ตอนที่ 3 : STOP {02} ◀ มนุษย์ล่องหน. {100%}
2
.
.
มนุษย์ล่องหน
-บ้านสุริยะ-
-22.37 น.-
ฉันเดินวนไปวนมาอยู่ที่สระว่ายน้ำหลังบ้านเป็นรอบที่ร้อย ใจนึงมันก็ดีใจที่ในที่สุดก็ได้เจอพี่เมฆสักที แต่อีกใจก็เจ็บ เจ็บที่เขาใช้คำพูดร้ายๆทำร้ายจิตใจกัน เจ็บที่เขาใช้สายตาเย็นชานั่นมองฉัน เจ็บที่ระยะเวลาหกปีที่ผ่านมามันไม่ได้ทำให้เขาเปลี่ยนใจได้เลย
เขายังคงยืนยันหนักแน่นเหลือเกินว่ายังไงระหว่างฉันกับเขามันก็เป็นไปไม่ได้อย่างที่เขาเคยพูดไว้จริงๆ หนักแน่นจนฉันแทบจะไม่เหลือความหวังตรงไหนอีกแล้ว
“มายืนทำอะไรตรงนี้คนเดียวล่ะลูก?”
“หมอกนอนไม่หลับอะค่ะคุณพ่อ” คุณพ่อหรือคุณเมธา เป็นเจ้าของบริษัท เอ็มเอ็มสกาย แอร์ไลน์ (mm-sky airline) บริษัทสายการบินรายใหญ่ของประเทศ แต่ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรถึงขั้นติดท็อปอันดับต้นๆหรอก แต่ก็ใหญ่พอจะมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของหลายๆประเทศ ส่วนตัวเอ็มสองตัวในชื่อบริษัทก็ย่อมาจากชื่อลูกๆของเจ้าของบริษัท ก็คือชื่อฉันกับพี่เมฆนั่นเอง
จะบอกว่าเป็นลูกๆก็ไม่เชิง เพราะฉันกับพี่เมฆเราไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ แค่มีพ่อคนเดียวกันก็เท่านั้น แถมคุณพ่อยังเคยบอกอีกว่า พี่เมฆเป็นลูกติดมาจากฝั่งแม่พี่เมฆ ดังนั้นเขาก็เลยไม่ใช่ลูกของคุณพ่อ เราสองคนเลยไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน ฉันเลยคิดมาตลอดว่ายังไงเราก็รักกันได้
ส่วนบรรดาแม่ๆ ทั้งแม่ของฉันกับแม่ของพี่เมฆ ท่านเสียแล้วทั้งคู่ เราก็เลยเหลือกันแค่สามคนพ่อลูกมาตั้งแต่เด็กๆ
“มีเรื่องอะไรรึเปล่า?” เสียงนุ่มๆที่ฟังกี่ครั้งก็อุ่นใจทุกทีของคุณพ่อถามฉันเบาๆพลางถอดเสื้อคลุมของตัวเองแล้วเอามาคลุมให้ฉันเพราะอากาศข้างนอกเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ ฉันชอบเสียงของคุณพ่อมาก ตอนเด็กๆเลยถึงขั้นต้องให้เล่านิทานก่อนนอนให้ฟังแทบทุกคืน แต่ชอบรองมาจากพี่เมฆนะ ก็รายนั้นน่ะ แค่นอนมองหน้าก็ทำให้ฝันดีแล้ว
“วันนี้หมอกเจอพี่เมฆ” ฉันเดินไปนั่งที่เก้าอี้เอนริมสระน้ำโดยมีคุณพ่อเดินตามมาห่างๆแล้วนั่งลงข้างๆกัน กับคุณพ่อฉันยังคงใช้ชื่อหมอกเหมือนเดิม เพราะยังไงชื่อนี้คุณพ่อก็เป็นคนตั้งให้ แถมยังตั้งให้คู่กับชื่อพี่เมฆด้วย ฉันเลยชอบชื่อนี้มากกว่ามินิทอะไรนั่นซะอีก
ถ้าถามว่าชื่อมินิทมายังไง คำตอบก็คงมาจากเวลาที่ฉันใช้รอพี่เมฆนั่นล่ะมั้ง เพราะกว่าจะผ่านไปแต่ละนาทีมันยาวนานมากเหลือเกิน ตั้งแต่ตอนที่พี่เมฆหายไปฉันเลยเปลี่ยนมันทุกอย่าง จนกว่าจะกลายเป็นคนใหม่ คนที่พี่เมฆสามารถจะรักได้ เปลี่ยนตั้งแต่ย้อมสีผมจากสีน้ำตาลอ่อนธรรมชาติให้กลายเป็นสีแดง เปลี่ยนชื่อเล่น ชื่อจริง นี่ถ้าคุณพ่อไม่ห้ามไว้ซะก่อนคงได้ลามไปเปลี่ยนนามสกุลด้วยแล้ว
และอย่างสุดท้ายที่ฉันเปลี่ยน คือเปลี่ยนตัวเอง จากเด็กร่าเริง ไร้เดียงสา แถมยังยิ้มแย้มอยู่เสมอ กลายเป็นโตขึ้น พยายามทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่แล้วทิ้งคราบเด็กน้อยขี้แยในอดีตให้หมด แต่แล้วสิ่งที่พยายามทำมาทั้งหมดมันก็…
เปล่าประโยชน์
“แล้วพี่เมฆเขาว่าไง?”
