ตอนที่ 2 : STOP {01} ◀ ชายในฝัน. {100%}
1
.
.
ชายในฝัน
어서 말해 후회하고 있다고 บอกฉันหน่อยว่าที่ทำอย่างนั้นเธอก็เสียใจ
어서 말해 나를 보고싶다고 บอกฉันหน่อยว่าเธอก็อยากเจอฉันเหมือนกัน
6 ปีผ่านไป
-Tempo U.-
- 07.21 น.-
“มินิทจ๋า” เสียงแจ๋นแหลนของลูกศรเพื่อนสนิทฉัน ดังข้ามฝั่งถนนมาจนถึงลานจอดรถที่ฉันกำลังขยับรถมินิคูเปอร์เอสสีขาวเข้าไปจอดในซอกแคบๆอยู่ และไม่ต้องรอนาน เจ้าตัวพุ่งหลาวมาเกาะขอบกระจกรถฝั่งคนขับอย่างรวดเร็วราวกับนักกีฬาทีมชาติ
“เสียงอ่อนเสียงหวานแบบนี้เรื่องผู้ชายอีกแล้วใช่มะ?” หน้าของเพื่อนรักขึ้นสีแดงจัดก่อนที่นางจะพยักหน้าหงึกๆแล้วจัดการเปิดประตูรถบริการฉันเต็มที่
“แกต้องช่วยฉันนะเว้ย” ทันทีที่ฉันก้าวเท้าลงจากรถ ยัยคนขี้ประจบก็ตรงหรี่เข้ามาโอบเอวแล้วถูๆไถๆที่หัวไหล่ของฉันเหมือนพยายามจะออดอ้อน
ลูกศรเป็นสาวผมสั้นที่มีความมั่นใจสูง จริงจังกับทุกเรื่องยกเว้นเรื่องผู้ชาย ถ้าให้นับว่านางเคยชอบเคยปลาบปลื้มคลั่งไคล้ใครบ้าง บอกเลยว่าไม่ต้องเสียเวลานับ เพราะยอดนางเกือบถึงครึ่งมหา’ลัยละ -_-
“คราวนี้ใครอีกอ่ะ?”
“อย่าทำแบบหน้าแบบนั้นดิแก คนนี้ฉันชอบจริงๆนะ เป็นชายในฝันชัดๆ”
“…”
“หล่อ รวย หุ่นดี มีรถขับ แถมยังมีดีกรีเป็นถึงเดือนคณะเลยนะเว้ย”
“แล้วคนเพอร์เฟ็คขนาดนั้นเขาจะเอาแกหรอวะ อุ้บส์” ฉันที่เผลอปากแซวเพื่อนแรงไปจนต้องยกมือสองข้างขึ้นมาอุดปากตัวเองไว้ แต่ก็ไม่วายจะโดนลูกศรมองแรงแล้วเตรียมจะยกมือมาตบปาก แต่เปลี่ยนเป็นชี้หน้าแล้วคาดโทษไว้ก่อนแทน
“เดี๋ยวเถอะ”
“แล้วนิสัยใจคอชายในฝันแกล่ะ? เป็นยังไง ไปสืบมารึยัง?” ถ้าอยากรู้เรื่องราวชีวิตใครในรั้วมหา’ลัยบอกยัยนี่ได้ ชนิดที่ว่าสั่งเช้าได้เย็น สั่งเย็นได้ค่ำเลย แถมข้อมูลที่ไปสืบมายังรู้ลึกรู้จริงยิ่งกว่าตัวเจ้าของเองซะอีก
“อันนี้ไม่ค่อยชัวร์เลยว่ะ สืบยากมาก รู้แค่ว่าไม่ค่อยมีข่าวกับผู้หญิงคนไหนเท่าไร ใครมาสารภาพรักก็ปฏิเสธตลอดๆ”
“เป็นเกย์ป่าววะ?”
“เอ้ะ อย่าทำฉันเขวสิโว้ย”
“ละเขาปฏิเสธผู้หญิงทุกคนแบบนี้ แกยังคิดจะจับเขาอยู่อีกหรอวะ”
“จับเจิบอะไร พูดจาน่าเกลียด เรียกว่าจีบก็พอ”
“จีบผู้ชายมันน่าเกลียดน้อยกว่าตรงไหนวะ?”
