ตอนที่ 3 : CHAPTER 02 : เรื่องที่ไม่ได้ก่อ [100%]
คำเตือน 1.นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหา คำพูด คำหยาบคาย รวมไปถึงการกระทำ ความชอบ และค่านิยมของตัวละคร ที่ขัดต่อโลกในความเป็นจริง (และในความเป็นจริงก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำและทำให้เกิดขึ้นในสังคม) เพราะฉะนั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านอย่างถี่ถ้วน 2.ภาพของบุคคลที่นำมาประกอบนิยายในเรื่องนี้ ทางเราไม่ได้มีจุดประสงค์ในการทำร้าย หรือทำลายบุคคลในภาพแต่อย่างใด บุคคลในภาพจะเป็นเพียงแค่ส่วนเสริมที่ให้นักอ่านจินตนาการได้ว่าตัวละครแต่ละตัวในเรื่องนี้จะมีคาแรคเตอร์ประมาณไหนเท่านั้น 3.นิยายเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราได้จินตนาการขึ้นมาเองเท่านั้น บางฉากบางตอนที่มีเนื้อหารุนแรงมากเกินไป โปรดติดตามทางช่องทางอื่นที่เราได้เตรียมเอาไว้เฉพาะของตอนนั้น ๆ หรือสามารถข้ามผ่านไปได้ค่ะ
|
CHAPTER 2
ภายในห้องประชุมเต็มไปด้วยบรรดานักศึกษาปี3 และ ปี4 ที่อาจารย์ได้จัดการเรียกให้มาประชุมกันในเวลานี้ มีทั้งหญิงชาย หญิงเทียมชายเทียมเยอะแยะมากมายก่ายกอง
ไม่เข้าใจทำไมต้องเรียกประชุมพร้อมกับปี4 ด้วย ทำไมน่ะหรอก็โรมันเรียนอยู่ปี 4 ฉันเรียนอยู่ปี 3 ห่างกันหนึ่งปี แล้วก็มีมีสิทธิ์มากที่จะได้เจอเขาในที่นี้ ฉันยังไม่พร้อมที่จะเจอเขา ไม่อยากเจอเฮียด้วยสุดที่รักด้วย
ฉันคิดว่าหลายๆคนอาจจะเข้าใจฉันพอมันมีเรื่องแบบนี้กับฉันผู้ชายคนไหนก็ดูออกกันหมดนั่นแหละว่าฉันไปโดนอะไรมา หรือว่าทุกคนคิดว่าไม่จริง เดินก็แถบจะไม่ไหว ยังดีที่ได้แขนของเจมส์ช่วยพยุงอีกแรงด้วยการกอดคอฉันไว้ แล้วยึดไหล่ขอฉันไว้อีกด้วย
ถึงจะมีคนมองด้วยสายตาอิจฉาริษยาแต่พวกเขาก็น่าจะชินตั้งแต่ฉันอยู่ปี 1 แล้วล่ะ ไม่ว่าจะขี่คอ ขี่หลัง อุ้ม กอดคออีกสารพัดที่เพื่อนเขาทำกัน
แต่ไม่มีใครคิดอะไรเกินเลยนะ เรามีขอบเขตของเรา มีเส้นบางๆ คั่นไว้ระหว่างกัน ไม่สามารถกระโดดข้ามเส้นเหล่านั้นได้
“พราว!” เสียงทุ้มคุ้นหูดังจากข้างหน้าเรียกชื่อของฉัน ‘พระพรมห’ พี่ชายแท้ๆ ของฉันเอง แล้วฉันก็จะดีใจกว่านี้ถ้าไม่เจอเพื่อนๆ ของเขา เพื่อนเขาคนอื่นก็ไม่เท่าไหร่แต่โรมันก็อยู่ตรงนั้นด้วย ข้างๆ เฮียพระพรมห โลกอะไรมันจะกลมกิ๊กได้ขนาดนี้
“อะไรเฮีย” ฝืนใจเดินเข้าไปหาเฮียพระพรมหโดยที่มีเจมส์คอยเดินอยู่ใกล้ฉัน แต่ไม่ได้ประคองกันเดินนะ เดี๋ยวโรค ‘หวงน้อง’ จะกำเริบเอา
“ไม่กลับบ้านบ้างเลยนะ ป้าอุ่นบ่นคิดถึง” ก็นึกว่าเรียกเรื่องอะไร เรื่องนี้อีกและฉันก็เพิ่งกลับบ้านไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วแล้วนะ “แล้วทำไมหน้าซีด ไม่สะบายหรือเปล่า” เฮียพรมห (ขอเรียกอย่างนี้ก็แล้วกัน) ใช้หลังมือแตะที่หน้าผากขอฉันอย่างแผ่วเบา อบอุ่น
“ปละ... เปล่าสักหน่อย อาจารย์มาแล้ว ไปล่ะ” ฉันบอกเสียงสั่นก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่องทันที เพราะอาจารย์มาแล้วจริงๆ ฉันโกหกไม่เก่งกับคนในบ้าน แต่คนอื่นๆ ก็โดนฉันหลอกมาเยอะยกเว้นเพื่อน
“เหรอ... งั้นนั่งด้วยกันประชุมเสร็จแล้วเดี๋ยวพาเฮียไปซื้อเสื้อหน่อย” อย่างนี้ทุกที ฉันรู้ว่าอนาคตข้างหน้านี้ ฉันเละด้วยน้ำมือเฮียแน่ เพราะหมอนั่นคนเดียว
ผู้ชายที่ชื่อโรมัน!