“พี่เมฆ…” ฉันกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆก่อนจะฝืนพูดมันออกไป พอๆกับที่น้ำในตามันกำลังจะรื้นขึ้นมาคลอเบ้า ถึงจะเคยโดนปฏิเสธใส่ไปแล้วรอบนึงก็เถอะ แต่ไม่รู้ทำไมมันถึงยังไม่ชินสักที
“…”
“บอกว่าไม่ชอบหมอก”
“…”
“อีกแล้ว ฮึก” พอได้ยินเสียงฉันสะอื้น คุณพ่อเลยดันหัวฉันให้ไปซบอกแล้วลูบที่ผมฉันไปมาเบาๆ เหมือนต้องการจะปลอบให้ฉันหยุดร้อง
“…”
“แล้วแบบนี้หมอกจะลงทุนเปลี่ยนชื่อไปเพื่ออะไรอ่ะคะคุณพ่อ ฮึก”
“…”
“ในเมื่อต่อให้พยายามต่อให้เปลี่ยนอะไรแค่ไหน พี่เมฆก็ไม่รักหมอกอยู่ดี ฮึก แล้วแบบนี้หมอกทำเพื่ออะไร หมอกทำไปทำไม!!”
“…”
“ฮือออ”
“ไม่เป็นไรนะลูก ไม่เป็นไร”
ฉันนั่งฟูมฟายอยู่กับอกคุณพ่อเกือบครึ่งชั่วโมงถึงจะค่อยๆสงบลง คุณพ่อเลยพาร่างที่เหมือนไร้วิญญาณเดินกลับมาส่งถึงห้องนอน พาฉันเข้านอนแล้วจัดแจงห่มผ้าให้เหมือนเด็กๆ
คุณพ่อออกไปแล้ว เหลือแต่ฉันที่ยังคงนอนเหม่อไม่ได้ขยับไปไหน เพราะในหัวมันมีแต่เรื่องผู้ชายคนนั้น จะข่มตาหลับหน้าเขาก็ลอยเข้ามาพร้อมกับเสียงเย็นๆที่เอาแต่พูดว่าไม่ชอบฉันดังก้องอยู่ในหัว พาลให้ฉันต้องยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงแล้วปล่อยน้ำตาให้ไหลลงเลอะปลอกหมอนอย่างห้ามไม่อยู่ ในห้องเลยมีแต่เสียงสะอึกสะอื้นดังอุดอู้อยู่อย่างนั้นแทบจะทั้งคืน
----------------------------------Time Stop-------------------------------------
-07.41 น.-
“หมอกไปเรียนก่อนนะคะ” ฉันโผล่หน้าไปบอกคุณพ่อในห้องทำงานก่อนจะเดินหมดอาลัยตายอยากออกมาหน้าบ้าน แล้วควานหากุญแจรถในกระเป๋า
“ไม่กินอะไรก่อนหรอหมอก”
“ไม่อ่ะค่ะ กินไม่ลง” ฉันทำหน้างอแล้วตอบคุณพ่อเสียงแผ่วๆ แล้วหากุญแจรถเจอพอดีเลยหยิบขึ้นมากดรีโมตเปิดประตูรถ แต่ก็ต้องถือค้างไว้กลางอากาศเพราะประโยคถัดมาของคุณพ่อ
“เย็นนี้ชวนพี่เมฆมากินข้าวที่บ้านเราสิ”
“คุณพ่อ?”
