ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [NU'EST BAEKRON] รวมฟิคเรื่องสั้นของแบคร่อน

    ลำดับตอนที่ #14 : [SF] After a long time... จะรักกันได้ไหม (ch.2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 90
      4
      11 มิ.ย. 59

    Baekho x Aron



                   มันก็เหมือนกับทุกคืนท่ีคลับแห่งนี้จะมีผู้คนมากมายมาใช้บริการ ทั้งผู้ที่มาหาความสนุก มาคลายเคลียด มาสังสรรค์พบปะเพื่อนฝูงหรืออะไรต่าง ๆ นา ๆ และนั่นแหล่ะเมื่อมีผู้คนมากมายมารวมตัวกันก็ย่อมเป็นแรงดึงดูดให้พวกมิจฉาชีพมาหากินกับพวกคนเมาไร้สติที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ด้วยเช่นกัน และที่แห่งนี้ก็ยังเป็นสถานที่ ๆ ดีสำหรับคนอย่างควักอารอนเช่นเคย 

                   “เฮอะทำมาเป็นขู่ ไอ้หน้างั่งลิเกหลงโรง กูก็ยังมาที่นี่ได้ปกตินี่หว่า” อารอนพูดพร้อมกับคว้าแก้วเหล้าเข้าปาก ก่อนจะมองไปยังรอบ ๆ เพื่อหาเหยื่อรายใหม่อย่างที่เคยทำ

                    อารอนยังคงมาสถานที่แห่งนี้เหมือนเดิม แม้จะมีคำขู่จากใครบางคนอารอนก็ไม่กลัว อารอนไม่ใช่พวกที่จะมากลัวคำขู่อะไรพวกนี้ เพราะถ้ากลัวเค้าคงไม่มาทำอะไรแบบนี้แน่นอน ถ้าถามว่าอารอนอยากท้าทายคำขู่นั่นด้วยรึเปล่าก็คงตอบเลยทันทีว่าใช่ คิดจะขู่คนอย่างควักอารอนหรอเฮอะไร้สาระสิ้นดี 

                    “เฮ้ยมึง”

                    “ไรว่ะ มึงเป็นใครมีไร” ไอ้บ้านี่ใครว่ะ คนกำลังหาเหยื่อมาขัดลาภกันได้ 

                    อารอนหันไปตามเสียงเรียกของใครบางคน เมื่อหันไปก็พบกับชายหนุ่มซึ่งไม่คุ้นหน้าคนยืนจ้องเขาเขม็งราวกับว่าจะกินเลือดกินเนื้อกันอย่างงั้น 

                    “มึงจำกูไม่ได้หรอ”

                    “ใครจะไปจำมึงได้ มึงไม่ใช่ญาติกูนิ กูต้องไปจำมึงทำไม” ไม่ได้กวนตีนครับ แต่อยู่ดี ๆ ก็มาบอกว่าจำกูไม่ได้หรอ ใครจะไปจำได้ญาติก็ไม่ใช่ จะว่าเพื่อนเก่าที่จากกันมานานหน้าแม่งก็ไม่ได้คุ้น วัน ๆ เจอคน ๆ เดียวซะที่ไหนไอ้บ้านี่ก็ถามมาได้

                    “อ้าวไอ้หน้าอ่อนวันนั้นมึงทำไรกับกูไว้มึงจำไม่ได้หรอกูตามหาตัวมึงมาตั้งนานในที่สุดวันนี้ก็เจอซะที”

                    “แล้วไงมึงจะทำไรกู” รึแม่งโจทย์เก่าว่ะ เวรเอ้ยมาไม่เจอไอ้ห่านั่นแต่ดันเจอโจทย์เก่า สงสัยไอ้คลับบ้าแม่งไม่ถูกโฉลกกับกูแน่นอนมาทีไรมีแต่เรื่อง แต่คนอย่างควักอารอนไม่มีทางหนีหรอกเว้ยเสียหน้าแย่ เจ็บตัวไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้เข้าใจป่ะ 

                    “ก็สั่งสอนมึงไง ทำกับกูไว้แสบนัก” 

                    “ก็มาดิตัว ๆ กลัวอะไร” มันก็คนเดียวกูก็คนเดียวมีไรต้องกลัวโด่ สบาย ตัวตัวอารอนคนนี้ไม่มีทางแพ้แน่ ว่าแต่มันบอกทำมันไว้แสบนี่กูไปทำอะไรมันไว้กูยังจำไม่ได้เลย สงสัยวีรกรรมเยอะจัดจริงกู

                    “เฮอะ ใครว่ากูมาคนเดียววะ เฮ้ย!พวกมึงกูเจอไอ้หน้าอ่อนวันนั้นแล้วว่ะ” 
    ชายคนแปลกหน้าที่ดูเหมือนจะเป็นโจทย์เก่าของอารอนเองยิ้มเยาะออกมาบาง ๆ ก่อนจะหันไปเรียกพรรคพวกที่อยู่ด้านหลังอีกสามสี่คนให้ออกมา

                   “พวกมึงหมาหมู่หรอว่ะ” เชี่ยแม่งงอกเพิ่มมาอีกสามแล้ว งี้ก็มีแต่เสียเปรียบดิว่ะกูเนี่ย จะหนีก็ไม่ทันแล้วแม่งเอ้ย ทีหลังบอกกูก่อนนะว่ามีพวกมากด้วยกูจะได้ตั้งหลักทัน 

                   “ใช่คนอย่างมึงต้องอย่างงี้แหล่ะ เฮ้ย! พวกมึงอัดมันให้เละเลยเว้ย”


                   
                    ปัก! 


                  
                    ไม่ทันได้ทำอะไรสิ้นคำสั่งของคนที่ดูจะเป็นผู้นำหมัดแรกก็ลอยเข้าหน้ามาทันที น็อคซิครับ ‘ไอ้ห่าไอ้พวกหมาหมู่ แน่จริงมาคนเดียวดิว่ะ ไอ้พวกเวรนี่’ คำพูดพวกนี้ได้แต่พูดอยู่ในใจ ทันทีที่หมัดแรกเข้ามาหมัด ๆ ต่อ ๆ ไปพร้อมทั้งเท้าอีกนับไม่ถ้วนก็ถาโถมเข้ามาแบบไม่ให้ได้ตั้งตัวไม่ให้ได้สู้เลยสักนิดเดียว แล้วไอ้คนแม่งก็ยืนดูกันเป็นฝูงไม่คิดจะช่วยกูเลยรึไงว่ะ ยืนดูกันเฉยดีจริง ๆ อย่าให้กูลุกไปได้นะมึง……. กูจะไม่มาเหยียบที่นี่อีกแน่นอนซวยเชี่ย






                    “คุณแบคโฮครับ” 

                    “มีเรื่องอะไร วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาทำไม” 

                    แบคโฮตอบรับคำของลูกน้องคนสนิททันทีเมื่อเห็นอีกคนวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาภายในห้องทำงานของเขา เพราะถ้าไม่มีเรื่องอะไรที่ร้ายแรงหรือรุนแรงมากนักลูกน้องคนนี้ของเขาก็จะเป็นผู้จัดการดูแลเสมอ หากเป็นเรื่องที่เขายากที่จะจัดการจริง ๆ ก็คงจะเป็นเหมือนครั้งนี้ที่ต้องรีบมารายงานให้เขาไปจัดการด้วยตัวเอง

                    “คือว่าข้างนอกกำลังมีเรื่องครับ”

                    “แล้วจะมาบอกฉันทำไม ทำไมไม่จัดการเองปกตินายก็จัดการไม่ใช่หรือไง”

                    “คือว่าคนที่กำลังมีเรื่องอยู่..” 

                    “หรือว่าเป็นไอ้หมอนั่น” 

                    “ใช่ครับ คนที่นายบอกให้ผมดูไว้”

                    “จริงหรอ”  ในที่สุดก็มาสินะ กำลังรออยู่เลยนึกว่าจะไม่มาซะแล้ว

                    “ครับ”

                    “แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหนพาฉันไปเดี๋ยวนี้”

                    “ครับนาย ตามผมมาเลยครับ” 

                    ใช่คนที่แบคโฮกำลังรออยู่คืออารอน คนที่กล้าต่อปากต่อคำกับเค้า คนที่กล้ามาขโมยของสำคัญของเค้าไป คนที่ทำให้แบคโฮรู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูกถึงจะเจอกันแบบไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คนที่ทำให้แบคโฮจำใบหน้าหวาน ๆ นั่นได้ติดตา หรือถ้าจะให้บอกอีกอย่างก็คืออารอนคือคนที่แบคโฮต้องการได้มาเป็นของเค้านั่นเอง








                    “เฮ้ย! หยุด!”