“เมื่อวานนี้มีนักศึกษาของเราไปตีกับนักศึกษามหา’ลัย T อาจารย์อยากทราบว่าใคร แสดงตัวด่วน”
การประชุมในครั้งนี้ก็เหมือนกับทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงครั้งแรกที่เกิดเรื่องระหว่างนักศึกษามหา’ลัย S กับมหา’ลับ T
มหา’ลัย S เป็นที่ๆ ฉันเรียนอยู่ ส่วนมหา’ลัย T ก็มีนักศึกษาที่เป็นเสี้ยนหนามของแก๊งหนึ่งในมหา’ลัย S ก็ไม่ใช่แก๊งของใครที่ไหนหรอก แก๊งเฮียพรมหพี่ชายฉันเอง ส่วนที่มีเรื่องกันก็คงไม่พ้นเรื่งชู้สาว และแน่นอนเฮียไม่เกี่ยวอยู่แล้วก็ในใจของเฮียมียัยนีน่าเพื่อนของฉันอยู่ถึงแม้ว่าสองคนนี้จะไม่ค่อยถูกคอกันสักเท่าไหร่ แต่ฉันดูออกนะว่าคิดอะไรกันสองคนนั้นน่ะ
“หลังไมค์ก็ได้ถ้าพวกเธอคิดว่าตัวเองเป็นตุ้ดไม่ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำ”
แรงเฮะ แต่มันก็คงไม่เข้าหูพวกเฮียๆ หรอก แก๊งนี้ไม่เคยแคร์ใครแล้วถ้าเกิดแคร์ใครเมื่อไหร่ก็อย่าเรียกแก๊งนี้ว่า BADBOY
“เฮียแก๊งเฮียทำใช่ไหม? ฉันรู้นะเว้ยเมื่อวานอ่ะ” ฉันพูดคุยกับเฮียอย่างเป็นกันเอง แต่ก็เกร็งๆหน่อยเพราะคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เฮียอีกคนน่ะ ไอ้โรมันหน้าปลาไหลน่ะสิ
“เมื่อวานเหรอเห็นทีว่าจะมีอยู่สองเรื่องนะแก๊งเฮียหนึ่งเรื่องแล้วก็...” ฉันว่างานนี้ไม่รอดจริงๆว่ะ แต่อย่างน้อยฉันก็ต้องโดน ‘ลงโทษ’ น้อยอยู่แล้ว ฉันเป็นฝ่ายโดนกระทำ ไม่ใช่ฝ่ายกระทำสักหน่อย หรือว่าไม่จริง “เรื่องเธอกับไอ้โรมัน!”
นั่นไง! ชัดเจนแจ่มแจ้ง
“เกี่ยวอะไรกับกู” คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ร้อนตัวทันทีทันควัน
“...” ฉันก็นั่งฟังต่อไปว่าเฮียพรมหจะนัดโรมันไปที่ไหน
“มึงเกี่ยวแน่มึงข่มเหงน้องกู!” เฮียตะคอกใส่โรมันเสียงดังจนคนรอบๆหันมามองกันเป็นแถว ฉันรู้สึกไม่ดีเลย “มองอะไรกันวะ!”
