ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สามีส้มหล่น

    ลำดับตอนที่ #19 : เริ่มหวั่นไหว (๓)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 384
      9
      28 ส.ค. 61

     

            รถสปอร์ตจากค่ายรถยนต์แดนรองเท้าบูทสีแดงแสบตา กำลังโลดแล่นอยู่บนท้องถนนระหว่างคฤหาสน์กับสนามฝึกซ้อม แต่คนขับยวดยานพาหนะราคาแพงคันนี้ หาใช่ผู้เป็นเจ้าของดังเคยไม่ กลับเป็นบุรุษหนุ่มรูปงาม ที่อวดเรือนกายสุขภาพดี ผ่านเสื้อกล้ามที่เจ้าตัวสวมใส่ หางตาคอยปรายมามองผู้โดยสารสาวที่นั่งนิ่งๆ บ่อยครั้ง ก่อนจะค่อยๆ เหยียบคันเร่งไปเรื่อยๆ

            “เดวิดคะ ขับรถให้เร็วกว่านี้ได้ไหม”

    เจ้าของร่างอ้อนแอ้น ซึ่งชื่นชอบความเร็วเป็นชีวิตจิตใจว่า เพราะตอนนี้นั่งอยู่ในรถกับเขาสองต่อสอง มันชวนอึดอัดเหลือเกิน แต่คนขับรถกลับหักพวงมาลัยรถชิดริมถนนขึ้นมาซะดื้อๆ

    “จอดทำไมคะ” เธอถาม ไม่ลืมซ่อนความหวาดหวั่นไว้

    ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้หญิงสาว จ้องมองกลีบปากอิ่มซึ่งถูกผู้เป็นเจ้าของเม้มแน่นจนเป็นแถบตรง ขยับปลายนิ้วชี้แตะที่คางเล็กเบาๆ

    “เอ่อ...จะทำอะไรคะ” เสียงนั้นสั่นไหวแค่ไหน หัวใจเธอยิ่งไหวหวั่นมากกว่า

    “ผมแค่อยากอยู่ใกล้ๆ นิ่ม แบบนี้” ลมหายใจของคนพูดรวยรินชิดพวงแก้มเนียน “รู้ไหม ว่าผมอยากจำเรื่องราวระหว่างเราให้ได้ในเร็ววัน ผมจะได้ไม่ต้องรู้สึกก้ำกึ่งระหว่างความจริงและความฝัน” นัยน์ตาของคนพูดฉายแววหวานซึ้ง

    นายมีอะไรต้องจดจำฮ้า! เราไม่ได้รักกันจริงๆ สักหน่อย ฉันรู้จักนายก็พอๆ กับที่นายรู้จักฉันนี่แหละ หัดเข้าใจอะไรง่ายๆ ซะบ้างสิยะ ชาลิญาตอบเขาอยู่ภายในใจ พลันต้องรีบเอียงแก้มหลบปลายจมูกโด่งๆ ที่หวังเชยชมความหอม มือน้อยออกแรงผลักใบหน้ากำยำให้ออกห่างเต็มแรง จนร่างกำยำถอยกลับไปนั่งนิ่งอยู่เช่นเดิม

    “นิ่มว่าเรากลับบ้านกันเถอะค่ะ”

    เจ้าของปากอิ่มได้แต่อ้อมแอ้มบอกเขา ทั้งที่ความจริงอยากจะซัดหน้าคนที่คิดจะฉวยโอกาสกับแก้มหอมๆ ของตัวเองยิ่งนัก แต่กระนั้นเธอต้องสะกดคำว่าอดทนไว้ให้แม่น ไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะถูกเปิดเผย แล้วคราวนี้คนเป็นพ่อต้องบังคับให้เธอแต่งงานกับคนที่ท่านเลือก โดยที่เธอไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์ใดๆ อีก

    ไม่มีทาง เธอไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น ชาลิญาย้ำเตือนตัวเอง พร้อมกับขยับมือนิ่มแตะไหล่กำยำเบาๆ ทำหน้าทำตาให้รู้สึกผิดที่สุดในชีวิต

    “เมื่อครู่นี้ นิ่มขอโทษนะคะ เอ่อ...นิ่มแค่ตกใจ”