“แกฟังฉัน ฉันจะค่อยๆทำคะแนน ค่อยๆแทะโลมเรื่อยๆจนเขาใจอ่อน ทีนี้พอฉันบอกชอบ เขาจะได้ไม่ปฏิเสธฉันไง เก็ทมะ?” ยัยลูกกรอกทำท่าดีดนิ้วแล้วโยกคอไปมาอย่างกับนักร้องดีว่าจนน่าหมันไส้
“แกเป็นผู้หญิงที่โครตน่ากลัวเลยรู้ตัวป่ะ มีแทะลงแทะโลม”
“ก็สวยอ่ะ อิจฉาอะดิ” ฉันกรอกตามองบนใส่เพื่อนสาวจอมเพ้อเจ้ออย่างเอือมระอานอยาวๆของนางเต็มที
“แล้วไง จะให้ฉันช่วยอะไร?”
“เป็นแม่สื่อแม่ชักให้ฉันหน่อย”
----------------------------------Time Stop-------------------------------------
-คณะวิศวกรรมศาสตร์-
-07.47 น.-
ลูกศรลากฉันมายืนเป็นเป้าสายตาให้ผู้ชายมากหน้าหลายตาที่เดินผ่านไปผ่านมามองเล่น เพราะชายในฝันของยัยนี่ดันอยู่คณะวิศวะ แหล่งรวมผู้ชายเป็นร้อยๆไง และที่สำคัญสภาพฉันตอนนี้คืออยู่ในชุดศึกษา กระโปรงทรงเอสั้นเสมอหู ที่ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้เรียบร้อยอะไรปานนั้นก็เถอะ แต่จะให้มายืนอวดเรียวขาต่อหน้าผู้ชายนับร้อยงี้ก็ไม่ไหวป่ะว้า~
“ไหนวะชายในฝันของแกอ่ะ?” ฉันที่เหลืออดกับบรรยากาศอึดอัดๆ แถมยังร้อนก็ร้อนอีกแบบนี้ หันไปพูดเสียงหงุดหงิดกับคนข้างๆที่เอาแต่ชะเง้อคอมองหาเป้าหมายโดยไม่สนใจเพื่อนฝูง
“ใจเย็นๆ”
“ไอ้ก้าโทรตามแล้วเนี่ย”
“ขออีกแปปดิ”
“อีกห้านาทีนะ”
“อ้ะ นั่นไงแก เดินมานู่นแล้วว” ลูกศรเขย่งปลายเท้าขึ้นเพราะความเตี้ยเพื่อหวังจะมองตามเป้าหมาย และไม่ต้องรอให้ฉันแย้งอะไร เจ้าตัววิ่งเข้าใส่ผู้ชายในฝันคนที่ว่าทันที
“พี่เมฆขา~”
นัยน์ตาสีดำขลับของคนร่างสูงโปร่งมองหน้าเพื่อนฉันงงๆก่อนจะเบิกตาโตเท่าไข่ห่านทันทีที่เห็นหน้าฉัน ทุกอย่างบนเครื่องหน้าเขาเข้ากันอย่างประหลาด ผิวขาวจัด ตาคม จมูกโด่งรับกับริมฝีปากเรียวบางได้รูปอย่างลงตัวราวกับรูปวาด ดูดีจนฉันเผลอยืนอ้าปากหวอ…
แต่จะบอกว่าที่ตกใจไม่ใช่เพราะความดูดีเกินมนุษย์มนาของเขา แต่เป็นเพราะใบหน้าคุ้นเคยที่หายไปเกือบหกปีนั่นต่างหาก และที่สำคัญตอนนี้ใบหน้าที่ว่านั่นกำลังยืนอยู่ตรงหน้าฉัน
เขาคนที่ฉันลงทุนลงแรงทุ่มเทอ่านหนังสือเป็นบ้าเป็นหลังเพื่อที่จะสอบให้ได้มหา’ลัยเดียวกัน คนที่ฉันยอมทำทุกทางเพื่อจะตามหาเขาให้เจอ คนที่ฉันเฝ้ารอคอยว่าวันนึงจะได้เจอเขาอีก
และแล้ววันนั้นก็มาถึง…
คิดถึงจังเลยพี่เมฆ…
“ครับ?”