“พระพรมหเธอไม่ให้เกียรติฉันที่เป็นอาจารย์เลยนะ!” พออาจารย์พูดเพียงเท่านั้น นักศึกษาปี 3และ4 ต่างก็มองกันมาทางนี้เป็นแถว แล้วเรื่องแบบนี้มันก็เกิดขึ้นประจำอีกเช่นเคย จนฉันและเพื่อนๆ ของเขาชินและทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ขอโทษครับพอดีอารมณ์ไม่ดี หรืออาจารย์จะไฝว้” เอาแล้วไงพี่ฉัน จะจบไหมปีนี้อ่ะ หัดสงบเสงียมเอาไว้บ้างก็ดี เดี๋ยวโดนอาจารย์แกล้งขึ้นมาแล้วจะหนาว
“เธอนี่มัน” อาจารย์พูดอย่างเอือมระอา ไม่มีใครกล้าที่จะเอาเรื่องหรืออยากจะมีเรื่องกับเฮียพรมหหรอกนะ ถ้าใครกล้าที่จะมีเพียงไม่กี่วินาทีอาจจะมีแนวโน้วตกงานได้ แลดูมีอธิพล
“เฮียก็นะ นิดๆ หน่อยๆ ก็เอา” ฉันบ่นอย่างไม่ถือสาอะไรมากนัก
“เรามีเรื่องต้องเคลียร์กัน” ชี้หน้าฉันอย่างขาดโทษ ฉันเขาใจนะพี่ชายก็ต้องหวงน้องสาวเป็นธรรมดา “อย่าลืมล่ะ” ไม่ลืมหรอก เรื่องแบบนี้อ่ะ
ฉันก็ได้แต่นั่งก้มหน้าไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมา คนเรามันก็อายเป็นนะ ฉันไม่ใช่คนตายด้านทางความรู้สึกที่จะไม่สามารถรับรู้อะไรได้ ฉันก็ได้แต่เล่นเล็บของตัวเองเพื่อฆ่าเวลา ที่จริงไม่กล้าเงยหน้าไปมองบุคคลรอบข้างให้เขาต่อว่าฉันเสียๆ หายๆหรอก
พรึบ!
!!!
ฉันสัมผัสได้ถึงความอุ่นที่มือ ฉันไม่คิดว่าไอ้เพลย์บอยมันจะกล้าจับมือฉันต่อหน้าเฮียพระพรมห มันอยากตายหรือไง ไอ้ฉันก็ไม่ค่อยอะไรหรอกพอดีว่าเป็นเพื่อนกันตั้งนานสมัยเรียนตอนเด็กๆ ก็เลยไม่ตื่นเต้นหรือคิดที่จะปัดออก มันชินไปแล้วอ่ะ แต่ตอนนี้อ่ะดิ ต่อหน้าเฮียพรมหผู้ที่หวงน้องสาวมากกว่าอะไรทั้งสิ้นทั้งปวง
ฉันก็สบัดออกดิ ไม่ได้คิดที่จะรังเกียจนะ แต่พอดีกลัวเฮียมาก
ฉันสบัดออกอย่างแรงแต่มันก็ไม่ยอมปล่อยแถมยังไม่หันมามองหน้าฉันอีกด้วย เมื่อสบัดไม่ออกก็ต้องจำเป็นที่จะจับมือของมันแล้วพยายามแกะออก ผลออกมาก็เหมือนเดิม เจมส์ไม่ยอมปล่อยแถมยังเพิ่มแรงบีบขึ้นอีก ไม่เท่านั้นเจมส์ยังเอามืออีกข้างมาจับมือของฉันที่กำลังจะแกะมือของมันให้ออกจาหมือของฉันที่โดนมันจับอยู่
เข้าใจกันใช่ไหม
“เดี๋ยวก็โดนเฮียด่าหรอก” ฉันกระซิบที่ข้างหูของไอ้เพลย์บอย ฉันว่ายิ่งฉันทำแบบนี้ยิ่งโดนเฮียด่าหนักว่ะ ก็กระซิบใช่ป่ะ ร่างกายมันก็ต้องแนบชิด ติดกันอ่ะดิ
“เฮียพรมหมันไม่ว่าหรอก ดูดิมันมองฉันแทบจะฆ่าอยู่แล้ว” ยังจะมีหน้ามาเล่นอีกนะ ฉันรีบกลับมานั่งดั่งเดิม ถ้าไม่ติดตรงที่ว่า...
