คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 9 ข้อเสนอขององค์ราชา
“ข้าขออภัยองค์ราชาแต่ข้าไม่สามารถรับมันไว้ได้”เด็กหนุ่มพ่อมดได้กล่าวคำตอบของเขาขึ้นด้วยสีหน้าที่แสดงออกได้ถึงความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งในทันทีที่องค์ราชาตรงหน้าได้ยื่นข้อเสนอบางอย่างให้แก่เขา
พลางลากเก้าอี้ที่เขาได้นั่งอยู่ออกจากโต๊ะเล็กๆรับแขกนั้นแล้วลุกขึ้นเพื่อเริ่มก้าวขาของเขาออกไปจากห้องแห่งนี้
“เดี๋ยวๆๆ เด็กน้อย”เมื่อองค์ราชาได้เห็นเหตุการณ์ดังนั้นแล้วเขาจึงค่อยๆยันตัวเองขึ้นเพื่อลุกออกจากเก้าอี้ของเขาเช่นกันพลางกล่าวคำพูดเพื่อเหนี่ยวรั้งคนตรงหน้าของเขาเอาไว้
คำพูดที่ถูกเอ่ยออกมาจากปากขององค์ราชาได้ส่งผลให้เด็กหนุ่มตรงหน้าประตูทางออกได้เลือกที่จะชักมือที่กำลังจะเอื้อมเพื่อไปเปิดประตูออกแล้วหันหลังของเขากลับมาเพื่อฟังคำพูดต่อไปของบุคคลตรงหน้า
“ข้าให้ท่านทบทวนความคิดเสียใหม่ท่านวิล ข้าเพียงแค่ต้องการที่จะดูแลหินแห่งพลังเพียงเท่านั้น”คำพูดได้ถูกเอ่ยขึ้นอีกครั้งเพื่อชักชวนบุคคลที่กำลังจะจากไปด้วยรอยยิ้ม
ดวงตาสีนิลขององค์ราชานั้นได้จ้องมองตรงไปยังบุคคลตรงหน้า
แต่เมื่อพ่อมดน้อยตรงหน้าของเขานั้นมิได้มีปฏิกิริยาใดๆตอบสนองในคำพูดของเขาปากที่เคยฉีกยิ้มนั้นจึงค่อยๆเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มบางๆ
และเมื่อผ่านไปไม่นานนักรอยยิ้มบางๆนั้นจึงค่อยๆจางหายออกไปจากริมฝีปากของผู้สูงศักดิ์ด้วยเหตุที่ว่าเขานั้นมิได้รับคำตอบใดๆกลับมาจากบุคคลตรงหน้า
“ทางอาณาจักรออกข้าจะดูแลมันเป็นอย่างดี”รอยยิ้มได้ถูกส่งออกไปอีกครั้งจากริมฝีปากที่มีสีดังผลเบอร์รี่สีแดงสด
ซึ่งมันแสดงได้ถึงความพยายามของผู้พูดเป็นอย่างยิ่ง
“ไม่”
ด้วยคำพูดห้วนๆที่มันได้พึ่งถูกส่งออกมาจากปากของพ่อมดแห่งผืนน้ำนั้นได้ส่งผลให้องค์ราชาตรงหน้านิ่งเงียบไปสักพักก่อนที่จะเอ่ยคำพูดบางอย่างออกมาอีกครั้ง
“ข้าเพียงอยากเห็นมันเพียงเท่านั้น”
ผู้เป็นราชาแห่งเมืองนั้นยังคงไม่ละความพยายามของเขาในการรุกเร้าบุคคลตรงหน้าพลางมองหน้าเด็กสาวแม่มดด้วยท่าทีอ้อนวอน
“ท่านอยากเห็นมันไปเพื่ออะไรเล่า องค์ราชา”เมื่อเด็กสาวได้เห็นปฏิกิริยาของบุคคลตรงหน้าของเธอดังนั้นแล้วเธอจึงค่อยๆเอ่ยถามถึงเหตุผลของความต้องการของเขาออกไป
องค์ราชานั้นยังคงนิ่งเงียบและแสดงท่าทีเสมือนเขานั้นกำลังใช้ความคิดเพื่อคิดอะไรบางอย่าง
จากนั้นไม่นานนักร่างกายของผู้สูงศักดิ์ก็ได้ค่อยๆก้าวขาของเขาออกเพื่อเดินไปหาบุคคลตรงหน้า
