยยยยยยย มันชื่อฉันนี่หว่า โอ้ยแม่เจ้า รีบลากเจ้านี่ไปที่อืนเถอะจะหนีก็ไม่ได้ แต่มองใกล้ๆปากแม่นี่น่าจูบชมัดยาด
"ฉัน คาซึยะ" (ภาษาญี่ปุ่น) รีบไปจากที่นี่เดี่ยวนี้ แล้วช่วยลากกระเป๋า ฉันไปด้วย
โอย อกอีแป้นจะแตก ไอ้หนุ่มหล่อลากไส้นี่คือ คาสึยะ มันผิดคาดไปเยอะเลย และนิสัยทำไมมันห่วยอย่างนี้ คะแนนที่ฉันให้เต็มสิบเมื่อกี้เหลือ 0 ย่ะ
“นี่เธอจะให้ฉันนั่งรถ บุโรทั่งคันนี้ นี่น่ะ ฉันคงต้องเป็นบาดทะยักตายแน่ๆ”
“นี่ถ้านายไม่นั่ง ไอ้รถบุโรทั่งคันนี้นายก็เดินไปก็แล้วกัน เพราะฉันมีคันเดียว นายคาซึยากกก” ความจริงที่บ้านฉันมีรถ Honda City type Z สีเหลืองอ๋อยอีก 1 คัน แต่ฉันหากุญแจไม่เจอ ก็เลยได้ รถตู้ 2 ที่นั่งด้านหน้า ส่วนด้านใน ใช้ปูสื่อถ้าอยากจะนั่ง เพราะเป็นรถไว้ใช้ขนส่งและแบกภาระทั้งหลายแหล่
“ทำไมเธอเรียกฉัน อย่างนั้น”
“ก็นายมันเอาใจยาก มากเรื่อง เป็นผู้ชายหรือเปล่านี่ นาย คาซึยากกก”
ในที่สุดนายคาซึยะ ก็ขึ้นรถมากับฉันจนได้ ฮึนายไม่มทางให้เลือกมากนักหรอก
“แม่จ๋าหนูพาคาซึยะ มาแล้ว แม่เดินออกมา จากนั้นก็ตามด้วย พ่อ หม่อน และแพร
“โอ้โห นี่พระเอกที่ไหนหลุดมาเนี่ย หม่อน แกไปเอากล้องมาถ่ายรูปเก็บไว้หน่อยเร็ว แม่จะเอาไปอวดเพื่อน ฮือออ คนอะไรมันหล่อลากไส้ ตับ ม้าม อย่างนี้ ฉันอยากจะหย่ากับแกเลยน่ะนี่ พ่อ
“แหมอย่างกับว่าเขาจะสนแกน่ะ ยาย แก่”
“ตาเฒ่าแกอยากเป็นอาหารของ หนูงับเหรอ” (ชื่อจระเข้ของแม่)
เฮ้อ!พ่อ แม่ฉัน ไอ้น้องตัวดีก็เอากล้องมาถ่ายจริงๆด้วย ส่วนน้องสาวของฉันยืนมองประมาณ 10 วิแล้วพูดขึ้นว่า
“ก็ OK.” แล้วเดินเข้าครัวไป โอ้ย ยายน้ำแข็ง หล่อน่าลาก (ไปทำมิดีมิร้าย) ขนาดนี้ แกบอกก็ OK นี่น่ะ
โอ้ยนี่แม่ฝากฉันให้อยู่กับครอบครัวสติแตกหรือไงนี่ ดูทำเข้า ฉันเป็นคน น่ะไม่ใช่ตัวประหลาด มามองๆ แตะๆ แล้วก็ถ่ายรูป อยากบ้าตาย อยากกลับญี่ปุ่นว้อยยยย
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายผ่านไป ณ.ห้องนั่งเล่น
“นี่ยายไหม คาซึยะเขาพูดไทยได้ไหม”
“พูดได้ครับก็แม่ผมเป็นคนไทย เพียงแต่ผมจะไม่เข้าใจเป็นบางคำ ขอให้คุณไหมช่วยสอนให้ผมหน่อยน่ะครับ เพราะคุณไหม พูด ญี่ปุ่นเก่ง ครับ”
“พี่ครับพี่เป็นลูกครึ่ง ไทย ญี่ปุ่นหรือครับ ผมว่าหน้าพี่ไม่เหมือน” นายหม่อนถามขึ้น