                    หลังจากโดนรุมอยู่สักพัก ก็เหมือนมีเสียงสวรรค์มาช่วยอารอน ทันทีที่เสียงนั้นเอ่ยดังขึ้น กลุ่มคนที่กำลังรุมอารอนอยู่ก็หยุดในทันที ในที่สุดก็มีคนมีน้ำใจมาช่วยกูสักที โหแต่แม่งคงใหญ่น่าดูไอ้พวกห่านี่หยุดเลยสุดยอดอ่ะ ว่าแต่แม่งใครว่ะมองไม่ชัดภาพมันเบลอ ๆ แต่เสียงแม่งโคตรคุ้นอย่าบอกนะว่าเป็นไอ้เวรนั่น รึกูกำลังจะซวยซ้ำซวยซ้อน เวรเอ้ยจะลุกก็ไม่ไหว 

                    “พวกมึงทำไรกันว่ะ”

                    “คะ คะ คือว่า ว่า”

                    “จะยืนนิ่งอึกอักทำห่าไร ถามก็ตอบมาดิว่ะ” 

                    “พะ พวกผมก็แค่”

                    “แค่อะไร บอกมา!” 

                   แบคโฮจัดการกระชากคอเสื้อของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า และดูเหมือนว่าจะเป็นหัวหน้าของกลุ่มคนพวกนี้อย่างแรง เพราะรำคาญที่มัวแต่พูดอึกอักไม่ยอมตอบคำถามสักที แต่นั่นก็ไม่เท่ากับกล้ามาทำร้ายคนของเค้าในที่ของเค้า  

                   ใช่คนของแบคโฮ อารอนคือคนของแบคโฮไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ตอนนี้แบคโฮได้ถือว่าอารอนเป็นคนของเขาเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้อีกฝ่ายจะยินยอมหรือไม่ก็ตามแบคโฮไม่สน เพราะถ้าเค้าอยากได้อะไรเค้าก็ต้องได้มัน

                    “โอ้ย! พะ..พวกผมแค่สั่งสอนไอ้หน้าอ่อนนี่ก็แค่นั้น”

                    “แกรู้ไหมไอ้หน้าอ่อนนี่คือใคร แกกล้าดียังไงมาทำร้ายคนของฉัน ในที่ของฉัน แกอยากตายมากใช่ไหม”

                    “คะ คือพวกผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ ก็ไอ้บ้านี่มันมาล้วงกระเป๋าผม ผมก็เลยสั่งสอนมัน”

                    “แล้วยังไง ฉันไม่สนหรอกว่าไอ้หน้าอ่อนนี่ไปทำอะไรให้พวกแก แต่แกมาทำร้ายคนของฉันอย่างนี้แกต้องโดนอะไรรู้ไหม”

                    “พวกผมขอโทษนะครับ ต่อไปผมจะไม่ทำอีกแล้ว ปล่อยผมไปเถอะนะ”

                    “ได้คราวนี้ฉันจะปล่อยพวกแกไป แต่อย่าให้ฉันเห็นหน้าพวกแกสี่คนอีกไม่งั้นตาย เข้าใจนะ”

                    “เข้าใจครับ พวกผมสัญญา”

                    “เข้าใจแล้วก็รีบไสหัวของพวกแกของไปซะ ฉันจะนับ 1-3 นะ”

                    “หนึ่ง”

                    “สอง”

                    “สาม!”


                    ไม่ทันที่จะนับถึงสามพวกกลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดที่รุมทำร้ายอารอนเมื่อกี้ก็วิ่งหนีออกไปจากร้านแบบไม่คิดชีวิต และก็คงไม่คิดจะกลับมาอีกแน่นอน เพราะใคร ๆอก็รู้ว่าถ้ามีเรื่องกับคนของแบคโฮต้องเจ็บตัวจนแทบไม่รอดชีวิตกันแทบทุกราย



                     เวรแล้วควักอารอนไอ้คนที่มาช่วยดันเป็นไอ้คนที่พาความซวยยิ่งกว่าเดิมมาให้อีกเวรกำจริง ๆ ไอ้หน้างั่งลิเกหลงโลงนั่นจริง ๆ ด้วย จะหนีก็หนีไม่ได้แรงจะเดินยังไม่มี ดีนะยังพอลุกไหวแต่ก็ต้องคว้าเก้าอี้คว้าชั้นปีนค่อย ๆ เกาะแล้วปีนขึ้นมา สงสัยต้องเนียนทำไม่รู้จักแม่งไปก่อน

                     “เฮ้ย! ไอ้หน้าอ่อน เป็นไงมั่งว่ะ มึงนี่แน่จริงๆเลยนะ" แบคโฮจับแขนของอีกคนเอาไว้เพื่อจะดูอาการว่าอีกคนเป็นอะไรมากหรือไม่ อีกนัยต์หนึ่งก็คือแบคโฮต้องการจะช่วยอีกพยุงอีกคนให้ยืนอยู่ไหว เพราะดูสภาพจากสภาพแล้วไม่น่าจะยืนอยู่รอดได้นานคงได้ลงไปนอนกองที่พื้นอีกรอบเป็นแน่

                     “เออกูแน่อยู่แล้ว แล้วมึงเป็นใครมาจับกูไว้ทำไมไม่ทราบ ปล่อยกูเดี๋ยวนี้กูจะกลับบ้าน”

                     “ปากเก่งจริงนะมึงหน่ะไม่ตายก็บุญเท่าไหร่ แล้วอย่ามาทำเนียนแน่ใจหรอว่ามึงจำกูไม่ได้ สภาพมึงตอนนี้กูว่าไม่น่าจะเดินถึงสามก้าวหรอก อีกอย่างกูมีเรื่องต้องจัดการมึงอีก”

                     “กูบอกให้ปล่อยไง เนียนห่าอะไรกูไม่รู้จักมึง แล้วมึงจะมาจัดการอะไรกับกู” ถึงกูจะจำมึงได้ แต่เรื่องไรกูต้องยอมรับ โด่ยอมรับกูก็ซวยอีกดิ

                     “ถ้ามึงบอกว่ามึงจำกูไม่ได้ลองมองกูให้ดีๆ” ไม่บอกก็รู้ว่าคนตรงหน้าจำเค้าได้แต่แค่พยายามบ่ายเบี่ยงเพื่อจะหนี แต่คนอย่างแบคโฮรึจะยอมในเมื่อจำไม่ได้ก็มองมันให้ชัด ๆ จะได้เลิกแถสักที

                     “มองไรกูไม่มอง” จะมองให้โง่รึไงเล่าปั๊ดโถ่ เซ้าซี้อยู่นั่นแหล่ะแม่งเอ้ย อย่ามาจับกูนะไอ้ห่า ถอยไปไกล ๆ เลยไป! นี่ก็อยากจะพูดให้จบประโยคแต่ก็ทำได้แค่คิดในใจเรี่ยวแรงมันไม่เอื้ออำนวย

                     “บอกให้มองไง” แบคโฮจับหน้าของอีกคนที่พยายามจะหลบ บ่ายเบี่ยงหันหนีให้หันมามองหน้าของเขาให้ชัด ๆ 

                     “กูไม่มอง!” 


                     ตุ๊บ!


                     แบคโฮพยายามดึงให้อีกคนมองหน้าตัวเอง แต่อีกคนก็ผลักตนออกส่วนผลที่ได้นั่นก็คือล่วงลงไปกองกับพื้น คนที่ล่วงก็ไม่ใช่ใครที่ไหนก็คนที่พยายามหนีตัวเขานั่นแหล่ะ ผลักเองล้มเองก็น่าอยู่หรอก แรงจะยืนยังไม่มี

                     อารอนใช้แรงทั้งหมดที่มีอยู่ในตอนนี้ผลักคนตรงหน้าออกไป ก่อนที่จะพยายามเดินหนีออกมา แต่ก็ทำได้เพียงเท่านั้นเพราะตอนนี้เรี่ยวแรงของอารอนได้หายไปจนหมดสิ้น ไม่มีแรงที่แม้แต่จะพยุงร่างกายตัวเองให้ยืนได้ต่อไหวจนต้องทิ้งร่างของตัวเองลงมานอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้นก่อนที่สติและการรับรู้ของเขาจะค่อย ๆ ดับลงไปในที่สุด

                     “เฮ้ย! ไอ้หน้าอ่อนตื่น เฮ้ย..” แบคโฮจัดการช้อนตัวคนที่ลงไปนอนกองอยู่กับพื้นให้ลุกขึ้นมา ก่อนจะตีไปที่หน้าเบา ๆ เพื่อปลุกให้อีกคนตื่น แต่ก็พบว่าอีกคนสลบไปเรียยร้อย

                     “นายครับ มีอะไรให้พวกผมช่วยไหมครับ”

                     “ไม่ต้องเดี๋ยวฉันจัดการเอง   อ๋อ! ไปเตรียมรถให้ฉันก็พอ” กล้ามากนะเนี่ย ที่กลับมาที่นี่อีกคราวนี้แกไม่รอดแน่ แบคโฮมองคนที่นอนนิ่งไม่ได้สติพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะค่อย ๆ ช้อนตัวอีกคนขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะพามาที่รถของตนซึ่งลูกน้องของเขาได้จัดการเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว แบคโฮค่อย ๆ วางร่างบางที่ไม่ได้สติลงบนเบาะข้างคนขับ ก่อนที่ตัวเองจะไปประจำตำแหน่งคนขับ และเร่งเครื่องออกไปทันที

       “เสร็จแน่ไอ้หน้าอ่อน”








                    “ที่นี่ที่ไหนเนี่ย โอ๊ะ! แม่งเจ็บชิบหาย”

                    แล้วที่นี่ห้องใคร ห้องใหญ่เป็นบ้า ของตกแต่งก็หรูอีกต่างหาก จำได้ว่าเมื่อคืนกำลังกินยำส้งทีนอยู่นี่หว่า แล้วก็มีคนมาช่วย แล้วไอ้คนมาช่วยก็เป็นไอ้หน้างั่งนั่น แล้วจากนั้น....