หลังจากสิ้นเสียงกระทบของรองเท้าที่ถูกดัดแปลงจนมีส้นได้หยุดดังขึ้นไม่นานนักร่างขององค์ราชาก็ได้ยืนอยู่ตรงหน้าของเด็กสาว
“โธ่ แม่มดน้อยท่านลองนึกดูสิ”ผู้พูดค่อยๆกล่าวประโยคสนทนาขึ้นพร้อมๆกับมือที่เอื้อมออกไปเพื่อจับแก้มของเด็กสาว
“เจ้านั้นพร้อมด้วยรูปโฉมแม้มิต้องแต่งตัวให้ฉูดฉาดเพื่อเรียกร้องความสนใจดังเช่นตัวของข้า”องค์ราชาได้กล่าวขึ้นพลางพยายามที่จะใช้ดวงตาของเขามองลึกเข้าไปนัยน์ดวงตาที่มีสีดังอัสนีย์ของเด็กสาวเพื่อให้เธอนั้นสนใจในประโยคที่กำลังจะถูกเอ่ยออกไปจากปากของเขา
“แล้วมันเกี่ยวอันใดกับหินแห่งอาณาจักรข้าเล่า”คำพูดของเด็กหนุ่มพ่อมดได้กล่าวออกมาส่งผลให้ริมฝีปากที่กำลังจะถูกเปิดออกของผู้สูงศักดิ์ตรงหน้าของเด็กสาวได้หุบลงไปในทันที
“โธ่ท่าน ท่านจะกังวลมากมายไปเพื่ออะไร ไม่ว่ามันจะเก็บรักษาอยู่ในที่แห่งใดนั้นมันก็ยังคงเป็นหินแห่งพลังอันเดิมของท่าน”ใบหน้าที่กำลังจ้องมองหญิงสาวของผู้เป็นราชานั้นบัดนี้มันได้เบี่ยงเบนทิศทางไปทางเด็กพ่อมดวิล
พร้อมกับการเอ่ยประโยคถกเถียงของเขาออกไปพลางปลดปล่อยลมหายใจที่ยืดยาวของเขาออกมา
“ขออภัยเถิดองค์ราชา แต่ข้าถามท่านว่าท่านต้องการมันไปเพื่ออะไร”
เมื่อเด็กพ่อมดยังคงยืนกรานที่จะถามในประเด็นที่เขาพึ่งถามออกไปแล้วนั้นผู้เป็นราชาจึงทำได้แค่การทำคอตกพลางพึมพำบางอย่างด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าปกติ
“ข้านั้นเพียงแค่อยากที่จะนำมันมาทำสร้อยคอ”
“หากคอของข้านั้นได้ประดับประดาด้วยหินแห่งพลังอันสวยงามนั้นมันคงจะดีไม่น้อย”
“มันไม่ได้สวยเช่นนั้นหรอกท่าน”เด็กสาวแม่มดได้พูดแทรกขึ้นพลางเดินมาตบบ่าขององค์ราชาอย่างเบามือ
“โธ่ แม่มดน้อยข้ามิได้คิดเช่นท่าน หินสีมรกตดังดวงตาของท่านวิลนั้นในความ-”
“ท่านไปรู้จักมันได้อย่างไร!”คำพูดโผงผางของชายหนุ่มผู้มีเรือนผมสีทองได้ถูกกล่าวออกไปอย่างฉับพลันส่งผลให้ผู้ที่กำลังพูดอยู่นั้นเกิดอาการสะดุ้งเล็กน้อย
จะมิสะดุ้งได้อย่างไรในเมื่อหินนั้นถูกเก็บไว้ในห้องบรรทมขององค์ราชาอย่างมิดชิดมาโดยตลอด
มันคือหินที่แสดงถึงความเป็นราชาแห่งอาณาจักรของเขาซึ่งแม้แต่ตัวของผู้ที่พึ่งตะโกนออกไปเองนั้นยังมิเคยได้มีโอกาสได้เห็นมันด้วยซ้ำ
ซึ่งเขานั้นได้รับรู้จากกษัตริย์องค์ก่อนเพียงแค่ว่ามันมีสีดังดวงตาของเขาและมันมีความสำคัญมากกับอาณาจักรแห่งมนตรามากมายนัก
“ขะ ข้านั้นก็แค่เคยได้ยินมาจากทหารของข้าที่อยู่ในทัพเวทมนตร์ท่าน”คำพูดเพื่อแก้ตัวได้ถูกส่งออกไปจากผู้ถูกถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกได้ถึงความกังวล