“แม่ผมลูกครึ่ง ไทย อังกฤษ ส่วนพ่อผม ญี่ปุ่น อิตาลี่”
“มิน่า หน้า ตา ถึงหล่อขั้นเทพ แล้วนี่ทานอะไรมาหรือยังล่ะ” แม่พูดขึ้น
“ตอนนี้ผมอยากนอนครับ เหนื่อยมาทั้งวัน”
“ยายไหมแกพา คาซึยะ ไปที่บ้านพักแล้วคอยดูแล เขาด้วยว่า ขาด เหลือ อะไร”
“แม่จะให้หนูนอนที่โน่นแล้วใส่ชุดคนรับใช้ ด้วยหรือเปล่าล่ะ เผื่อนายนี่อยากเรียกใช้ตอนไหนจะได้สะดวก”
“ก็ดี แกไปเอาชุดคนใช้ที่อยู่ในตู้ได้เลยน่ะ หุ หุ หุ”
“เอ้านายทำไมหิ้วกระเป๋ามาวางไว้หน้าบ้านฉันล่ะ นี่เดินอีกนิดเดียวก็ถึงบ้านนายแล้ว”
“บ้านที่ติดกันนี่ใช่ไหม อือ สวยดี เธอเอาของๆฉันตามมาน่ะ แม่เธอบอก บริการฉันให้ดีๆ”
“นาย คาซึย๊ากกกกกก” แล้วฉันก็ต้องหอบหิ้วกระเป๋าของหมอนี่เข้าไปในห้องนอนอย่างทุลักทุเล
“เธอจัดของเข้าตู้ให้ฉันด้วยน่ะ ฉันขอนอนก่อน” แล้วเขาก็กระโดดขึ้นเตียง แล้วหลับไป ได้ยินแต่เสียงกรน เบาๆ
โอ้ย นี่ฉันต้องเป็นคนรับใช้ของหมอนี่จริงๆใช่มั๊ย ฮึ เสื้อผ้าของหมอนี่สวยจริงๆ ดู ดีมีสไตส์ มีแต่ของ แบรนเนม
ทั้งนั้น ของเขาตัวนึง ราคาคงเท่าของฉันทั้งตู้ละมั้งเนี่ย
“หม่อนเห็นพี่เขาไหม แม่จะให้ไปตาม คาซึยะ มาทานข้าวเย็น”
“เห็นบอกว่าพ่อให้ไปช่วยเปลี่ยนผ้าเบรคให้ ลูกค้าจะมารับรถแต่เช้า ถึงเวลาอาหารก็มาเองละ”
“ถ้าอย่างนั้นแกไปตามก็แล้วกัน”
บนโต๊ะอาหาร มีอาหารนานาชนิด ประมาณ 20 อย่าง พวกเรากำลังนั่งรอแขกคนสำคัญของแม่ ซึ่งกำลังเดินมาที่โต๊ะอาหาร
“ป้าไม่รู้ว่าคาซึยะทานแบบไหน ก็เลยให้หม่อนทำไว้หลายอย่างทั้ง ไทย จีน ฝรั่ง ญี่ปุ่น”
“ผมทานง่ายครับ ขอแค่รสไม่จัดจ้านมาก เยอะยังงี้เสียดายถ้าทานไม่หมด”
“หมด” ทุกคนพูดขึ้นพร้อมกันและหันไปมองแพร
ครึ่ง ชั่วโมงผ่านไป ทุกคนอิ่มกันหมดแล้ว มีแต่แพรยังนั่งทาน อย่างเอร็ดอร่อย ไม่มีทีท่าว่าจะอิ่ม
“เอ่อ คุณป้าครับ น้องแพรไม่เป็นไรหรือครับ ทานไปขนาดนั้น” คาซึยะถามขณะที่มองแพรอย่างทึ่ง อึ้ง เสียว
“แม่เคยพาแพรเขาไปตรวจเพราะกลัวว่าลูกของแม่จะมีปอบสิงอยู่ แต่ คุณหมอบอกว่าแพรเขามีระบบเผาผลาญดีกว่าคนปกติ และกระเพาะยาวกว่าคนปกติ1 ฟุต บ้านนี้เราหุงข้าวทีละ 2 หม้อ สำหรับทุกคนในบ้าน 1 หม้อ และสำหรับแพรคนเดียวอีก 1 หม้อ”
“คุณป้าครับผมอยากได้เบอร์ของคนที่บ้านนี้ เผื่อมีอะไรฉุกเฉินน่ะครับ นี่ครับโทรศัพท์ของผมช่วยเมมเบอร์ให้หน่อยน่ะครับ”
