คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : [SF] One-Piece.. ch.4
“ก็ฉันเป็นคนมาส่งนายเองไง นายเล่นหลับไม่รู้เรื่องนายจะไปจำอะไรได้ยังไงกัน ไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะ ฉันซื้ออาหารเช้ามาให้นายด้วยนะ” เร็นพูดกับอารอนที่พึ่งออกมาจากห้อง แล้วหันไปเทกับข้าวใส่จานต่อ เหมือนกับว่ามันคือเรื่องปกติ
“นายมาส่งฉันหรอ มาได้ยังไง นายรู้จักบ้านฉันได้ไง” อารอนที่ตอนนี้งงสุดขีด เพราะเท่าที่จำได้เค้าไม่เคยบอกเรื่องที่อยู่กับมินกิมาก่อน แล้วอีกอย่างเมื่อคืนถึงแม้จะหลับแต่ว่าเค้าเหมือนได้ยินเสียงแบคโฮนี่นา
“ถ้าไม่รู้ฉันจะมายืนอยู่นี่ได้หรอ นายไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะเดี๋ยวฉันเล่าให้ฟัง”
“อืม” อารอนที่ยังงงอยู่แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรแล้วเดินไปล้างหน้าที่ห้องน้ำ
“ล้างหน้าเสร็จแล้วกินข้าวเช้าก่อนนะ แล้วค่อยออกไปโรงเรียน”
“อืม ขอบใจ ว่าแต่นายอยู่ที่นี่ทั้งคืนเลยหรอ”
“เปล่าหรอก ฉันมาส่งนายแล้วก็กลับไปนอนที่บ้านก็พึ่งจะมาเนี่ยแหล่ะ”
“อ๋อ แล้วนายมาส่งฉันถูกได้ยังไงล่ะ นายไม่รู้จักบ้านฉันนี่”
“แบคโฮหน่ะ แบคโฮบอก”
“อืม”
“เมื่อวานนี้นะ ฉันขอร้องให้แบคโฮมาส่งนายหน่อยแต่ว่ามันก็ไม่ยอม มันบอกขี้เกียจรำคาญจะรีบกลับบ้านไปนอน แถมบอกว่าจะทิ้งให้นายนอนที่ร้านแบบนั้นด้วยนะ ดูมันดิมันพูดแบบนี้ได้ไง ฉันก็เลยขอที่อยู่นายมาจากมันแล้วก็พานายมาส่งนี่แหล่ะ”
“ขอบใจมากนะเร็น ที่ต้องลำบากมาส่งฉันเองเลย” แบคโฮไอ้คนไม่มีน้ำใจ ไอ้คนใจดำ
“ไม่เป็นไรหรอก ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่นา เดี๋ยวกินเสร็จแล้วนายก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้านะ จะได้ไปโรงเรียนด้วยกัน”
“ทำไมกินน้อยจังหล่ะอารอน ไม่อร่อยหรอ” เร็นเอ่ยปากถามหลังจากที่อาหารกินอาหารที่เค้าจัดไว้ให้เพียงแค่ไม่กี่คำเท่านั้นเอง
“อ๋อ คือปกติฉันไม่ค่อยกินข้าวเช้าอยู่แล้วหน่ะ ขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ”
ณ โรงเรียน
“เฮ้ หวัดดีพวกนาย ทำไมวันนี้มาด้วยกันได้ล่ะ” แบคโฮผู้ซึ่งก็พึ่งมาถึงโรงเรียนเหมือนกันเอ่ยทักสองกันที่วันนี้มาด้วยกัน ทั้ง ๆ แต่เท่าที่รู้มาบ้านก็ไม่ได้อยู่ใกล้กันซักหน่อย
“ไม่เห็นแปลกตรงไหน” อารอนตอกกลับไป เพราะว่าแบคโฮก็น่าจะรู้ดีสาเหตุที่ทำให้เค้ากับเร็นมาพร้อมกันวันนี้คืออะไร
“ไม่แปลกได้ไงว่ะ บ้านพวกแกอยู่ใกล้กันรึไง ก็เปล่าแต่วันนี้มาด้วยกันมันก็แปลกดิ”
“ก็เมื่อคืนฉันกับเร็นอยู่ด้วยกันทั้งคืนก็เลยมาพร้อมกันไง โอเค รึยังแบคโฮ” อารอนตอบไปแบบนั้นเพราะอยากประชด เพราะเมื่อคืนเท่าที่เร็นบอกมาเค้ากับเร็นก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างที่บอกแบคโฮไปหรอก
“เมื่อคืน อยู่ด้วยกันทั้งคืน หมายความว่ายังไง” แบคโฮสงสัยกับคำตอบของอารอนมาก ก็ในเมื่อเมื่อคืนเร็นก็กลับไปก่อน แล้วจะไปอยู่กับอารอนอีกได้ยังไง
“อย่าแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ก็เมื่อวานแก..”
“อารอน รีบไปห้องกันเถอะเดี๋ยวสายนะนี่ก็ใกล้เวลาเข้าเรียนแล้วนะ”
ยังไม่ทันที่อารอนจะได้พูดอะไร เร็นก็พูดเพื่อขัดจังหวะซะก่อน
“หยุดก่อน นายยังพาอารอนไปไหนไม่ได้อารอนต้องคุยกับฉันก่อน”
“แต่นี่มันจะสายแล้วต้องรีบไป นายก็ต้องไปเหมือนกัน” เร็นพยายามจะให้สองคนนี้ไปห้องเรียนเพื่อที่ความจะได้ไม่แตกก่อน
“สายสักวันมันไม่ตายหรอกหน่า ฉันจะคุยกับอารอน ถ้านายอยากไปก็ไปก่อน”
“แต่ว่า..”
“ทำไมรึว่านายมีอะไรปิดบังไว้ หรือไง” แบคโฮที่ตอนนี้เริ่มสงสัยกับการกระทำของเร็น เริ่มชักอยากรู้ขึ้นมาแล้วว่าเรื่องเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น
“เปล่า”
“นายไปก่อนเถอะเร็น ฉันคุยแปบเดียวไม่เป็นไรหรอก”
‘ทำไงดีถ้าได้คุยกันก็ต้องรู้สิ จะทำยังไงดีเนี่ย จะต้องไม่ให้สองคนนี้ได้คุยตอนนี้’
“เอ้าเร็นมายืนทำอะไรตรงนี้เล่า ทำไมไม่เข้าเรียน เดี๋ยวสายนะ” เจอาร์ซึ่งมาจากไหนก็ไม่รู้ มาถึงก็พูดพร้อมกับดึงแขนของเร็นออกไปเลย
“เฮ้ยมึงอะไรเนี่ยปล่อยกูนะ” เชี่ยเจอาร์ปล่อยกูนะกูต้องไปแยกสองคนนั้น
“ปล่อยได้ไง ถ้าปล่อยนายก็ไปแยกเค้าสิไม่เอาไม่ทำนะ” เจอาร์พูดพร้อมนิ้วมือที่เอาขึ้นมาส่ายไปมาตรงหน้าเร็นพร้อมด้วยน้ำเสียงและสีหน้ากวนอารมณ์
“มึง.” ไอ้เจอาร์อย่าบอกนะว่าเรื่องนี้มึงก็รู้
“ตกใจหรอไม่เอานะไม่เอา ไปเรียนกันเถอะ”
‘ทำไมมันต้องรู้ทุกอย่างเลยว่ะ’
“อารอนแกหมายความว่ายังไงที่ว่าแกอยู่กับเร็นทั้งคืน” ตอนนี้แบคโฮลากอารอนมาคุยกันเงียบ ๆ แค่สองคน เรื่องนี้มันต้องมีอะไรผิดปกติ ก็คนที่แบกอารอนไปส่งเมื่อคืนก็ตัวเค้าเองนี่นา
“ก็อย่างที่พูดไปนั่นแหล่ะ แกเองไม่ใช่หรอที่รู้ดีกว่าฉันหน่ะ” เคลียก็เคลียอารอนก็อยากจะด่าไอ้แบคโฮเหมือนกันแหล่ะเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแต่กลับจะทิ้งไว้ที่ร้าน มันน่าจริง ๆ
“ฉันหรอ ฉันจะไปรู้ได้ยัง”
“ก็แกเป็นคนบอกว่าฉันน่ารำคาญไม่ใช่หรอแกอยากพักผ่อน แล้วแกก็จะทิ้งฉันไว้ไม่ยอมพาฉันกลับแถมจะทิ้งไว้ที่ร้าน จนเร็นต้องมาส่งฉันเองหน่ะ” แหมตัวเองทิ้งเค้าไว้แท้ ๆ ยังจะทำมาเป็นไม่รู้เรื่อง
“ใครบอกแก"
“เร็นไง”
“แกเชื่อเร็นหรอ”
“ใช่!”