    “ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มซ่อนยิ้มรู้ทันไว้ผ่านดวงตาไหวระริก “ผมต่างหากที่เป็นฝ่ายผิด ผมทำให้นิ่มตกใจ ผมขอโทษนะครับ”

    “ถ้าอย่างนั้นถือว่า เราหายกันนะคะ” หญิงสาวเอียงคอใส่ด้วยท่าทีน่ารัก “ตอนนี้เรากลับบ้านกันเถอะค่ะ นิ่มเหนียวตัวเต็มที ได้อาบน้ำเย็นๆ คงจะเรียกความสดชื่นได้บ้าง” คนร้อนปนอึดอัด แสร้งยกมือพัดวีไปมา

    “ก็ได้ครับ ผมตามใจนิ่มทุกอย่าง”

    เจ้าของคำพูดหลิ่วตาให้นิดๆ ก่อนจะจัดการทำหน้าที่เป็นพลขับที่ดี เหยียบคันเร่งพุ่งกลับคฤหาสน์ และความเร็วที่เขากระทำนั้น มันทำให้ชาลิญาแอบพอใจอยู่ลึกๆ เพราะเขาขับรถได้ถูกใจเธอเอามากๆ ใบหน้างามจึงประดับไปด้วยรอยยิ้มน้อยๆ

    ใช้เวลาเพียงอึดใจเท่านั้น ตัวรถสปอร์ตก็สามารถจอดสนิทหน้าคฤหาสน์ใหญ่ คนขับรูปงามรีบก้าวลงจากรถในฝั่งของตัวเอง เดินลิ่วๆ มาทำหน้าที่เป็นสุภาพบุรุษที่ดี ดึงประตูฝั่งผู้โดยสารให้เปิดกว้าง พร้อมคลี่ยิ้มเผล่

            “เชิญครับคนสวย”

            คนถูกชม แอบกัดปากตัวเองเบาๆ แสร้งตีสีหน้าเรียบเฉย ทั้งที่แก้มนวลเริ่มร้อนผ่าวราวกับโดนไฟอัง อึดใจเดียวชาลิญาก็ขยับตัวลงจากรถ เตรียมมุ่งปลายเท้าเข้าไปในบ้าน แต่เพียงคนตัวโตดันประตูให้ปิดสนิท ชายหนุ่มก็ขยับปลายนิ้วแตะศอกแหลมเล็กเบาๆ

            “เราไปอาบน้ำพร้อมกันนะครับ” เจ้าของคำชวนนั้นหลิ่วตาให้ พร้อมแย้มกว้าง

            เจ้าของข้อศอกเล็กนั้นกัดฟันกรอดๆ พร้อมจ้องเขม็ง “เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรฮ้า!” แว้ดถามอย่างเอาเรื่อง

            “ก็ไปอาบน้ำพร้อมกันไง”

    ชายหนุ่มยังคงยืนกรานคำเดิม แล้วแสร้งเป็นขยับมือตบท้ายทอยแก้เก้อ เมื่อเข้าใจว่าหญิงสาวคิดอะไรอยู่

    “ผมหมายถึงว่า นิ่มก็ไปอาบน้ำที่ห้องนิ่ม ส่วนผมก็กลับไปอาบน้ำที่ห้องตัวเองครับ”

            “แล้วใครใช้ให้พูดจาสองแง่สองง่ามแบบนี้”

            “ไม่ยักรู้ว่านิ่มเป็นคนคิดลึก”

    ฟาร์เชสว่า ใบหน้าหล่อๆ ชวนเคลิบเคลิ้ม “แต่นิ่มก็คิดเหมือนที่ผมคิดจริงๆ นะครับ”

            ตุบ!

    กำปั้นน้อยๆ ซัดเข้าอกกว้าง แล้วผลักกายแกร่งให้หลีกเลี่ยง ก่อนจะเดินลิ่วๆ เข้าบ้านไป ปล่อยให้เจ้าของหุ่นกำยำขยับปลายลิ้นดุนเข้าที่กระพุงแก้ม แววตาสีดำถ่านนั้นจ้องมองแผ่นหลังเล็กพลางลอบยิ้มน้อยๆ ยืนมองจนร่างบอบบางหายไปจากสายตา ถึงได้หมุนกายเดินเลี่ยงไปด้านหลัง จุดมุ่งหมายคือตึกรับรองที่พักพิง