“ยายไหมจัดการซิ”ฉันพูดขึ้นพร้อมกับแม่ทำให้แม่ ฆ้อนขวับ จากนั้นก็หยิบมือถือรุ่นที่ผลิตไม่กี่เครื่อง ราคาก็แค่ซื้อรถดีๆได้ 1 คัน จากมือของหมอนั่น เมมเบอร์ของฉันและส่งคืนกลับไป
วันนี้ วันอาทิตย์ ปกติ ฉันจะนอนตื่น 11 โมง แต่ แม่ให้ฉันไปปลุกนายคาซึยะตั้งแต่ 8 โมงเช้า ในห้องนอนของคาซึยะ
นี่นายตื่นซิ โอ้ยทำไมปลุกยาก ปลุกเย็นอย่างนี้ ทั้งลากลงจากเตียง ตะโกน ใส่หู เตะสีข้าง ก็ไม่มีท่าทีจะตื่น จะว่าตาย ก็ยังหายใจอยู่ ไปตามแม่มาดูดีกว่า
หลังจากตามทุกคนในบ้านมาที่ห้องนอนนาย คาซึยะ ทุกคนช่วยกันปลุก ยกเว้นยายน้ำแข็งที่ยืนดูอย่างเดียว
“แม่ว่าโทรถามแม่ของหมอนี่ดีกว่า ลูกของเขาอาจจะต้องปลุกแบบพิเศษ ยายไหมต่อสายซิ”
“อ๋อ เจ้าชายคาซึยะของฉันต้องพูดเสียงนุ่มๆที่หูว่า เจ้าชายคาซึยะตื่นเถิดจ๊ะ แล้วก็หอมแก้มทีนึง เขาถึงจะตื่น เพราะอยู่ที่ญี่ปุ่นฉันปลุกเขาแบบนี้ทุกวัน เขาก็เลยติดน๊ะจ๊ะ ช่วยหน่อยน่ะจ๊ะเพื่อนรัก”
“ยายไหมได้ยินแล้วใช่มั้ย ทำซะแล้วบอกให้เขาไปทานข้าวทุกคนรออยู่ รีบๆล่ะ แล้วแกอย่าไปข่มขืนเขาล่ะ เดี่ยวแม่เขาจะมาเรียกร้องค่าเสียหายเอาจากฉัน”
“ไม่เอาน่ะแม่ แม่ทำเองซิ หนูเป็นผู้หญิงน่ะแล้วหนูก็ยังไม่เคยหอมแก้มผู้ชายด้วย พ่อช่วยหน่อยสิ”
“พ่อก็อยากจะช่วยแต่ผู้หญิงก็เหลือ เจ้าหญิงของพ่อ เมียของพ่อ พ่อยอมไม่ได้หรอก”
“รีบๆทำจะได้กินข้าว หิวจะตายแล้ว แค่นี้ ปากพี่ไม่หายไปหรอกน่า”ยายน้ำแข็งพูด แล้วทุกคนก็เดินจากไป
ฉันเข้าไปพูดใกล้ๆ หู คาซึยะ ดัดเสียงให้หวานสุดขีด “เจ้าชายคาซึยะตื่นเถิดจ๊ะ” แล้วก็หอมแก้ม 1 ที อึ่ยฉันอยากจะอ๊วก แต่แก้มหมอนั่นหอมจังเลย
คาซึยะค่อยๆลืมตาขึ้น โอ้แปลกมากอย่างกับเจ้าหญิงนิทราพอเจ้าชายจุมพิตก็ลืมตาตื่น ไอ้เวรทำไมแกต้องเป็นไอ้โรคประหลาดนี่แล้วฉันจะต้องทำอย่างนี้ไปอีกกี่ครั้ง ฉันอยากจะหนีออกจากบ้านจังเลย
“ทำไมฉันมานอนอยู่ข้างเตียงแล้วทำไมเธอต้องมายืนหน้าแดงด้วย”
“ใครใช้ให้นายต้องปลุกด้วยวิธีประหลาดล่ะคนบ้า รีบอาบน้ำแต่งตัวทุกคนคอยทานข้าวอยู่” แล้วฉันก็รีบวิ่งหายไป
บนโต๊ะอาหาร (อีกแล้ว)
“คาซึยะ ทำไมต้องมีวิธีปลุกแปลกๆด้วยล่ะ แล้วทำไมเวลาอื่นถึงไม่ต้องปลุก” แม่ถามขึ้น