“เอาเถิดๆ พอเถิดท่านวิล แต่อย่างไรก็ตามท่านพี่ ท่านได้ส่งข้าออกจากอาณาจักรไปเพื่อออกไปรับท่านวิลมาจากเมืองเวทมนตร์มายังที่แห่งนี้ด้วยเหตุผลที่ว่าเราจะช่วยเขามิใช่หรือ”คำพูดของเด็กหนุ่มมนุษย์อีกคนหนึ่งในหอประชุมได้ถูกส่งออกไปเพื่อยุติบทสนทนาตรงหน้า
“ท่านได้บอกข้าว่าท่านต้องการเพียงแค่จะช่วยพวกเขามิใช่หรือ”เขายังคงพูดย้ำในจุดประสงค์เก่าขององค์ราชาด้วยน้ำที่เป็นปกติ
โดยคำพูดของเขานั้นมันช่างหักใบหน้าบางๆของผู้เป็นพี่ของเขายิ่งนัก
“ฮะ แฮ่มๆๆ ถ้าเช่นนั้นท่านตกลงไหมท่านวิล หากข้านั้นจะขอเพียงแค่การได้เห็นหินนั้นกับตา”
คำพูดได้ถูกส่งออกไปจากผู้ที่มีริมฝีปากแดงสดอีกครั้ง
แต่ในครั้งนี้นั้นมันได้ลดน้ำหนักของคำขอของเขาลงไปเป็นอย่างมาก
โดยบุคคลตรงหน้านั้นกระทำเป็นแค่การถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกขัดใจในความพยายามของบุคคลตรงหน้ายิ่งนัก
เขาได้หยุดเงียบลงหลังจากการถอนหายใจเพื่อใช้ความคิดในข้อเสนอนั้นสักพัก
ก่อนที่ไม่นานนักศรีษะของเขานั้นจะเบนหันไปในทางที่แม่มดสาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ของราชวังแห่งเมืองมนุษย์และทหารหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆกับเธอเพื่อขอความคิดเห็นจากบุคคลทั้งสอง
“ข้าคิดว่ามันไม่เสียหายนะท่านพี่แต่ท่านจะเดินทางไปกับพวกเราหรือท่านราชา”
เมื่อเด็กสาวได้เห็นปฏิกิริยาของผู้เป็นพี่ของเธอเช่นนั้นเธอจึงค่อยๆเอ่ยประโยคของเธอขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบางๆของเธอ
เมื่อสถานการณ์ในห้องนั้นเริ่มจะเบาบางแล้วจึงทำให้บทสนทนานั้นกำลังจะดำเนินไปด้วยดีหากไม่มีผู้ใดขัดขึ้นเสียก่อน
ซึ่งผู้ที่ขัดการสนทนาขึ้นนั้นมันก็คงจะเป็นผู้ใดไปเสียมิได้นอกจากชายหนุ่มนัยน์ตาสีมรกตนั่นเอง
“แต่ข้านั้นไม่เห็นด้วยกับเจ้านักคริสต้า แม้แต่ข้ากับเจ้าที่เติบโตมาในวังนั้นยังมิเคยได้เห็นมันด้วยซ้ำ”
“มันก็แค่หินน่าวิล”ซึ่งเด็กสาวผู้ถูกปฏิเสธเองก็ยังมิยอมเลิกล้มความคิดของเธอเช่นกัน
“เจ้าบอกมันเป็นแค่หินหรือ”เด็กหนุ่มพ่อมดได้กล่าวขึ้นกับน้องสาวของเขาด้วยความขัดข้องใจเล็กน้อยที่ดูเหมือนกับว่าเด็กสาวตรงหน้านั้นจะมิได้สนใจกับหินที่มีความสำคัญอย่างยิ่งกับอาณาจักรของพวกเขาเท่าที่ควรนัก
“ทะ ท่านคริสต้าหมายถึงพวกเรานั้นต้องการกองทัพกับที่พักอาศัยน่ะท่าน”