“หนูชื่อลูกศรนะคะ อยู่คณะพยาบาล” ลูกศรพูดไปบิดไปจนคนถูกพูดด้วยเริ่มออกอาการงงๆ
“แล้ว?”
“พี่เมฆมีแฟนยังคะ?” พี่เมฆตกใจจนเผลอถอยห่างยัยศร พอเห็นแบบนั้นเพื่อนพี่เมฆเลยเข้ามาคล้อคอพี่เมฆก่อนจะช่วยแก้สถานการณ์ให้
“เพื่อนพี่ไม่มีแฟนหรอกครับ” ได้ยินแบบนั้นลูกศรเลยยิ้มกว้างแล้วเตรียมจะเริ่มเกมรุกทันทีแต่ก็โดนเพื่อนพี่เมฆเจ้าเดิมขัดขึ้นซะก่อน “แต่มันไม่สนเรื่องแบบนี้หรอก”
“อ่าว”
“ขอโทษนะ”พี่เมฆพูดแล้วเตรียมจะเดินออกไป แต่ก็ไม่พ้นจะโดนเรียกไว้อีก ก็อย่างว่าล่ะนะ ถึงลูกศรจะไม่เคยจริงจังกับเรื่องพวกนี้ ชอบใครก็แค่ผ่านมาผ่านไป วันสองวันก็เลิกชอบ แต่ในทางกลับกันถ้าลูกศรเกิดคิดจะจริงจังกับใครขึ้นมา นางก็กัดไม่ปล่อยเหมือนกัน
“พี่เมฆจะไม่รับหนูไว้พิจารณาหน่อยหรอคะ?”
“ค่อยๆดูกันไปนะ เรายังไม่รู้จักกันเลย” ด้วยคำพูดเพียงแค่นั้นกับรอยยิ้มน้อยๆของพี่เมฆ ก็ทำเอายัยลูกศรแทบจะละลายกองอยู่ที่พื้น
ไหนบอกเป็นจอมปฏิเสธไง แล้วไหงกลายเป็นแบบนี้ไปได้อ่ะ?
“เอ่อนี่มินิท เพื่อนหนูค่ะ” พูดจบก็ชี้นิ้วมาทางฉันที่กำลังยืนแอบฟังอยู่ห่างๆ พี่เมฆมองมาทางฉันนิ่งๆก่อนจะเลิกคิ้วสูงแล้วคลี่ยิ้มเสแสร้งส่งมาให้
“มินิท?”
“ใช่ค่า ยัยนี่ชื่อมินิท”
“สวัสดีครับ น้องมินิท” พี่เมฆเอ่ยทักทายเหมือนคนไม่เคยรู้จักกัน ฉันเลยก้าวเท้าเข้าไปใกล้ๆ จ้องดวงตาคมกริบอย่างไม่มีท่าทีหวั่นเกรงนัยน์ตาเย็นชานั่นเลยแม้แต่นิด พลางตอบเขาแบบจงใจเน้นชื่อเจ้าตัวชัดถ้อยชัดคำก่อนจะเดินหนีออกจากตรงนั้นไปดื้อๆ
“สวัสดีค่ะพี่เมฆา”
----------------------------------Time Stop-------------------------------------
-โรงอาหารคณะทันตแพทย์-
-08.07 น.-
“เป็นบ้าอะไรของแกเนี่ยมินิท จู่ๆเดินหนีออกมาทำไม แล้วแกไปรู้จักชื่อจริงพี่เมฆได้ไงวะ?”
