ตอนที่ 15 : 💔 PHILOPHOBIA {13} เสือยังไงก็คือเสือ
13
.
.
เสือยังไงก็คือเสือ
- ปัจจุบัน -
-13.12-
ทุกอย่างเหมือนจะปกติ พอเก็บข้าวของเสร็จทุกคนก็แยกย้ายกันขับรถกลับบ้าน ผมซ้อนพี่โฮวอนเหมือนเดิมและเขาก็ไม่ได้พูดอะไรกับผมอีก เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่ไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาเพราะบรรยากาศรอบๆมันอึมครึมและอึดอัดไปหมด
พี่โฮวอนไม่พูดกับใครทั้งนั้นแม้แต่พี่ดงอู เวลาเจอพี่ซองกยูทีก็มองตาขวางจนอีกคนตัวพรุนไปหมด หรือถ้าหนักกว่านั้นก็ตอนเดินสวนกันแล้วพี่โฮวอนจงใจกระแทกไหล่ใส่จนอีกคนเซไปอีกทางสร้างความประหลาดใจให้พี่ดงอูกับอูฮยอนไม่น้อย
หลังจากจบทริป ทุกคนก็แยกย้ายกลับบ้านช่องตัวเอง พี่โฮวอนมาส่งผมที่หน้าหอแล้วบิดมอไซค์ออกไปทันทีโดยไม่คิดจะพูดอะไรสักคำ
“ไปเที่ยวมาเป็นไงบ้างวะ? แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้น?” พอผมเปิดประตูห้อง ซองยอลก็เงยหน้าจากโน๊ตบุ๊คมาสนใจผมทันที
“พี่โฮวอนรู้เรื่องแล้วนะ”
“เฮ้ย! มึงบอกพี่เขาแล้วหรอ?”
“เปล่า กูไม่ได้บอก แต่เขาคงสงสัยมานานแล้วแหละ แล้ววันก่อนตอนที่เขามารับกูไปทริปเขาก็ได้ยินที่กูคุยกับมึงด้วย”
“แล้วพี่เขาว่าไงบ้าง?
“ก็โกรธอ่ะ แต่เหมือนจะโกรธพี่กยูมากกว่า กูก็กลัวเขาจะไปทะเลาะกันอยู่เนี่ย อยู่หอเดียวกันด้วย”
“กลัวเขาทะเลาะกัน หรือกลัวพี่กยูโดนต่อยกันแน่?”
“จับผิดกูอีกแล้วนะ” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางส่ายหน้าให้เพื่อนรักเบาๆ แล้วเดินไปเก็บของเพื่อเตรียมจะไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่
“แล้วมึงจะเอายังไงต่อ? จะไปง้อพี่โฮวอนมั้ย?”
“ค่อยว่ากันแล้วกัน กูเหนื่อยอ่ะ ขอพักก่อนนะ”
“เออ อย่าคิดมากนะมึง” ผมพยักหน้าให้ซองยอลหนึ่งทีแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป เข้าไปอาบไม่นานผมก็เดินออกมาแต่งตัวเพื่อจะออกไปข้างนอก
“แล้วนั่นมึงจะไปไหน?” พอเห็นผมพับแขนเสื้อเชิ้ตสีเข้มพลางฉีดน้ำหอมอีกรอบหลังอาบน้ำเสร็จ ซองยอลเลยหันมาถาม
“ไปข้างนอกอ่ะ อยากอยู่คนเดียว”
“เป็นไรป่ะวะ แปลกๆนะ”
“เปล่า แค่เบื่อๆ”
“เออ ถ้างั้นก็อย่ากลับดึกนะมึง”
“อืม”
---------------------------The philophobia-------------------------------
-หนึ่งอาทิตย์ต่อมา-
“จะไปกินเหล้าอีกแล้วหรอ?” ซองยอลร้องถามพอเห็นว่าผมเดินมาเช็คตัวเองผ่านกระจกใสก่อนจะหยิบกุญแจรถแล้วเตรียมจะเดินออกจากห้องไปเหมือนทุกๆวัน
“อือ”
“ตั้งแต่กลับมาจากทริปกับพวกพี่ๆเขา มึงก็เมาเป็นหมาทุกวันเลยนะเว้ย เพลาๆหน่อยมั้ยมยองซู?”