“ทำไมล่ะ ไม่ดีหรอ?”
“พี่เมฆไม่มาหรอกค่ะ แค่หน้าหมอกเขายังไม่อยากจะมองเลย” ฉันตอบเสียงนอยด์ๆแล้วก้าวขึ้นรถ ปิดประตูดังปึงก่อนจะลดกระจกฝั่งคนขับลงเพื่อจะคุยกับคุณพ่อต่อ
“งั้น…บอกว่าพ่อมีเรื่องจะคุยด้วย”
“แต่…”
“เขาไม่เคยขัดใจพ่อ เราก็รู้” คุณพ่อส่งยิ้มกรุ้มกริ้มพลางยักคิ้วข้างนึงให้ฉัน คุณพ่อเข้าข้างฉันและคอยช่วยเรื่องพี่เมฆมาตลอด เพราะเขารู้ดีกว่าใครว่าฉันรู้สึกกับพี่เมฆแค่ไหน เพราะงั้นครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน คงเห็นฉันเครียดๆก็เลยหาทางช่วย นั่นเลยทำให้ฉันยิ้มออกแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มพ่อสื่อจอมแผนการหนึ่งทีก่อนจะบึ่งรถไปมออย่างไว
----------------------------------Time Stop-------------------------------------
-Tempo U.-
-08.11 น.-
Rrrrrrrrrrrr~
(มินิททททท)
“ว่า?”
(ช่วยฉันหน่อยดิแก) ยัยศรออดอ้อนทันทีที่ฉันรับโทรศัพท์ ถ้าให้เดาคงไม่พ้นเรื่องเดิมแน่ๆ -_-
“นี่ยังไม่ทันเจอหน้าก็จะใช้งานกันแต่เช้าเลยรึไง?”
(น่านะ นะๆๆ)
“แกนี่มัน…” ฉันบ่นอุบพลางเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่หน้าคณะพอดี “แล้วจะให้ช่วยอะไร?”
(ฉันทำขนมมา เลยจะฝากให้แกเอาไปให้พี่เมฆให้หน่อยอ่ะ) ลูกศรชอบทำขนมมากแถมยังทำอร่อยด้วย ถ้าขึ้นชื่อว่าเป็นขนม นางทำเป็นหมด ขอให้บอกเถอะ
“แล้วทำไมแกไม่เอาไปให้เอง?”
(ฉันติดซ้อมหลีดงายยย ไม่งั้นฉันก็ไปเองแล้วป่ะ นี่อยากเจอพี่เมฆใจจะขาดดดดดด TT ) ลูกศรอธิบายยาวยืดด้วยเสียงโหยหวนอย่างกับจะขาดใจของจริง -_-
“ว่างตอนไหนแกค่อยไปเองไม่ได้รึไง?”
(ขนมมันทิ้งไว้นานๆได้ที่ไหนล่ะ บูดกันพอดี)
“เห็นฉันเป็นเบ๊แกรึไง?”
(ไม่ใช้แกแล้วจะให้ฉันใช้ใครวะ หรือจะให้ใช้ทีก้า ให้มันเอาขนมไปให้ผู้ชายงี้? ภาพมันจะไม่ออกมาแปลกๆรึไงหะ?)
“เออๆ เดี๋ยวเอาไปให้ แล้วตอนนี้อยู่ไหน?”
(ลานกว้างตึกแพทย์)
ฉันลงจากรถแล้วเดินดุ่มๆไปที่จุดนัด ยัยลูกศรเห็นหน้าฉันเลยรีบยัดถุงขนมสีน่ารักใส่มือแล้วเตรียมจะวิ่งสี่คูณร้อยไปซ้อมเชียร์ทันที
“เดี๋ยวศร”
“หะ?”
“ฉันว่า…พี่เมฆเขาคงไม่ชอบขนมหรอกมั้ง” ก็ตั้งแต่เด็กๆแล้ว เขาไม่เคยแตะของที่เรียกว่าขนมหวานเลยสักครั้ง คงไม่ชอบจริงๆอ่ะ ไม่ชอบจนฉันยังแอบนึกว่าเป็นโรคกลัวน้ำตาลรึเปล่าเลย -__-
“ทำไมอ่ะ แกรู้ได้ไง?”