“ถ้าฉันบอกว่าฉันเป็นคนไปส่งแกเองไม่ใช่เร็น แกจะเชื่อฉันไหม เชื่อคนที่เป็นเพื่อนแกมานาน แกจะเชื่อคนคนนี้ไหม”
“แล้วฉันควรจะเชื่อแกไหม ในเมื่อพอตื่นขึ้นมาฉันก็เห็นเร็นอยู่ในห้อง ฉันควรจะเชื่อไหม” อารอนมองหน้าอีกคนเป็นเชิงตั้งคำถามกลับไป จะให้เชื่อได้ไหม ในเมื่อตื่นมาคนที่เจอคนแรกไม่ใช่แบคโฮ แต่เป็นอีกคน แม้ว่าในใจจะอยากเชื่ออย่างนั้นก็ตาม
“เร็นอยู่ในห้องนายหรอ”
“ใช่”
“อืม ฉันว่าฉันมีเรื่องต้องคุยกับเร็น” มันมีอะไรแปลก ๆ จริง ๆ ด้วยเร็นนายคิดจะทำอะไร
“คุยอะไร?”
แบคโฮไม่ได้ตอบอะไรกับอารอนไป แล้วก็เดินหนีกลับมาที่ห้องเรียนเลย
‘นี่มันเรื่องอะไรกัน’ คำถามนี้ที่ตอนนี้อยู่ในหัวของอารอน สับสน สับสนไปหมด
ระหว่างที่นั่งเรียนอารอนรู้สึกได้ถึงสภาวการณ์ตึงเครียดในขณะนี้ คือนั่งตรงกลางระหว่างเร็นและแบคโฮที่ดูเหมือนจะมีเรื่องอะไรที่เค้าไม่รู้ ระหว่างสองคนนี้หรืออาจจะเป็นสามรวมเขาไปด้วยอีกคน ทำไมวันนี้ห้องเรียนมันอึดอัดอย่างงี้นะเนี่ย
เมื่อหมดเวลาเรียนแบคโฮก็เดินออกจากห้องไปพร้อมกับเร็นทันที โดยที่อารอนก็จะตามไปแต่...
“เฮ้ยไอ้เจอาร์ มึงทำอะไรเนี่ยมาขวางกูไว้ทำไม” เจอาร์ก็ลุกขึ้นมายืนขวางอารอนเอาไว้
“แล้วมึงจะไปไหน”
“ก็ตามไปดู”
“จะไปดูทำไมไม่มีอะไรให้มึงดูหรอก” มันจะมาอยากรู้อยากเห็นอะไรนักหนา ให้มันไปคุย ๆ กันเรื่องจะได้จบ ๆ โว๊ะไอ้นี่
“ก็กูอยากรู้พวกมันคุยอะไรกัน มึงหลบไปดิเดี๋ยวกูตามไม่ทัน”
“ไม่ มึงไม่ควรไป”
“พอเฮอะไอ้เจอาร์มันอยากไปก็ให้ไปดิ จะไปห้ามมันทำไม” มินฮยอนเดินมาพร้อมกับดึงเจอาร์ให้หลบออกมา อารอนจึงอาศัยจังหวะนี้หนีออกไปได้
“ไอ้มินฮยอนมึงทำอะไรเนี่ยดึงกูออกมาทำไม เห็นไหมมันเลยหนีไปได้เลย”
“แล้วทำไมมึงต้องห้ามมันด้วยเล่า”
“งั้นมึงควรตามมันไป”
“ไปเพื่อ”
“เชื่อกูเฮอะ เผื่อมึงมีโอกาสบ้าง หรือบางทีมึงอาจจะได้ตัดใจจากมันแล้วหันมามองกูไง” มึงได้ตัดใจแน่ ๆ คราวนี้ไอ้มินฮยอน ฮึฮึ
“ฝัน” มินฮยอนตอบเจอาร์ไปแค่นั้น แล้วรีบตามอารอนออกไปทันที
“มินฮยอนมันไม่มีทางเป็นแค่ฝันหรอก” เจอาร์พูดลอย ๆ เมื่อมินฮยอนวิ่งออกไปแล้ว
“โอ้ยแม่งไอ้เจอาร์แม่งไม่น่าขวางไว้เลย ไม่รู้หายไปไหนกันแล้วเนี่ย” อารอนอยากตามมาฟังว่าสองคนนั้นคุยอะไรกัน เพราะในความรู้สึกมันบอกว่าเรื่องนี้มันต้องเกี่ยวกับเขาแน่นอน
อารอนเดินมองและตามหาเร็นและแบคโฮไปทั่วตามตึก ๆ ต่าง ๆ จนกระทั่งมาถึงที่สวนด้านหลังโรงเรียน ก็ได้ยินเสียงคนสองคนที่คุ้นเคยคุยกันอยู่ที่มุมมุมนึง เสียงที่ได้ยินแว่ว ๆ ที่ดังออกมาเค้าเหมือนได้ยินอะไรคำว่า ชอบ ชอบ แต่มันก็ไกลเกินไปกว่าที่จะได้ยินชัดกว่านี้ว่ามันคือเรื่องอะไร จึงเดินไปดูใกล้ ๆ เพื่อให้ได้ยินอะไรชัดมากขึ้นกว่านี้ แต่กลับได้เห็นภาพที่ไม่ควรจะเห็นมันเลย
“อะไรกัน สองคนนี้จูบกันหรอ”
“คือนี่มันคืออะไรกัน คำว่าชอบเมื่อกี้ มันหมายถึงแบบนี้หรอ” ขาของอารอนที่เมื่อกี้พยายามเดินเข้าไปให้ใกล้มากที่สุดเพื่อที่จะได้ยินเสียงของคนสองคน แต่มันกลับไปทำให้เห็นภาพที่ไม่ควรจะ ตอนนี้สองขานั้นกลับกลายมาเป็นการก้าวถอยหลังและพยายามหนีภาพที่เห็นตรงหน้า ภาพที่ไม่อยากจะเชื่อ ภาพที่เห็นคนสองคนที่เหมือนจะจูบกันอยู่ นี่มันอะไรกัน คำพูดที่ได้ยิน กับภาพที่เห็น
‘สองคนนี้ชอบกันหรอ ทำไม ทำไมฉันไม่รู้เลยล่ะ สองคนนี้กำลังหักหลังฉันหรอ ไม่สิไม่หักหลัง เค้าไม่รู้นิว่าเราชอบใคร และเราไม่เคยบอก เราผิดหรอ ใช่เราผิดเอง’ ตอนนี้อารอนได้แต่เดินเหม่อลอยออกมาจนไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามีใครอีกคนตามมาตั้งนานแล้ว
“อารอน จะไปไหน”
“......”
“อารอน จะเดินไปถึงไหน”
“......”