“พี่เขาดังไม่ใช่รึไง” ฉันกำลังเดินหนีลูกศรที่เดินตามฉันต้อยๆแถมยังบ่นไม่เลิกไม่รา รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่โรงอาหารที่คณะแล้วอ่ะคิดดู พอมาถึงก็เจอทีก้ากับพี่ไทม์นั่งคอยอยู่ที่โต๊ะประจำของพวกเราสามคน
“แล้วแกไปทำแบบนั้นคะแนนฉันก็ลดฮวบๆเลยดิว้า”
“อย่ายุ่งน่า”
“มินิท!”ทีก้ายกมือโบกไปโบกมาเรียกให้ฉันเดินไปหา พอไปถึง พี่ไทม์ที่นั่งอยู่ข้างๆทีก้าเมื่อกี้ก็พุ่งเข้ามาถามไถ่ฉันทันที โอเวอร์แอคติ้งมากค่ะ -_-
“ไปไหนมาคะ พี่โทรไปก็ไม่รับ”
“พายัยศรไปหาผู้ชายมาค่ะพี่ไทม์” พี่ไทม์ดึงมือฉันให้เดินไปนั่งที่โต๊ะด้วยกัน ตามด้วยลูกศรที่เดินมานั่งข้างทีก้าตามๆกัน
“อีกแล้วหรอไอ้ศร”
“แต่คราวนี้ของแรร์เลยนะเว้ยก้า งานดีม๊ากกกกก”
“ขนาดนั้นเลยหรอวะ”
“ใช่! แล้วยิ้มทีนะ โอ๊ยแทบจะละลาย พร้อมจะยอมพลีกายถวายชีวิตให้เลย” นี่ก็โอเวอร์แอคติ้งอีกคน =-= ฉันกลอกตามองบนอย่างเซ็งจัดกับความสะดีดสะดิ้งเกินหน้าเกินตาของลูกศร แต่ยัง! นางยังไม่หยุดเพ้อแต่เพียงแค่นั้น
“และที่สำคัญ พี่เมฆไม่เคยพูดว่าจะรับใครไว้พิจารณาแบบนี้เลยนะเว้ย ฉันว่าฉันมีหวังว่ะพวกแก~”
“ขี้มโน -_-“
“ยัยมินิท --* ”
“มันจริงมั้ยล่ะ ก็แกเล่นไปเสนอตัวขนาดนั้น ไม่รับหนูไว้พิจารณาหน่อยหรอคะ เป็นใครก็ต้องพูดแบบนั้นป่ะ เขาเรียกว่าปฏิเสธอย่างสุภาพเว้ย” ฉันทำเสียงสองล้อเลียนเพื่อนสาวจนทีก้าหลุดหัวเราะพรืดลั่นโรงอาหาร
“แกพูดงั้นจริงวะศร ไม่บ้าผู้ชายจริงทำไม่ได้นะเนี่ย ฮ่าๆ”
“ไอ้ก้า! เดี๋ยวก่อนเถอะ!” ลูกศรยกกระเป๋าแบรนด์เนมของตัวเองขึ้นทำท่าจะฟาดหัวทีก้า แต่ก็เปลี่ยนใจเพราะกลัวลูกรักจะเป็นรอยไปก่อนที่หัวทีก้าจะแตก
“แกด้วยมินิท นิสัยชอบพูดตรงๆแรงๆนี่แก้ไม่หายสักทีนะ”
“เขาเรียกว่าปากเสีย” ไอ้ทีก้าเสริม ฉันเลยหยิบลูกรักของยัยศรมาเคาะหัวมันทันทีโดยแทบไม่ต้องคิด เจ้าของกระเป๋าเห็นแบบนั้นเลยโหวกเหวกโวยวายแล้วดึงกระเป๋ากลับมากอดแนบอกแน่น
“ยัยมินิทททททท! โอ้ยตายแล้ว ลูกฉันนนนนน เอาลูกแกมาชดใช้เดี๋ยวนี้เลยนะ”
“ไปเร็วพี่ไทม์” พอเห็นลูกศรกำลังตั้งท่าจะลุกมาเล่นงาน ฉันเลยดึงมือพี่ไทม์ให้ลุกแล้ววิ่งหนีไปด้วยกัน
พอวิ่งออกมาจนพ้นแล้ว พี่ไทม์เลยพามานั่งพักที่ร้านกาแฟใต้ตึกคณะแพทย์ที่พี่เขาเรียนอยู่ อ๋อ ลืมแนะนำไปเลย พี่ไทม์เป็นแฟนฉันเอง เราเพิ่งรู้จักกันตอนช่วงรับน้องพร้อมๆกับยัยลูกศร
และอีกคนคือ ทีก้าหน้าตี๋ รู้จักกันเพราะบ้านอยู่ข้างๆกันแล้วก็เป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่เด็กๆ ฉันเลยชอบไปนั่งเล่นนอนเล่นที่บ้านทีก้าบ่อยๆ เพราะฉันเหงา…เหงาที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวโดยไม่มีพี่เมฆ…
“มินิท”
“…”
“มินิทคะ”
“ค คะ?”