“ไม่รู้อ่ะ เดาเอา” แหงล่ะ จะให้บอกว่า อ๋อรู้สิ ก็นั่นพี่ชายฉัน รึไง ไม่มีทางอ่ะ =-= ลงทุนเปลี่ยนชื่อเพื่อจะไม่ให้คนรู้ว่าเป็นพี่น้องกันตั้งขนาดนี้แล้ว จะมาล้มเลิกง่ายๆไม่ได้ ฉันต้องมีหวังสิ ถึงแม้จะริบหรี่มากก็ตาม -‘-
“โธ่ ก็นึกว่ารู้อะไรมา” ศรเป่าปากอย่างโล่งใจก่อนจะรีบวิ่งออกไปโดยไม่ลืมทิ้งงานไว้ให้ฉันทำ “งั้นก็ฝากด้วยนะ เอาให้ถึงมือล่ะ บายยยยย”
เออออ ให้มันได้งี้ดิ
แกก็ฝากถูกคนจังเลยเนอะ -o-
เมื่อวานเขาก็เพิ่งพูดอยู่ว่า ไม่ชอบฉันๆ แล้ววันนี้เขาจะรับของจากมือฉันมั้ยล่ะยัยศรรรร ._.
----------------------------------Time Stop------------------------------------
-คณะวิศวกรรมศาสตร์-
-08.25 น.-
ลูกศรบอกว่าพี่เมฆเรียนอยู่สาขาการบิน ฉันก็เลยเดินลุยเดี่ยวมานั่งรอที่โต๊ะหินอ่อนในลานเกียร์ฝั่งของตึกการบิน ทำเหมือนจะหาได้ง่ายๆอะเนอะ หึ! คนเดินผ่านไปผ่านมาฉันยังนับไม่ถ้วนเลยเถอะ แล้วต้องมาหาคนๆเดียวในคณะแบบนี้ ชาติไหนจะเจอล่ะศร
แถมยังไม่ถึงอีกครึ่งชั่วโมงฉันก็มีเรียนอีก ถ้าฉันไปเรียนไม่ทันนะ แกโดนดีแน่ยัยศร!
-20 นาทีผ่านไป-
นี่ปาไปยี่สิบกว่านาทีเข้าไปแล้ว ยังไม่มีวี่แววจะเห็นแม้แต่เงาเลยนะ ก็นึกว่าจะตามเจอง่ายๆเหมือนครั้งที่แล้วนี่นา เลยไม่ได้ถามยัยศรว่าได้ไปสืบพวกตารางเรียนอะไรแบบนี้ของพี่เมฆมารึเปล่า
ก็ใครมันจะไปคิดว่าจะหาตัวยากขนาดนี้เล่า L
พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นพี่ผู้ชายที่นั่งอยู่โต๊ะถัดจากฉัน และฉันจำได้ว่าเขาเป็นคนที่มากับพี่เมฆวันที่ศรเข้าไปคุย ก็คนที่ออกรับแทนเพื่อนว่าพี่เมฆไม่สนเรื่องแบบนี้หรอกคนนั้นไง
ถ้าเข้าไปถามเขา เขาต้องรู้แน่ๆเลยว่าพี่เมฆอยู่ไหน
“พี่คะ” ฉันลุกจากที่นั่งตัวเองแล้วไปสวมรอยนั่งโต๊ะเดียวกันกับเขาอย่างถือวิสาสะ“พี่เป็นเพื่อนพี่เมฆใช่มั้ย?”
“ค ครับ”
“แล้วตอนนี้พี่เมฆอยู่ไหนหรอคะ?”
“น้องถามทำไมหรอครับ?” เออจริงด้วย จู่ๆใครก็ไม่รู้เข้าไปถามหาเพื่อนตัวเองแบบนี้เป็นใครก็งงมะยัยบ้า
“เอ่อคือ”
“?”
“หนูเอาของมาให้พี่เมฆอะค่ะ” ฉันว่าพลางชูถุงสีหวานในมือให้เขาดู พี่คนนั้นเลยยกมือขึ้นมาขยับแว่นแล้วส่งยิ้มเฟรนลี่ๆให้ฉัน
“อ๋อ แฟนคลับไอ้เมฆหรอ?” พอได้ยินว่าเขาตีความฉันผิดไป เลยทำได้เพียงหัวเราะแห้งๆ แล้วแสร้งยิ้มให้เขา ไม่ใช่แฟนคลับ! แต่เป็นน้องสาวที่อยากเป็นแฟนครับต่างหากเล่า!