                    “โอ้ย..อะไรว่ะทำไมจำไม่ได้” อารอนว่าพร้อมกับความมือเล็กทึ้งหัวตัวเอง โอ้ยนึกไม่ออกนึกไม่ออกนึกไม่ออก ไม่ใช่ว่านี่จะเป็นบ้านไอ้หน้างั่งนั่นหรอกนะ คงไม่ใช่หรอกมั้ง….

                    “แล้วนี่เสื้อผ้าใครตัวใหญ่ชิบ” เอ้ย เดี๋ยวนะเสื้อผ้านี่ไม่ใช่ชุดกูนี่หว่าแล้วของใครว่ะ อารอนโดดลงจากเตียงที่นอนอยู่ทันทีที่พบว่าเสื้อผ้าชุดปัจจุบันที่ใส่อยู่นั้นไม่ใช่เสื้อผ้าของตัว เอาแล้วไงกูควักอารอนอยู่ ๆ ก็โดนลากมาที่ไหนก็ไม่รู้แถมยังจำอะไรไม่ได้อีกเวรแล้ว

                    “เมื่อไหร่จะเลิกโวยวายซักทีล่ะหืมควักอารอน"

                    “เฮ้ย! มึงไอ้โรคจิตวันนั้นนี่ มึงมาอยู่ที่นี่ได้ยัง” เชี่ยไอ้หน้างั่งนั่นจริง ๆ ด้วยแล้วนี่มันพากูมาที่นี่มันทำอะไรกูไปบ้างวะเนี่ย

                    อารอนแทบไม่อยากเชื่อสายตาทันทีที่หันมองตามไปยังเสียงที่พูดกับเขา ก็พบว่าคนคนนั้นเป็นคนที่ตนไม่อยากให้เป็นมากที่สุดใช่คนนั้นคือแบคโฮ อารอนเห็นแบคโฮกอดอกยืนพิงอยู่ที่กำแพงห้องและกำลังจ้องมองเขาอย่างหาเรื่อง 

                    “แหมในที่สุดก็จำได้แล้วสินะ แล้วก็นะที่นี่บ้านฉันเองแหล่ะ”

                    “บ้านมึงงั้นหรอ หมายความว่าไง? งั้นชุดที่กูใส่อยู่นี่ก็…”

                    “ใช่นั่นเสื้อผ้าฉันเองแหล่ะ”

                    “นะ.. นี่มึงทำอะไรกู”

                    “ฉันไม่ได้ทำอะไรนาย ก็แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เฉย ๆ ไม่ต้องคิดมากหรอกฉันไม่ทำอะไรคนที่หลับไม่ได้สติแบบนั้นหรอกมันไม่สนุก”

                    “ไอ้ ไอ้ ไอ้โรคจิต!”

                    “ขอบใจที่ชม แต่ว่าปากดีได้ขนาดนี้แล้วงั้น..ก็คงจะมาพิสูจน์กันได้แล้วสินะว่าโรคจิตจริง ๆ มันเป็นยังไง” หลังจากที่พูดจบแบคโฮก็จัดการขึ้นค่อมอีกคนทันที มือหนาจัดการจับไปที่ข้อมือทั้งสองของคนที่อยู่บนเตียงและกดลงไปบนที่นอนเพื่อไม่ให้อีกคนดิ้นหนีไปไหนได้

                    “เฮ้ย! จะทำอะไรออกไปนะโว้ย! กูเป็นผู้ชายนะโว้ย”

                    “แล้วไงไม่เห็นจะสน ก็บอกเองไม่ใช่รึไงว่าฉันมันโรคจิตเรื่องแบบนี้ฉันไม่แคร์”

                    “เฮ้ย! ถะ...ถอยออกไปนะโว้ย”

                    “ทำไมแค่นี้ก็กลัวแล้วหรอ ยังไม่ได้ทำอะไรสักนิด”

                    “กะ กูไม่ได้กลัว”

                    “อ๋อหรอแล้วที่ตัวสั่นอยู่นี่หมายความว่าไง ใจเย็นหน่าอย่าพึ่งกลัวไปเลยฉันยังไม่ทำอะไรตอนนี้หรอก เพราะมีเรื่องต้องเคลียกับนายก่อน”

                    “เรื่องอะไรกูไม่มีเรื่องอะไรต้องเคลียกับมึง”

                    “ก็เรื่องแหวนไง นายเอาไปไว้ที่ไหน”

                    “แหวนอะไรกูไม่รู้”

                    “อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่อง"

                    “บอกไม่รู้ก็ไม่รู้ดิ

        “แล้วนี่อะไร” แบคโฮปล่อยมือข้างหนึ่งจากข้อมือของคนใต้ร่างก่อนที่จะล้วงเข้าไปหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง เพื่อเอามาเป็นหลักฐานให้คนตรงหน้าได้ดู

                    “เฮ้ย! มึงไปเอามันมาได้ไง” อารอนตกใจทันทีที่เห็นแหวนวงที่เค้าได้ขโมยไป เดี๋ยวนะเท่าที่จำได้พอได้มาก็เอาไปขายแล้วนี่หว่า แล้วไอ้เวรนี่ไปเอาคืนมาได้ไงว่ะ

                    "ไหนบอกไม่รู้เรื่องไง อ๋อ! แล้วก็หยุดพูดกูพูดมึงได้แล้ว มันไม่ได้เข้ากับหน้าตานายเลย อีกอย่างนะฉันไม่ชอบฟังคำพวกนี้เลยมันไม่ค่อยจะลื่นหูเลย"

                     ...เชี่ย เสียรู้มันจนได้

                    “กูไม่หยุดกูจะพูดแบบนี้มีปัญหาอะไรไหม แล้วก็กูยอมรับก็ได้แหวนนั่นกูเป็นคนเอาไปเอง แล้วยังไง มึงก็ได้คืนไปแล้วนี่ก็ปล่อยกูดิ กูจะกลับบ้าน”

                    “ที่นี่เข้ามาง่าย แต่กลับออกไปหน่ะยาก แล้วก็ไม่คิดจะพูดจาดี ๆ เลยจริงใช่ไหมเนี่ย”

                    “ไม่มีทาง แล้วมึงพากูมาที่นี่ต้องการอะไรจากกูอีก ในเมื่อเรื่องแหวนมึงก็เคลียแล้วไง” ไอ้เวรนี่ของอะไรก็ได้คืนไปหมดแล้วมันยังต้องการอะไรจากกูว่ะเนี่ย แม่งเอ้ย

                    “ตัว! นาย! ไง! ทำให้เห็นไปตั้งเยอะแล้วยังจะถามอีกหรอ” แบคโฮเน้นทุก ๆ คำพูดที่พูดออกมาเพื่อบอกให้อีกคนได้รู้ชัด ๆ ว่าสิ่งที่เค้าต้องการคืออะไร

                    “ไอ้โรคจิต”

                    “คำก็โรคจิตสองคำก็โรคจิตได้งั้นฉันจะจัดให้ โรคจิตให้สมใจนายเลย”

                    ทันทีที่พูดจบแบคโฮก็จัดการซุกไซร้ไปที่ซอกคอขาวเนียนละเอียด และสร้างขบเม้มสร้างร่องรอยทิ้งไว้กับซอกคนขาวเนียนนั่นอย่างหื่นกระหาย

                    “ปล่อย ปล่อยกูนะโว้ย”

                    “อย่าดิ้นหน่า” 

                    “ปล่อย” อารอนพยายามดิ้นหนีจนสุดพลัง แต่ก็ไม่ผลเพราะเรี่ยวแรงของเขาสู้คนตรงหน้าไม่ได้เลยสัก ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาพร้อมเสียงสะอื้นเพราะเจ็บใจตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ได้แต่ปล่อยให้คนตรงหน้ามาลวนลามเขาอยู่อย่างนี้

                    ฮึก 

                    “อะไรนี่ร้องไห้หรอ แค่นี้ร้องหรอนึกว่าจะกล้ากว่านี้ซะอีก ร้องไปเลยฉันจะทำให้ได้นายรู้ว่าคนที่กล้ามาท้าทายฉันมันจะเป็นยังไง”