“กูขอเวลา”
“…”
“มึงก็รู้ว่าถ้ากูดีขึ้น เดี๋ยวกูก็เลิกกินไปเอง”
“มึงแปลกไปจริงๆนะ”
“…”
“มีอะไรจะเล่าให้กูฟังมั้ยวะ? มันมีอะไรมากกว่าเรื่องที่พี่โฮวอนรู้ว่ามึงกับพี่กยูเคยคบกันใช่มั้ย?”
“กูยังไม่อยากพูดถึงตอนนี้”
“กูเป็นเพื่อนมึงใช่มั้ยมยองซู? เครียดอะไรทำไมไม่พูดออกมาบ้าง เก็บไว้มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรนะเว้ย”
“อย่าเพิ่งยุ่งได้มั้ยวะ!?”
“มยองซู!” ซองยอลฉุนกึกทันทีที่ผมพลั้งปากเผลอพูดไม่ดีกับมัน แถมยังขึ้นเสียงใส่อีก “กูแค่อยากช่วยมึงป่ะ? แต่ถ้าจะหาว่ากูยุ่งเรื่องของมึง งั้นกูไม่ยุ่งแล้วก็ได้นะเว้ย”
“เออกูขอโทษ ช่วงนี้กูเครียดๆ”
“แล้วเป็นอะไร?”
“มึงจำที่กูบอกว่าพี่โฮวอนเขารู้เรื่องเพราะได้ยินเราคุยกันได้มั้ย?”
“จำได้ ทำไม?”
“อันที่จริงมันไม่ใช่แค่นั้น แต่วันที่ไปทริป พี่โฮวอนเขาไปเห็นกูจูบกับพี่ซองกยูด้วย”
“มยองซู! มึงไปจูบกับเขาทำไม รู้ตัวมั้ยว่าทำอะไรลงไป! ลืมไปแล้วหรือไงว่าผู้ชายคนนั้นเคยทำอะไรกับมึงไว้บ้าง!?”
“กูไม่ลืมซองยอล กูไม่เคยลืม”
“…”
“แต่วันนั้นอูฮยอนแกล้งกู แล้วพี่ซองกยูก็มาช่วย ตอนนั้นกูกลัวมาก พอเจอหน้าพี่เขากูก็เลยเผลอตัว กูยอมเขาเองอ่ะ กูมันใจง่ายอย่างที่เขาเคยพูดไว้จริงๆด้วยอ่ะ”
“เฮ้อ~ ถ้างั้นช่างมันเถอะมึง ถือว่ามันเป็นอุบัติเหตุไปละกัน”
“ถ้ามันแค่นั้นก็ดีดิ”
“ทำไม? นี่อย่าบอกนะว่าจะใจอ่อนอีกแล้ว? หวั่นไหวหรอ?”
“กูก็ไม่รู้ว่ะ กูรู้แค่ว่าตอนที่กูอยู่กับพี่เขา กูรู้สึกดีมากเลยอ่ะซองยอล กูอยากให้เรื่องที่พี่เขาเลิกกับกูเมื่อสองปีก่อนกับเรื่องอูฮยอนเป็นแค่ความฝันอ่ะ กูอยากตื่นมาแล้วเห็นว่าเขายังเป็นแฟนกูอยู่”
“…”
“มันสับสนไปหมดแล้วอ่ะซองยอล กูควรจะเกลียดเขาไม่ใช่หรอวะ แต่ทำไมยิ่งกูพยายามลืม ยิ่งกูกินให้มันเมาเท่าไร กูก็ต้องตื่นมาเพื่อพบว่ากูเลิกกันไปแล้วทุกที”
“…”
“กูไม่อยากอยู่กับความรู้สึกแบบนี้อีกแล้วอ่ะ กูจะรับไม่ไหวแล้วนะเว้ย!” พอเห็นผมปล่อยโฮระลอกใหญ่ ซองยอลเลยถลาเข้ามากอดผมแน่นหวังเพียงต้องการปลอบให้ผมหยุดร้อง
“มึงเข้มแข็งมาได้ตั้งนาน อีกแค่นิดเดียวทำไมจะทำไม่ได้”
“ฮึก”
“ใจแข็งไว้มยองซู ผู้ชายเลวๆแบบนั้น ลืมๆไปสักที”
---------------------------The philophobia-------------------------------