“เหม่ออะไร เป็นไรรึเปล่า?” พี่ไทม์เรียกสติฉันพลางยื่นมือไปหยิบแก้วกาแฟร้อนขึ้นมาดื่มช้าๆ
“เปล่าค่ะ”
“ขอโทษนะคะ ขอเบอร์พี่หน่อยได้มั้ยคะ?” เสียงพูดแหลมๆดังขึ้นจนเราสองคนต้องเงยหน้าขึ้นดู พบรุ่นพี่สาวสวยยืนม้วนเป็นขนมทองม้วนอยู่ข้างๆโต๊ะที่ฉันนั่งอยู่ ซึ่งเป้าหมายของเจ้าหล่อนก็คือพี่ไทม์แน่ๆ
“เอ่อ…คือ” พี่ไทม์หันมามองผู้หญิงคนนั้นทีมองที่ฉันทีเหมือนคนกำลังงงๆบวกกับคงกลัวฉันจะโกรธด้วยล่ะมั้ง ฉันเลยพยักหน้าเป็นสัญญาณให้พี่ไทม์พูดกับผู้หญิงคนนั้นเอง
“ว่าไงคะพี่?”
“พี่มีแฟนแล้วครับ ขอโทษด้วยนะ^^” พี่ไทม์เป็นสุภาพบุรุษพอจะให้เกียรติทั้งฉันและพี่คนนี้ เพราะเลือกจะปฏิเสธต่อหน้าฉันโดยที่ยังคงความสุภาพเพื่อไว้หน้าอีกคน
“หนูไม่เชื่อพี่หรอก เดี๋ยวนี้เขาก็ใช้มุขนี้กันทั้งนั้น”
“ก็นี่ไงแฟนพี่” พี่ไทม์พูดพลางชี้มาที่ฉัน ฉันที่นั่งเท้าคางอยู่เลยหันไปเอียงคอแกล้งยิ้มหวานปานว่าน่ารักน่าชังให้พี่เขาหมันไส้เล่น
“ไม่จริงอ่ะ ดูยังไงก็น้องสาวชัดๆ”
“เอ้ะ!” ฉันที่นั่งนิ่งๆมานานจนทนไม่ไหว ลุกขึ้นทุบโต๊ะดังลั่นร้าน “ผู้ชายเขาก็พูดชัดแล้วนะว่าไม่เอาอ่ะ ทำไมทำตัวน่ารำคาญแบบนี้”
“นี่น้อง ทำไมพูดจาแบบนี้กับรุ่นพี่ล่ะคะ?”
“ก็รุ่นพี่ไม่มีสมอง” ฉันตีหน้ามึนตอบกลับไปนิ่งๆโดยไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร เลยทำให้ยัยรุ่นพี่ยิ่งยั๊วกว่าเดิม
“ยัยเด็กบ้า!!”
“หรือเมื่อกี้ไม่ได้ยิน? อินเนอร์เอียร์มีปัญหาหรอคะ?” ฉันพูดโดยใช้ศัพท์แพทย์แล้วเดินกอดอกเข้าไปใกล้รุ่นพี่คนสวยเรื่อยๆ “ทำไมทำหน้างงแบบนั้นล่ะ อย่าบอกนะว่าไม่รู้จักอินเนอร์เอียร์?”
“…”
“หึ ไม่มีสมองจริงๆด้วย”ฉันกระแทกประโยคสุดท้ายแล้วยิ้มหวานให้รุ่นพี่อีกครั้งก่อนจะยืนมองหน้านิ่งๆอยู่แบบนั้น ยอมรับเลยว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงนิสัยดีเด่อะไร ออกจะเป็นคนพูดตรงเกินไปด้วยซ้ำ แถมยังเป็นปากไวพูดไม่คิดและอาจจะปากเสียแบบที่ทีก้าบอกอีกต่างหาก เลยไม่แปลกเลยถ้าจะมีใครมองว่าฉันแรง
“เด็กอย่างเธอเขาจ้างมาเท่าไรล่ะถึงมาทำปากดีแบบนี้? 2 คืนพอมั้ย?”
เพียะ!