     

            ชาลิญาก้าวออกมาจากห้องน้ำ ด้วยชุดคลุมสีขาวผ้านุ่ม ผ้าขนหนูสีขาวผืนหนา กำลังถูกมือบางขยับเช็ดผมที่ได้รับการสระใหม่ๆ ให้แห้งหมาด พอๆ กับบานประตูห้องนอนถูกเคาะ และเปิดเข้ามาด้วยมือของน้องนุชสุดท้องของบ้าน ซึ่งในมือนั้นมีน้ำฝรั่งปั่นแก้วโต ชาลิดาเสิร์ฟน้ำเย็นๆ ให้พี่สาว และอยู่คุยสักพักก็ขอตัวออกไป ปล่อยให้เจ้าของห้องได้อยู่ลำพังเพียงคนเดียว

            เมื่อไร้เงาของน้องสาว ปลายเท้าเล็กของร่างบางก็เดินเอื่อยๆ ไปยังมุมระเบียงห้องดั่งเคย มือนุ่มยังคงขยับเช็ดผมไปเรื่อยๆ สายลมอ่อนๆ ที่พัดพาความร้อนฉ่าหายไปนั้น ทำให้เรียวปากอิ่มยิ้มกว้าง ถึงแม้ว่าที่รัฐนี้ตอนกลางวันจะค่อนข้างร้อนทีเดียว หากตกกลางคืนบรรยากาศก็จะเข้าสู่โหมดหนาวเย็น ซึ่งอากาศช่างต่างกันลิบลับ

            เวลานี้แสงสีทองอร่ามที่อยู่ครึ่ง ระหว่างผืนดินนั้นมุดต่ำหายไป ทิ้งให้รอบๆ สว่างไสวด้วยแสงไฟหลากสี จากอาคารบ้านเรือน

    รอบๆ ร่างอ้อนแอ้นก็เช่นกัน ไฟทุกหลอดในอาณาเขตของคฤหาสน์เรเอสโน พร้อมใจกันสว่างพึ่บพั่บ สภาพอากาศเย็นแห้งๆ ที่โชยมาตามลมนั้น พลอยทำให้เส้นผมนุ่มๆ ที่ได้รับการเช็ดให้แห้งหมาดเริ่มปลิวสยาย

            “นิ่ม...” สุ้มเสียงแผ่วๆ ของใครดังแว่วเข้ามาในโสตประสาท

            สงสัยเราหูแว่ว

    ชาลิญาคิด ขณะเมียงมองดูรอบๆ ตัว หัวคิ้วโก่งราวคันศรนั้นย่นยู่เข้าหากัน ฟันเรียงซี่สะอาดสวยด้านบน กัดกลีบปากด้านล่างเอาไว้ ก่อนจะชโงกมองลงไปด้านล่าง

            “นิ่มครับ” ใครบางคนยังคงเรียกขาน

            “ใครน่ะ” เจ้าของร่างอ้อนแอ้นเริ่มหวาดระแวง เธอหันรีหันขวางเตรียมหมุนกายกลับเข้าห้อง หวังจะไปคว้าปืนที่ซุกซ่อนอยู่ใต้หมอนมาซัดเปรี้ยงให้สาแก่ใจ ตามประสาคุณหนูใหญ่ที่ไม่ยอมให้ใครมารังควานเอาง่ายๆ ทว่า...เสียงกรวดขนาดเล็กที่พุ่งชนราวระเบียง ทำให้ปลายเท้านั้นชะงักกึก จนต้องรีบค้นหาตัวคนกระทำการอีกครา

            “ผมเองครับ” เจ้าของร่างสูงซึ่งสวมเสื้อกล้ามสีขาว เนื้อผ้าบางเบานั้นไม่สามารถซ่อนกล้ามเนื้อที่เรียงตัวเบียดเสียดกันเป็นซิกแพคได้เลย

            “นี่คุณ! มาทำอะไรฮ้า!” คนอยู่บนระเบียงห้อง พยายามไม่ใส่ใจกับหุ่นที่เขย่าหัวใจให้สั่นคลอนนั้น        “ความคิดถึงพามาครับ” ฟาร์เชส ฟรานติการ์เซียสหยอดคำหวานหู “อยากเห็นหน้านิ่มก่อนนอน”