พอได้ระบายกับซองยอลสักพัก ผมก็เดินลงมาที่ลานจอดรถข้างล่างหอ ก้าวขายาวๆขึ้นคร่อมมอไซค์คันสีแดงดำคู่ใจก่อนจะบึ่งมันออกจากหอด้วยความเร็วที่ต่อให้คนขับใจร้อนแค่ไหนก็ไม่มีทางขับเร็วได้เลย
ล้อรถมาหยุดหมุนอยู่หน้าผับแห่งหนึ่งซึ่งแน่นอนว่าผมไม่เคยมา และไม่อยากจะไปที่ๆเคยไปเพราะกลัวจะเจอคนรู้จัก วันนี้เลยเลือกผับที่ค่อนข้างไกลจากมหา’ลัยพอสมควรและคนไม่ค่อยเยอะมากเท่าไร
ผมมุ่งหน้าตรงไปที่บาร์ ก่อนจะสั่งเครื่องดื่มที่แรงเอาเรื่องอยู่มาสองสามแก้ว พลางนั่งจิบแล้วคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
ผมไม่ได้ติดต่อใครอีกเลยนับตั้งแต่กลับจากทริป พี่โฮวอนเองก็ไม่ได้โทรมาวอแวเหมือนแต่ก่อนอีก แน่นอนว่ากับพี่ซองกยูก็เหมือนกัน ผมเองก็พอจะได้ข่าวมาบ้างว่าช่วงนี้กลุ่มพี่เขาแตกกัน ไม่ได้ไปไหนด้วยกันสามคนเหมือนแต่ก่อน เหลือแต่พี่โฮวอนกับพี่ดงอูที่ยังอยู่ด้วยกัน ส่วนรายนั้นเห็นเขาบอกว่ากลับไปเป็นเพลย์บอยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
แต่ก็ช่างเถอะ...เหนื่อยจะสนใจแล้วอ่ะ
“ขอโทษนะครับ”
“ครับ?” ผมเงยหน้าขึ้นมองเด็กเสิร์ฟที่เข้ามาสะกิดก่อนที่เขาจะยื่นของในมือให้ เป็นดอกกุหลาบสีส้มดอกเดียวโดดๆ ที่ไร้ซึ่งการตกแต่งใดๆทั้งสิ้น
“มีคนฝากมาให้ครับ”
“เขาอยู่ไหนครับ?” เด็กเสิร์ฟทำหน้างงก่อนจะค่อยๆชี้นิ้วไปที่โซฟาด้านในที่ถูกจัดไว้เป็นโซนวีไอพี ผมเลยกระดกแก้วในมือรวดเดียวหมดแล้วรีบพุ่งไปตรงที่เขาบอกทันทีเพราะไม่สบอารมณ์อย่างแรงที่เจ้าของดอกไม้มาเล่นอะไรแบบนี้
ผมเดินฝ่าฝูงชนจนทะลุมาจนถึงโซนวีไอพีด้านใน พยายามมองหาว่าโต๊ะไหนกันที่น่าจะเป็นเจ้าของดอกไม้นี่
เพราะไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นใคร จะใช่คนที่ผมคิดไว้มั้ย แต่ถ้าจะมาล้อกันเล่นแบบนี้
บอกเลยว่ามันไม่ตลก ไม่เคยตลก
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งนั่งเอนตัวกับโซฟาสีแดงตัวใหญ่พร้อมกับดอกกุหลาบสีส้มแบบเดียวกันกับที่อยู่ในมือผมตอนนี้ ดวงตาเรียวเล็กกำลังมองของในมือด้วยแววตาขุ่นมัว โดยไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ไม่รู้เลยจริงๆ
“ทำแบบนี้เพื่ออะไร?”
“ฉันทำอะไร?” ผมนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้ามเขา แต่อีกคนกลับไปคิดจะเงยหน้ามองผม สายตาเขายังคงจอจ่ออยู่แต่กับดอกไม้ในมือลูกเดียว “อ่อ หมายถึงดอกไม้นี่หรอ?”
“…”
“ยังจำความหมายของมันได้อยู่มั้ย?”
