ตอนที่ 4 : chapter 02 : Am I breathing too loudly?
Chapter 2 : Am I breathing too loudly?
4 months ago
“อื้อ อือ” ฉันร้องออกมาเบาๆ ขณะถูกเกรกประกบริมฝีปากอย่างหนักหน่วง รสแอลกอฮอล์ถูกรับมาจากลิ้นอุ่นที่สอดเข้ามา แขนทั้งสองข้างของฉันคล้องอยู่ที่คอของเขา มือใหญ่ของเกรกเกาะอยู่ที่เอวของฉันแน่นในทีแรก แต่รู้สึกอีกทีมันก็ลดลงมากำลังจะปลดกระดุมกางเกงยีนส์ดำฟอกสีเสียแล้ว
จูบเคลิ้มๆ ก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อฉันยังมีสติดีว่าตัวเองอยู่ในโรงเรียน ฉันเลยรีบลดมือลงมาปัดมือยั้วเยี้ยของเขาอย่างรวดเร็วพร้อมออกแรกผลัก
“ทำบ้าอะไรของนายวะ!” ฉันโวยวายอย่างเสียอารมณ์ ถึงเราจะเป็นแฟนกันแต่อยู่ที่โรงเรียนฉันมีขอบเขตเสมอแล้วก็เคยย้ำพ่อหนุ่มไม่เลือกที่คนนี้ตลอดด้วย แต่เขาน่ะ เป็นพวกชอบเสี่ยง ยิ่งเสี่ยงยิ่งชอบทำ เฮ้ออ น่าหนักใจจริงๆ แฮะ ยิ่งเราไม่ใช่กลุ่มมีอิทธิพลแต่เป็นแค่แก๊งขี้ยาหน้าโง่ ยิ่งแล้วใหญ่ ไม่มีใครปกป้องแถมปกป้องตัวเองก็ไม่ได้
“ใจเย็นน่าที่รัก เราแค่สนุกกัน” เสียงหัวเราะแห้งๆ พร้อมรอยยิ้มทะเล้นปรากฏบนใบหน้าเช่นเคย ฉันล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าหมอนี่มีปมอะไรถึงได้มาเป็นขี้ยา ถึงเขาจะไม่เอาเรียนแต่ถ้าได้เป็นนักกีฬาโรงเรียนล่ะก็ น่าจะป๊อปน่าดู ต่อให้เป็นตัวสำรองก็เถอะ เผลอๆ เป็นตัวสำรองที่ป๊อปกว่าสองฝาแฝดไอแซกกับแจ๊คสันดาวบาสเกตบอลโรงเรียนเสียอีก
“ฉันบอกนายกี่หนแล้วว่าไม่ทำที่โรงเรียน” ฉันดุ สายตายังไม่วายมองซ้ายมองขวาเพื่อความมั่นใจว่าไม่มีคนเห็นเราแล้วเอาไปบอกครูคนใดคนหนึ่ง
ไม่ทันไรเสียงกริ่งเข้าเรียนก็ดังขึ้น
ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะเดินออกมาจากด้านข้างห้องเก็บของที่อยู่หลังตึกทุกตึกของโรงเรียน ห้องนี้ใช้เก็บอุปกรณ์กีฬารวมถึงเครื่องใช้ต่างๆ เช่น โต๊ะเรียน เก้าอี้ ทั้งที่เสียแล้วและเป็นของสำรอง ฟังดูเป็นสถานที่ลับสายตา เหมาะกับการมั่วสุมของคู่รัก แต่เปล่า ห่างไปไม่กี่เมตรเป็นถังขยะใหญ่ที่เอาไว้เก็บถุงขยะทั้งหลาย รอเจ้าหน้าที่มาเก็บหลังจากหมดวันเลยกลายเป็นว่าคนที่ทนกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้มีแต่พวกขี้ยา ที่นี่เลยตกเป็นของขยะสังคมอย่างฉันกับเกรก พวกเราบางส่วนก็ชอบอยู่ใกล้ถังขยะมากกว่า ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ส่วนมุมประจำของฉันคือด้านข้างหรือไม่ก็ด้านหลังห้องไปเลยแต่ตรงนั้นชอบมีคนจองถ้าเรามาไม่เร็วพอ เหอะ จะใครล่ะ ก็คู่รักค้ายาเหมือนเรานั่นแหละ
“นายเรียนอะไร” ฉันถามเกรกพลางวิ่งเหยาะๆ ไปเข้าตึกเรียน “ฉันเรียนเลขมิสเตอร์วู้ด”
“ไม่รู้สิ น่าจะศิลปะมั้ง” เกรเกอรี่ตอบ ดูออกเลยการเข้าเรียนไม่ใช่กิจวัตรประจำวันเขา
“ไปละ เจอกัน” พอถึงห้อง ฉันก็เลี้ยวเข้าห้องเรียน เลือกที่นั่งหลังสุดเช่นเคย
