ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องเก็บของ

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 8 กราดอน

    • อัปเดตล่าสุด 22 มี.ค. 58


                เสียงเคาะประตูบานหนาได้ดังขึ้นจากมือของแม่มดชรานามเดลล่าเพื่อเป็นการขออนุญาตในการเข้าไปยังห้องประชุมสภาที่มีผู้เฒ่าอาวุโสนั่งอยู่ภายในนั้น

     

     

                “ท่านมีธุระอันใดกับข้าหรือท่านกราดอน”แม่มดเฒ่าได้เปิดฉากสนทนาขึ้นในทันทีที่เธอได้เคลื่อนย้ายร่างกายของเธอเข้าไปในห้องนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

                บัดนี้ ณ ห้องประชุมของสภาเวทมนตร์ที่ใหญ่โตนั้นได้มีเพียงชายแก่ผู้เป็นหัวหน้าของสภาแห่งโลกเวทย์มนและแม่มดชราผู้นำกองกบฏเพียงเท่านั้นซึ่งสิ่งนี้นั้นได้ส่งผลให้บรรยากาศรอบๆตัวของพวกเขาช่างดูเวิ้งว้างยิ่งนัก

                “ข้าขอใช้อำนาจแห่งราชาสั่งการให้ท่านบุกไปยังเมืองมนุษย์ เดลล่า”ผู้นำแห่งสภาเวทมนตร์ได้เอ่ยประโยคคำสั่งของเขาขึ้นในทันทีที่แม่มดตรงหน้าของเขานั้นจบได้เลื่อนเก้าอี้เพื่อนั่งลงตรงหน้าของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

                “บุก?”แม่มดชราคู่สนทนาได้กล่าวทวนคำพูดของชายตรงหน้าอีกครั้งหลังจากที่เธอได้ยินถ้อยคำของเขา

                ชายชราตรงหน้ากระทำเพียงแค่การพยักหน้าของเขาลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการตอบสนองต่อคำพูดของเธอ

                “ข้าไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งท่านกราดอน ท่านกำลังคิดที่จะสร้างศัตรู”เมื่อหญิงชราคู่สนทนาของชายแก่ตรงหน้านั้นได้ยินได้อย่างชัดเจนว่าคู่สนทนาของเธอนั้นมิได้พูดผิดแต่ประการใดเธอจึงได้กล่าวคำพูดที่แสดงได้ถึงความไม่เห็นด้วยเพื่อตอบสนองต่อความคิดของเขาในทันที

                “ให้ตายเถิดท่านเดลล่า ท่านจะขัดคอข้าไปทำไมกัน”กราดอนกล่าวขึ้นต่อบุคคลตรงหน้าที่คิดเห็นขัดแย้งต่อคำพูดของเขาพลางถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายที่เขานั้นจะต้องหาเหตุผลออกมาเพื่อทำให้ความคิดของเขานั้นดูมีน้ำหนักมากขึ้น

                “มนุษย์พวกนั้นไม่มีปัญญาทำอันตรายใดๆกับเผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่อย่างพวกเราได้ท่านเดลล่า”ชายชรายังคงพูดเพื่อโน้มน้าวจิตใจของเธอ

                “ข้านั้นขัดอกขัดใจมาตั้งแต่สมัยองค์ราชาแห่งผืนดินแล้วท่าน เขานั้นเป็นผู้บุกเบิกการค้าขายแร่จากพวกมนุษย์แทนที่เขาจะยึดแผ่นดินนั้นเสีย”

                “เจ้าไม่คิดหรอกหรือว่าในปีๆหนึ่งเผ่นพันธุ์ของเรานั้นต้องเสียเงินตราไปมากเท่าไร เดลล่า”เมื่อปฏิกิริยาของคู่สนทนายังคงนิ่งเฉยชายเฒ่าจึงพยายามพูดเพื่อสนับสนุนในคำพูดของเขาต่อไป

                “แล้วท่านล่ะเดลล่า ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร”เมื่อคู่สนทนาของเขายังคงรักษาท่าทีที่สงบเสงี่ยมไว้นั้นเขาจึงเปลี่ยนหน้าที่จากผู้เล่าเป็นผู้ถามเพื่อให้อีกฝ่ายได้มีส่วนร่วมในการสนทนาในครั้งนี้

                “ข้าจะกล่าวออกไปก็คงไม่มีประโยชน์ท่านกราดอน ต่อให้เหตุผลของข้านั้นมันจะดีกว่าท่านเพียงใดก็ตาม ท่านนั้นกำลังลุ่มหลงและมัวเมาในอำนาจที่พึ่งจะได้รับมากราดอน”เมื่อหญิงชราได้ยินคำถามตรงหน้าเธอจึงพูดสิ่งที่เธอคิดออกไปในทันที

                หลังจากคำพูดอันกล้าหาญได้ลอยหลุดออกจากปากของหญิงชราไปได้ไม่นานนัก เสียงปรบมือเบาๆก็ได้ดังขึ้นเบื้องหลังของแม่มดเฒ่า

