คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 5 เมืองมนุษย์
ได้โปรดเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ข้าได้ฟังอย่างละเอียด ฟริลิกซ์”ผู้เฒ่ากราดอนได้เอ่ยขึ้นอย่างตกใจในสิ่งที่ทหารตรงหน้าได้รายงานให้เขาฟังเมื่อครู่
“ข้าแต่ท่านกราดอน ท่านเซเฟียน่าได้ถูกท่านวิลใช้ดาบปาดลำคอจนสิ้นลม”ทหารตรงหน้าของชายชราเอ่ยขึ้นพร้อมกับการก้มหน้าลงโดยไม่สบสายตาของคนตรงหน้า
สิ่งที่ฟริลิกซ์ได้พูดออกไปเมื่อครู่นั้นได้ส่งผลให้สถานที่แห่งนั้นตกอยู่ในความเงียบอย่างฉับพลัน
“ท่านผู้นำพยายามขอชีวิตจากเขาแต่เขานั้นยังคงใช้ดาบของเขานั้นสังหารเธอ”ทหารผู้นั้นยังคงรายงายต่อไป
คำพูดที่ขัดต่อความเป็นจริงของทหารที่กำลังรายงานอยู่นั้นได้ส่งผลให้ทหารที่อยู่ในเหตุการณ์ที่เหลือนั้นอดที่จะเกิดความขัดข้องใจอย่างเสียมิได้แต่สิ่งที่พวกเขาทำได้นั้นก็คือการยืนนิ่งๆอย่างเป็นระเบียบและฟังตัวแทนทหารรายงานต่อไปอย่างนิ่งเฉย
เมื่อชายชราได้ยินดังทหารตรงหน้าพูดขึ้นแบบนั้นเขาจึงหันหน้าไปยังกษัตริย์ของเขาในทันที
“พวกเจ้าออกไปก่อน”ราชาที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ได้เอ่ยคำสั่งขึ้นก่อนที่บรรดาทหารทั้งหลายจะเดินออกไปจากที่แห่งนั้นอย่างเป็นระเบียบ
“ท่านเห็นความว่าอย่างไรองค์ราชากับการกระทำของท่านวิลที่กระทำต่อคนที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เขายังเด็กเช่นนี้”กราดอนได้เอ่ยขึ้นในทันทีที่ทหารเหล่านั้นออกไปหมดเขาไม่อาจเก็บความโกรธไว้ได้นานกว่านี้อีกแล้ว
“……”ผู้ถูกถามยังคงไม่ตอบเนื่องจากเขาไม่อาจเชื่อในข้อมูลที่ถูกเอ่ยขึ้นจากปากของตัวแทนทหารนั้นได้
“ท่านกิลเบริ์ต!!”เมื่อชายชราที่กำลังอยู่ในภาวะอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนักเห็นการกระทำที่เพิกเฉยต่อเขาเช่นนั้น เขาจึงมิอาจที่จะทนรอคำตอบของบุคคลตรงหน้าได้
“ใจเย็นก่อน ตาแก่ ข้าคิดว่าเรื่องที่เราได้ยินมันอาจบิดเบือ¬”
“ข้าคิดว่าบุคคลที่ควรจะใจเย็นมาตลอดนั้นคือท่านองค์ราชาแห่งไฟการปกครองที่เอาแต่ใจของท่านนั้นคือต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ความเป็นอยู่ของปวงชนแห่งนครนี้ย่ำแย่ลง ท่านนั้นคือต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด ท่านเป็นคนสุมกองไฟขึ้นบนนครอันเงียบสงบแห่งนี้ ตลอดช่วงชีวิตของข้า ข้าไม่เคยเลยที่จะเจอกับความวุ่นวายเช่นนี้ ท่านราชาแห่งผืนดินช่างน่าสงสารยิ่งนักที่มีบุตรอย่างพวกท่านทั้งสามต่อไปนี้ข้าขอสั่งให้เด็กน้อยที่ยังเอาแต่ใจอย่างท่านเชื่อฟังในคำสั่งของผู้อาวุโสอย่างข้า!” ชายชรากล่าวอย่างยืดยาวด้วยท่าทางที่เหนื่อยหอบที่เกิดจากการหายใจติดขัดอันเกิดจากความโกรธบุคคลตรงหน้าที่เป็นต้นเหตุให้เขาสูญเสียบุคคลในครอบครัวของเขาไป
“เจ้าจะมากไปแล้วนะกราดอน เจ้าไม่มีสิทธิ์มาสั่งข้า”ชายนัยน์ตาสีเพลิงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบที่ช่างขัดกับอารมณ์ของชายชราตรงหน้าของเขา