                    “อ๊ากก ปล่อยนะไอ้บ้า ปล่อย ฮือ..” โอ้ยไอ้ห่าเกิดมากูร้องไห้แค่ไม่กี่ครั้ง ครั้งนี้กูต้องมาร้องเพราะไอ้บ้าโรคจิตเนี่ยหรอ ฮรึก ๆ ตกลงนี่กูต้องมาเสียตัวตกเป็นเมียไอ้เวรนี่จริง ๆ หรอเนี่ยปล่อยกูนะโว้ยไอ้เวร 



                      ก๊อก ก๊อก ก๊อก

                      เหยดคุณพระมาโปรดถึงจะทำเลวไว้เยอะแต่พระเจ้าก็มาช่วยลูกไม่ให้โดนไอ้โรคจิตนี่ปล้ำแล้วใช่ไหม

                      “ใครว่ะขัดจังหว่ะจริง” แบคโฮสบถออกไปดัง ๆ ให้คนตรงหน้าได้ยินทันทีที่มีเสียงเรียกมารบกวน แต่ในกลับรู้สึกโล่งใจที่ลูกน้องมาได้ทันเวลา ก่อนที่เค้าจะรู้สึกอะไรขึ้นมาเข้าจริง ๆ แล้วจะห้ามตัวเองไว้ไม่อยู่ 

                      “ขอโทษครับนาย”

                      “มีอะไร!”

                      “คือว่า..” ลูกน้องคนสนิทหยุดพูดก่อนมองไปที่ข้างหลังของแบคโฮ เป็นการบอกนัย ๆ ว่าเรื่องที่ต้องพูดนี่ไม่สามารถบอกให้คนอื่นรู้ได้ แบคโฮเองก็เข้าใจสิ่งที่ลูกน้องคนสนิทต้องการจะสื่อเป็นอย่างดี

                      “เอองั้นไปรอที่ห้องทำงานเดี๋ยวตามไป”

                      แบคโฮแสร้งเล่นละคร ทำเป็นไม่พอใจอย่างแรงที่ลูกน้องคนสนิทเข้ามาขัดจังหวะของเขา เพื่อหลอกให้อีกคนเชื่ออย่างสนิทใจว่าเค้าต้องการจะทำอะไรแบบนั้นจริง ๆ ใช่! แบคโฮก็แค่จะแกล้งสั่งสอนอารอนเท่าแหล่ะ ไม่ได้คิดจะทำอะไรแบบนั้นจริง ๆ หรอก คนอย่างแบคโฮมีศักดิ์ศรีและเป็นลูกผู้ชายพอ จะไม่บังคับขืนใจใครเด็ดขาดถ้าคน ๆ นั้นไม่ยินยอม 

                      "รออยู่นี่นะแล้วอย่าได้คิดหนี เพราะว่ายังไงก็ไปไหนไม่รอด คนของฉันเฝ้าอยู่ทุกที่จำไว้"

                      "ถุย! คิดว่ากลัวรึไง"

                      "ไอ้เชี่ยนี่ แสบไม่ใช่เล่นเลยนะ ฝากไว้ก่อนเดี๋ยวฉันจะมาจัดการกับแกต่อ เอาให้สาสมเลยคอยดู"

                      “จัดการเฝ้าเอาไว้ให้ดีล่ะ อย่าให้หนีไปไหนได้ เข้าใจไหม”

                      "เข้าใจครับ"

                      แบคโฮจัดการกำชับลูกน้องที่ยืนอยู่หน้าห้องอีกครั้ง ก่อนที่ตัวเองจะกลับไปทำงาน






                      “จะไปไหนครับ”

                      “กลับบ้าน อย่ามาขวางทางฉันนะ”

                      หลังจากแบคโฮออกไปอารอนก็ตัดสินใจที่จะออกไปจากตรงนี้ให้ได้ ก็เลยเปิดประตูออกมา แต่ก็เจอลูกน้องของแบคโฮขวางเอาไว้ซะก่อน

                      “กรุณากลับเข้าห้องไปด้วยครับ ผมไม่อยากใช้ความรุนแรงกับคุณนะครับ”

                      “ถอยไปนะพวกมึงไม่ต้องมาทำเป็นสุภาพหรอก ไอ้พวกเลว” แหมทำมาเป็นพูดสุภาพ คนอย่างพวกนี้เนี่ยนะจะสุภาพแบบนี้ใครจะไปเชื่อ โธ่แล้วก็แค่คนสองคนคิดว่าจะขวางคนอย่างควักอารอนได้หรอ

                      “คุณนั่นแหล่ะครับ กลับเข้าห้องไป เชิญครับ” 

                      “เชี่ยเอ้ย!”

                      และสุดท้ายอารอนก็ออกไปไหนไม่ได้ เพราะไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองคน แต่ยังมีอีกเป็นฝูงคอยเฝ้าเค้าอยู่นี่ ไม่เข้าใจ คนพวกนี้ไม่มีอย่างอื่นทำกันรึไงทำไมต้องมาเฝ้าเค้าไว้ด้วย แล้วก็นะนี่กูสำคัญอะไรนักหนาต้องส่งคนเป็นฝูงมาเฝ้าเอาไว้เนี่ย


                     “โอ้ยแม่งเอ้ย ไอ้บ้าไอ้โรคจิต ทำไงจะออกไปได้ว่ะเนี่ย” บ้าเอ๊ยทางเข้าหน้าห้องก็คนเฝ้าเต็มไปหมด จะหนีออกไปทางไหนได้อีกว่ะเนี่ย 

                     “ระเบียง.. หวังว่าคงจะไม่มีใครเฝ้าอยู่หรอกนะ”

                     “ไม่มีคนเฝ้าอยู่จริง ๆ ด้วย”

                     เมื่ออารอนมองไปรอบห้องก็ได้พบกับช่องทางที่อาจจะสามารถทำให้หนีออกไปจากบ้านหลังนี้ได้ก็คือระเบียงนั่นเอง และอารอนก็ไม่รอช้าที่จะพุ่งตรงไปยังระเบียง

                     “โอ้ยบ้าเอ๊ย ทำอะไรมาตั้งเยอะไม่เคยกลัวดันมากับอีความสูงแค่นี้เนี่ยนะ” โอ้ย อยากจะบ้าตายกับอีแค่ความสูงสองชั้นแค่นี้ทำไมขาสั่นไม่หยุดเลยมันน่านักไอ้บ้าเอ้ยหยุดสั่นสิเว้ย ตั้งสติสิควักอารอนสองชั้นแค่นี้นายทำได้ 

                     ทันทีที่อารอนก้าวขาข้ามไปยังนอกราวระเบียงนั่น ความกลัวก็หลั่งไหลเข้ามาในเข้ามาในหัว อารอนก็พึ่งรู้ว่าตัวเองกลัวความสูงได้มากขนาดนี้ กับแค่ความสูงเพียงชั้นที่สูงของบ้านแต่ขากลับสั่นไม่หยุด ทำได้แต่เพียงแค่เตือนให้ตัวเองตั้งสติได้แค่นั้น 

                     โอ้ยจะบ้าตายสมองสั่งการให้โดด แต่ใจมันไม่ยอมทำตาม มือมันไม่ยอมปล่อยออกจากราวนี่เลย ฮือๆๆ อย่ามาอ่อนแอกับเรื่องแค่นี้หน่าควักอารอน แกทำได้ตั้งสติซะ ทีนี้นับนับหนึ่งสองสามแล้วโดดเลยนะ 
    หลังจากที่อารอนยืนตีกับตัวเองอยู่ที่ราวระเบียงแต่มาพักใหญ่ คราวนี้เขาก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะโดดลงไปให้ได้แน่นอน เพื่อที่จะหนีไปจากที่นี่ให้ได้

                      “เอาล่ะ! หนึ่ง! สอง! สะ”

                      “ทำอะไรหน่ะ”

                      “อ๊ะ อ๊ากกกก” 

                      “เฮ้ย!”

                      ตุ๊บ!


                      ไม่ต้องตกใจ ไม่ต้องแปลกใจไป ทั้งเสียงร้องและเสียงตุ๊บเมื้อกี้นั้น…. จะอะไรสะอีก ตกใจที่ไอ้บ้านั่นเข้ามาในห้องก็เลยเผลอปล่อยมือแบบไม่ทันได้ตั้งตัวก็เลยตกลงมานอน แอ้งแม้งที่พื้นนี่ไง เจ็บ! สองานนี้มือก็เจ็บส่วนขาแข้งจะหักด้วยรึเปล่าก็ไม่รู้ ไอ้บ้านี่มันตัวซวยชัด ๆ เลยเจอกี่ครั้งก็มีแต่เรื่องซวย ๆ

                      “นายเป็นอะไรรึเปล่า”

                      “ตกลงมาแบบนั้นคงสบายดีมั้งไอ้บ้า เจ็บดิถามมาได้”

                      “งั้นนายอยู่ตรงนั้นนะอย่าขยับไปไหน เข้าใจไหมเดี๋ยวฉันลงไปช่วย”

                      พูดไม่คิด เจ็บแบบนี้ใครจะขยับไปไหนไหวว่ะ  ว่าแต่มาช่วยช่วยนี่ช่วยอะไรช่วยลงมากระทืบซ้ำอย่างงี้หรอ เห็นคาตาว่ากำลังหนีขนาดนี้ ตายแน่ควักอารอนเอ้ย หนีไม่พ้นยังต้องมาเจ็บตัวอีก ซวยซ้ำซวยซ้อนซวยซ่อนเงื่อนซวยชิบ…. 