ไอ้เพลย์บอยมันกอดคอของฉันอยู่ T_T อะไรจะมือไวขนาดนั้น พอปล่อยมือจากมือของฉันเสร็จก็มากอดคอฉันอีก ซวยซ้ำ ซวยซ้อน
งานนี้ไอ้พริ้งพราวคนนี้จะรอดไหมเนี่ย
“ไอ้เหี้ยเจมส์ปล่อยน้องกูเดี๋ยวนี้นะเว้ย” เฮียพรมหพูดเสียงเกือบดัง แล้วก็กระชากฉันให้ออกจากอ้อมแขนของไอ้เพลย์บอย ย้ำนะ! ว่ากระชาก แล้วก็กอดฉันด้วยมือเพียงข้างเดียวอย่างหวง
เออ หวงแบบนี้สิดี แล้วก็ช่วยอัดโรมันให้มันเดี้ยงจนมาเรียน หรือเที่ยวเล่นไม่ได้สักสองสามวันด้วยก็แล้วกัน!
ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ฉันหัวเราะร่าในใจ ขอให้มันเป็นอย่างนั้นเถอะ
ฉันไม่อยากที่จะต้องเป็นฝ่ายเจ็บกายและเจ็บใจไปเองแค่ฝ่ายเดียว หมอนั่นทำให้ฉันเจ็บ เขาก็ต้องได้รับโทษอย่างสาสมกับสิ่งที่เขาทำกับฉัน
เขาพรากพรหมจรรย์ของฉันไป ฉันก็จะเอาเลือดหัวของเขาออกด้วยฝีมือของฉันให้ได้! ถึงฉันจะดูเรียบร้อย ต่อสู้กับใครไม่เป็น แต่ขอโทษนะ ฉันทำได้มากกว่านั้นเยอะ
แล้วจะหาว่าคุย
“นางสาว พินิภา ใครชื่อนี้โปรดออกมาแสดงตัวด้วย” จู่ๆ อาจารย์ฝ่ายปกครองก็แย่งไมค์จากอาจารย์อีกท่านที่กำลังสาธยายเกี่ยวกับเรื่องอะไรก็ไม่รู้ พอดีว่าไม่ได้ฟังเห็นว่ามันเป็นเรื่องที่ไร้สาระอ่ะนะ
“พริ้งพราว! ออกมาหาฉันเดี๋ยวนี้” อ่าวไอ้ฉันก็นึกว่าใคร ก็เห็นเรียกชื่อใครนะ ‘พินิภา’ ไม่ใช่เหรอ แล้วไงไหงมาเป็นฉันล่ะ ฉันไม่ได้ชื่อพินิภาอะไรนั่นสักหน่อย เรื่องอะไรจะลุกล่ะ
“พริ้งพราว” เหมือนไม่ได้ดั่งใจอาจารย์เขา ก็เลยเรียกอีกรอบ อะไรจะขนาดนั้น น้ำเสียงของอาจารย์ก็... ดูเหมือนอารมณ์เสียมากๆ เสียด้วย
“อาจารย์เรียกพริ้งเหรอค่ะ” ตอบแบบสบายๆ สไตล์พริ้งพราว แต่ดูเหมือนว่าการที่ฉันพูดแบบนั้นออกไปมันทำให้อาจารย์เอดเข้าไปใหญ่ คือตกลงฉันไปทำอะไรมาเหรอ ไม่ยักจะรู้สะด้วยสิ
“ถ้าไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใคร เธอชื่อพินิภาไม่ใช่เหรอ” นั่นไง พินิภา อยากจะตะโกนบอกดังๆ ว่า
“ฉันไม่ได้ชื่อพินิภา แต่ดิฉันชื่อ ‘พริริพราว’ ค่ะอาจารย์ ก่อนที่จะมาเรียกใครด้วยน้ำเสียงแบบนั้น กรุณาช่วยตรวจสอบสักนิดก็ยังดีนะค่ะ เดี๋ยวพริ้งจะเสียหายเอาได้” ฉันพูดเสียงดัง ฟังชัด ฉะฉาน ทำให้อาจารย์ที่ดุมากๆ และนักศึกษาต่างกลัวนางเป็นอย่างมาก ถึงกับหน้าหวอ
ช็อคอ่ะดิ อยากให้นางเห็นหน้าตัวเองตอนนี้จังเลยนะ
“ฉันไม่เชื่อ”