                “ข้าเห็นด้วยกับท่านเป็นอย่างยิ่งเดลล่า”ชานนัยน์ตาสีแดงเพลิงได้เอ่ยชมหญิงชราขึ้นก่อนที่จะเลื่อนเก้าอี้ออกเพื่อนั่งข้างๆเธอ

                “ท่านกิลเบิร์ต นี่มันมิใช่ธุระของท่าน”เมื่อชายชรากราดอนได้เห็นภาพดังนั้นเขาจึงค่อยๆเอ่ยวาจาของเขาออกไปแก่บุคคลตรงหน้าด้วยความสุภาพ

                “ตาแก่กราดอน นี่ท่านลืมแล้วหรือว่าท่านเรียกข้ามา”ผู้เข้าร่วมการสนทนาเป็นคนที่สามได้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ

                “ข้าขออภัย ท่านกิลล์”คำพูดของบุคคลตรงหน้านั้นทำให้ชายชราผู้นี้จำอะไรได้บางอย่างเขานั้นได้เรียกองค์ราชามาเพื่อขอรวมกองทัพเพิ่มโดยนำกองทัพพิเศษขององค์ราชามาเข้ารวมกับกองทัพปราบกบฏเพื่อที่จะใช้ในเข้ายึดเมืองมนุษย์

                “ข้านั้นจะขอยืมกองทัพพิเศษของท่านรวมกับทัพปราบกบฏเพื่อไปยึดเมืองมนุษย์”ชายชราได้พูดดังความคิดของเขาเมื่อกล่าวคำขอโทษจบลง

                “ข้ามีสิทธิ์ขัดข้องด้วยหรือ”เมื่อผู้เป็นราชาได้ยินดังนั้นเขาจึงค่อยๆเอ่ยคำถามขึ้นด้วยความสงสัยในตัวของบุคคลตรงหน้า

                “ได้โปรดอย่าเกิดความเข้าใจผิด ท่านกิลล์ ข้านั้นเพียงเรียกท่านมาเพื่อให้รับทราบถึงแผนการรวมทัพเพื่อเข้าตีเมืองมนุษย์ของข้า  อำนาจเด็ดขาดของราชานั้นอยู่ที่ข้าท่านกิลล์”ผู้ถูกถามได้กล่าวขึ้นอย่างช้าๆด้วยน้ำเสียงที่เน้นย้ำเป็นพิเศษในช่วงท้ายที่ส่งผลให้ทั้งแม่มดชราและคู่สนทนาของเขาปัจจุบันนั้นทำสีหน้าไม่ค่อยพอใจในตัวเขามากนัก

                “ขออภัยเภิดท่านกราดอน ”องค์ราชาองค์ปัจจุบันได้เอ่ยขึ้นก่อนที่ตัวของเขาจะลุกขึ้นยืนเพื่อเดินอ้อมโต๊ะอันหนาเข้ามาตรงหน้าของชายก่อนที่จะเอ่ยอะไรบางอย่าง

                “ข้านั้นยอมท่านมาตลอดกราดอน ข้ามิอยากขัดหน้าท่านต่อหน้าของคนหมู่มากในสภาแต่สำหรับการตัดสินใจนี้ของท่านนั้นข้าไม่อาจยอมได้”

                “ข้าให้เกียรติในการตัดสินใจกับท่านมาตลอดท่านผู้อาวุโส”

                เมื่อได้ยินดังนั้นจากกษัตริย์ตรงหน้าแล้วนั้นชายผู้อาวุโสจึงค่อยๆยันตัวเองเพื่อลุกขึ้นเถียงกับคนตรงหน้า

                “ข้าแต่องค์ราชา ข้าท่านขัดในการตัดสินใจของข้า-

                “ข้าไม่ต้องการต่อสู้กับใครทั้งนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าไม่อยากต่อสู้กับท่านกราดอน!

                คำพูดของชายแก่นั้นได้ถูกขัดขึ้นพร้อมๆกับการขึ้นเสียงของราชาหนุ่ม

                “ถ้าเช่นนั้น ข้าจะไม่ใช่กองทัพพิเศษของท่าน ข้าสามารถบุกด้วยกองปราบกบฏเพียงทัพเดียว!”เสียงที่แหบพร่าของชายเฒ่าผู้อาวุโสได้พยายามตะโกนออกไปเพื่อที่จะต่อสู้กับเสียงของเด็กหนุ่มตรงหน้า

                “….”เมื่อองค์ราชาได้ยินคำพูดที่ดื้อดึงเช่นนั้นของชายชราทำให้เขาไม่อาจคิดคำพูดใดๆต่อไปได้

                “เชิญ”คำพูดสั้นๆและห้วยๆของชายหนุ่มได้ถูกเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเฉยภายใต้ความรู้สึกโกรธเคืองในความดื้อดึงของเขา     

                “ท่านเข้าใจก็ดี ท่านกิลเบิร์ต”ผู้อาวุโสกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มหลังจากที่ได้ยินคำพูดตรงหน้า บัดนี้เขานั้นเหลือเพียงแค่การส่งเดลล่าไปยังเมืองมนุษย์

                “เชิญท่านบ้าอำนาจต่อไป!! ไอ้แก่เอ้ย!!