“…”
“พี่ชื่อน้ำเหนือ เรียกว่าเหนือก็ได้”
“มินิทค่ะ” พอเห็นพี่แว่นแนะนำตัว ฉันเลยเลี่ยงไม่ได้ต้องแนะนำตัวกลับไปบ้างตามมารยาท
“ส่วนของที่จะให้ไอ้เมฆอ่ะ ฝากพี่ไปได้นะ ^^”
“อ่อ ได้ค…”
“ไอ้เหนือ” เสียงเย็นเหยียบที่ฟังยังไงก็คุ้นหูดังมาจากข้างหลัง แทบจะไม่ต้องเดาเลยสักนิดว่าเสียงใคร ฉันเลยหันขวับไปหาต้นเสียงทันที เลยเจอคนที่ฉันมานั่งรอเกือบครึ่งชั่วโมงเดินมาจากลานจอดรถของคณะ นี่เพิ่งมาเรียนหรอ? ชิวเหลือเกิน - -“
“น้องตัวเล็กเขามารอมึงอ่ะ”พี่เหนือพูดไปยิ้มไปส่งให้ฉันทีให้พี่เมฆทีเหมือนเป็นคนอารมณ์ดีตลอดเวลา
“…”
“พี่เมฆ” ฉันลุกขึ้นเดินไปหาแล้วยื่นถุงขนมให้เขา
“…”
“เพื่อนฝากมาให้ค่ะ” พี่เมฆมองหน้าฉันแว๊บเดียวแล้วหันไปพูดกับพี่เหนือต่อราวกับเห็นฉันเป็นเพียงอากาศธาตุ
“กูไปเรียนก่อนนะไอ้เหนือ” พูดจบเขาก็เดินผ่านฉันไป ไม่สนใจ ไม่คุยด้วย ไม่แม้แต่จะหยิบถุงขนมติดมือไปด้วยซ้ำ
นี่ถ้าเดินทะลุตัวฉันได้ ฉันจะคิดว่าตัวเองเป็นผีละนะ -_-
พอเห็นพี่เมฆไม่แยแสกันสักนิด เลยพาลให้ฉันอารมณ์เสียจนอยากเขวี้ยงถุงขนมนี่ลงพื้นให้มันพ้นๆ ไปแต่มาคิดดูแล้วก็เสียดาย ยัยศรอุตส่าห์ตั้งใจทำให้ขนาดนั้น
“พี่เหนือ หนูให้!” ฉันยัดถุงขนมใส่มือพี่เหนือแล้วกระแทกเสียงขุ่นมัวพร้อมทำหน้าตาไม่สบอารมณ์ใส่ก่อนจะเดินหนีมาขึ้นรถดื้อๆ ทิ้งไว้ท่ามกลางความงุนงงของผู้ชายที่ชื่อ ‘น้ำเหนือ’
----------------------------------Time Stop-------------------------------------
เกลียด!
เกลียดจริงจังด้วย
ไม่ยุ่งก็ได้
จะไม่คุยด้วยเล่า
จะไม่สนใจด้วย!
ไม่ชอบก็ไม่ชอบดิ คนอย่างมินิทหาใหม่ได้อยู่แล้ว แล้วอย่ามาอ้อนวอนขอร้องให้กลับไปทีหลังนะ!
“เป็นไรวะ?”
“อารมณ์ไม่ดี”
“โดนใครขัดใจมารึไง?” พอเห็นฉันนั่งกระฟัดกระเฟียดอยู่คนเดียว ทีก้าเลยถามขึ้น เพราะมันจะรู้ดีที่สุดว่าถ้าวันไหนฉันโดนขัดใจขึ้นมา อาการฉันจะเป็นยังไง
“เออ ไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง”
“แกนี่มันโตแต่ตัวจริงๆนะ”
“ทีก้า!”