“ทำไมมึงไม่พูดออกมา ร้องออกมาสิ มึงจะเงียบแบบนี้ทำไมกูกลัว”
“กลัวอะไร”
“กลัวมึงเป็นบ้า”
“กูไม่บ้าหรอก กูไม่ได้เป็นอะไรหรอกไอ้ตี๋ เห็นไหมกูร่าเริงดี” ว่าแล้วคนตัวเล็กก็หันไปขยี้หัวคนตัวโตกว่าด้วยรอยยิ้มที่ไม่เหมือนรอยยิ้มเท่าไหร่
“มึงอย่าทำแบบนี้ ร้องไห้ออกมาเถอะ” อารอนมองคนที่เอามือมาขยี้ผมตัวเองแล้วดึงเข้ามากอดเอาไว้ การที่เห็นคนที่แอบชอบกำลังจูบกับคนอื่น ทำไมมันจะไม่เสียใจ ทำไมคนอย่างมินฮยอนจะไม่รู้แอบรักข้างเดียวมันเจ็บ
“มินฮยอนกูบอกว่ากูไม่ได้เป็นอะไรไง ปล่อยกูเถอะ” มินฮยอนปล่อยกูเถอะกูไม่อยากร้องไห้ ปล่อยกูเถอะได้โปรด ไอ้ห่าให้กูยืนอยู่เฉยเงียบ ๆ คนเดียวกูก็ไม่เป็นอะไรแล้ว แต่มึงมาทำอย่างนี้แม่งยิ่งเพิ่มฟิลลิ่งให้กูอีก
แม้อารอนจะพูดแบบนั้นมินฮยอนก็ไม่ได้ปล่อยอารอนออกมาแต่กลับยิ่งกอดแน่นขึ้นไปอีก ความรู้สึกที่มินฮยอนสื่อไปในอ้อมกอดนี้ เพื่ออยากบอกให้อารอนร้องออกมาเถอะ อย่าเก็บเอาไว้เลย ยังดีกว่าที่จะแสดงมันออกมาอย่างเปิดเผย เก็บเอาไว้อย่างนี้คงจะไม่ดี
“มินฮยอน มึงเห็นใช่ไหม มึงเห็นใช่ไหม” อารอนไม่ได้ร้องไห้อย่างที่มินฮยอนบอก ถึงแม้ว่ามันจะรู้สึกเจ็บแต่ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่จะต้องมาร้องไห้
“อืม”
“กูจะทำยังไงดี กูจะทำยังไงต่อไปดี” มันเป็นคำถามเพราะตอนนี้อารอนทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าภาพที่เห็นมันใช่อย่างที่คิดไหม และถ้าใช่ควรจะทำยังไง
“หันมามองกูไง”
“อะไร มึงหมายความว่ายังไง”
“มึงรู้ไหมกูก็แอบชอบมึงมานานมากแล้ว เหมือนกับที่มึงชอบแบคโฮมันไง”
“มึงพูดอะไรมึงรู้ตัวไหม”
“ก็รู้ กูกำลังบอกว่ากูชอบมึง ชอบมานานแล้วหันมามึงช่วยหันมามองกูบ้าง”
“มึงบ้าไปแล้วหรอ มึงมาพูดอะไรแบบนี้กูไม่ตลกนะ”
“กูก็ไม่ตลก ไม่เชื่อมึงก็เงยหน้ามองตากูสิ” มินฮยอนไม่เพียงแค่พูดเท่านั้น ยังเอามือเลื่อนหน้าคนที่พยายามจะก้มหน้าหลบตาอยู่ตอนนี้ให้หันมาสบตากับเค้าด้วย
สบตากันแบบนี้มันก็ห้ามความรู้สึกได้ยาก มินฮยอนเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ ๆ กับใบหน้าหวาน ๆ ที่อยู่ตรงหน้า ความคิดตอนนี้เค้าอยากจะสัมผัสคนตรงหน้าอยากให้คนตรงหน้าได้รู้ว่าความรู้สึกนี้มันคือความจริง
“อย่า” อารอนหันหน้านี้เมื่ออีกคนเข้ามาใกล้เกินไปแล้ว แล้วถอยออกมาจากคนตรงหน้า
“กูขอโทษ” มินฮยอนคว้ามืออีกคนที่กำลังจะเดินหนีเค้าไป
“ปล่อย แล้วมึงก็ไม่ต้องตามกูมา”
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรว่ะเนี่ย” ตอนนี้อารอนรู้สึกเหมือนกำลังจะเป็นบ้าแล้วจริง ๆ วันนี้มีเรื่องอะไรเข้ามาในในหัวมาก มากจนเกินจะรับไหวแล้ว ทั้งที่ไปเห็นภาพของเพื่อนรักสองคนที่กำลัง โอ้ยอารอนไม่อยากจะคิด และยังมินฮยอนที่อยู่ ๆ ก็มาบอกรักตัวเองอีก คือตอนนี้ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ควรจะทำยังไงกับชีวิตดี แล้วถ้าจะต้องกลับไปห้องเรียนไปเจอหน้าพวกเค้าในเวลานี้อารอนก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไงดี อยากกระโดดเอาหัวโหม่งต้นไม้ให้ตายไปรู้แล้วรู้รอดจริง ๆ แต่ติดอย่างเดียวอารอนกลัวเจ็บอ่ะ TOT คนตัวเล็กได้แต่เดินคิดไปเรื่อยเปื่อยไม่รู้จะไปไหน ไม่ยังอยากจะกลับไปห้องเรียน ก็เลยมามันไปเรื่อย ๆ อย่างงี้แหล่ะ
จ๋อม! จ๋อม!
เสียงก้อนหินที่หล่นลงกระทบผิวน้ำ ที่ใครบางคนปามันลงไป เพื่อระบายความอึดอัดในใจ อารอนเดินมาเรื่อย ๆ จนมาถึงสระน้ำหลังโรงเรียนที่ที่เงียบสงบเพราะไม่ค่อยจะมีคนมาแถวนี้สักเท่าไหร่นัก เขาจึงมานั่งคิดอะไรตรงนี้คนเดียว
“ไอ้ร่อนมานั่งทำอะไรตรงนี้ว่ะ”
“มึงไม่รู้จริง ๆ หรอไอ้เจอาร์”
“โหมึงเก่งว่ะ รู้ด้วยว่าเป็นกู”
“จะไม่รู้ได้ไงเสียงเป็ด ๆ แบบนี้มีมึงคนเดียวอ่ะ แล้วนี่มึงมาทำอะไรแถวนี้”
“กูมาหาหมาน้อยเพื่อนยากของกูอะ กูรู้มาว่ามันมานั่งเป็นหมาหงอยแถวนี้” เจอาร์ตอบอีกคนไปพร้อมกับเดินไปนั่งข้างๆเพื่อนตัวเล็ก
“กูไม่เห็นหมาสักตัว แถวนี้ก็มีกูนั่งอยู่คนเดียวเนี่ย จะมีหมาที่ไหนอีกล่ะ” เอ๊ะเดี๋ยวนะ แถวนี้ก็มีกูอยู่คนเดียวไอ้ห่านี่บอกมาตามหมาเพื่อนยากงั้นแม่งก็หมายถึงกูหรอ
“เชี่ยเจอาร์มึงว่ากูเป็นหมาหรอ” อารอนที่ลองนึกทวนคำพูดที่เพื่อนรักพูดมาดี ๆ แล้วก็ค้นพบว่าไอ้ห่าดีมันด่าตูนี่หว่า
“เอ้า! นี่มึงพึ่งรู้หรอ” เจอาร์พูดพร้อมกับทำหน้ากวนบาทาใส่เพื่อนรักอย่างสะใจ ดีนะที่มันยังนึกได้
“ว่าแต่มึงมาหากูนี่มาทำอะไร จะมาบอกรักกูอีกคนรึไง” ไอ้ห่านี่มันจะกวนบาทาไปและ นี่ถ้าเป็นเวลาปกติบอกตรง ๆ ไล่เตะปากแตกไปแล้วแต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะมาทำอย่างงั้นเลยจริง ๆ
“เออใช่ อารอนกูรักมึงว่ะ รักมึงมานานมากแล้ว มึงไม่เคยรู้เลยหรอ” เจอาร์พูดพร้อมกับจับมือทั้งสองข้างของคนตรงหน้าขึ้นมา พร้อมกับดวงตาและสีหน้าที่จริงจังที่สุดในชีวิต
“O_O” อารอนพูดอะไรไม่ออกตอนนี้ตากลมโตนั้นเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ ทั้งจากคำพูด สีหน้าและแววตาของเพื่อนคนนี้ มึงแค่แกล้งกูใช่ป่ะไอ้เจอาร์
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า นี่มึงเชื่อกูด้วยหรอ ดูทำหน้าเข้า มึงไม่ใช่สเป็คกูหรอกไอ้ร่อน” เจอาร์เมื่อเห็นสีหน้าของอารอนที่ตกใจสุดขีดก็อดที่จะขำไม่ได้ แค่นี้ก็เชื่อ
“ไอ้ห่านี่กูไม่ตลกนะมึง อ๋อใช่..กูลืมไปอย่างสินะ มึงนี่ชอบแบบขาวๆ ตี๋ๆ สูงๆ ใช่ไหมล่ะ ๕๕๕”
“เออกูชอบแบบนั้นแหล่ะ มึงอารมณ์ดีขึ้นแล้วใช่ไหมล่ะเนี่ย”
“อืม ขอบใจว่ะ”
“เจอาร์มึงกว่ากูจะทำยังไงกับมินฮยอนดีว่ะ” หลังจากที่เงียบไปอยู่สักครู่อารอนก็เป็นฝ่ายถามเจอาร์กับมาก่อน เพราะเค้ารู้ว่าที่เจอาร์มาที่นี่ก็เพราะเรื่องที่เค้าพึ่งเจอเมื่อกี้นี้แหล่ะ
“มึงก็แค่คุยกับมันตามเดิมก็แค่นั้นแหล่ะ”
“แล้วกูจะกล้าสู้หน้ามันได้หรอว่ะ”