ไม่รอช้ามือเล็กที่แรงปะทะไม่เล็กตามขนาดเหวี่ยงเข้าไปทาบหน้าสวยๆนั่นทันที พี่เขายกมือขึ้นมากุมที่ข้างแก้มตัวเองแล้วตวัดสายตาจ้องฉันอย่างเอาเรื่องก่อนจะยอมแพ้เดินหนีไป ถึงฉันจะไม่ได้นิสัยดีอะไรแต่ฉันก็ไม่เคยดูถูกใคร และจะเกลียดที่สุดถ้าได้ยินว่ามีใครมาดูถูกกัน
เหมือนเมื่อหกปีที่แล้ว…ตอนที่พี่เมฆดูถูกความรักของฉัน
“มินิท”
“…”
“มินิทเดี๋ยว รอพี่ก่อน” ฉันที่กำลังอารมณ์เสียเลยเดินออกมาจากร้านบ้าง แต่ก็ต้องหยุดแล้วหันกลับไปหาคนเรียก พี่ไทม์วิ่งมาหอบแฮ่กๆตรงหน้าก่อนจะสำรวจตัวฉันว่ามีร่องรอยหรือบาดแผลอะไรมั้ย
“เดี๋ยวๆพี่ไทม์ หาอะไรคะ?”
“ไม่เป็นไรใช่มั้ย เจ็บตรงไหนรึเปล่า?”
“มินิทเป็นคนทำเขานะคะ จะเป็นอะไรได้ไง?” ฉันพูดพลางกลั้นขำความเอ๋อของพี่ไทม์ก่อนที่เจ้าตัวจะยืนเกาหัวแกรกๆ
“จริงด้วย ก่อเรื่องอีกแล้วนะ”
“ก็เขาว่ามินิทแรงขนาดนั้นอ่ะ พี่ไทม์นั่นแหละ ไม่ปกป้องกันเลย”
“เราก็ว่าเขาแรงเหมือนกันไม่ใช่รึไง?”
“ก็เขาพูดไม่รู้เรื่องอ่ะ” ฉันทำหน้างอแล้วยืนบ่นเสียงอู้อี้ๆเหมือนกำลังงอแง
“เราก็ชอบใจร้อน”
“พี่ไทม์อยู่ฝั่งไหนกันแน่เนี่ย ว่ามินิทอยู่นั่นแหละ”
“โอ๋ๆ อยู่ฝั่งมินิทครับ” พี่ไทม์ยกมือขึ้นมาลูบหัวฉันปอยๆ ฉันเลยหลุดอมยิ้มให้ไปหนึ่งทีก่อนที่พี่ไทม์จะโยกหัวฉันไปมาอีกรอบเหมือนกำลังหมันเขี้ยว
“…”
“ตัวแสบเอ้ย”
“พี่ไทม์”
“คะ?”
“เที่ยงนี้ไม่ต้องรอกินข้าวกับมินิทนะ”
“ทำไมล่ะ มินิทจะไปไหน?”
“มินิทว่าจะไปหาเพื่อนอ่ะค่ะ”
“…”
“ที่คณะวิศวะ…”
----------------------------------Time Stop-------------------------------------
-คณะวิศวกรรมศาสตร์-
-12.41 น.-
ฉันมายืนพิงกำแพงรอคนบางคนอยู่ที่ใต้ตึกคณะวิศวฯ แต่รอมาจนจะชั่วโมงอยู่ละ ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของคนที่ว่า ด้วยความเบื่อหน่ายและไม่มีอะไรทำฉันเลยหยิบมือถือเครื่องสีขาวขึ้นมากดยิกๆดูนู่นนี่นั่นไปเรื่อย
นิ้วเรียวเล็กขยับเลื่อนหน้าจอมือถือที่เป็นฟีดข่าวในหน้าเพจขึ้นรัวๆ เพราะเนื้อหาในข่าวคงไม่พ้นเรื่องซุบซิบนินทา เดี๋ยวคนนั้นก็ชอบคนนี้ เดี๋ยวคนนี้ก็ตามจีบคนนั้นแหงๆ อยากรู้จริงๆว่ายัยแอดมินเพจมหา’ลัยนางไปอยู่ใต้เตียงเขารึไง ถึงได้รู้ดีไปหมดทุกซอกทุกมุมแบบนี้
เลื่อนไปเลื่อนมาดันเจอรูปของผู้ชายคนนึงปรากฏบนหน้าจอเรียกความสนใจจากฉันได้เป็นอย่างดี ในรูปเขาเซ็ทผมขึ้นเผยหน้าเรียวที่ดูดีทุกระเบียดนิ้ว กำลังเดินอยู่ที่ไหนสักแห่งด้วยชุดไปรเวท เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขายาวเข้ารูปสีดำ โดยที่มือข้างนึงยกเสื้อคลุมตัวนอกสีดำขึ้นพาดบ่าไปด้วย