    แกร๊ง กึก กึก กึก กึก เคร้ง  เสียงตะโกนที่ดังกึกก้องนั้นได้ถูกเอ่ยขึ้นพอๆกับเสียงไม้เท้าที่ถูกเด็กหนุ่มผลักจนล้มลงพร้อมกับตัวของผู้ผลักเองที่กำลังเดินตรงไปยังประตูทางออก

                เมื่อเพ่งมองประตูบานหนาที่ได้ปิดลงอย่างดังก้องด้วยแรงกระแทกอีกครั้งร่างของผู้ปิดมันนั้นก็ไม่อยู่เสียแล้ว

                ซึ่งสิ่งที่ผู้พูดนั้นได้ทิ้งไว้ในห้องนี้นั้นนั่นคือความเงียบที่เกิดจากอาการมึนงงต่อปฏิกิริยาที่ฉับไวของเขา

                และภายหลังจากนั้นสักพักอาการมึนงงจึงแปรเปลี่ยนไปเป็นความโกรธแค้นของผู้อาวุโสที่ถูกต่อว่านั้นเอง

                “คอยดูข้าเถิด ท่านราชาฝึกหัด”เสียงพึมพำเบาๆได้เกิดขึ้นตรงหน้าของแม่มดชราที่กำลังยิ้มบางๆเธอนั้นช่างชื่นชอบในความกล้าหาญของเด็กหนุ่มผู้นี้เสียเหลือเกิน

                “ข้าขอสั่งให้ท่านไปยังเมืองมนุษย์ภายในเที่ยงคืนวันนี้”เมื่อผู้อาวุโสกราดอนได้ดึงสติของเขากลับมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้นเขาจึงรีบเอ่ยคำสั่งการของเขาไปยังแม่มดผู้โชคร้ายตรงหน้าในทันที

                “ท่านกราดอน ท่านพึ่งเรียกข้ามาพบข้าคิดว่าเราควรออกเด-

                “ข้าคิดว่าเราควรจัดการเรื่องนี้ไวที่สุด”พ่อมดชราได้เอ่ยคำพูดของเขาออกไปอย่างฉับพลันเมื่อเมื่อได้ยินคำขัดใจของแม่มดตรงหน้า

                เมื่อบุคคลตรงหน้านั้นไม่มีท่าทีที่จะอ่อนข้อให้เธอดังนั้น แม่มดผู้คุมทัพจึงค่อยๆเดินออกไปจากห้องแห่งนั้นอย่างเสียมิได้

                “คอยดูเถิด ซักวันข้าจะต้องได้ครองทั้งอำนาจแห่งราชาและบัลลังก์แห่งราชา”เสียงพึมพำเบาๆได้ลอดออกมาจากช่องปากของชายแก่ผู้ที่กำลังคิดทางลบต่อราชวังและตระกูลแห่งผู้ปกครอง

                มันคงช่วยอะไรมินักได้หากเขาจะคิดลบต่อสายเลือดของผู้ปกครองเช่นนี้ เมื่อย้อนกลับไปดูชายที่เมื่อก่อนนั้นเคยจงรักภักดีต่อกษัตริย์ที่น่าเคารพเยี่ยงชีวิตจนส่งลูกของตนเองไปเป็นทหารเพื่อช่วยกษัตริย์แห่งผืนดินเพื่อไปช่วยรบในสงครามกลางเมืองของเอลฟ์อย่างช่วยมิได้เมื่อพ่อมดและเอลฟ์เกิดผิดใจกันอย่างรุนแรง

                ราชานำเด็กคนหนึ่งกลับออกมาจากสงคราม เขาคือลูกของทหารคนหนึ่งในกองทัพกับราชินีแห่งเอฟล์ที่ต่างไม่มีชีวิตรอดในสงครามครั้งนั้น

                เด็กน้อยผู้โชคร้ายที่ต้องสูญเสียทั้งพ่อและแม่ของตนเองไปตั้งแต่ยังจำความมิได้นั้นได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีภายใต้ความดูแลของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่โดยมีภรรยาของทำหน้าที่เขาเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิด

                แต่ลูกของเขานั้นมิได้กลับมาตลอดการ

                ซ้ำร้ายของเขาที่ภรรยาที่เป็นสมาชิกคนสุดท้ายของครอบครัวที่เขามีอยู่นั้นยังต้องถูกผู้ที่ตนเองให้ความเคารพจนมองข้ามชาติกำเนิดมาตลอดฆ่าตายไป

                ตาที่เคยพร่ามัวของเขานั้นบัดนี้มันได้ถูกทำให้สว่างขึ้นแล้ว

                สว่างไสวท่ามกลางความมืดแห่งจิตใจของชายแก่

                บัดนี้เขานั้นพร้อมที่จะกระทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางความสุขของบุตรของผู้ที่เขาเคยเคารพรักทั้งสาม

     

                           

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×