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ไปเคลียกันให้รู้เรื่อง ยังไงพวกเราก็เพื่อนกันหมดนะโว้ย อีกอย่างเดี๋ยวไอ้มินฮยอนก็ทำใจได้เองแหล่ะอีกไม่นานหรอก บางทีนะมันอาจจะไม่รู้ว่าหัวใจมันจริง ๆ รักใครอยู่ก็ได้”
“หมายถึงว่ามันยังไม่รู้หัวใจมันเองว่าในใจของมันจริงๆแล้วชอบมึงต่างหากงั้นหรอ”
“อย่างงั้นแหล่ะ”
“มึงนี่โคตรมั่นใจในตัวเองเลยเนอะ”
“แน่นอนอยู่แล้วกูเจอาร์จิตทิพย์นะมึง ฮ่าๆๆๆ”
“มึงถามกูแต่ไอ้มินฮยอนอ่ะ แล้วมึงไม่คิดจะถามถึงไอ้แบคโฮกับเร็นบ้างหรอ”
“ทำไมกูต้องถาม มันไม่มีอะไรให้กูอยากรู้สักหน่อย”
“มึงไม่อยากรู้เรื่องสองคนนี้จริงๆอ่ะหรอ กูว่าสาเหตุหลักที่มึงมานั่งซึมเป็นหมาหงอยปาหินถมบ่อให้ตื้นเนี่ยเป็นเพราะเรื่องของไอ้สองคนนั้นไม่ใช่หรอว่ะ”
“เออกูยอมรับก็ได้ แต่มันก็เรื่องของมันสองคนไง กูคนนอกไม่ควรจะเข้าไปยุ่งมากนี่หว่า”
“อารอนสองคนนั้นหน่ะมันไม่ได้มีอะไรกันเลย มึงเชื่อกูเถอะ ไม่เชื่อมึงก็ลองไปถามไอ้แบคโฮดูสิ ดีกว่ามานั่งเป็นหมาหงอยแบบนี้นะ”
“กูควรไปถามมันจริงหรอ”
“เออมึงควรไป แล้วมึงอาจจะได้รู้อะไรดีๆเชื่อกูเถอะ คราวนี้มึงเชื้อกูรับรองว่าไม่ผิดหวัง ไอ้เมื่อกี้กูห้ามแล้วไม่ฟังเป็นไงล่ะมึง ซึ้งเลยไหม”
“เออกูซึ้งเลย ขอบใจนะไอ้เจอาร์”
“ไม่เป็นยังไงเราก็เพื่อนกัน เอองั้นกูขอตัวก่อนนะ มึงก็รีบๆไปคุยกับไอ้แบคโฮมันล่ะ โชคดี”
“นี่เห็นไอ้แบคโฮป่ะ”
“เห็นไอ้แบคโฮป่ะ”
“เห็นแบคโฮไหม”
‘ไปไหนของมันว่ะ ถามใครก็ไม่มีใครเห็น ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนเร็นก็หายไปด้วยรึไปแอบสวีทที่ไหนกันสองต่อสอง ที่ห้องก็ไม่มีเห็นแต่ไอ้เจอาร์นั่งอ่านการ์ตูนอยู่คนเดียว เออจริงสินะมินฮยอนก็ไม่อยู่นี่หว่า’
อารอนกลับไปตามหาแบคโฮที่ห้องเรียนของตัวหลังจากที่ได้คุยกับเจอาร์แล้ว เพื่อจะได้เคลียกันให้จบ ๆ ไปเลย แต่ว่าตามหายังไงก็ไม่เจอสักที ถามใครก็ไม่มีใครเห็น
“ขอโทษนะครับ”
“มีไร” โหแม่งตัวสูงอย่างกับเปรตนี่พ่อแม่ให้กินเสาไฟฟ้าเป็นอาหารว่างรึไงว่ะ ดูแล้วแม่งน่าจะสูงพอ ๆ กับไอ้มินฮยอนเลยนะเนี่ย
“พี่เป็นเพื่อนของพี่เจอาร์ใช่รึเปล่าครับ”
“ใช่มีอะไรหรอ”
“พี่เห็นพี่เจอาร์ไหมคับตอนนี้เค้าอยู่ที่ไหน”
“ไอ้เจอาร์หรอ เมื่อกี้ตอนฉันเดินมามันก็อ่านการ์ตูนที่ห้องอ่ะ”
“ขอบคุณครับ”
‘เอ่อว่าแต่ไอ้เด็กนี่ใคร มาถามหาไอ้เจอาร์ทำไมว่ะ’ แต่แม่งหล่อใช้ได้เลย ขาว ตี๋ หล่อ สูง โหสเป็คไอ้เจอาร์ชัดๆ
“ไอ้หมีมึงทำอะไร” เสียงจากใครบางคนที่เดินมาหาอารอนจากด้านหลังพร้อมกับจับมือของอารอนเอาไว้แน่น
“เชี่ยกูเจ็บไอ้แบคโฮ เบา ๆ กับกูบ้างได้ป่ะ” แม้อารอนจะเป็นได้เห็นคนเรียกตั้งแต่ทีแรก แต่ก็เดาได้ไม่อยากหรอกว่าคนที่มาจับเค้าอยู่เนี่ยคือใคร เพราะคนที่เรียกเค้าว่าไอ้หมีมีอยู่คนเดียวคือไอ้แบคโฮนั่นแหล่ะ
“กูขอโทษ แล้วเมื่อกี้มึงคุยกับใคร คุยอะไรกัน”
“รุ่นน้องมันมาถามหาไอ้เจอาร์”
“ถามหาไอ้เจอาร์ ถามหาทำไม”
“แล้วกูจะรู้ไหม กูไม่ใช่มันกูจะรู้ป่ะ”
“เออไม่รู้ก็ไม่รู้ดิว่ะ กูถามเพราะว่ากูคิดว่ามันจะมาจีบมึง”
“มึงว่าอะไรนะไอ้แบคโฮ” เอ่อนี่คือผมไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหมเมื่อกี้ แล้วถ้าไอ้เด็กนั่นมันจะมาจีบผมจริง แล้วไอ้แบคโฮมันจะทำไมล่ะ
“กูคิดว่ามันจะมาจีบมึง”
“แล้วถ้าไอ้เด็กนั่นมันมาจีบกูจริง ๆ ล่ะ” ไอ้แบคโฮวันนี้เป็นบ้าอะไรอยู่ ๆ มาพูดอะไรแบบนี้
“กูจะเล่นมันให้หนักเลย”
“มึงจะไปทำอะไรเด็กนั่นได้ไง ถ้ามันมาจีบกูจริงก็ดีสิกูจะได้มีแฟนกับเค้าสักที”
“มึงจะไปเป็นแฟนกับใครไม่ได้ทั้งนั้นแหล่ะ”
“ทำไม ทำไมกูจะไปเป็นแฟนกับใครไม่ได้”
“เพราะมึงต้องเป็นแฟนกับกูไง”
“ห๊ะ! มึงพูดอะไรออกมาแบคโฮ มึงป่วยหรอ มึงบ้าไปแล้วหรอ” นี่มันคืออะไรอีกเนี่ย แบคโฮมาพูดอะไรแบบนี้ นี่จะมาแกล้งกันอีกแล้วใช่ไหม
“กูไม่ได้ป่วยแล้วก็ไม่ได้ไม่สบายด้วย โอเคนะกูปกติดี”
“แล้วที่มึงพูดเมื่อกี้อะไร เมื่อกี้มึงไปคุยอะไรกับเร็นมา มึงถึงเป็นแบบนี้ มึงต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ” ตกลงที่เห็นเมื่อกี้คืออะไร แบคโฮกับเร็นไปคุยอะไรกันแน่ ทำไมอยู่ ๆ แบคโฮมาพูดแบบนี้ เกิดอะไรขึ้น
“กูบอกแล้วไงกูปกติดี”
“ปกติบ้าอะไร ถ้ามึงปกติมึงคงไม่พูดแบบนั้นหรอก”
“แบบนั้นแบบไหน”
“ก็ที่.... มึงบอกว่า.... กูต้องเป็นแฟนมึงไง” ประโยคหลังอารอนพูดออกเบาด้วยเสียงเบาๆ คือจะให้พูดอย่างเต็มปากได้ไงล่ะ ก็สิ่งที่แบคโฮพูดเนี่ยมันจะจริงไหม
“ใช่มึงต้องเป็นแฟนกู”
“กูจะเป็นแฟนมึงได้ไง มึงไม่ได้ชอบกูสักหน่อย เราเป็นเพื่อนกันนะโว้ย” แบคโฮอย่ามาล้อเล่นกับกูแบบนี้นะ อย่าทำแบบไอ้เจอาร์สิ กับไอ้เจอาร์กูไม่ว่า แต่กับมึงนี่มันไม่เหมือนกัน เพราะกูชอบมึงจริง ๆ นะ
“มึงรู้ได้ไงว่ากูไม่ได้ชอบมึง กูชอบมึงมาก ชอบมานานแล้วรู้ไว้นะ”
“แบคโฮ มึงล้อกูเล่นใช่ป่ะ ไม่เอานะ กูไม่สนุกนะ กูว่าวันนี้มึงคงป่วยจริงว่ะ มึงควรไปพักนะ แล้วเดี๋ยวกูจะไป.... ไป..... เออไปก่อนนะ” พอพูดจบอารอนก็เดินหนีแบคโฮทันที ไม่ใช่ไม่ดีใจนะที่ได้ยินอีกคนพูดแบบนี้ แต่ตอนนี้มันทำอะไรไม่ถูก ความรู้สึกก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน
“เดี๋ยวมึงจะไปไหน มึงไม่ดีใจหรอ ที่กูชอบมึงอ่ะ กูชอบมึงมากนะ” แบคโฮไม่ได้ปล่อยให้อีกคนเดินจากไป เค้าจับมือของอารอนเอาไว้ไม่ให้อีกคนเดินจากไป พร้อมกับเดินเข้าไปให้ใกล้มากขึ้นกว่าเดิม
“กูชอบมึงจริงๆนะอารอน” แบคโฮเดินเข้ามาชิดกับร่างบางตรงหน้า แล้วค่อย ๆ โน้มตัวเข้าไปหาร่างบาง จากนั้นริมฝีปากหยักทาบทับไปที่ริมฝีปากบางอย่างแผ่วเบา เพื่อเป็นการบอกให้อีกคนรู้ว่าเค้าชอบคนตรงหน้านี่จริง ๆ
อารอนถลึงตาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะทำแบบนี้
แบคโฮ มึงทำอะไร นี่มึงจูบกูหรอ นี่มึงจูบกูอยู่หรอ มึงจูบกูหรอ....