“เรื่องมันเกิดเมื่อ 5 ปี ที่แล้ว ช่วงนั้นพ่อต้องไปต่างประเทศบ่อย แม่ท่านเหงาก็เลยมายุ่งกับชีวิตประจำวันของผมในทุกเรื่อง แม้กระทั่งการปลุกในตอนเช้า ทำให้ผมติดน่ะครับ ผมต้องขอโทษด้วยน่ะครับ ที่ทำให้เดือดร้อน เอ่อวันไหนที่ไม่อยากเห็นหน้าผม ก็ไม่ต้องปลุกก็ได้ครับ ผมก็จะนอนอยู่อย่างนั้นทั้งวัน”
“โถ น่าสงสารจังเลย ไม่ใช่เรื่องรบกวนอะไรหรอก ยายไหมมันทำได้ ดีเสียอีกถือเสียว่าเป็นกำไร ของชีวิต ได้หอมแก้มคนหล่อทุกวัน หุ หุ หุ”
“แม่ มันไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเลยน่ะ หนูอยากจะอ๊วก นี่แล้วนายน่ะอย่า อุตตรินอนแก้ผ้าล่ะ”
“พี่หม่อน หุงข้าวให้อีกหน่อยซิ ฉันยังไม่อิ่มเลย” เสียงจากยายน้ำแข็ง
“แม่ฉันว่าพามันไปปล่อยแถววัดได้แล้วล่ะ กินจนฉันทำไม่ทันแล้ว” หม่อนบ่นขึ้น แต่ก็ลุกไปจัดการตามคำขอของแพร
“คาซึยะ อยากจะไปไหนหรือเปล่าจ๊ะวันนี้ เดี่ยวจะให้ยายไหมเขาพาไป”
“ถ้าไม่เป็นการรบกวนคุณไหม ผมอยากจะไปหาซื้อของใช้ส่วนตัว และหารถไว้ใช้สักคันครับ”
“รบกวนย่ะ วันนี้ฉันต้องไป มหาลัย เตรียมเรื่องงานประจำปีของมหาลัย”
“ถ้าอย่างนั้นผมไปด้วย เสร็จธุระคุณไหม แล้วค่อยไปธุระของผมก็ได้”
“ตกลงตามนั้น ยายไหม แกไม่ต้องอ้าปากจะเถียง แล้วเอารถแม่ไป อย่าเอารถพ่อแกไปล่ะ เดี่ยวคาซึยะ เขาจะเป็นบาดทะยัก”
ณ มหาลัย คณะอักษรศาสตร์
“นายใส่หมวกกับแว่นไว้ตลอดเวลาน่ะ ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องยุ่งๆ แล้วก็นั่งคอยฉันตรงนี้ ไม่เกิน 1 ชั่วโมงฉันกลับมา”
ในขณะที่กำลังตัดสินใจว่าจะทำอะไรในงานมหาลัย
“เสียงกรี๊ด ยังกับดาราวัยรุ่นยอดนิยมอยู่แถวนี้แนะ แกว่างัยยายมิ้น” เฮ้ยยยยยยยยยยยยยย
แล้วฉันก็รีบวิ่งไปที่ต้นตอของเสียง ว่าแล้วเพราะนายตัวแสบแน่ๆ
“ฉันบอกแล้วไงให้นายใส่หมวกกับแว่นไว้ตลอด” ฉันพูดในขณะที่ลากหมอนั่นให้ตามเข้าไปในห้องที่พวกเราประชุมกันอยู่
“ก็มันร้อนนี่นา แล้วนี่เธอเสร็จธุระของเธอหรือยัง” คาซึยะพูดเป็นภาษาญี่ปุ่น
ฉันหันไปทางเพื่อนๆเพื่อจะขอโทษ ที่ต้องเอานายนี่เข้ามาด้วยแต่ภาพที่ฉันเห็น โอยยยยยย
เพื่อนสาว 6 คน ที่นั่งประชุมกันอยู่รวมทั้งยายมิ้นเพื่อนสนิทของฉัน นั่งตาละห้อย น้ำลายไหล กันทุกคน
“ไหมแกไปลักพาตัวหนุ่ม หล่อ เพอเฟ็กคนนี้มาจากไหน โอ้น่ากินไปทั้งตัว” เสียงจากยายมิ้น