เมื่อสถานการณ์ตรงหน้านั้นเริ่มดูเหมือนกับว่ามันกำลังจะเข้าสู่การทะเลาะวิวาทแล้วนั้นอัลโต้จึงเลือกที่จะแก้ตัวแทนหญิงสาวแม่มดนั้นเพื่อยุติการถกเถียงที่มันอาจเกิดขึ้นภายในเร็วๆนี้ได้
“ใช่แล้ววิล เราต้องแลกเปลี่ยนอะไรเสียหน่อยสิ”เด็กสาวแม่มดได้กล่าวขึ้นในทันทีที่ทหารข้างๆของเธอพูดจบเพื่อสนับสนุนในความคิดของเธอเองเมื่อครู่
“แต่หินนั้นมัน-”
“เอาน่าวิล เราคิดกำลังคิดทำการใหญ่นะ”เด็กหญิงนัยน์ตาสีอัสนีย์เลือกที่จะไม่เปิดโอกาสให้บุคคลตรงหน้าของเธอได้มีโอกาสที่จะเอ่ยบทสนทนาที่ขัดแย้งกับความคิดของเธอขึ้น
เมื่อในขณะนี้นั้นได้มีบุคคลจากโลกเวทมนตร์เห็นด้วยกับความคิดของเด็กสาวเสียทั้งสองคนคือเธอเองและอัลโต้แล้วนั้น
เด็กหนุ่มอีกคนจึงต้องจำยอมโดยไม่ค่อยเต็มใจนัก
“ก็ได้”
ในความคิดด้านบวกของเด็กหนุ่มผู้พูดนั้นนั่นคือหากเขาปฏิเสธข้อเสนอนี้ไปนั้นเขาก็คงจะไม่มีกองทัพทหารเพื่อไปสู้กับทัพขององค์ราชาแห่งไฟเช่นกัน
“แน่นอนสิแม่มดน้อย ข้าจะเดินทางไปกับพวกท่านด้วย”
เมื่อองค์ราชาแห่งเมืองมนุษย์ได้ยินดังนั้นแล้วเขาจึงเริ่มต้นตอบคำถามที่ค้างเอาไว้กับหญิงสาวแม่มดในทันที
ซึ่งคำพูดที่มันได้ถูกส่งผลออกไปจากปากขององค์ราชาพร้อมกับรอยยิ้มนั้นมันได้ส่งผลให้บุคคลทั้งหมดในห้องนั้นแสดงท่าทีแปลกใจเล็กน้อย
ก่อนที่ไม่นานนักจะมีประโยคคำถามถูกส่งออกมาจากปากของเด็กหนุ่มมนุษย์อีกคน
“แล้วบัลลังก์เล่าท่านพี่”
“หน้าที่ของเจ้าไง เบร็ค”ผู้เป็นราชาได้ตอบคำถามของน้องชายของเขาในทันทีที่ประโยคคำถามที่ถูกส่งออกมานั้นได้จบลง
“ข้าขอปฏิเสธ”
ซึ่งประโยคที่พึ่งถูกส่งออกไปของเขานั้นมันก็ได้ถูกตอบกลับมาในทันทีจากน้องชายของเขาอีกเช่นกัน
“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะให้ที่ปรึกษามือขวาของข้าดูแลไปก่อน”องค์ราชาผู้ถูกปฏิเสธได้กล่าวประโยคของเขาขึ้นเพื่อรอให้น้องชายของเขาขัดแย้งในความคิดของเขา
แล้วบุคคลตรงหน้านั้นก็ต้องยอมรับผิดชอบบัลลังก์แทนเขาอย่างแน่นอน
.
.
“ตามใจท่านเถิด”เบร็คได้เปิดริมฝีบางของเขาขึ้นเพื่อกล่าวตอบสนองในคำพูดของผู้เป็นพี่ของเขาหลังจากที่ใช้เวลาคิดไม่นานนัก
“ข้าขอประทานอภัยองค์ราชา แต่ท่านนั้นมีนามว่าอย่างไรหรือ”ทหารหนุ่มได้กล่าวขึ้นหลังจากที่เขาได้คาดการณ์ว่าบทสนทนาของบุคคลทั้งสองนั้นได้จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“เก่งมากทหารน้อยที่ท่านนั้นสนใจในชื่อของข้า มิส.วิโอล่า”รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นบนหน้าขององค์ราชาในทันทีที่เขานั้นได้เอ่ยประโยคแนะนำตัวออกไป
ความคิดเห็น