เฮือก อารอนขอเป็นลมแปบ...
“เฮ้ย! ไอ้หมีเป็นอะไรไปว่ะ ตื่นสิ เฮ้ย! ไอ้หมี ตื่น...”
-ห้องพยาบาล-
“ตื่นแล้วหรอไอ้หมี นอนนานไปป่ะ”
แบคโฮเอ่ยทักทันทีที่เห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงเริ่มจะรู้สึกตัวขึ้นมาหลังจากที่หลับไปนาน เพราะว่าสาเหตุมาจากเค้าเอง
“ห๊ะ แล้วฉันมานอนที่นี่ได้ไงอ่ะ หลับไปนอนไหนไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
อารอนหันไปถามอีกคนอย่างงงๆ เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองมานอนอยู่ที่ห้องพยาบาลเรียบร้อย คือแบบว่าตอนนี้มันมึนๆงงๆจำอะไรก่อนหน้านี้ไม่ได้อ่ะ รู้ว่าเจอแบคโฮมาพูดอะไรไม่รู้แล้วก็วูบไป เอพูดอะไรว้า
“จำไม่ได้จริง ๆ หรอ ให้ช่วยเตือนความจำให้ไหม”
แบคโฮลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ข้างเตียง แล้วขึ้นไปนั่งบนเตียงข้างๆอารอนแทน แบคโฮคว้ามือคนตัวเล็กขึ้นมากุมเอาไว้
เมื่อมือของอีกคนจับมาที่มือของเค้า ภาพต่างๆก็ค่อยๆ กลับมาให้สมองภาพเรื่องราวที่พึ่งผ่านมาฉายซ้ำอีกครั้ง ที่แบคโฮบอกว่าชอบและก็ที่แบคโฮจูบเค้าหัวใจมันเต้นรัวจนแทบจะกระเด็นออกมาข้างนอก ทุกอย่างมันเร็วมากเร็วจนร่างกายรับไม่ไหวและก็ดับมืดลง
“คะ คือไม่ต้อง แต่ว่าฉันไม่ใช่ฝันไปหรอกหรอ” ถึงแม้จะนึกออกหมดทุกอย่างแล้ว แต่อารอนก็ยังแน่ใจอู่ดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันคือเรื่องจริงแน่ๆไม่ได้เป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น เพราะมันรวดเร็วเกินไป
“นึกออกแล้วหรอ อีกสักทีไหมจะได้ช่วยยืนยันว่ามันเรื่องจริงว่าแกไม่ได้ฝัน”
“ไม่ต้อง ตะ..แต่ว่าที่พูดว่าชอบหน่ะจริงหรอ”
อารอนถึงกับพูดตะกุกตะกักเมื่อแบคโฮบอกว่าจะช่วยยืนยันอีกครั้ง เมื่อนึกถึงที่แบคโฮจูบเค้าเพื่อยืนยันไปเมื่อกี้แล้วก็รู้สึกกลัวขึ้นมา แล้วก็รู้สึกใจเต้นแรงมากกว่าปรกติ คราวที่แล้วจูบแล้วสลบไปเลย คราวนี้จะไม่หัวใจวายไปเลยรึไงกันละโธ่ว เมื่อก่อนทำได้แค่แอบชอบ แล้วก็แกล้งกันแบบเพื่อน แม้จะอยู่ใกล้กันบ่อยเป็นปกติ แต่ตอนนั้นมันยังไม่รู้ว่าอีกคนก็ชอบตัวเองเหมือนกัน อยากจะบอกว่าตอนนี้ดีใจมากที่ไม่ได้คิดไปเองคนเดียวว่าแบคโฮเองก็แอบมีใจให้ แต่ว่าแบคโฮมาบอกกันแบบนี้มันก็ตั้งตัวและวางตัวไม่ถูกเหมือนกัน และก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอีกคนจะแค่มาแกล้งกันเล่นอีกมั้ย
“ก็จริงนะสิ ทำไมไม่เชื่อเหรอก็พิสูจน์ไปแล้วไง”
“ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย แกอาจจะแกล้งฉันเหมือนที่เคยก็ได้ใครจะไปรู้เล่า”
ถึงแม้แบคโฮจะบอกและยืนยันมาแล้วว่าชอบเค้า แต่อารอนก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดีว่าสิ่งที่แบคโฮบอกมานั้นมันจริงหรือไม่ เพราะแบคโฮชอบแกล้งเค้าเล่นอยู่เป็นประจำ แล้วถ้าคราวนี้เป็นแบบนั้นอีกเค้าก็ไม่อยากที่จะเสียใจและผิดหวัง แล้วอีกอย่างอารอนก็พึ่งเห็นแบคโฮจูบกับเร็นมาแล้วทำไมถึงจะมาบอกชอบเค้าแบบนี้ได้ล่ะ
“บอกว่าชอบก็ชอบดิ ถามมากจิงโว้ยเดี๋ยวจับปล้ำแม่ง”
แม่งไอ้นี่ก็ถามจริง นี่เริ่มยั้วแล้วนะ ถามอีกจับปล้ำแม่งจริงๆให้ตายเถอะ สงสัยจะแกล้งแหย่เล่นบ่อยไปหน่อยหรือว่านี่มันจะเป็นแบบนิทานพวกแกะดำอะไรงี้ป่าวว่ะ หลอกบ่อยเกินจนมาถึงเรื่องจริงแล้วกลับไม่เชื่อเนี่ย
“ไอ้บ้า! อย่านะเข้ามาถีบจริงๆด้วยเอ้า”
“เออไม่ทำหรอกหน่าไม่เห็นต้องดุนี่หว่า”
คือแบคโฮอยากจะขำหน้าตาของไอ้คนตัวเล็กตรงหน้านี่ตอนนี้จริงๆจะกลัวอะไรขนาดนั้น ก็แค่แกล้งเล่นเฉยๆ แต่ถ้าทำน่ารักแบบนี้บ่อยๆบอกตรงๆเลย จะไม่ทนเหมือนกันให้ตายเถอะ
“แล้วถ้าแกชอบฉันจริงทำไมแกต้องไปจูบกับเร็นด้วยล่ะ”
ด้วยความที่ว่าสงสัยอะไรก็ต้องถาม นี่แหล่ะสิ่งที่ควักอารอนเป็นก็ในเมื่อสงสัยเรื่องนี้ถ้าไม่ถามออกไปมันคงจะติดเป็นความอึดอัดและความสงสัยไปอีกนาน และไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วมันให้รู้เรื่องจะได้จบ ๆ ไปซักที
“จูบตอนไหน บ้ารึเปล่าฉันจะไปจูบไอ้เร็นมันได้ไง”
บอกตรงๆตอนนี้แบคโฮงงถึงที่สุดกับเร็นเนี่ยนะ คือว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยแล้วอารอนไปเอาที่ไหนมาพูดอีก รึว่าเร็นจะไปบอกอะไรกับอารอนอีกแล้ว
“ก็ตอนที่แกไปคุยกันสองคนที่หลังโรงเรียน”
ก็ไม่ได้คิดมากไปเองซะหน่อย แล้วตอนที่เห็นก็ไม่ได้เห็นแค่คนเดียวมินฮยอนก็อยู่ด้วย แล้วก็ยังได้ยินอะไรที่บอกว่าชอบ ๆ กันอีก อย่างงี้เรียกเข้าใจผิดไปเองหรือไง