“ไม่อยากจำ”
“ฉันยังรักเธอเหมือนเดิม” เสียงทุ้มต่ำพูดขึ้นพร้อมๆกับที่เขาช้อนสายตาขึ้นมามองหน้าผม เล่นเอาใจผมอ่อนยวบ แต่ก็ต้องฝืนไว้เพราะไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหนอีก
“…”
“ความหมายเดียวกับคิดถึงนั่นแหละ” ผมกัดเม้มริมฝีปากของตัวเองแน่นเพราะกำลังข่มใจแล้วก็อยากจะรู้ว่าที่มาพูดแบบนี้ เขาต้องการอะไรกันแน่
“พี่กยู” เจ้าของเสียงหวานเรียกความสนใจจากคนข้างหน้าผมได้อย่างดีจนเขาต้องหันไปหา ผู้ชายที่น่าจะเด็กกว่าผมแต่การแต่งตัวดูจะเกินอายุไปหน่อยส่งยิ้มหวานมาให้ร่างสูงที่นั่งพิงโซฟาอยู่
“มาแล้วหรอ”คนถูกเรียกหันไปคุยด้วย ก่อนที่รุ่นน้องหน้าสวยคนนั้นจะนั่งลงข้างๆเขา
“แล้วนี่...เพื่อนพี่หรอ?”
“...” พี่ซองกยูมองตามเด็กคนนั้นมาหยุดอยู่ที่ผมก่อนจะยกยิ้มมุมปากเบาๆแต่ก็ไม่ยอมพูดอะไรจนผมต้องเป็นฝ่ายแนะนำตัวเอง
“แค่คนรู้จักน่ะ”
“อ๋อครับ ผมชื่อซองจงนะ เป็นแฟนพี่ซองกยู” เด็กที่บอกว่าตัวเองชื่อซองจงส่งยิ้มสดใสมาให้จนมีวูบนึงที่หน้าของผมในอดีตผ่านเข้ามาซ้อนทับ
“แฟน?” ผมทวนคำถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเองก่อนที่เด็กคนนั้นจะพยักหน้ารัวๆต่างจากอีกคนที่ยังเอาแต่ทำหน้านิ่งเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรเหมือนเดิม
นี่เขาจะหลอกคนไร้เดียงสาแบบนี้ไปอีกกี่คน?
เขามีความสุขมากมั้ยเวลาหลอกคนอื่นสำเร็จ
คิมซองกยูยังไงก็เป็นคิมซองกยู ...เป็นเสืออยู่วันยันค่ำ
เพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เขาก็ยังเจ้าชู้เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ยังไงเขาก็ไม่เปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นผมหรืออูฮยอน ก็ไม่มีใครเปลี่ยนเขาได้
ไม่มี
“แล้วอูฮยอนล่ะพี่ซองกยู?” ผมทำใจกล้าถามคำถามจี้จุดเขาไป เพราะถ้าเลือกได้ ถ้าอะไรๆมันยังทัน ผมก็ไม่อยากให้ใครต้องมาโดนเขาหลอกเหมือนที่ผมโดนอีก
และที่สำคัญ เด็กคนนี้ก็ดูไม่มีพิษมีภัยอะไรสักนิด และไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นใคร จะไร้เดียงสาแบบซองจงหรือเอาแต่ใจแบบอูฮยอน ก็ไม่มีใครสมควรที่จะโดนผู้ชายคนนี้หลอกทั้งนั้น
“อูฮยอน? ใครหรอครับพี่กยู?”
“...”
“พี่กยู~ ผมถามว่าใคร?”
“แฟนพี่” เจ้าของร่างสูงตอบซองจงด้วยใบหน้าเรียบเฉยกับน้ำเสียงเย็นชาที่ติดจะแหบพร่าเล็กน้อยเพราะพิษแอลกอฮอล์ที่เขากระดกลงคอไปไม่รู้ตั้งเท่าไร
“พี่กยู!” ซองจงเริ่มหน้าแดง ช็อคจนทำตัวไม่ถูก ผมเองก็ตกใจเพราะไม่คิดว่าเขาจะกล้ายอมรับง่ายๆแบบนี้
“…”
“พี่หลอกผมทำไม? พี่มีแฟนอยู่แล้วทำไมไม่บอก?”