            ไม่ต้องมาปากดี

    ชั่ววินาที ชาลิญาถลึงตาใส่คนคารมณ์ดีด้วยความหมั่นไส้ นึกอยากจะหาอะไรขว้างปายิ่งนัก แต่เธอก็ทำได้เพียงยิ้มบางๆ ข่มใจไม่ให้หวั่นไหวไปกับผู้ชายที่ไร้หัวนอนปลายเท้า แถมยังความจำเสื่อมอีก คนอย่างหนูนิ่ม ไม่คิดจะมอบหัวใจไว้ในกำมือคนๆ นี้อย่างเด็ดขาด คนที่เธอจะรักต้องเป็นคนดี มีหน้าที่การงานสุจริตทำ ไม่ต้องรวยล้นฟ้า เป็นเพียงคนธรรมดาเดินดินเท่านั้นพอ เพราะเธอเบื่อชีวิตที่โก้หรูแบบคุณหนูเต็มที เธออยากอยู่เหมือนชาวบ้านทั่วๆ ไป และที่สำคัญ เธอไม่ปรารถนาจะมีคู่ครองเป็นมาเฟียเช่นเดียวกัน

            “ถ้าฉันรู้จักตัวตนจริงๆ ของนายก็คงดีกว่านี้”

    เจ้าของแก้มสีเรื่อพึมพำเบาๆ ถ้าหากชายหนุ่มที่ยืนหอบความรักให้เธอ เป็นเพียงลูกชาวบ้านธรรมดา เธออาจจะรับรักจากเขาก็เป็นได้

            “กลับไปเถอะค่ะ เดี๋ยวมีใครเห็นเข้า” หญิงสาวบอก เพราะไม่อยากให้มีเรื่องราวใหญ่โต

            “ผมหอบความคิดถึงมาให้ว่าที่เจ้าสาว ผิดด้วยหรือครับ”

            “แต่มันไม่เหมาะนะคะ” ชาลิญาพยายามแย้ง การที่เธอและเขาจะมาพูดคุยกันในสถานที่แบบนี้ เวลาแบบนี้ และสภาพ... ดวงตากลมๆ ถึงกับก้มมองชุดตัวเองแล้วแทบจะร้องกรี๊ด เพราะมันวาบหวิวซะเหลือเกิน

            “เอ่อ...ฉันขอตัวก่อนนะ” ปากอิ่มโพล่งเร็วทันใจ รีบรวบปมเสื้อคลุมที่มัดเอาไว้ลวกๆ นั้นแน่นขึ้น หน้าตาพาลแดงเป็นสีชาด  ปลายเท้าเล็กๆ ที่ขยับเดินนั้นแทบจะขวิดกัน

            “ไม่ต้องรีบหนีหรอก ผมเห็นหมดแล้ว” คนตัวโตซึ่งอาศัยเงาพุ่มไม้บดบังแสร้งเอ่ยลอยๆ “ว่าที่ภรรยาของผม ผิวขาว หุ่นก็น่า...”

            อ๊าย! คนบ้า”

    ร่างบางรีบวิ่งเร็วกลับเข้าห้อง ดึงประตูเชื่อมระหว่างระเบียงกับห้องนอนให้ปิดแน่น ไม่ลืมดึงผ้าม่านทึบแสงมาบดบังอีกชั้น ทำไมผู้ชายคนนั้นถึงได้ปากดีพูดอะไรให้เธอได้อายอยู่เรื่อยๆ ไม่น่าล่ะ ระหว่างยืนคุยกัน เขาถึงมองเธอด้วยประกายตาบางอย่าง และตอนนี้นึกอยากจะซัดเขาด้วยปืนสักนัดเหลือเกิน

            คนเจ็บใจซ่อนความอายด้วยการรั้งความโกรธเข้ามาข่มไว้ แม้หัวใจจะหวิวไหวไปกับนัยน์ตาหยาดเยิ้มและคำพูดหวานหู แต่มีหรือที่คุณหนูชาลิญาจะยอมรับ อาการดื้อดึงต่อต้าน มันก็มีมากพอๆ กับการไม่ยอมรับความจริงนั่นแหละ รู้เอาไว้เถอะว่าใจเธอแข็งมากเท่าใด ปากเธอก็แข็งไม่เป็นรองเลย

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×