“เลอะเทอะหน่าไอ้หมี ตั้งแต่เร็นมาเรียนที่นี่ฉันคุยกับมันเกิน 30 ประโยคป่ะแล้วฉันจะไปจูบกับมันทำไม ฉันไม่ได้ชอบมันสักหน่อย แกไปเอาเรื่องนี้มาจากไหนเนี่ย”
มันเป็นเรื่องจริงที่ว่าตลอดเวลาหลายเดือนมานี้นับตั้งแต่เร็นย้ายมาเรียนอยู่ที่เดียวกับพวกเค้า แบคโฮกับเร็นก็ไม่ค่อยได้พูดอะไรกันอย่างสนิทสนมมากเท่าไหร่ จะมีก็คุยเรื่องงานที่ต้องทำ แล้วก็แค่นิดๆหน่อยๆแค่นั้น ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยว่าเค้าจะไปทำอะไรเร็นแล้วก็ชอบเร็นได้เลย ไม่มีทางจริง ๆ
“ก็ฉันเห็นแกกับเร็นทำแบบนั้นจริง ๆ นี่หว่า ไอ้มินฮยอนก็เห็น แล้วก็ยังมีอะไรบอกว่าชอบๆ อะไรกันอีกอ่ะ”
“ฉันว่าแกสองคนโดนมุมกล้องเล่งงานแล้วล่ะ แล้วไอ้เรื่องได้ยินอะไรชอบ ๆ เนี่ยนายคงได้ยินนั้นใช่ไหม จำไว้นะอารอนคนที่ฉันชอบก็มีแกคนเดียวฉันไม่ไปทำอย่างงั้นกับคนอื่นหรอกโอเคนะ”
“อ่ะ เอ่อ.. ถ้างั้นแล้วแกไปคุยอะไรกับเร็นมาล่ะ”
“อ๋อ คือเรื่องนั้นอ่ะนะมันมีอยู่ว่า..”
“เร็นทำไมถึงทำแบบนั้น”
“แบบนั้น มันแบบไหนล่ะ”
“ก็เมื่อวานฉันเป็นคนไปส่งอารอนเอง นายก็รู้ไม่ใช่หรอเพราะนายเป็นคนบอกให้ฉันไปส่งเอง แล้วทำไมนายถึงไปอยู่ในห้องอารอนได้ นายเข้าไปได้ยังไง นายรู้ที่อยู่ของอารอนได้ยังไง”
“แล้วนายจะมาเดือดร้อนอะไรด้วย นายไม่ได้ชอบอารอนสักหน่อย แล้วอีกอย่างฉันไม่มีทางทำร้ายอารอนหรอกอย่าเป็นห่วงไปเลย”
“หมายความว่าไง”
“ก็หมายความว่าฉันชอบอารอน แล้วฉันจะทำให้อารอนตัดใจจากนายให้ได้ไง”
“นายหมายความว่าไง ที่ว่าอารอนชอบฉัน”
“ก็หมายความตามที่พูด อารอนแอบชอบนายอยู่แล้วในเมื่อนายเป็นคนบอกเองว่าไม่ได้คิดอะไรกับอารอนฉันก็ทำให้อารอนตัดใจจากนายแล้วมารักกับฉันไง นายรู้อะไรไหมฉันตามหาอารอนมานานแค่ไหน จนวันนี้ฉันเจอเค้าแล้ว ทุกอย่างมันคือแผนการทั้งหมด ทั้งที่ถามนายแล้วนายก็บอกเองว่าไม่ได้ชอบอารอน ฉันหน่ะตั้งใจให้อารอนได้ยินกับหูของตัวเองว่านายไม่ได้ชอบอารอนจริงๆ ฉันตั้งใจหลอกให้นายไปส่งอารอนแล้วฉันก็ตามไปห่างๆ นายเข้าใจรึยังล่ะ”
“อ๋อทั้งหมดนี่แผนของนายเองหรอ”
“ใช่ แต่ว่าแบคโฮฉันหน่ะไม่ชอบแย่งคนรักของคนอื่นหรอกนะ”
“นายหมายความว่าไง”
“เมื่อวานตอนที่ฉันเห็นนายไปส่งอารอน ฉันก็รู้แล้วล่ะว่านายหน่ะก็ชอบอารอนเหมือนกัน ในเมื่อนายก็ชอบอารอนและอารอนเองก็ชอบนาย นายควรไปบอกอารอนซะนะก่อนจะมีคนอื่นแย่งไปรับประทาน”
“เรื่องมันก็เป็นอย่างงี้แหล่ะ”
“จริงหรอที่แกบอกว่าเร็นชอบฉัน แล้วทั้งหมดมันคือแผนของเร็น นี่เร็นก็ชอบฉันด้วยหรอ บ้าจัง” อารอนเห็นไปถามแบคโฮด้วยความสงสัยและก็แปลกใจที่แบคโฮบอกว่าเร็นชอบเค้าจริง
“หมายความว่าไง”
“อ๋อก็ที่แกมาบอกชอบฉันเนี่ยเพราะเร็นบอกให้มาใช่ไหม”
“ก็ใช่ไงฉันไม่เถียง แล้วนี่แกรู้รึเปล่าว่ามินฮยอนก็ชอบแกเหมือนกัน”
“แกรู้ด้วยหรอแบคโฮ" อารอนโพร่งถามอีกคนด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าอีกคนจะรู้เรื่องนี้
“ก็รู้สิมีแต่แกนั่นแหล่ะที่ไม่รู้อะไรเลยคนเดียว"
“ฉันหรอฉันไม่รู้อะไรเลยคนเดียวหรอ แล้วแกล่ะรู้อะไรบ้างรึเปล่า” ถ้ารู้จริงทำเรื่องที่ฉันแอบชอบแกแกถึงไม่รู้เล่า ต้องให้คนอื่นมาบอกมันน่าน้อยใจจริงๆไอ้แบคโฮบ้า
“แล้วจะให้รู้เรื่องอะไรล่ะ”
“เออช่างมันเถอะ” อารอนตัดบทเพราะไม่อยากจะพูดแล้ว พร้อมกับลุกขึ้นจากเตียงทันที
“จะไปไหน”
“ไปเรียนไง”
“เรียนอะไรนี่มันเลิกแล้ว แกนะหลับไปตั้งนาน”
“พูดเป็นเล่น”
“อ่ะดูเอา” แบคโฮจับมือของอารอนที่ใส่นาฬิกาอยู่แล้วแล้วยกขึ้นไปไว้ที่หน้าของอีกคนเพื่อที่จะให้ได้ดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือของตัวเอง
“เออจริงด้วย ฉันหลับไปนานขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย"
“ก็ว่าอยู่ทีแรกก็นึกว่าจะนอนจนถึงพรุ่งนี้ซะและ”
“ตุ๊บ!” เสียงกำปั้นน้อยๆจากอารอนที่ส่งตรงไปยังแขนของแบคโฮอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้บวกกับความเขินที่ก่อตัวขึ้นอีกระรอก ก็สาเหตุที่เค้าต้องมานอนอยู่ที่นี่ก็เพราะใครกันล่ะ “หุบปากไปเลยไอ้อ้วน แกแหล่ะทำให้ฉันต้องมานอนอยู่ที่นี่”
“ขอโทษ”
แบคโฮเอ่ยคำขอโทษอีกครั้ง เพราะสาเหตุที่ทำให้อารอนมานอนอยู่ที่นี่ก็เป็นเพราะเค้าจริงๆนั่นแหล่ะ บอกตรง ๆ ตอนที่เห็นอีกคนเป็นลมไปต่อหน้าแบคโฮก็แทบจะทำอะไรไม่ถูก ทั้งรู้สึกผิด ทั้งรู้สึกกลัว กลัวว่าถ้าอารอนตื่นขึ้นมาแล้วทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิดแล้วอารอนจะเกลียดเค้า เค้าก็ทนไม่ได้เหมือน แต่มาถึงตอนนี้ก็แน่ใจแล้วจะนะว่าอารอนคงจะไม่โกรธ แบบนี้แสดงว่าอารอนเองก็ต้องชอบเราจริงๆใช่ไหมนะ