“ก็เราไม่เคยถาม”
“พี่!”
“หยุดโวยวายสักทีได้มั้ย ถ้ารับได้ก็อยู่ รับไม่ได้ก็ไป!”
“ฮึก”
“พี่มาพูดหมาๆแบบนี้ได้ไงวะ? ไหนบอกว่ารักกันไง ไหนบอกมีผมแค่คนเดียวไง แล้วนี่อะไร? โกหกกันทำไมอ่ะพี่?”คนพูดเริ่มพูดไม่รู้เรื่องเพราะกำลังร้องไห้ฟูมฟาย แต่คนถูกด่ากลับไม่สนใจใยดี เลยเป็นผมเองที่ทนไม่ไหวต้องพาเด็กคนนั้นออกจากร้านไปด้วยกัน
“โกหกไง ฉันโกหก” ซองกยูพรึมพรำออกมาเบาๆหลังจากที่สองคนนั้นเดินออกไปแล้ว ดวงตาหม่นทั้งสองข้างยังมองตามหลังคนตัวสูงกว่าจนแผ่นหลังบางๆนั่นลับสายตาไป
“จะมาเชื่ออะไรกับคนอย่างฉัน ใช่มั้ย...มยองซู?”
---------------------------The philophobia-------------------------------
“ฮึก”
“นี่หยุดร้องก่อน”
“ทำไมพี่เขาทำกับผมแบบนี้ ฮึก เขาบอกว่าเขารักผม เขาบอกว่าชอบผม แต่ทำไมเป็นแบบนี้อ่ะ”
“ฟังนะซองจง”ผมจับไหล่ทั้งสองข้างของซองจงไว้ก่อนจะโน้มหน้าลงมาเล็กน้อยเพื่อให้อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา “ผู้ชายคนนั้นรักใครไม่เป็น เขาไม่เคยรักใคร”
“ฮึก”
“แม้แต่กับคนที่เขาพูดกรอกหูอยู่ทุกวันว่ารักมาตั้งสี่ปี เขายังไม่เคยรักเลย”
ผมพาซองจงซ้อนมอไซค์เพื่อจะไปส่งที่บ้าน แต่ซองจงบอกว่ายังไม่อยากกลับบ้านตอนนี้เพราะถ้าขืนกลับไปต้องโดนพ่อแม่ดุเละแน่เพราะนอกจากจะหนีออกไปร้านเหล้าตอนกลางคืนโดยไม่ได้บอกแล้ว กลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่ในผับเมื่อกี้ก็ยังติดตัวน้องมาเต็มๆ
ผมที่ไม่มีทางเลือกเลยต้องพาไปฝากไว้กับซองยอลที่หอก่อน ไปอาบน้ำอาบท่าล้างกลิ่นที่ติดตัวมาแล้วก็ให้ซองยอลช่วยปลอบให้สภาพจิตใจดีขึ้นกว่านี้ก่อนค่อยพากลับน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
“เออออกมาเลย” พอวางสายจากซองยอลเสร็จผมก็บึ่งรถไปจอดหน้าหอทันที เลยเจอซองยอลยืนคอยอยู่ก่อนแล้ว แต่ก่อนที่ผมจะบึ่งออกไปอีกรอบก็โดนซองยอลเรียกไว้ซะก่อน
“ห้องเราไม่ใช่ศาลาคนเศร้านะเว้ย ที่จะพาใครมาเมื่อไรก็ได้อ่ะมยองซู”
“เอาน่า ถือซะว่าช่วยกู น้องเขาน่าสงสาร”
“แล้วไปโดนไรมาอ่ะ? เกิดไรขึ้น?”
“โดนเหมือนที่กูเคยโดนไง” ผมเม้มปากแน่นก่อนจะกวาดสายตามองไปที่หน้าของซองจง แต่ยิ่งมองคราบน้ำตาบนหน้าน้อง ผมก็ยิ่งนึกถึงตัวเอง
“พี่ซองกยู?”
“เออ”
“เขามีแฟนแล้วไม่ใช่หรอวะ? ทำไมยังมีคนอื่นอีก?”