ฉันจึงตัดสิ้นใจเดินไปตรงหน้าอาจารย์อย่างไม่คิดที่จะเกรงกลัว มันผิดปกตินะ ปกติอาจารย์ท่านนี้จะพูดกับฉันดีมากๆด้วย แต่นี่มันอะไรกัน มันมีเรื่องอะไรที่ฉันไม่รู้เกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอ
“นี่ค่ะ บัตรนักศึกษา ถ้าเกิดว่าอาจารย์ยังไม่เชื่อก็เชิญที่บ้านได้นะค่ะ ที่นั่นน่ะ มีใบสูติบัตรอยู่ด้วยนะค่ะ หรือถ้าใบสูติบัตรยังไม่พอใจ พริ้งก็จะโทรบอกให้ป๊ากับม๊าบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาอาจารย์เพื่อบอกชื่อของพริ้งก็ได้นะค่ะ” บ้าจริง ฉันไม่ใช่คนพูดมากและใจเย็นได้ถึงขนาดนี้นะ
แล้วเชื่อไหมว่าสิ่งที่ฉันพูดออกไปน่ะ ว่าฉันทำได้ แน่นอนว่าต้องได้ อะไรที่คนอย่างพริ้งพราวพูดออกไป มันเป็นความจริงและทำได้ทั้งหมด
“ไม่ต้องหรอก ไม่จำเป็น!” โอ๊ะ! โอ้... คนมองกันเต็มเลยอ่ะ มีนักศึกษาตั้งหลายร้อยคนพูดใส่ไมค์ไปขนาดนั้นเป็นใคร เขาก็ต้องมองกันทั้งนั้นแหละ “เธอไปก่อเรื่องอะไรมา”
“เกรงว่าถ้าคุยกันตอนนี้ ที่นี่คงไม่สดวกนะค่ะอาจารย์”
“เธอไปก่อเรื่องอะไรมาพริ้งพราว” ฉันไปทำอะไรตอนไหน
“เปล่านะคะ”
“แล้วเมื่อคืนเธอไปทำอะไรที่ห้องพักของอาจารย์”
“ประมาณกี่โมงค่ะ” นั่นสินะ ฉันไปทำอะไรที่นั่นทั้งที่เมื่อคืนนั้นฉันอยู่กับเขา คนที่ย่ำยีฉันจนฉันไม่เหลือความเป็นคนให้เขาเห็นแล้ว
“ฉันมีสิทธิ์ตอบเธอด้วยเหรอ พริ้งพราว”
“ก็ถ้าอาจารย์ไม่บอกแล้วจะรู้ไหมค่ะ” ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะกวนอวัยวะเบื้องยืนอาจารย์แกหรอกนะ จริงไหมล่ะ ขนาดตัวฉันเองยังไม่รู้เลยว่าตัวเองไปหยีบห้องพักอาจารย์ตอนไหน เท่าที่จำได้ เมื่อวานพอเรียนภาคบ่ายจบ ฉันก็รีบออกมาจากมหาลัยเลยนะ แล้วนี่มันอะไรกัน
มันมีเรื่องเกี่ยวกับฉัน ทั้งที่ตัวตนของฉันไม่ได้อยู่ที่นั่น ที่ห้องพักอาจารย์
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันเนี่ย
TO BE CONTINUED...
เครดิตภาพ : we heart it ,tumblr, Google
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

121 ความคิดเห็น
-
#24 Bamdy (จากตอนที่ 3)วันที่ 20 สิงหาคม 2558 / 17:40มาต่อไวๆน้ะ#240
-
#21 사 랑 (จากตอนที่ 3)วันที่ 12 สิงหาคม 2558 / 22:03รอๆๆๆ อัพต่อไวๆนะค่า#210
-
#20 foxmeeeeeeee (จากตอนที่ 3)วันที่ 12 สิงหาคม 2558 / 17:0910วันเเล้วนานจุงเบย#200
-
#19 Ss'parn Olo (จากตอนที่ 3)วันที่ 2 สิงหาคม 2558 / 08:33มาอัพเยยยยย#190