“นายคนนี้เขาชื่อ คาซึยะ มาจากญี่ปุ่น เป็นลูกเพื่อนแม่ตอนนี้พักอยู่ใกล้บ้านฉัน และฉันไม่ได้ลักพามา มันมาเอง” กระจ่างหรือยัง
“ฉันรู้แล้วว่าคณะเราจะทำอะไรในงานมหาลัย คิดออกเมื่อกี้ หลังจากได้เห็นผู้ชายคนนี้”
“แกยายไหม ไปทางโน้น คอยมติที่ประชุม ส่วนคนที่เหลือมาสุมหัวกันทางนี้”ยายมิ้นพูดขึ้น
ผ่านไป 30 นาที หลังจากได้ยินเสียงกระซิบบ้าง เสียงบ่นบ้าง จากในกลุ่ม
“ยายไหมแกฟังเฉยๆฉันถามแกถึงจะตอบ OK”
ฉันต้องพยักหน้าหงึกๆ ส่วน คาซึยะ กอดอกตั้งใจฟัง อย่างกับเรื่องของตัวเอง
“เราจะจัดละครเรื่องเจ้าหญิงนิทรา และใช้หลายๆภาษาในการพูดคุย เพราะเราเป็นคณะอักษรศาสตร์ แต่ความแตกต่างจะอยู่ที่เราจะแต่งชุดไทยๆเพื่อเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย และเพื่อความแปลก แต่ที่สำคัญที่สุดคนที่ต้องแสดงคือ 3 พี่น้อง ครอบครัวตัวจริง” ยายมิ้นพูด
“เซ็งเป็ดว่ะ” ฉันบ่นขึ้น
“และนายคาซึยะ ต้องร่วมแสดงด้วย” มิ้นพูด
“เซ็งห่านว่ะ” ฉันบ่นขึ้นอีก
“แกไม่ต้องอ้าปากยายไหม ฟังไปเฉยๆก่อน เดี่ยวค่อยค้านฉัน” มิ้นพูด
“ฉันและเพื่อนๆประมาณ 20 คนจะเอารถไปซ่อมที่ร้านแกที่เดียวเป็นเวลา 1 ปี ยายน้ำแข็งจะได้ทานฟรีที่ร้านป้าแจ่ม ป้าฉัน เป็นเวลา 1 เดือน ซึ่งมันอาจทำให้ป้าฉันไม่สามารถรับลูกค้าคนอื่นๆได้เลย ส่วนเทพบุตรหนุ่ม ใบหม่อนจะได้รับ แผ่นเสียงฉบับ Original ของสุนทราภรณ์ 10 แผ่นซึ่งจะเป็นหน้าที่ของยายแก้วจะไปขโมยของป๋ามัน”
“โอ้ยเซ็งนกกระจอกเทศว่ะ” ฉันบ่นขึ้นอีก อีก
“คาซึยะ คุณอยากลองแสดงไหมค่ะ” มิ้นพูด
“OK ครับ”
“เฮ้ย ทำไมมันง่ายนักล่ะ โอ้ย ฉันไม่รู้จะเซ็งสัตว์ปีกอะไรแล้ว” ฉันพูดขึ้นพร้อมกับทำตาโตเท่าไข่ห่าน และปากกว้างกว่าน้อง จอย ลิลลณี
“ยายไหมส่วนของแกว่ายังงัย”
“ฉันถามหน่อยเถอะ มิ้น แกยังคิดว่าเป็นเพื่อนสนิทของฉันอีกหรือ แกรู้คำตอบอยู่แล้วนี่ ข้อเสนอของแก สำหรับแต่ละคนมันปฏิเสธได้ซะเมื่อไร ฉันขอแช่งให้แกไม่มีแฟน”
“ฮะ ฮะ แกลืมไปแล้วหรือไง ฉันเป็นแฟนน้องชายแก พี่สาววววว”
“เออ เออ ฉันลืมไป งั้นแกต้องชดใช้ ไปเป็นเพื่อนฉัน พาคาซึยะเขาไปซื้อของหน่อย”
“ได้เลย เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ฉันขอเปลี่ยนจาก หม่อนมาเป็นแฟน คาซึยะได้ไหม”
“ไอ้หม่อนเอาแกตายแน่” หลังจากนั้นเรา 3 คนก็ไปห้างขึ้นชื่อของ กทม.