                      นั่นไงพูดจบก็มาพอดีเลยแม่งให้มันได้อย่างนี้สิว่ะ..

                      “หยุดอยู่ตรงนั้นนะ ไม่ต้องเข้ามาแค่นี้เจ็บพอแล้วไม่ต้องมากระทืบซ้ำเลย”

                      “ห๊ะ! กระทืบซ้ำคิดได้ไง ฉันไม่เลวขนาดนั้นหรอก” จะบ้าตายไม่คิดว่าจะเป็นคนที่คิดเองเออเองอะไรได้แบบขนาดนี้นะเนี่ย เห็นเราเลวขนาดนั้นเชียว ถึงหน้าจะโหดทำงานดูเถื่อน ๆ แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกนะครับ

                      “แล้วจะมาทำไม”

                      “ก็มาดูไงว่าเป็นไรมากรึป่าว คิดไงจะโดดลงมาแบบนั้นอยากฆ่าตัวงั้นดิ”

                      “ฆ่าตัวตายบ้านแกสิ ถ้าแกไม่ขังฉันไว้ฉันก็ไม่โดดลงมาหรอกไอ้ชะ.. โอ๊ะ โอ้ย!” เวรกำควักอารอนนน อยากจะตีเค้าดันลืมเอามือข้างเจ็บไปตีอีก งี้จะเหลือหรอ โอ้ยเจ็บชะมัด

                      “เจ็บขนาดนี้ยังทำเป็นเก่งไม่ดูตัวเอง ไหนขอดูหน่อยซิ”

                      “เบา ๆ หน่อยสินี่มือคนนะ”

                      “โทษที มันเริ่มบวมแล้วนะเนี่ยไม่รู้จะหักรึเปล่า ฉันว่านายต้องไปหาหมอนะ แล้วมีเจ็บที่อื่นอีกไหม”

                      “ทำไมต้องบอก” แม่งเอ้ยจะให้บอกได้ไงว่ะก็อีกที่ที่เจ็บมันที่ตูดนี่ จะให้พูดได้ไงว่ะ

                      “จะบอกไม่บอก” แบคโฮพูดพร้อมน้ำเสียงและสีหน้าขมึงตึงเพื่อเป็นการบังคับให้อีกคนพูดออกมา

                      “กะ ก็มีที่เจ็บ ๆ สะโพก..   เฮ้ยๆๆ จะทำไร” อารอนปัดมืออีกคนออกไปจากตีวแทบไม่ทัน เพราะทีนทีที่พูดจบแบคโฮก็จัดการจะเปิดกางเกงเค้าออกดูทันที ที่ไม่คิดจะบอกก็เพราะแบบนี้ไง ดีนะห้ามทันแม่งเอ้ย

                      “ก็จะเปิดดูไงว่าเป็นไรมากไหม” เอ้อนี่ก็ก็บอกว่าเจ็บก็เลยจะดูนี่ก็ทำอย่างกับว่าจะโดนปล้ำอีกรอบงั้นแหล่ะ แหมโว้ยเจ็บอยู่ขนาดนี้ใครเค้าจะไปทำอะไรได้ 

                      “จะบ้ารึไง จะดูเพื่อ! เป็นหมอรึไง ไหนบอกจะต้องไปหาหมอก็พาไปดิเร็ว ๆ” คนบ้าอะไรอยู่ ๆ จะมาเปิดกางเกงคนอื่นดูไอ้บ้าเอ้ย ใครเค้าจะให้ดูกัน

                      “งั้นก็ค่อย ๆ ลุกเดี๋ยวช่วยประคอง”

                      “โอ้ย!” 

                      ไม่ทันที่จะได้ขยับลุกไปไหน เสียงร้องแสดงความเจ็บปวดก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง และอารอนก็ต้องกลับลงไปนั่งอยู่ที่พื้นตามเดิม เพราะทันทีที่ขยับขา ความเจ็บปวดก็แล่นเข้ามาทันที 

                      “เป็นไร ทำไมไม่ลุก”

                      “คือว่าขาขวามันขยับไม่ได้”

                      “ทำไมเมื่อกี้ไม่บอก”

                      “ก็ตอนนั้นมันไม่ได้รู้สึกอะไรนี่หว่า”

                      “แล้วตอนนี้รู้สึกอะไรไหม”

                      “เริ่มปวดแล้วล่ะ”

                      “งั้นหรอ ฉันว่าขานายมันบวมแล้วนะ บวมลักษณะแบบนี้บางทีขานายอาจจะหักก็ได้ เอางี้เดี๋ยวฉันหาอุปกรณ์มาดามขานายก่อนแล้วเดี๋ยวเราค่อยไปโรงพยาบาลกัน” แบคโฮก็ไม่ใช่หมอหรอก แต่ก็มีเรื่องแล้วเห็นอะไรแบบนี้บ่อย ๆ ก็พอจะเดาอาการได้บ้าง ถึงอาจจะไม่ได้หักจริง ๆ แต่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นไว้ก่อนก็น่าจะดี ดีกว่าไม่ทำแล้วเป็นหนักขึ้นจะยุ่งกันไปใหญ่อีก

                      “นายมาไปหาอุปกรณ์ที่เอามาใช้ดามขาได้มาให้ฉันทีนะ”

                      “ครับ คุณแบคโฮ”

                      “ห๊ะ! นี่มันจะหักทั้งขาทั้งแขนเลยรึไงเนี่ย แล้วฉันจะทำไงดีเนี่ย  เพราะแกคนเดียวไอ้ตัวซวย”

                      “แล้วใครใช้ให้นายกระโดดลงมาไม่ทราบ ฉันบอกไปแล้วนะว่าอย่าได้คิดหนีไปไหน ยังไงนายก็หนีไปไหนไม่รอดอยู่ดี”

                      “แล้วใครจะไปนั่งอยู่รอให้ไอ้โรคจิตอย่างแกมาปล้ำกันว่ะ”

                      “ขอโทษ” ขอโทษคำนี้ที่พูดออกมาจากใจจริง ๆ ที่แกล้งไปก็ไม่คิดว่าจะมาเกิดเหตุการอะไรแบบนี้ ถ้าคนคนนี้เป็นอะไรไปมากกว่านี้เค้าคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ ๆ 

                      “ห๊ะ! เมื่อกี้พูดว่าไรนะนายทำอะไรฉันไว้บ้างแล้วพูดแค่ขอโทษง่าย ๆ แค่นี้เนี่ยนะ”

                      “งั้นฉันขอถอนคำพูดถ้านายหายดีเมื่อไหร่ฉันไม่ปล่อยนายไปแน่ แล้วถ้าตอนนี้นายยังไม่หยุดพูดมาก ฉันจะไม่สนว่านายจะเจ็บอยู่รึเปล่า จะทำให้นายเป็นของฉันตรงนี้ เดี๋ยวนี้แหล่ะ” หืมปากดีขนาดนี้มันน่าไหมล่ะ นี่คิดถูกรึเปล่าเนี่ยที่รู้สึกผิดที่ทำอะไรแบบนั้นไป

                      “นายมันก็เลวเหมือน ๆ กับคนอื่นนั่นแหล่ะ ไม่ต่างจากที่ฉันคิดหรอก” คนแบบนี้ในสมองก็คิดไดแต่เรื่องพวกนี้เหมือน ๆ กันหมดนั่นแหล่ะไม่มีใครดีสักคน ส่วนใหญ่ไอ้คนที่อารอนหลอกมาได้ก็เป็นไอ้คนพวกนี้ทั้งนั้นแหล่ะ 

                      “พูดเหมือนนายดีตายล่ะ เป็นหัวแค่พวกหัวขโมย ล้วงกระเป๋าชาวบ้านไปวัน ๆ ยังมีหน้ามาว่าคนอื่นว่าเลวอีกหรอ” ชิบแล้วหลุดปาก พูดแรงไปไหมเนี่ย นั่นไงทำหน้าหยั่งกับจะกินแบบนี้ โดนโกรธอีกแล้วสินะไอ้แบคโฮเอ้ย

                      “เออฉันมันเลวเอง คนเลวแบบฉันมันก็สมควรโดนแบบนี้แล้วนิ เอาเลยนายอยากทำอะไรฉันก็ทำเลย” ไอ้บ้าถึงฉันจะเลวแต่ก็ไม่ควรต้องมาเจออะไรแบบนี้นะเว้ย เลวก็ส่งตำรวจดิมาทำแบบนี้แล้วมาพูดแบบนี้อีกมันใช่หรอ