“มินิททททท พาไปหาพี่เมฆหน่อยสิ” เสียงสิบแปดหลอดของยัยลูกกรอกดังมาแต่ไกลโดยที่เจ้าของเสียงยังไม่ทันวิ่งมาถึงโต๊ะที่ฉันกับทีก้านั่งอยู่เลยด้วยซ้ำ
แต่โอ๊ย เอาชื่อนี้ไปไกลๆทีเถอะ ขอร้อง TT
“เอ้อแล้วเมื่อเช้าพี่เมฆว่าไงบ้างอ่ะแก เขาชอบมั้ย?” เขาเห็นฉันรึเปล่าดีกว่า -_-
“เฉยๆ” ฉันเลี่ยงตอบแบบรักษาน้ำใจเพื่อนไป เพราะถ้าขืนบอกไปว่าเขาไม่แม้แต่จะแตะถุงเลยด้วยซ้ำแล้วจะรับขนมจากมือฉันได้ไงล่ะก็ มีหวังลูกศรความดันขึ้นแน่ๆ -0-
“งั้นเดี๋ยวตอนเย็นๆ แกพาฉันไปอีกรอบนะ”
“แกจะเปย์เช้าถึงเย็นถึงงี้เลยหรอ?”
“เออน่า เดี๋ยวเลิกเรียนแกไปรอฉันที่ลานซ้อมหลีดหน้าตึกนะ ขอซ้อมหลีดแปปนึง”
“จ้ะแม่” พอยัยจอมจู้จี้สั่งงานเสร็จนางก็วิ่งไปตึกเรียนตัวเองทันที นี่ฉันควรจะหงุดหงิดเพราะโดนพี่เมฆเมินหรือจะปวดหัวเพราะความบ้าผู้ชายของเพื่อนก่อนดี
“ไป ไปเรียน” ทีก้าลุกขึ้นดึงฉันให้ลุกจากม้านั่งแล้วพากันเข้าห้องเรียน ทีก้าอยู่คณะทันตแพทย์เหมือนกันแถมบ้านก็ยังอยู่ติดกันอีกเลยทำให้ฉันสนิทกับมันสุดแล้ว ส่วนยัยศร ฉันเบื่อนอยาวๆของมันเลยไม่อยากสนิทด้วยเท่าไร =-= เพราะนอกจากจะชอบคนนู้นคนนี้ไม่ซ้ำกันแต่ละวันแล้ว มันยังชอบใช้ให้ฉันเป็นแม่สื่อให้อีก
เหมือนตอนพี่เมฆนี่ไง -0-
แล้วก็นะ ทั้งมหา’ลัยมีคนอีกนับร้อยนับพันมั้ยอ่ะ ทำไมต้องมาชอบคนเดียวกันด้วยก็ไม่รู้
แต่ชั่งเถอะ ยังไงฉันก็กำลังจะเริ่มตัดใจจากพี่เมฆอยู่พอดี
ก็เล่นเห็นฉันเป็นมนุษย์ล่องหนขนาดนั้นอ่ะ ไม่รู้ล่ะ งอน -^-
----------------------------------Time Stop-------------------------------------
.-คณะแพทยศาสตร์-
-16.11 น.-
“อ๋อไม่เป็นไรค่ะ พี่ไทม์ไปทำงานเถอะ เดี๋ยวรอยัยศรซ้อมเสร็จ มินิทก็จะกลับแล้วค่ะ”
(อย่ากลับดึกล่ะ แล้วก็ขับรถระวังๆด้วย ถ้าถึงบ้านแล้วโทรหาพี่ด้วยนะคะ)
“ค่า” ฉันรับปากคนในสายแล้วกดตัดสายฉับ ช่วงนี้พี่ไทม์งานยุ่ง ไหนจะโปรเจคของคณะ ไหนจะงานที่บริษัทคุณพ่อที่ไทม์ เลยพลอยทำให้ไม่ค่อยมีเวลามาหาฉันเหมือนเมื่อก่อน แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะเขาจะได้ไม่ต้องมาเห็นหรือมารับรู้เวลาศรใช้ให้ฉันเอาของไปให้พี่เมฆ ไม่งั้นเดี๋ยวจะเข้าใจผิดแล้วเป็นเรื่องไปซะเปล่าๆ
“ป่ะแก” ยัยลูกศรวิ่งมาหยุดหอบแฮกๆที่ขอบสระน้ำพุที่ฉันนั่งอยู่ แล้วลากฉันให้เดินไปขึ้นรถ จริงๆคณะแพทย์ฯกับวิศวะอยู่ใกล้กันแค่นี้เอง เดินไปได้สบายๆ แต่แม่ศรนางเดินไม่ไหวเพราะเหน็ดเหนื่อยจากการซ้อมหลีดมา ฉันเลยต้องรับบทเป็นสารถีขับรถพานางไปหาผู้ชาย -_-
ลูกศรเดินนำไปหยุดที่ตึกการบินเหมือนฉันเมื่อเช้าเป๊ะ เห็นแบบนั้นฉันเลยนั่งรอมันที่โต๊ะตัวเมื่อเช้าเพราะดูท่าทางแล้วคงไม่ได้หาตัวเจอง่ายๆชัวร์
แต่ลูกศรยังไม่ลดละความพยายาม ยืนชะเง้อคอมองหาในตึกการบินจนคอจะยืดเป็นยีราฟอยู่แล้วแต่ก็ยังไร้วี่แวว จนไปๆมาๆมันเดินเข้าไปหาถึงในตึกซะอย่างงั้น
“อ้าว มาหาเมฆหรอตัวเล็ก?”