“มึงจำตอนที่เขาคบกับกูไม่ได้หรอ เขาก็ไม่ได้มีแค่กูคนเดียวเหมือนกัน เพราะงั้นไม่ว่าเขาจะมีแฟนหรือไม่มี เขาก็หยุดไม่ได้อยู่ดี”ซองยอลพยักหน้าเห็นด้วย ผิดกับซองจงที่กำลังทำหน้างงเพราะเพิ่งรู้ว่าจริงๆแล้วผมเคยเป็นอะไรกับพี่ซองกยู
“แล้วนี่มึงจะไปไหน? ไม่อยู่ช่วยกันดูแลน้องหรอ?”
“กูมีเรื่องต้องไปสะสาง วันนี้ทุกอย่างจะต้องจบ”
“ไปหาพี่ซองกยูใช่มั้ย ก็ดีมึง เอาให้จบนะ กูเชื่อว่ามึงจะผ่านมันไปได้”
“อืม”
“…”
“แล้วถ้าเรื่องนี้มันจบเมื่อไร มึงก็อย่าพูดชื่อนี้ให้กูได้ยินอีกนะซองยอล”
“…”
“เพราะคนสาระเลวอย่างคิมซองกยู มันไม่มีหัวใจ”
“…”
“ไม่เคยมี”
---------------------------The philophobia-------------------------------
ผมขับรถกลับมาที่ผับเมื่อกี้อีกครั้งก่อนจะสาวเท้ายาวๆกลับไปที่เดิมที่ผมเดินออกไปเมื่อกี้ คนที่แน่นอยู่แล้วยิ่งแน่นขึ้นถนัดตาเพราะทุกสายตาล้วนแต่กำลังให้ความสนใจกับโต๊ะตัวในสุดโซนวีไอพีเป็นตาเดียว
พี่ซองกยูยังนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือข้างๆมีเพื่อนๆเขาอยู่ด้วย พี่ดงอูนั่งทำหน้าเครียดไม่ต่างจากพี่โฮวอนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
พี่ซองกยูเป็นคนพูดอยู่ฝ่ายเดียวเหมือนกับกำลังเล่าอะไรอยู่สักอย่าง อีกคนเลยมีหน้าที่แค่นั่งฟังเงียบๆ ผมที่ยังไม่อยากจะเข้าไปแทรกตอนนี้ก็เลยแอบแฝงตัวยืนมองอยู่ในฝูงชนอยู่ห่างๆ
พอพี่ซองกยูพูดจบ พี่โฮวอนก็เลือดขึ้นหน้าลุกขึ้นกระชากคอเสื้อคนตัวสูงกว่าแล้วง้างหมัดเตรียมจะพุ่งเข้าปะทะหน้าหล่อๆนั่นทันที แต่ได้พี่ดงอูเข้ามาห้ามไว้ได้ทัน
“มึงมันเลว!!”
“เฮ้ยใจเย็นดิวะโฮวอน”
“ยังต้องเย็นอะไรอีก? มึงไม่ได้ยินที่มันพูดหรือไงดงอู!?”
“…”
“น้องเขาไปทำอะไรให้มึงวะกยู ทำไมต้องไปทำร้ายน้องขนาดนั้น? มึงยังมีหัวใจอยู่หรือเปล่าวะ!”
“กูขอโทษ”
“ขอโทษหรอ? มึงแกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น แกล้งทำเป็นไม่รู้จัก ไม่บอกกูว่าน้องเป็นแฟนเก่ามึงแล้วก็หลอกกูเป็นเดือนๆ ว่ามึงไม่ได้คิดอะไรกับน้องเขาแล้ว แต่สุดท้าย...มึงก็มาแทงข้างหลังกู!”
“…”
“รู้ทั้งรู้ว่าน้องคบอยู่กับกู แต่มึงก็ยัง…”
“...”
“ทำขนาดนั้นแล้วมาพูดแค่ขอโทษ พูดง่ายๆเลยว่าขอโทษ แล้วกูต้องยกโทษให้มึงมั้ยซองกยู!! ถ้ากูไปจูบแฟนมึงแล้วมาพูดว่าขอโทษเรื่องก็จบใช่มั้ยวะ!!!”
“...”