“แล้วจะไปไหนอีกละ” แบคโฮถามด้วยความสงสัยเมื่ออีกคนลุกขึ้นไปจากเตียง ก็ในเมื่อรู้แล้วว่าเลิกเย็นแล้วยังจะไปไหนอีกล่ะ
“เลิกเรียนแล้วก็กลับบ้านดิ ถามแปลกๆ” ไอ้นี่ก็ถามแปลกเกิ๊นเลิกเรียนแล้วก็กลับบ้านสิ จะให้ตั้งสัมมโนครัวอยู่ที่ห้องพยาบาลนี่รึไง
“ฉันไปส่งนะ”
“ไม่ต้องหรอกกลับเองได้”
“แต่ว่ากระเป๋าแกอยู่กับฉันนะไอ้หมี”
“เฮ้ย!เอามาเดี๋ยวนี้นะ”
เมื่อเห็นว่ากระเป๋าของตัวเองอยู่กับแบคโฮอารอนก็กระโดดคว้าทันที แต่ก็ไม่ทันเพราะแบคโฮยกกระเป๋าขึ้นไว้เหนือศรีษะซะแล้ว จากความสูงแล้วนั้นจึงทำให้อารอนเอื้อมไม่ถึง แม่งเอ้ยไอ้แบคโฮอย่าให้สูงบ้างนะ กลับไปบ้านกูจะกินนมแม่งวันละสิบกล่องเลยคอยดู ใช้ความสูงเอาเปรียนกูตลอด
“ไม่ให้ก็บอกแล้วไงว่าจะไปส่ง”
“บอกว่าไม่ต้อง!” อารอนบอกพร้อมกระทืบเท้าของแบคโฮอย่างแรง เพื่อที่จะให้แบคโฮปล่อยกระเป๋าเค้าลง แต่ก็ไม่สำเร็จ
“โอ้ย! แม่งไอ้หมีเล่นแรงว่ะ”
“ไม่อยากเจ็บตัวก็ปล่อยสักทีเด่ะกระเป๋าเนี่ย”
คนที่โดนกระทืบอย่างแรงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บ แต่แม้ว่าจะเจ็บมือก็ยังจับกระเป๋าของอีกคนไว้แน่นไม่ยอมปล่อยอยู่ดี ส่วนคนตัวเล็กก็ออกแรงดึงกระเป๋าตัวเองออกจากมือของอีกคน แต่แบคโฮก็ไม่ยอมปล่อยสัก
“ไม่ปล่อย”
“เออตามใจ”
อารอนพูดพร้อมกับปล่อยกระเป๋าตัวเองทิ้งก่อนจะเดินออกไป ปล่อยทิ้งไว้แต่แบคโฮที่ยังยืนงงอยู่ที่เดิม เออแม่งในเมื่ออยากถือก็ถือไปถือให้ได้ตลอดนะ ถ้าวันไหนปล่อยให้หลุดมือแล้วไม่ยิมถือล่ะก็ตายแน่ไอ้แบคโฮ
“เอ้าแล้วยืนเป็นหมูงงอยู่ได้ไหนบอกว่าจะไปส่ง รีบตามมะเด่ะ หรือถ้าไม่ไปแล้วแกก็แบกกระเป๋าฉันกลับบ้านไปด้วย แล้วพรุ่งนี้ก็แบกมาให้ฉันด้วยแล้วกัน”
“เอ้ย! รอด้วยดิ”
อารอนเดินออกมาก่อนแล้วหันไปบอกอีกคนที่อยู่ในห้องที่ตอนนี้ยืนงงเป็นอะไรไปแล้วก่อนที่จะเดินนำออกไปก่อน ส่วนพอแบคโฮตั้งสติแล้วก็เลยรีบตามแบคโฮไป
“อารอน”
หลังจากที่เดินตามอารอนเงียบๆมาจนพ้นจากประตูโรงเรียน แบคโฮก็พร้มที่จะคุยกับอีกคนอย่างจริงจังสักที
“อะไร”
“แกโกรธฉันรึเปล่า”
“แล้วคิดว่าโกรธไหมล่ะ”
“แล้วถ้างั้นแกชอบฉันไหม"
“แกคิดว่าแกรู้ทุกเรื่องรึเปล่า ถ้าคิดว่ารู้ทุกเรื่องนายก็ลองคิดเอาสิ เร็นก็บอกนายไปแล้ว”
“งั้นก็ชอบใช่ไหม”
“งั้นมั้ง ลองไปถามไอ้เจอาร์ดูสิมันรู้ทุกเรื่องอยู่แล้ว”
“ไปถามมาแล้ว”
“แล้วมันบอกว่าไง”
“มันไม่ยอมบอก มันบอกให้มาถามแกเอง”
“งั้นหรอ แล้วที่เร็นบอกไม่เชื่อหรอ”
“ใครจะไปรู้เร็นอาจจะหลอกให้ฉันทำอะไรแบบนี้เพื่อให้แกเกลียดฉันก็ได้”
“นี่ขนาดไม่เชื่อนะเนี่ยยังกล้าทำขนาดนี้เลยนะ แบคโฮไอ้เสือบ้าเอ้ย นี่ถ้าฉันโกรธแล้วเกลียดนายจริง ๆ ขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ”
“ไม่รู้อันนั้นไม่ได้คิด คือตอนนั้นอารมณ์มันพาไป แต่ตอนนี้มันก็ไม่ได้เป็นอย่างงั้นไม่ใช่รึไง”
“ทีหลังหัดคิดอะไรเผื่อไว้มั้งก็ดีนะ"
“แล้วตกลงนี่แกชอบฉันไหมอารอน”
“นี่ยังจะให้พูดอีกหรอ” ไอ้แบคโฮไอ้บ้านี่ยังจะให้พูดอีกหรอแค่นี่ก็จะทำตัวไม่ถูกอยู่แล้วนะ
หลังจากที่แบคโฮเดินตามและถามคำถามอารอนอยู่นาน เมื่อได้ยินคำตอบของอีกคนที่ทำให้แบคโฮแน่ใจแล้วว่าอารอนไม่ได้โกรธอะไรจริงๆ แบคโฮก็เปลี่ยนมาเดินอยู่ข้างๆ อารอนแทนแล้วก็คว้ามือนุ่มของอีกคนมาจับไว้
“อ๊ะ! อะไรเนี่ยแบคโฮ”
อารอนพูดพรางก้มมองมือของอีกคนจับมือเค้าอยู่ แล้วพยายามดึงออกมา ไม่ใช่รู้สึกไม่พอใจที่อีกคนมาจับมือเค้าเอาไว้ แต่ความรู้สึกตอนนี้มันตื่นเต้นแทบจะบ้าอยู่แล้วไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาจับมือกันแบบนี้ ไม่เคยคิดเลยจริงๆ
“รู้ไหมอยากทำมานานแล้วนะแบบนี้ เมื่อก่อนฉันหน่ะไม่กล้าหรอก กลัวแกจะรู้ว่าฉันแอบคิดกับแกมากกว่าเพื่อนแล้วแกก็จะเกลียดฉัน ต้องขอบใจเร็นสินะที่ทำให้ฉันกล้าพูดแบบนี้”
แบคโฮพูดประโยคที่อยากจะบอกอีกคนออกไปพร้อมกระกับกระชับมือหนาของตนที่จับมือเล็กไว้ให้แน่นขึ้นไปอีก แม้อีกคนจะพยายามดึงออกแต่เค้าก็จะไม่ยอมปล่อยโอกาสนี้ไปง่ายๆหรอก
“แล้วเมื่อก่อนรออะไรอยู่ทำไมไม่กล้า ฉันก็รอให้แกทำแบบนี้มานานแล้วนะ”
ประโยคหลังที่อารอนพูดออกแค่เพียงแผ่วเบาเท่านั้นไม่ได้หวังให้อีกคนได้ยิน แต่เพียงแค่อยากพูดมันออก คำที่อยากพูดมานาน แม้ว่าอารอนจะพูดเบาๆแต่มันก็พอที่จะทำให้แบคโฮได้ยิน แบคโฮค่อยๆขยับมือหนาของตนเปลี่ยนจากการจับมือกันแค่เพียงธรรมดา ให้นิ้วเรียวเปลี่ยนไปสอดประสานกับนิ้วเรียวจากมือนุ่มของอีกคนแทน ให้ความรู้สึกส่งผ่านถึงกันมากยิ่งขึ้น ให้มือทิ้งสองสอดประสานกันให้แน่นยิ่งขึ้น เพื่อทดแทนสิ่งที่รอมานาน