‘เมฆา ปี3 เดือนคณะวิศวฯ การบิน’
“มาทำไม” ฉันเงยหน้าเพื่อดูต้นเสียงที่ได้ยินใกล้ๆหู พบร่างสูงของคนในรูปยืนอยู่ตรงหน้าห่างกันเพียงคืบ หน้าเขาแสดงความไม่พอใจขั้นสุดก่อนจะปรายตาดุๆนั่นมามองหน้าฉันนิ่งๆ
“มาหาพี่เมฆไง”
“มีอะไร”
“ทำไมต้องทำเหมือนคนไม่รู้จักกันด้วย”
“เธอเองไม่ใช่หรอที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเราเป็นอะไรกัน ถึงขั้นต้องลงทุนเปลี่ยนชื่อขนาดนี้”
“หมอกมีเหตุผล”
“เหตุผลของเด็กไม่รู้จักโตน่ะสิ”
“หมอกแค่ไม่อยากให้เราเป็นพี่น้องกัน ในเมื่อพี่รักหมอกไม่ได้ หมอกเลยอยากให้พี่เมฆรักมินิทแทน เพราะถึงหมอกจะเป็นน้องสาวพี่เมฆ แต่มินิทไม่ใช่”
“...” พี่เมฆมองหน้าฉันด้วยสายตาที่ใครก็ดูออกว่าผิดหวังมากแค่ไหน แต่แล้วไง ในเมื่อทั้งหมดที่ฉันทำก็เพื่อเขาทั้งนั้นไม่ใช่หรอ
“ตอนนี้เราไม่ใช่พี่น้องกันแล้ว เราก็รักกันได้แล้วพี่เมฆ”
“…”
“…”
“…” พี่เมฆหลับตาพริ้มอย่างพยายามใช้ความคิดและควบคุมอารมณ์ เขาเงียบไปพักใหญ่ๆก่อนจะเปิดปากพูดเสียงนิ่งๆใส่ฉันเหมือนเดิม
“ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เธอก็ยังคิดแบบเด็กๆอยู่ดี”
“หมอกไม่ใช่หมอกคนเดิมแล้วพี่เมฆ ตอนนี้มีแค่มินิท เพราะงั้นหมอกจะทำให้พี่เมฆรักมินิทให้ได้!”
“คิดว่าทำได้ก็ลองดู”
“พี่เมฆ…”
“เมื่อหกปีที่แล้ว ฉันว่าฉันก็พูดชัดแล้วนะว่าต่อให้เราไม่ใช่พี่น้องกัน ฉันก็ไม่รักเธออยู่ดี”
“ทำไมทีกับหมอกพี่ด่าหมอกไม่เหลือชิ้นดี แล้วกับคนอื่นทำไมมันถึงคนละขั้วขนาดนี้ล่ะพี่เมฆ?”
“รู้แบบนี้ก็พิจารณาตัวเองได้แล้วนะ”
“พี่เกลียดอะไรหมอกนักหนาหรอพี่เมฆ”
“เปล่า”
“...”
“ไม่ได้เกลียด”
“…”
“แค่ไม่ชอบ”
----------------------------------Time Stop-------------------------------------
เขาบอกไม่ชอบงายยยย ฮัลโหลยัยหมอกกกกกก -_-
ลูกตื๊อเยอะเหลือเกิน พี่เมฆก็ใจแข็งอะไรเบอร์นั้นคะ
ตอนแรกมาน้อยนิดนึงน้าาา แอมซอรี่ ><
.
.
.
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

19 ความคิดเห็น
-
#11 killer_number8 (จากตอนที่ 2)วันที่ 10 เมษายน 2560 / 22:23โอ๊ยยยยยยยย พี่หมอกกกกกกกกกเย็นชามากอ่าาาา#110
-
#2 anmka_ (จากตอนที่ 2)วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2560 / 20:08เอาแล้ววว#20