                      “คุณแบคโฮครับได้แล้วครับ”

                      “ขอบใจ” ลูกน้องช่วยชีวิตอีกรอบไอ้แบคโฮเอ้ย นี่ถ้าไม่มานี่ไม่รู้จะทำไงต่อเลยนะเนี่ย ดันปากหมาพูดออกไปได้ แล้วดูตัดพ้อมาซะ

                      ตกลงไอ้บ้านี่เป็นคนยังไงกันแน่ แล้วที่จับเรามาเพื่ออะไร แค่ต้องการแก้แค้นสั่งสอนที่เราขโมยของของนายนี่มาแค่นั้นหรอ ถ้าแค่นั้นจริง ๆ ทำไม ตอนที่รู้ว่าเราหนีทำไมถึงไม่โกรธ แต่กลับกันกลายเป็นว่าหมอนี่ดูจะเป็นห่วงเรามากกว่าอีก ทำไมต้องมาดูแล จริง ๆ แค่กระทืบเราซ้ำแล้วเอาเราไปทิ้งแค่นั้นก็จบได้แล้วนี่ แต่ก็ช่างเถอะยังไงหมอนี่ก็ไม่มีทางเป็นคนดีได้หรอก ยังไงคนพวกนี้หาดี ๆ ไม่ได้อยู่แล้วล่ะ 

                      “เฮ้ย ๆ ทำไรอ่ะ” อารอนตกใจทันทีที่ตัวเองโดนอีกคนอุ้มจนตัวลอยขึ้นมา นี่เกิดมายังไม่มีใครเคยอุ้มกันแบบนี้เลยนะ

                      “ก็จะพาไปโรงพยาบาลไง”

                      “แล้วทำไมต้องอุ้มด้วย” 

                      “ไม่อุ้มแล้วจะให้ทำไง เดินไปเองงี้หรอ ทำได้หรอ”

                      อารอนถึงกับพูดไม่ออกกับคำตอบที่ได้รับกลับมา ใช่เค้าเดินไปเองไม่ได้จริง ๆ ด้วย ๆ คงได้แต่เงียบแล้วยอมให้ไอ้นายนี่อุ้มเค้าไปแต่โดยดีเพราะถ้าไม่ยอมหรือดิ้นเกรงว่าไอ้หมอนี่จะรำคาญแล้วโยนลงพื้นก็เป็นได้ ทีนี้อาการคงจะหักกว่าเก่าแน่นอน







                     หลังจากที่ไปหาหมอมาแล้วก็ไม่มีอะไรมาก ผลคือขาขวาหักที่ข้อมือขวาถึงไม่หักแต่ก็ยังใช้งานไม่ได้ไปอีกเป็นอาทิตย์หมอห้ามไว้ สรุปว่าตอนนี้ใช้ขากับมือไม่ได้ไปข้างนึง โธ่ชีวิตควักอารอนทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยนะ แล้วงี้จะทำอะไรได้ไหมเนี่ย แล้วเดี๋ยวก่อนนะไอ้บ้านี่จะพาฉันกลับมาบ้านมันอีกทำไมเนี่ย

                     “ย๊า! นายจะพาฉันมาบ้านนายอีกทำไมล่ะเนี่ย ฉันเป็นขนาดนี้แล้วยังไม่พอใจอีกรึยังไง”

                     “ก็เพราะนายเป็นแบบนี้ไงฉันถึงต้องพานายกลับมาที่นี่ ถ้านายกลับบ้านไปใครจะเป็นคนคอยดูแลนาย นายอยู่คนเดียวไม่ใช่รึไง”

                     “ฉันไม่เคยบอกนายซักหน่อยว่าฉันอยู่บ้านคนเดียว นายรู้ได้ไง”

                     “รู้แค่ว่าฉันรู้เรื่องนายทุกเรื่องก็พอ”

                     “เอ้ย! เดี๋ยวดิจะไปไหนยังพูดกันไม่รู้เรื่องเลยนะ” อารอนโวยวายตามหลังและมองตามอีกคนที่พอพูดจบก็หนีลงจากรถเลยด้วยความขุ่นเขือง  ไอ้บ้านี่มันจะรู้เรื่องของเราเยอะไปแล้วนะ ไม่รู้ว่าจะรู้อะไรอีกบ้าง จริงสินะเราไม่เคยบอกชื่อหมอนี่นี่ แต่หมอนี่เคยเรียกชื่อเรา อย่างงั้นก็แสดงว่าไอ้บ้านี่มันรู้เรื่องของเราจริง ๆ ด้วย

                     “ไม่ต้องรีบหรอก เรายังมีเวลาคุยกันอีกเยอะ”

                     “เฮ้ย! ทำไรว่ะ” แล้วไรเนี่ยอยู่ ๆ ก็โผล่มาข้าง ๆ ไม่ให้ซุ่มให้เสียงแล้วยังจะมาอ้งอุ้มไรอีกบ้าป่ะเนี่ย 

                     “ก็แล้วนายจะนั่งอยู่ในรถอย่างงั้นไม่ลงมารึไง” แบคโฮตอบพร้อมกับกรอกตาเบา ๆ นี่ก็ไม่รู้จะโวยวายอะไรนักหนาแตะนิดแตะหน่อยก็โวยวาย จะมากลัวอะไรทำไมนักหนาก็ไม่รู้

                     “ฉันหมายความว่า นายจะมาอุ้มฉันทำไมฉันลงเองได้”

                     “อ๋อหรองั้นก็ลงมาดิ ฉันเตรียมรถเข็นไว้ให้นายแล้ว” แบคโฮพูดพร้อมถอยออกมาและยืนมองรอดูว่าอีกจะลงมาจากรถเองได้ยังไง ดูก็รู้ว่าสภาพอย่างวั้นลงมาเองยังไงก็ไม่รอด แค่อยากจะรู้ว่าจะดื้อได้นานสักแค่ไหนแค่นั้นเอง

                      “ทำท่าทางแบบนั้นคือลงมาเองไม่ได้สินะ”

                      หลังจากยืนมองอยู่นานแบคโฮก็เอ่ยถามไปยังคนที่นั่งรีรอ หันรีหันขวางพยายามหาทางลงจากรถ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะหาทางหาวิธีไม่เจอ แต่ก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมาเขาก็เลยตัดสินใจถามออกไปก่อนเองเลย ถ้าขืนปล่อยไว้อย่างงี้วันนี้คงไม่ได้ไปไหนกันพอดี

                      “ก็รู้นี่ยังไม่มาช่วยอีก”

                      “แล้วเมื่อกี้ทำเป็นเก่ง”

                      “ไม่ต้องอุ้มนะ แค่ช่วยประคองพอ” ไม่รู้ล่ะจะอุ้มรึไม่อุ้มไม่รู้ล่ะ ตัดปัญหาไปก่อน แค่ครั้งเดียวก็เกินพอ แต่เอ๊ะรึจะสองครั้งกันว่ะ

                      “มานั่งนี่ดิ เดี๋ยวฉันพาไปห้องฉันให้คนเตรียมห้องใหม่ไว้ให้นายแล้ว” แบคโฮเรียกอีกคนที่ยืนถือไม้เท้าพิงรถอยู่ให้มานั่งที่รถเข็นเตรียมเอาไว้

                      “ไม่อ่ะ ไม้เท้ามีเดินไปเองได้” จะให้ไปนั่งทำไมก็ไม่รู้ไม้เท้าก็มีเดินเองได้แค่ขาหัก ไม่ได้พิการถึงขนาดเดินไม่ได้ซะหน่อย และรถเข็นนี่ก็ไม่รู้ไปซื้อมาตอนไหนว่ะ ยุ่งยากจริง ๆ ไอ้บ้านี่

                      “จะนั่งไม่นั่ง”

                      “นะนายจะทำอะไร ถะถอยออกไปเลยนะ”

                      แบคโฮพูดพร้อมกับเดินเข้าไปประชิดตัวอารอน จนตอนนี้ตัวแทบเค้ากับอารอนแทบจะติดกันอยู่แล้ว

                      “บอกให้นั่ง”

                      “ก็บอกว่าไม่ เดินเองได้”

                      จุ๊บ! 