ทำไมแบคโฮจะไม่รู้ว่าอารอนถึงแม้บางทีก็ดูเปิดเผยร่าเริง ตรงไปตรงมา แต่ในบางทีอารอนก็อายหรือไม่กล้าที่จะแสดงออกในบางเรื่องเหมือนกัน แล้วยิ่งเป็นเรื่องของความรักแล้วล่ะก็ อารอนยิ่งไม่ค่อยเปิดเผยมันออกมา ทำไมแบคโฮจะไม่รู้ว่าอารอนอาจจะมีความรู้สึกอะไรกับตัวเองที่มากกว่าเพื่อน แต่ด้วยความที่อารอนเป็นแบบนี้แบคโฮเองจึงไม่กล้าที่จะไปสารภาพรักกับอารอนด้วยเหมือนกัน
“นี่ถึงแล้ว”
เมื่อมาถึงหน้าห้องอารอนก็เอ่ยเรียกคน พร้อมขยับมือเล็กของตัวเล็กเบาให้อีกคนที่เนียนจับมือเค้ามาตั้งแรกจนมาถึงหน้าห้องแล้วก็ไม่ยอมปล่อยสักทีให้รู้ตัว
“ห๊ะหรอ อ่ะนี่กระเป๋า”
“อืมขอบใจนะที่มาส่ง แล้วก็.....มือหน่ะปล่อยได้รึยัง” อารอนพูดพร้อมกับยกมือของตัวเองที่แบคโฮกำไว้แน่นไม่ยอมปล่อยขึ้นมา เนียนเลยนะแกนะ
“เออ...เกือบลืมแหน่ะจับแล้วเพลินเลยก็มันนิ่มขนาดนี้นี่นะ แถมหอมอีกต่าง *จุ๊บ* ”
“เอ้ยไอ้บ้าลามปามนะ กลับไปเลยไป”
จะบอกว่าเนียนจับมือไม่ยอมปล่อยก็ได้ แบคโฮยอมรับก็นี่เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกเลยที่แบคโฮกับอารอนได้จับมือกันแบบนี้ แล้วใครจะยอมปล่อยง่ายๆ แถมยังดังมือของอีกคนมาจุ๊บอย่างถือวิสาสะอีกต่างหาก จนอารอนเองที่ดึงมือออกมาเองด้วยความตกใจ
“กลับก็ได้ พรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียนนะ แล้วก็คืนนี้หลับฝันดีนะฝันเห็นฉันด้วยล่ะ”
“ฝันเห็นแกก็ฝันร้ายอ่ะดิ จะกลับก็ไปสักทีสิ”
ก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะฝันเห็นจริงๆ แต่ว่าตอนนี้จะให้พูดแบบไหนออกไปล่ะแค่นี้ก็เขินจนตัวจะระเบิดอยู่แล้ว ก็เลยได้แต่พูดแบบนั้นแล้วไล่อีกคนให้กลับไปโดยไว
“แกก็เข้าห้องไปก่อนดิแล้วฉันจะกลับ” แบคโฮพูดพร้อมกับเปิดประตูห้องให้อีกคนเข้าไป
“เรื่องมากจริง โว๊ะ!” แม้จะพูดแบบนี้แต่ก็เข้าห้องไปตามคำบอกของอีกคนอย่างไม่รั้งรอ ก็แล้วจะให้รออะไรล่ะ ตอนนี้อยากแยกจากแบคโฮใจจะขาดอยู่แล้วนี่นา ขืนอยู่นานกว่านี้ต้องหัวใจวายแน่ๆ
“ก็เป็นห่วง แล้วก็อย่าลืมปิดประตูล็อกห้องดีๆล่ะ เดี๋ยวมีใครแอบเข้าไปอีก”
“รู้แล้ว” คำพูดของแบคโฮเพื่อนสนิทที่ตอนนี้อาจจะเป็นมากกว่าเพื่อนแล้วก็ได้ยิ่งทำให้อุณหภูมิบนหน้าของคนตัวเล็กร้อนมากขึ้นไปกว่าเดิมอีก โอ้ยแบคโฮนี่จะเอาให้ตายกันไปข้างนึงเลยใช่ไหม
แต่......ยังไม่ทันที่ประตูห้องของอารอนจะปิดสนิทดี แบคโฮก็เอามือมาดันประตูห้องของอารอนเอาไว้ซะก่อน
“เดี๋ยวก่อนนะอารอน”
“มีอะไรอีกล่ะ”
“ฉันลืมอะไรไปอย่างนึง”
“ลืมอะไรอีก” อารอนมองหน้าอีกคนด้วยความสงสัย ที่บอกว่าลืมนี่ลืมอะไรอีกนะ หรือว่ามีแผนจะทำอะไร
“มานี่..... ยื่นหน้ามาใกล้ๆหน่อย” แบคโฮเรียกอีกคนให้เขยิบออกมายืนใกล้เค้า ก่อนที่จะยกนิ้วเรียวขยับเรียกให้อีกคนให้ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ
“อะไรว่ะ แม่งยุ่งยากจังจะกลับก็ไม่กลับ” การกระทำของแบคโฮทำให้อารอนทั้งสงสัย และกลัวในเวลาเดียวกัน กลัวว่าอีกจะแกล้งอะไรอีก แต่ก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อตัดปัญหาแบคโฮจะได้กลับไปสักที เพราะตอนนี้ก็เขินจะแย่อยู่แล้ว
*จุ๊บ*
“เอ้ยไอ้แบคโฮเอาอีกแล้วนะ แม่ง..”
ปัง!
พออารอนทำตามที่แบคโฮบอกยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆแล้ว แบคโฮก็ขโมยหอมแก้มคนตัวเล็กไปหนึ่งที่ แล้วอารอนก็ตกใจที่อีกคนอยู่มาหอมแก้มแล้วปิดประตูหนีเข้าห้องไปเลย
“แม่งเอ้ย ลามปามตลอดไอ้อ้วนบ้า ไอ้อ้วนฉวยโอกาส"
“ก๊อกๆๆ นี่อย่าลืมฝันถึงฉันด้วยล่ะ”
“จะไปไหนก็ไปเลยไปไอ้อ้วนบ้า”
แม่งเอ้ยพอได้โอกาสก็เอาใหญ่เลย แกล้งกูตลอดๆรู้ใช่ไหมล่ะว่ากูเขิน คบเป็นเพื่อนกันมานานแอบชอบมาตลอด แต่ทำอย่างงี้กูยังไม่ชินนะโว้ย ขอเวลาปรับตัวให้กูสักนิดเถอะแบคโฮ ตอนนี้อย่าพึ่งมากไปกว่านี้เลย ถึงกูจะแอบชอบมึงมานานแต่กูก็ยังชินกับการที่เป็นเพื่อนกันอยู่นะ จะมาแบบปุบปับแบบนี้ทำตัวไม่ถูกโว้ย ตกลงนี่คิดถูกรึคิดผิดเนี่ยที่ยอมให้ขนาดนี้เนี่ย แต่ว่าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วนี่เนอะ ก็นี่หน่ะมันคือสิ่งที่เราต้องการไม่ใช่หรอ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“โว๊ะ อะไรอีกว่ะ อะ ไอ้.... อ่าว...นายเองหรอ”
---------------------------------------------------------------
ถ้ามีอะไรผิดพลาดไปก็อภัยด้วยนะคะ
ตอนที่เหลือคือตอนสุดท้าย จะพยายามทำให้เสร็จเร็วที่สุดค่ะ
ความคิดเห็น