“พูดดิ ทำไมต่อหน้าไม่เก่งเหมือนลับหลังบ้างอ่ะ ทีลับหลังกู ลับหลังมยองซู ทำไมมึงกล้าทำ!!”ตาคมของผมเบิกกว้างทันทีที่ได้ยินชื่อของตัวเอง ไม่คิดว่าคนที่เขาพูดถึงตั้งแต่ต้นจริงๆแล้วมันคือผม
“ค่อยๆพูดกันดิวะโฮวอน” พี่ดงอูยังทำหน้าที่เข้ามาช่วยปรามอย่างต่อเนื่อง
“มึงจะให้กูพูดดีกับคนอย่างมันหรอดงอู? คนเหี้ยๆที่แม่งนอกใจทั้งแฟนเก่าแฟนใหม่ แถมยังมาหักหลังคนที่เรียกมันว่าเพื่อนอีก!!”
“แล้วมึงจะให้กูทำยังไง?”เสียงทุ้มของคนที่กำลังโดนเล่นงานถามเพื่อนตัวเองในขณะที่คอเสื้อก็ยังถูกอีกคนดึงไว้อยู่ “กูรู้แล้วว่ากูผิด กูรู้แล้วว่ากูมันเหี้ย แล้วคนเหี้ยมันจะสำนึกผิดไม่เป็นเลยหรือไงวะ!!”
“...”
“กูผิดมากจนมึงรับคำขอโทษจากกูไม่ได้เลยหรือไง?”
“คนอย่างมึง ไม่สมควรได้รับการยกโทษจากใคร” พี่โฮวอนค่อยๆลดมือออกจากคอเสื้อพี่ซองกยูช้าๆพร้อมๆกับเสียงพูดที่ลดความดังลงเรื่อยๆ“มยองซูเองก็ไม่สมควรได้รับความเจ็บปวดที่มึงยัดเหยียดให้เขาขนาดนั้นเหมือนกัน”
“แล้วมึงคิดว่ากูไม่เจ็บหรือไง?”
“…”
“มึงคิดว่าตอนที่กูได้ยินเสียงมยองซูร้องไห้ กูจะเหี้ยจนไม่รู้สึกอะไรเลยหรอโฮวอน! กูแม่งก็มีความรู้สึกเหมือนกันนะเว้ย”
“ถ้าเจ็บแล้วมึงทำทำไม!”
“กูมีเหตุผล”
“เหี้ยเองก็อย่ามาอ้างเลยว่ะ มันฟังไม่ขึ้น!” พี่โฮวอนสะบัดมือออกจากคอเสื้อพี่ซองกยูแล้วผลักที่อกจนอีกคนเซไปข้างหลัง “น้องมันเจ็บเพราะมึงมามากพอแล้ว กูจะไม่ยอมให้มึงทำร้ายอะไรมยองซูอีก”
“…”
“ไม่มีปัญญารักษาไว้ ก็อย่าเสือกมายุ่งกับน้องอีก!”พี่โฮวอนพูดก่อนจะตั้งท่าเตรียมจะเดินออกไป
“มึงห้ามกูไม่ได้หรอกโฮวอน”
“…”
“กูยอมให้มึงได้ทุกอย่างถ้าแลกกับการที่มึงจะหายโกรธกู แต่กูขอเรื่องเดียว”
“…”
“แค่เรื่องมยองซูเรื่องเดียว”
“ถ้างั้นมึงกับกูก็มาวัดกัน ใครแพ้ถอยไป”
“…”
“ชอบไม่ใช่หรอ? เดิมพันกับความรู้สึกคนอื่นอ่ะ แล้วมึงจะลังเลอะไรอีก?”
“…” พี่ซองกยูอึ้งไป ไม่ต่างจากผมที่เหมือนกำลังถูกตอกย้ำรอยแผลเก่า
“ว่าไง?”
“อืม” พี่โฮวอนกระตุกยิ้มเพราะกำลังสมเพชที่โดนด่าขนาดนี้แล้ว คิมซองกยูก็ยังไม่คิดที่จะเปลี่ยนตัวเอง กลับยอมเล่นตามเกมเขาอย่างง่ายดาย
“งั้นพรุ่งนี้หกโมงเย็น เจอกันที่สนามแข่ง”พูดจบทั้งพี่โฮวอนกับพี่ดงอูก็เดินออกไปทั้งคู่ ทิ้งไว้ก็แต่พี่ซองกยูที่พอสองคนนั้นออกไป ก็หมดเรี่ยวแรงทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาทันที ก่อนที่คนอื่นๆจะเลิกให้ความสนใจแล้วหันกลับไปสนุกกันต่อ
เว้นก็แต่ผม
ที่กำลังยืนโหวงเหวงในใจอยู่คนเดียว
“น่าสมเพชมั้ยล่ะ?”