“ข้าขอประทานอภัยเถิดองค์ราชาแต่ในข้อตกลงของพวกเรานั้น ท่านมันไม่ต่างอะไรกับหุ่นเชิดของข้า ข้านั้นมีสิทธิ์ของราชาซึ่งมันแตกต่างจากท่านที่มีสิทธิ์เพียงนั่งอยู่บนบัลลังก์นั่น”ชายแก่พูดขึ้นด้วยอารมณ์ชั่ววูบของเขาพลางชี้มือไปที่เก้าอี้ที่ชายหนุ่มอีกคนนั่งอยู่
เมื่อจบคำพูดของพ่อมดชรานั้นเขาก็ได้เดินออกไปจากห้องโถงนั้นอย่างเร่งรีบก่อนที่บุคคลที่เป็นทายาทของกษัตริย์องค์ก่อนนั้นจะได้เอ่ยคำใดๆ
“ฟริลิกซ์เรียกสภาเหล่าสมาชิกแห่งสภาเวทย์ไปยังห้องประชุมสภา”กราดอนได้กล่าวขึ้นเมื่อเขาได้สังเกตุเห็นทหารคนสนิทของภรรยาผู้ล่วงลับของเขาที่ยืนอยู่ในบริเวณใกล้ๆหลังจากที่เขาได้เดินออกมาจากห้องโถงนั้นแล้ว
“ครับ”
เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนักเหล่าสมาชิกแห่งสภาทั้งหมดนั้นก็ได้ไปรวมตัวกันยังห้องประชุมหลังจากที่ถูกผู้อาวุโสเรียกตัว
“ดังที่พวกท่านได้รับรู้ ภรรยาของข้าได้ถูกปลิดชีพโดยผู้ที่เธอเคยเลี้ยงดูเขาเมื่อยังเล็กเมื่อเหตุการณ์ทั้งหมดดำเนินมาเป็นเช่นนี้แล้ว พวกท่านนั้นเห็นสมควรกับข้าหรือไม่ที่จะกำจัดเขาเสีย”ผู้เฒ่าผู้เป็นประธานแห่งการประชุมได้กล่าวขึ้นแทบจะในทันทีที่สมาชิกทุกคนได้นั่งลง
“โอ้ ท่านกราดอน ท่านหมายความว่าท่านจะสังหารบุตรแห่งก¬”หญิงชราผู้เป็นสมาชิกในการประชุมค่อยๆกล่าวขึ้นอย่างเรียบตกใจเมื่อเธอได้ยินชายชราพูดเช่นนั้น
“ท่านไม่เข้าใจหรือท่านเดลร่า บัดนี้เขาไม่ใช่ท่านวิลที่น่าเคารพดังที่พวกเรารู้จักแล้ว เขานั้นคือบุคคลที่หันหลังให้แก่นครของเรา เขาคือกบฏ”ชายแก่อีกคนได้พูดแทรกขึ้นก่อนที่หญิงชราคนนั้นจะพูดจบ
“ถูกต้องแล้วท่าน บาร์รอน ข้านั้นก็เห็นสมควรดังท่าน ท่านไม่เห็นใจท่ากราดอนหรือที่ต้องสูญเสียภรรยาของเขาไปอย่างไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้ ท่านวิลนั้นช่างเปลี่ยนไปยิ่งนักพวกเรานั้นคงต้องมองเขาเสียใหม่”หญิงชราอีกคนได้กล่าวเสริมในคำพูดของบุคคลที่พึ่งพูดจบ
“แต่ข้าขอคัดค้านท่านกราดอน ข้าเชื่อมั่นในตัวท่านวิลพวกเรารู้จักเด็กคนนี้มาตั้งแต่เขายังเล็กยังน้อยแล้วเหตุใดจึงมาตัดสินเขาเพียงคำพูดของทหารคนนั้นเช่นนี้”แม่มดชราเดลล่ายังคงยืนกรานในความคิดของเธอ
“ถ้าเป็นเช่นนั้นท่านเดลล่า ท่านจงนำพลังแห่งความเชื่อในตัวกบฏไปนำทัพทดแทนท่านวิล”พ่อมดเฒ่ากราดอนได้กล่าวขึ้นอย่างราบเรียบภายใต้ความโกรธแค้นแม่มดผู้นี้อยู่ในใจที่เธอนั้นบังอาจมาพูดจาขัดแย้งกับเขาเช่นนี้
“ข้าขอรับมันไว้ ท่านกราดอน” แม่มดชรากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
ตาแก่กราดอนได้เพ่งมองเข้าไปภายในตาสีฟ้าใสของแม่มดชราตรงหน้าของเขาพลางเปิดริมฝีปากของเขาขึ้นเพื่อเอ่ยคำอะไรบางอย่าง
“ถ้าเช่นนั้นก็ดี”