ว่าด้วยเรื่องของมิ้น และ หม่อน
ย้อนหลังไป ตอนที่ฉันเข้ามหาลัยปีแรก มิ้นเป็นเพื่อนคนแรกของฉัน ณ.โต๊ะนั่งเล่นภายในคณะ
เสียงเพลง โดเรมอน ดังขึ้น “ฮัลโหล หม่อนว่าไง อ๋อจะให้พี่รอกลับบ้านพร้อมกัน ฉันรอแกอีก 10 นาที ถ้าไม่ถึง แกโหนรถเมล์กลับก็แล้วกัน”
ผ่านไป 10 นาที่ “มิ้นฉันกลับก่อนน่ะ”
“อ้าวแล้วน้องชายแกล่ะ ฉันอยากเห็นว่ะ พี่สาวหน้าตาอย่างนี้ แล้วน้องชายหน้าตาเป็นยังไง”
“แกรู้จัก โก๊ะตี๋ไหม”
“รู้จัก หน้าเหมือนเหรอ”
“ฮึ ดีกว่านิดเดียว”
แล้วเจ้าหม่อนก็วิ่งกระหืดกระหอบมาถึง
“โอ้ยนึกว่าจะไม่ทัน เจ๊กำลังจะไปใช่ไหม คนอะไรจะตรงเวลาปานนั้น น้องนุ่งก็ไม่เว้น”
“ไอ้ไหมนี่หรือดีกว่าโก๊ะตี๋นิดเดียว นี่ประมาณ ฟิมล์ รัฐภูมิแล้ว โอ้ยฉันกำลังละลาย น้องจ๋ามาเป็นแฟนพี่ไม๊จ๊ะ”
“ขอโทษ เจ๊ ผมไม่ชอบผู้สูงอายุ”
“เดี่ยวป๊ะ ฉันแก่กว่าแก 2 ปีเองน่ะไอ้อ่อน เพื่อนฉันก็เหมือนกัน” ฉันพูดขึ้นและเงื้อมือกำลังจะ ป๊าบหัวมัน
“แต่ถ้า เจ๊ จูบผมตอนนี้ ก็ไม่แน่น่ะ เพราะตอนนี้ผมก็ยังโสดอยู่ ถึงจะไม่ค่อยสดสักเท่าไร”
“ไอ้หม่อนแก พูดอย่างนี้กับเพื่อนฉันเหรอ แกไม่ตายดีแน่” ฉันเงื้อมือขึ้นแต่มิ้นมันจับมือฉันไว้และมันทำสิ่งที่ฉันคาดไม่ถึง
มันจูบไอ้หม่อนพร้อมกับหน้าแดงโดยไม่ต้องปัด บรัชออนเพิ่ม ก่อนจะพูดว่า
“เธอต้องรักษาสัญญาน่ะ” แล้วก็รีบวิ่งหายไป
ฉันยืนอ้าปากค้าง ส่วนหม่อนตอนนี้มันยืนแข็งเป็นหินไปแล้ว ฉันเลยต้องลากมันขึ้นรถและพากลับบ้าน
“ไหม หม่อนมันเป็นอะไรทำไมเดินตัวแข็งอย่างนั้น” แม่ถามขึ้น
“พี่หม่อน แพรหิวแล้ว”
หม่อนเดินขึ้นชั้นบนและหายเข้าไปในห้องนอน ปล่อยให้ยายน้ำแข็ง ร้องไห้ใจจะขาด ทำให้แม่ต้องทำกับข้าวเย็นนั้น ทั้งๆที่ แม่ไม่เคยเข้าครัว มาเป็นเวลา หลายปี นับแต่หม่อนมันทำอาหารได้
นับตั้งแต่นั้นมา หม่อนมันก็จะไปที่มหาลัยฉันบ่อยๆ เพื่อพบกับมิ้น ส่วนมิ้นมันก็ขยันซะเหลือเกินที่จะมาบ้านฉัน 2 คนนี้อยู่ใกล้กันเมื่อไร น้ำตาลต้องขมทันที ไม่ใช่เพราะความใจกล้าครั้งนั้นของ มิ้นอย่างเดียวแต่เป็นเพราะหลายๆอย่าง ของทั้งคู่ที่เข้ากันได้พอดิบพอดี
- มิ้นทำอาหารไม่เป็นแต่ชอบกิน(ถึงจะน้อยกว่าแพร) หม่อนชอบทำอาหารมาก
-
ผลงานอื่นๆ ของ nana-ae ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ nana-ae
ความคิดเห็น