“พี่เหนือออ” พี่เหนือเดินหอบกองหนังสือมาวางบนโต๊ะที่ฉันนั่งอยู่แล้วมองฉันยิ้มๆจนตาหยี เลยพาลให้ฉันนึกถึงเรื่องเมื่อเช้าที่ฉันเผลอขึ้นเสียงใส่พี่เหนือไป “เปล่าค่ะ มินิทมารอเพื่อน”
“งั้นพี่นั่งรอเป็นเพื่อนนะ” พี่เหนือพูดพลางจัดหนังสือกองโตให้เข้าที่เข้าทางจนฉันแอบเห็นว่าหนังสือพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นหนังสือเกี่ยวกับคอมฯทั้งนั้นเลย
“เรื่องเมื่อเช้าขอโทษนะคะพี่เหนือ”
“อ๋อไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องคิดมากนะ”พี่เหนือยิ้มให้เป็นรอบที่ร้อยแล้วเดินมานั่งฝั่งตรงข้ามฉัน เขาเคยเครียดมั่งมั้ยอ่ะ อยากรู้ -0-
“หาไม่เจอว่ะมินิท อ้ะ นี่ใครอ่ะ”
“พี่เหนือ เพื่อนพี่เมฆ” ลูกศรยกมือไหว้พี่เหนือก่อนจะทำตาลุกวาวพอพูดชื่ออีกคน
“เพื่อนพี่เมฆหรอคะ? แล้วพี่รู้มั้ยคะว่าพี่เมฆอยู่ไหน?”
“อ๋อ ไอ้เมฆมันกลับไปแล้ว”
“กลับแล้ว?”
“ครับ”
“แล้วพี่รู้ที่อยู่พี่เมฆมั้ยอ่ะคะ” สาบานเลยว่าถ้าฉันเป็นพี่เหนือฉันจะกลัวมันมาก เล่นถามยันที่อยู่ขนาดนี้ แกจะบุกไปหาเขารึไง?
“ยัยศร!”
“พี่พาไปได้นะ ตอนนี้ว่างพอดี” แทนที่จะกลัวที่จู่ๆยัยลูกศรมาขอที่อยู่ของเพื่อนตัวเอง แต่กลับมาทำใจดีจะพาไปหาที่บ้านง่ายๆแบบนี้เนี่ยนะ
“จริงหรอคะ!? เฮ้ยแต่เมื่อกี้รุ่นพี่โทรตามให้กลับไปซ้อมแล้วอ่ะ ทำไงดีอ่ะแก”
“ก็ไม่ต้องไปหาไง -*-”
“ไม่ได้!ฉันอุตส่าห์โทรให้คนขับรถเอามาให้เลยนะเว้ย” โห ทุ่มทุนสร้างมากกกก “งั้นเอางี้ แกเอาไปให้พี่เมฆให้ฉันหน่อย ไหนๆพี่เหนือเขาก็จะไปส่งแล้วอ่ะ”
“ถ้าฉันไม่ไปล่ะ?”