“เมืองมนุษย์นั้นอยู่ตรงหน้าแล้วครับท่านวิล”ทหารหนุ่มได้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สดใสจากภาพตรงหน้าตอนนี้ภายในจิตใจของเขานั้นได้เตลิดไปถึงสถานที่ที่เขาจะฝากชีวิตของเขาไว้ภายในคืนนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“เดี๋ยวสิอัลโต้ เราต้องผ่านพวกหน่วยตรวจคนเข้าเมืองก่อน”ชายผมทองพูดขึ้นหลังจากที่ได้ยินถ้อยคำของบุคคลข้างๆ
“ท่านลืมไปแล้วหรือว่าท่านนั้นเดินทางมากับใคร”ชายผมดำสนิทได้พูดขึ้นแล้วเดินตรงต่อไปเพื่อที่จะไปสนทนาบางอย่างกับทหารแห่งเมืองมนุษย์
หลังจากที่นั้นไม่นานนักบุคคลจากโลกเวทมนตร์ทั้งสามก็สามารถที่จะผ่านประตูนั้นไปได้อย่างง่ายดาย
ทุกก้าวย่างนั้นช่างน่าตื่นเต้นสำหรับพ่อมดและแม่มดทั้งสามที่เพิ่งเคยได้มาเหยียบยังเมืองมนุษย์แห่งนี้เป็นครั้งแรก สำหรับทหารนามอัลโต้นั้นเขาคิดว่าคนจากโลกของเขานั้นช่างใจแคบเสียเหลือเกินที่สามารถเหยียดหยามผู้คนในสถานที่แห่งนี้ได้ทั้งๆที่ผู้คนในที่แห่งนี้นั้นช่างน่าผูกมิตรด้วยเป็นอย่างยิ่งทั้งเด็กน้อยที่วิ่งเล่นกันราวกับคนเสียสติและแม่ค้าที่กำลังโฆษณาสินค้าของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตายสิ่งเหล่านี้หาดูได้ยากนักในเมืองของเขา
พ่อมดแม่มดน้อยในโลกของเขานั้นต้องไปเรียนรู้การใช้เวทย์เสียตั้งแต่ยังเด็กทำให้ไม่มีเวลาแม้แต่จะเจรจากับผู้ใดนอกจากอาจารย์ผู้สอนเวทย์ทำให้เหินห่างจากครอบครัวของตนเองเสียตั้งแต่ยังเด็ก
ส่วนแม่ค้าและพ่อค้านั้นก็ถือคติว่าของที่ดีจริงนั้นไม่ต้องโฆษณาเพียงนั่งนิ่งๆหากมีผู้ที่ต้องการสิ่งของของพวกเขาจากใจจริงแล้วนั้นผู้นั้นเขาก็จะมาหยิบสินค้าของเราเองโดยมิต้องไปอ้าปากร้องตะโกนก้องเพื่ออวดอ้างสรรพคุณของสินค้าให้เหนื่อย เขตการค้าในเมืองของเขานั้นจึงเงียบราวสุสานแห่งพ่อมดที่แตกต่างกันเพียงแค่มีผู้คนเดินไปมาอย่างชุลมุนเพื่อเงื้อคอดูสินค้าในร้านเพียงเท่านั้น
“นี่มันก็เย็นมากแล้วนะท่าน เราควรไปหาที่พักกันดีหรือไม่”ทหารหนุ่มกล่าวขึ้นกับผู้ร่วมเดินทางของเขาหลังจากที่ตัวเขานั้นเริ่มรู้สึกตัวจากความคิดที่เหม่อลอยนั้น
“เดินอีกสักพักน่าอัลโต ปราสาทของข้านั้นอยู่ไม่ไกลจากที่แห่งนี้นัก”เบร็คกล่าวขึ้นหลังจากมองไปยังทหารผู้ร่วมเดินทาง
“จริงหรือท่าน”พ่อมดหนุ่มกล่าวขึ้นด้วยความตกใจที่ตัวของเขาเองนั้นนึกไม่ถึงว่าปราสาทของมนุษย์นั้นจะอยู่ใกล้กับเขตชายแดนถึงเพียงนี้
“จริงสิท่านวิล เพียงเราเดินจากที่นี่ไปซึ่งน่าจะใช้เวลาเพียงครึ่งราตรีเราก็น่าจะถึง”ชายนัยต์ตาสีนิลเอ่ยขึ้นหลังจากเขาได้ให้ความหวังกับบุคคลทั้งสามไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“เจ้าจะเลิกกวนประสาทข้าซักวันได้หรือไม่”เด็กหนุ่มพ่อมดกล่าวขึ้นอย่างเหนื่อยหน่ายหลังจากได้ยินคำพูดที่ติดตลกของผู้ร่วมเดินทางของเขา
ผู้เดินทางทั้งสี่ได้เดินไปมาในเขตการค้าเพื่อซื้อสินค้าที่จำเป็นรวมถึงการซื้ออาหารสักพักก่อนที่พวกเขานั้นจะเดินเข้าไปในโรงแรมแห่งเมืองนั้นเพื่อไปพักผ่อนเพื่อเตรียมตัวที่จะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้
ความคิดเห็น