                      คราวนี้แบคโฮไม่พูดแต่จัดการจูบไปที่ปากของคนตรงหน้าไปหนึ่งที เพื่อแสดงให้รู้ว่าต่อไปนี้เค้าจะไม่พูดและเปลี่ยนเป็นทำแทน 

                      “เฮ้ย! ไอ้บ้าทำไรวะขยะแขยง” อี้เกิดมาพึ่งเคยโดนผู้ชายจูบเป็นครั้งแรกในชีวิต นี่อยากเอาแอลกอฮอล์มาล้างทำความสะอาดเช็ดปากตัวเองซะเหลือเกินแหย่ะ ยี้

                      “ก็ให้นั่งดี ๆ ไม่ชอบถ้ายังไม่ยอมนั่งบนรถเข็นนี่อีกฉันก็จะจูบนายอีกและฉันก็จะทำแบบนี้ทุกครั้งที่นายดื้อเข้าใจนะ”

                      “ไอ้โรคจิต!” ถึงแม้จะพูดแบบนั้น แต่คราวนี้อารอนก็ยอมเดินไปนั่งบนรถเข็นแต่โดยดี แต่ที่ยอมนั่งนี่ไม่ได้กลัวหรอกนะจะบอกให้

                      “ก็แค่เนี้ยต้องให้บังคับ”




                     “หิวข้าวหรือยังล่ะ”

                     “ยุ่งไรด้วย” 

                     “ฉันถามนายดีดีนะ  ปล่อยให้หิวตายซะดีมั้ยเนี่ย หรือว่า… อยากโดนแบบเมื่อกี้อีก ชอบก็บอกมาดีดีสิจะได้จัดให้ รับรองว่าคราวนี้ถึงใจกว่าเมื่อกี้แน่นอนรับรอง”

                     “ไอ้ ไอ้ ไอ้ โรคจิต!!!” ไม่รู้จะด่ายังไงไหวแล้วไอ้บ้านี่ เอ๊ะอ่ะก็ลวนลามทุกทีแม่งเอย!

                     “แล้วตกลงหิวหรือไม่หิว”

                     “คงไม่หิวหรอกมั้ง แล้วเห็นว่าได้กินอะไรมั่งหรือยังล่ะทั้งวันเนี่ยไม่รู้จะถามทำไม” 

                     “อ๋อ ไม่หิวสินะ” กวนมาก็กวนกลับครับไม่โกง ดูสิทีนี้จะทำไง

                     “หิวเว้ย!” 

                     “แค่นี้ก็จบ เดี๋ยวฉันให้แม่บ้านเตรียมอาหารมาให้” พูดดี ๆ ก็จบไม่รู้จะมากวนประสาทกันทำไม


                     ก็อก ก็อก ก็อก


                     “อาหารมาแล้ว เดี๋ยวฉันป้อนให้นะ”

                     “ไม่ต้องกินเองได้”

                     “ก็บอกว่าจะป้อนให้ไง นายกินเองถนัดหรือไงมือขวาเดี้ยงอย่างงั้น”

                     “ก็บอกว่ากินเองได้ ฉันจะกินถนัดหรือไม่ถนัดมันก็เรื่องของฉัน แล้วนายจะมาวุ่นวายอะไรกับฉันนักหนาไม่มีการไม่มีงานไปทำรึไง”

                     “มี แต่ไม่ทำฉันอยากอยู่ที่นี่ ฉันก็จะอยู่ที่นี่”

                     “สาธุขอให้โรงแรมนาย คลับนาย ร้านอาหารนายโดนโกงให้มันเจ๊ง ๆ ไปเลย”

                     “อ่ะ อ้าปาก”

                     …. ตักอาหารมาจ่อที่ปากแบบนี้คือ โอ้ย! ให้ตายเถอะไอ้บ้านี่ไม่ได้ฟังที่พูดเลยใช่ไหมเนี่ย จะเอาแต่ใจไปถึงไหนกันว่ะ

                     “จะยอมอ้าปากแล้วกินเข้าไปดี ๆ หรือว่าจะต้องให้ใช้ปากป้อนแทนถึงจะยอมกินเลือกเอานะ ฉันทำจริงนายก็รู้นี่”

                     “ชิ” กินก็กิน เฮอะ! ไม่ได้กลัวหรอกนะ แต่มันหิวในเมื่ออยากป้อนนักก็ตามใจ ดีจะได้ไม่ต้องลำบากกินเองสบายด้วยมีคนคอยบริการ เอาตามที่ต้องเลย อยากทำอะไรทำไปเลย

                     “ดีมากให้มันได้อย่างนี้สิ ทำตัวดี ๆ ว่านอนสอนง่ายแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย”




                     “นี่”

                     “มีอะไร”

                     “หยิบไม้เท้าให้หน่อยดิ”

                     “ทำไมจะไปไหน เดี๋ยวพาไป”

                     “ไม่อ่ะ แค่เอาไม้เท้ามาให้ก็พอเดี๋ยวไปเอง นายจะไปทำอะไรก็ไป ฉันก็กินข้าวตามที่นายต้องการแล้วไง”

                     “จะไปไหน” คราวนี้แบคโฮกดเสียงต่ำลงเพื่อเป็นการบอกให้รู้ว่านี่จะเป็นการถามครั้งสุดท้ายแล้ว

                     “ห้องน้ำ!”

                     “อ๋อ อย่างงี้เองสินะ” แบคโฮพูดพร้อมกับยิ้มที่มุมปากบาง ๆ ให้กับความดื้อที่ดูน่ารักของอีกคน อ๋อที่แท้ก็อายนี่เอง รึว่าจะกลัวเราทำอะไรกันแน่นะ

                     “อะไร ยิ้มทำบ้าไร” มายงมายิ้มทำบ้าไร คนจะเข้าห้องน้ำนี่มันน่าขำมากรึไงว่ะ เพราะงี้ไงถึงไม่อยากจะบอก

                     “ป้าว! ไปสิฉันพาไปเอง” แบคโฮตอบกลับเสียงสูงเพื่อแกล้งอีกคนเล่น ก่อนจะจัดการพาอีกคนไปยังห้องน้ำทันที 

                     แบคโฮก็พึ่งได้รู้ว่าเวลาแกล้งให้อารอนหัวเสียนี่ก็ทำให้อารอนดูน่ารักเหมือนกัน ยิ่งเวลาที่อีกคนเขินด้วยแล้วยิ่งน่ารักใหญ่ ว่าแต่เจ้าตัวจะรู้ตัวบ้างไหมนะ ว่าที่ทำแบบนี้มันยิ่งทำให้ตัวเองดูน่ารักมากขึ้นไปอีก รึอาจเป็นเค้าก็ได้มั้งที่โรคจิตอย่างที่อารอนชอบว่า ที่ดันมาชอบอะไรแบบนี้

                     “แล้วจะยืนทำไรอยู่ตรงนี้ไม่ทราบ มาส่งถึงแล้วก็ออกไปดิ” อารอนหันไปถามคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ คือมาส่งถึงที่แล้วทำไมไม่ออกไป จะมายืนปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออะไรอยู่อีกคือไม่เข้าใจแรง

                     “ไม่มีอะไรให้ช่วยอีกหรอ เผื่อนายจะถอดกางเกงไม่ถนัดงี้ เห็นว่าเหลือมือใช้ได้อยู่ข้างเดียว”

                     “ไม่มีโว้ย! ออกไปเลยไอ้ลามก”

                     “ใครกันแน่นะลามกฉันไม่ได้คิดอะไรมากแบบนายซะหน่อย แค่อยากช่วยจริง ๆ”

                     “เฮ๊อะ จะออกไม่ออก” อารอนหยิบที่ฉีดน้ำที่อยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาขู่อีกคนให้ออกไป ถ้าไม่ออกนะรับรองเปียกแน่ ๆ 

                     “โอเค ๆ งั้นฉันรออยู่หน้าห้องนะมีไรก็เรียกล่ะอย่าดื้อ” แบคโฮยอมออกไปแต่โดยดีแค่อยากจะแกล้งอารอนเล่นเฉย ๆ แล้วก็ไม่ใช่ว่ากลัวไอ้ที่ฉีดนั่นหรือกลัวตัวเองเปียกนะ แต่กลัวเจ้าตัวนั่นแหล่ะเปียกทีนี้จะยุ่งกันใหญ่เฝือกก็พึ่งเข้ามาเดี๋ยวจะได้ไปหาหมอทำใหม่อีกรอบ

                    “เออ! รีบออกไปเร็ว ๆ เลย”



                   “บอกให้เรียกไง” แบคโฮกันไปหาคนรั้นที่ขัดคำสั่งเค้าอีกแล้ว บอกว่าทำธุระเสร็จให้เรียก จะได้ไปช่วยแล้วนี่อะไรเดินออกมาเอง ถ้าหกล้มไปจะทำยังไง เฮ้อ! เหนื่อยใจจริง ๆ ทำเป็นเก่งทุกที

                   “เดินแค่นี้ไม่ตายหรอก”

                   “ทำเป็นเก่งอีกแล้ว ว่าแต่ง่วงรึเปล่าอยากนอนพักก่อนไหม”

                   “ไม่ง่วง อยากดูทีวี”

                   “ตามใจ” แบคโฮก็ทำตามที่อีกคนบอก จัดการพาไปดูทีวีตามต้องการ ไม่อยากพักก็ไม่อยาก ตามใจไปแล้วกันขี้เกียจจะบังคับแล้วเหมือนกัน นี่ก็ยังไม่ดึกอะไรมากให้ดูไปก็คงไม่เป็นไร




                    “นี่” 