“ฉันจะโกรธ” ลูกศรมองแรงใส่ฉันก่อนจะก้มหน้าดูนาฬิกาอีกรอบแล้วทำหน้าตาตื่นยัดถุงขนมใส่มือฉัน “โอ้ยยยยไม่ทันแล้วเดี๋ยวพี่เขาด่า ฉันไปก่อนนะ ฝากด้วยนะแก”
“งั้น…ไปรถพี่เนอะ” ฉันพยักหน้าเซ็งๆให้พี่เหนือก่อนจะลุกเดินตามไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ -_____- ฝากไว้ก่อนเถอะยัยศร มีที่ไหนอยากเปย์ผู้ชายแต่มาเดือดร้อนเพื่อนแบบนี้
สาธุ ขอให้มันซ้อมหลีดแล้วสะดุดหัวทิ่มสักทีเถอะ - /\ -
รถพี่เหนือแล่นมาจอดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านเดี่ยวสไตล์ลอฟท์สามชั้นโทนสีน้ำตาลขาว หน้าบ้านมีสนามหญ้าโล่งๆ แต่สไตล์การตกแต่งกลับดูคล้ายๆบ้านฉันยังไงพิลึก
แต่ก่อนที่ฉันจะทันสงสัยอะไรไปมากกว่านี้ รถบีเอ็มดับบิวสีแดงเลือดหมูก็แล่นผ่านหน้าฉันกับพี่เหนือซะก่อน รถคนนั้นเลี้ยวเข้าไปจอดในบ้านก่อนจะมีร่างของคนสองคนเปิดประตูลงจากรถพร้อมกัน
คนหนึ่งคือพี่เมฆที่รับหน้าที่เป็นคนขับ ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิงผมบลอนด์ทองที่น่าจะอายุเท่าฉัน เจ้าตัวเดินมาขนของลงจากรถเพื่อจะเอาไปไว้ในบ้าน แต่ดูเหมือนของที่ถืออยู่จะหนักเกินไป พี่เมฆเลยเดินอ้อมมาช่วยถือแทน
“ขอบคุณค่ะ” เธอว่าพลางยิ้มนิดๆให้ ส่วนพี่เมฆก็ทำเพียงพยักหน้าหนึ่งทีเป็นการตอบรับคำขอบคุณ
“โอ้ย”
“เป็นไรผิง?”
“อะไรเข้าตาก็ไม่รู้ค่ะ” พอเห็นแบบนั้นพี่เมฆเลยวางของในมือลงแล้วเดินเข้าไปใกล้ๆคนที่ชื่อผิง
“มา เดี๋ยวพี่ช่วยดู” ไม่ว่าเปล่าพี่เมฆดึงมือผิงออกแล้วก้มหน้ามองเข้าไปในตาของอีกคนจนหน้าของทั้งคู่อยู่ใกล้กันเกินไป
และไม่รอช้า ฉันเดินดุ่มๆเข้าไปหาสองคนนั้นทันที จากที่คิดว่าจะไม่รู้สึกอะไรกลับกลายเป็นฉันคิดผิด!
“เจ็บมากมั้ย!?” ฉันดึงแขนผิงเพื่อให้ทั้งสองคนผละออกจากกัน แต่ดูเหมือนจะใช้แรงมากไปหน่อย ผิงเลยเซจนล้มลงกองอยู่ที่พื้น ทั้งพี่เมฆกับพี่เหนือเลยตกใจจนเผลออุทานออกมาพร้อมกัน
“เฮ้ย!!”
“เฮ้ย!”
“ฉันถามว่าเจ็บมากมั้ย!” ฉันขึ้นเสียงใส่อีกคนที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อ แต่ก็โดนพี่เมฆเข้ามาขวางซะก่อน “ถ้าเจ็บก็อย่ายุ่งกับพี่เมฆอีก!!”
“ทำบ้าอะไรของเธอ!”
“พี่เมฆนั่นแหละคิดจะทำอะไร ทำไมถึงพาผู้หญิงย้ายมาอยู่ในบ้านแบบนี้!” พี่เมฆจ้องหน้าฉันอย่างเอาเรื่องพลางเดินเข้ามาใกล้ๆแล้วพูดเสียงเย็นยะเยือกจนดูน่ากลัวใส่ฉัน
“ฉันจะทำอะไรมันก็ไม่เกี่ยวกับเธอ”
“พี่เมฆ!”
“ขอโทษผิงเดี๋ยวนี้!”
“ไม่!!”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่เมฆ” เสียงเล็กๆท้วงขึ้น พี่เหนือเลยเข้าไปช่วยพยุงให้ผิงลุกขึ้นยืน “เธอเข้าใจผิดอยู่นะ”
“ชั่งเถอะผิง อย่าเสียเวลาอธิบายเลย” พูดจบพี่เมฆก็ดึงผิงให้เดินเข้าไปในบ้านด้วยกันแล้วทิ้งให้ฉันทรุดตัวนั่งคลุกเข่าหมดเรี่ยวแรงอยู่ข้างนอกโดยไม่แยแสกันสักนิด
----------------------------------Time Stop-------------------------------------
.
.
.
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