“…”
“จะมาด่าอะไรกันอีก” พี่ซองกยูพูดขึ้นพอเห็นผมมาหยุดยืนอยู่ข้างๆโต๊ะเขาก่อนจะนั่งลงข้างๆกัน
“ด่าไม่ออกว่ะ”
“…”
“ไปรับคำท้าเขาทำไมวะพี่? สนุกมากเลยหรอใช้ความรู้สึกคนอื่นเป็นของพนัน?”
“ไม่สนุก”
“…”
“มันไม่เคยสนุก”
“…”
“ไม่ว่าจะครั้งนี้หรือครั้งที่แล้ว อยากให้รู้ไว้ว่าตอนที่นายเจ็บ ฉันไม่เคยสนุกเลย แต่ทุกครั้งที่ต้องทำอะไรแบบนี้ มันเป็นเพราะฉันต้องการนายนะมยองซู”
“ผมไม่เหลือพื้นที่ตรงไหนที่จะเอามาเชื่อพี่ได้อีกแล้วว่ะพี่กยู”
“แล้วถ้าฉันเลิกกับอูฮยอน”
“…”
“นายจะกลับมาหาฉันมั้ย?”
“มาพูดอะไรเอาตอนนี้” ผมเงยหน้าจ้องตาอีกคนนิ่งเพราะใจนึงที่มันมีแต่เขาอยู่เต็มหัวใจก็อยากกลับไปใจจะขาด แต่อีกใจ...ก็เกลียดเขาเหลือเกิน
“…”
“พี่จำได้มั้ยว่าตอนที่ผมขอร้องให้พี่ไม่ไป พี่ตอบผมว่าไง?”
“…”
“ฝันไปเถอะ”
“…”
“พี่บอกว่าผมมันใจง่าย พี่ไม่มีวันรักเด็กกะโปโลอย่างผม! พี่ย้ำกับผมเป็นร้อยรอบว่าพี่ไม่ได้รักผม ผมแค่ง่ายเอง!”
“…”
“แล้ววันนี้จะมาเรียกร้องอะไรอีก? จะเอาอะไร? ในเมื่อตอนนั้นพี่ก็เลือกเอง”
“มยองซู” พี่ซองกยูเอื้อมมือหวังจะยื่นมันมาจับมือผมแต่ก็เกิดเปลี่ยนใจดึงมือกลับทันที ปล่อยให้ผมยกมือสองข้างขึ้นมาปิดหน้าแล้วก้มหน้าร้องไห้อยู่เงียบๆโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“จะกลับมาทำไมตอนนี้...”
“…”
“ตอนที่ผมขอร้องให้กลับมา ...ทำไมไม่กลับมา ฮึก”
---------------------------The philophobia-------------------------------
ว่าจะอัพตั้งนานแล้วจะไม่ว่างสักที -_-
แล้วนี่ตอนหน้าพี่ย่ากับพี่กยูเขาจะวัดอะไรก๊านนนนนน ฮือ
เลาจะบอกว่าอีกไม่กี่ตอนก็จะจบแล้วนาาา TT
เป็นฟิคที่ยาวนานมากจีจี หวังว่าจะยังมีคนรออยู่นะ55555
แล้วก็อย่าลืมไปคุยกันในแท็กเด้อ ขอบคุณที่ยังติดตามค่า จุ้บ
#ฟิคฟีโลโฟเบีย
.
.
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เค้าจะวัดอะไรกัลลลล ประโยคสุดท้ายของมยองซุ คมล่ะเกิน อิพี่นะอิพี่ !! คนนิสัยไม่ดี 😢
อยากรู้ว่าพี่กยูมีเหตุผลอะไรที่เลิกกับมยองคราวก่อน 😂สู้ๆนะ ช่วงนี้เหงาๆไม่มีใครเขียนคู่นี้เลยอ่ะ