                    หลังจากที่นั่งดูทีวีอยู่สักพัก แบคโฮก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เกี่ยวกับคนตัวเล็กที่นั่งดูทีวีอยู่ข้าง ๆ เขานี่ 

                    “อะไร”

                    “นายไม่คิดจะหางานทำมั่งหรอ”

                    “ยุ่งไรด้วย”

                    “พอดีว่าฉันมีอะไรดี ๆ มาเสนอให้นาย นายจะได้ไม่ต้องไปขโมยของเสี่ยงโดนจับโดนกระทืบแบบเดิมอีก” นี่ก็ไม่คิดจะพูดดี ๆ ตอบคำถามดี ๆ ให้ได้ชื่นใจแบบไม่ต้องบังคับบ้างเลยสินะ ตอบมาแต่ล่ะทีนี่ถ้าไม่ติดว่าชอบไปแล้ว คงจะกระทืบเละไปนานแล้วจริง ๆ ให้ตายเถอะ

                    “จะเสนออะไรไม่ทราบ” จะเสนออะไรจะให้เป็นเด็กรับใช้งี้หรอ หรือเด็กเสิร์ฟที่พับนั่นหรอถ้าใช่คงต้องคิดดูก่อน ช่วงนี้ตังยิ่งไม่ค่อยพอใช้อยู่ด้วย

                    “ก็มาเป็นเมียฉันไง รับรองว่านายจะสบายไปตลอดแน่นอน”

                    “ไอ้โรคจิต! จะไปตายที่ไหนก็ไปเลยไป” ทันทีที่พูดจบอารอนก็จัดการหยิบหมอนอิงที่วางอยู่ข้างทุบไปที่อีกคนอย่างไม่ยั้งมือ ด้วยแรงทั้งหมดที่มีกับแขนข้างเดียวที่ยังใช้ได้อยู่ตอนนี้ มาพูดบ้าอะไรแบบนี้ให้ตายไปเลยทีกว่าจะต้องมาตกเป็นเมียใคร คือกูผู้ชายนะโว้ย

                    “เฮ้ย! หยุด ๆ นี่ฉันพูดจริง ๆ นะฉันไม่ได้พูดเล่น นายจะไม่เชื่อก็ได้แต่ที่ฉันทำทุกอย่างเนี่ยเพราะฉันชอบนายจริง ๆ นะ”

                    “ไอ้โรคจิต ไอ้วิปริต ไอ้ผิดมนุษย์ ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้  ออกไป ออกไป ออกไป!!!!!” คำพูดครั้งนี้ของแบคโฮที่แสดงความจริงใจออกมาก็ไม่ทำให้อารอนหยุดความโกรธนี้ไม่ได้ กลับดูเหมือนจะยิ่งเพิ่มให้อารมณ์แรงขึ้นไปอีกด้วยซ้ำ ทีนี้ไม่ใช่แค่หมอน แต่ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นหนังสือ รีโมทอะไรก็แล้วแต่ที่วางอยู่ใกล้อารอน ก็จัดการเขวี้ยงใส่แบคโฮทั้งหมด ถ้าไม่ออกไปจะเอาให้หัวแตกตายเลยคอยดู เห็นแจกันยังเหลืออีกอัน 

                    “โอเค ออกก็ได้ แต่อย่าคิดว่าฉันจะยอมแพ้คนอย่างนายนะ ยังไงสักวันนายก็ต้องเป็นของฉัน” 

                    ดูพูด จะให้อยู่แบบสงบ ๆ บ้างได้ไหมเนี่ยเอ๊ะอ่ะก็วกเข้าเรื่องพวกนี้ตลอด บ้าเอ้ย! ไอ้บ้านี่มันโรคจิตจริง ๆ ด้วย บ้ารึไงผู้ชายกับผู้ชายด้วยกันเนี่ยนะ แล้วถึงอย่างงั้นก็เถอะจะมีด้วยหรออยู่ ๆจะมาชอบคนที่พึ่งเจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง แถมยังเจอกันแบบนี้อีก ไอ้บ้านี่ก็แค่โรคจิตอยากได้คนมานอนด้วยก็แค่นั้นแหล่ะ




                    “นายจะเข้ามาในห้องฉันอีกทำไม นี่มันดึกแล้วนะทำไมไม่กลับไปห้องตัวเอง”

                    ทันทีที่กำลังจะล้มตัวนอน บุคคลที่อารอนจัดว่าอันตรายและไม่ควรอยู่ในห้องนี่ที่พึ่งไล่ตะเพิดออกไปจากห้องเมื่อตอนหัวค่ำก็กลับเข้ามาอีกครั้ง พร้อมกับชุดนอน แล้วแถมยังจะเดินมาตรงเตียงที่เค้านอนอยู่อีก นี่คืออะไร ไอ้บ้านี่ยังต้องการอะไรอีก

                    “ก็ฉันจะมานอนที่นี่”

                    “จะบ้าหรอห้องตัวเองก็มี ก็นอนห้องตัวเองดิ แล้วก็ลุกออกไปจากเตียงฉันเลยนะ”

                    “นายนี่ก็พูดไม่เคยรู้เรื่องเลยนะ บอกว่าฉันจะนอนที่นี่ก็ที่นี่สิ” แบคโฮตอบกลับหน้าตายพร้อมกับนอนบนเตียงอย่างสบายใจ ไม่สนที่อีกคนห้ามเลยสักนิด เอาไล่ให้ตายก็ไม่ไปหรอก 

                    “อ๋อได้ ถ้านายจะนอนที่นี่ฉันจะไปนอนที่อื่นเอง” โอ้ยเอาแต่ใจตัวเองเป็นบ้า แล้วคืออะไร ไม่ได้อนุญาติเลยสักนิดความเห็นก็ไม่ขอขึ้นมานอนแล้วเฉย โอเคได้ในเมื่ออยากนอนนัก งั้นไปเองก็ได้ว่ะ อยากนอนนักก็นอนให้พอเลย 

                    “หยุดเดี๋ยวนี้”

                    อารอนพยายามลุกหนีทันทีพี่พูดจบแต่ก็นั่นแหล่ะเพราะว่าตัวเค้าเจ็บอยู่แบบนี้ทำอะไรก็ไม่ถนัด แบคโฮก็เลยได้จัดการดึงอีกคนไม่ให้ลุกไปได้โดยทันทีเช่นกัน และจัดการขึ้นไปค่อมบนตัวของอารอนเพื่อไม่ลุกหนีไปไหนได้อีกรอบ

                    “โอ้ยเจ็บนะ แล้วจะทำอะไรเนี่ยออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้”

                    “นายก็ต้องนอนที่นี่กับฉัน ถ้านายยังกล้าลุกไปไหนอีกฉันจะปล้ำนายตอนนี้และเดี๋ยวนี้แหล่ะ ยังไงนายก็หนีฉันไม่ได้อยู่แล้ว”

                    “นายกล้าหรอ”

                    และแน่นอนคราวนี้แบคโฮไม่พูดแต่ทำเลย แบคโฮจัดการประกบปากของตัวเองไปที่ริมฝีปากอิ่มของอารอนและจัดการดูดดึงและกวาดชิมความความหวานจากปากอิ่มนั่นทันที

                    “อื้อๆ หยุดนะ เออฉันไม่ไปไหนแล้วจะนอนอยู่ที่นี่แหล่ะ”

                    “นึกว่าจะดื้ออีกซักหน่อย ยอมง่ายจริง โอเคทีนี้ก็ตกลงตามนี้นะ ตลอดเวลาที่นายพักรักษาตัวอยู่ที่นี่ฉันก็จะมานอนอยู่ที่นี่กับนาย แล้วก็จะอยู่ดูแลนายตลอดเวลา 24 ชั่วโมงทุกวันไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลย โอเคนะ”

                    “ห๊ะ!”

                    คือนี่เราต้องใช้ชีวิตอยู่กับไอ้หมอนี่ไปตลอดสามเดือนนี้เลยเนี่ยนะ โอ้ยควักอารอนทำไมถึงซวยแบบนี้นะ อ๊ากกกกกก




     -------------------------------------------------



    เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    หลังจากตอนแรกของเรื่องแต่งมาเมื่อสองปีที่แล้ว
    วันนี้ตอนที่สองก็แต่งจบสักที เย้ ๆ ดีใจที่สุด
    ไม่รู้จะมีคนอ่านรึเปล่า 
    แต่ว่าเราก็ยังอยากจะแต่งอยู่
    ถึงแต่งได้ไม่ดีมากแต่เราก็ยังอยากจะทำ
    ถ้าเกิดว่ามีคนเข้ามาอ่าน ก็ขอบคุณนะคะ ^^ 
    ไม่ว่าจะยังไงนี่ก็คือความสุขของเรา
    ถึงจะไม่ค่อยจะได้ขนันพิมพ์เท่าไหร่ 
    แต่ไม่ว่าจะนานแค่ไหน เราก็ไม่เคยลืมทุกเรื่องที่เราเคยทำนะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×