ที่นั่งนี้เป็นที่นั่งประจำของฉันเกือบทุกคาบเรียน มุมริมหน้าต่างกับริมประตูเป็นมุมที่ดีที่สุด ฉันสามารถนั่งจดสูตรกาแฟหรือทำอย่างอื่นได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ไม่ใช่สองมุมนี้แล้วรอบข้างฉันเต็มไปด้วยหมู่คนป๊อป คาบนั้นจะถือว่าเป็นนรกก็ไม่ผิดนัก
“เอาล่ะ ดูแบบฝึกหัดที่ค้างกันไว้เมื่อครั้งก่อน” มิสเตอร์วู้ด เป็นชายอายุยี่สิบปลายๆ ไม่ใส่แว่น ท่าทางพูดน้อยและเจ้าสำอาง ฉันดูออกว่าเขาเป็นพวกชอบเพศเดียวกันแน่ๆ ได้ข่าวว่าเขากำลังเรียนต่อ นั่นเป็นเรื่องน่าเสียดายถ้าเขาต้องออกไป โดยรวมแล้วเขาถือว่าเป็นครูที่ดีคนนึง
ประตูห้องเปิดออกดึงความสนใจของเด็กทุกคนในห้อง คนที่เปิดคือครูแนะแนว มิสซิสเจมส์ เธอดูเป็นผู้หญิงเพี้ยนๆ แต่พนันได้ว่าเธอมีอีกด้านหนึ่งแน่นอน “ขอโทษที่รบกวนนะจ๊ะ” เธอมองไปที่มิสเตอร์วู้ดเป็นการขออนุญาต หลังจากเขาพยักหน้าเธอก็กวาดสายตาไปรอบห้องเหมือนกำลังหาเป้าหมาย และเป้าหมายนั้นก็มาหยุดอยู่ที่ฉัน
“คุณดีนน์ มาห้องแนะแนวกับครูสักครู่ค่ะ” เธอว่า
ฉันลุกแล้วเดินออกจากห้องตามคำสั่ง ไม่มีใครสนใจฉันมากนัก คงเป็นเพราะพวกเขาไม่รู้จักฉันแม้แต่นิดเดียว ซึ่งนั่นก็ดีแล้ว จะได้ไม่โดนซุบซิบเหมือนที่เพพเพอร์โดนบ่อยๆ ฉันเกลียดข่าวลือ มันยากจะแยกออกว่าข่าวลือไหนจริง ข่าวลือไหนปลอม
“มีอะไรเหรอคะมิสซิสเจมส์” ฉันถามหลังออกมาจากห้อง
“ฉันรวบรวมใบเรียนต่ออยู่ แต่ของเธอไม่ได้กรอกอะไรเกี่ยวกับครอบครัวเลย ช่วยกรอกให้ครูสักแป๊บนะจ๊ะ”
ฉันเข้าไปในห้องสำนักงาน ห้องนี้เป็นห้องใหญ่ๆ มีห้องแบ่งย่อยทุกห้องที่เกี่ยวกับการบริหารโรงเรียนอยู่ในนั้น ไม่ว่าจะเป็นห้องธุรการ ห้องครูใหญ่ ห้องถ่ายรูปด่วนเพื่อนำไปใช้ในเอกสาร ห้องการเงิน แน่นอนว่าห้องพักครูไม่อยู่ในโซนนี้แต่ของมิสซิสเจมส์เป็นกรณียกเว้น ห้องแนะแนวกำลังปรับปรุงอยู่ เธอย้ายมาอยู่ในนี้ชั่วคราว
มิสซิสเจมส์เข้าไปนั่งในคอกเล็กๆ –เอาจริงๆ จะเรียกว่าห้องก็ได้ แต่ห้องที่ไหนไม่มีประตูกัน ฉันเลยเรียกว่าคอกแทน แล้วเธอก็ยื่นเอกสารให้ฉัน เล็บตัดสั้นเรียบร้อยของครูแนะแนวชี้ไปที่ช่องครอบครัว
ฉันยังคงนั่งนิ่ง
“เธอมีปัญหาอะไรหรือเปล่าคุณดีนน์” ว่าแล้วว่าประโยคนี้ต้องมา
“ไม่มีค่ะ” ฉันตอบสั้นๆ
“แล้วทำไมไม่เขียนล่ะจ๊ะ”
ฉันก้มหน้า เขียนชื่อแม่ไปคนเดียวพลางบอกกับมิสซิสเจมส์ “คุณพ่อหนูเสียแล้วค่ะ”
แวบนึงหล่อนนิ่งไปแล้วค่อยพูดต่อเหมือนเพิ่งคิดได้ “เสียใจด้วยจ้ะ กรอกด้วยจ้ะว่าปัจจุบันอยู่กับใคร”
ฉันเขียนไป ‘แม่’ ไปคนเดียว เดาว่าถ้าเป็นเพพเพอร์ เธอก็คงทำแบบเดียวกัน ข้อมูลไม่เป็นทางการแบบนี้หลุดไปถึงนักเรียนคนอื่นได้ง่ายมาก แค่อาจจะบังเอิญมาช่วยมิสซิสเจมส์เก็บเอกสาร ถ้าคนอื่นเห็นละก็…
“หนูไปได้แล้วใช่มั้ยคะ” ฉันถามมิสซิสเจมส์
“ใช่จ้ะ ขอบใจนะ” เธอแค่พยักหน้า
ฉันออกจากห้องสำนักงานไป กำลังจะเดินกลับเข้าห้อง แต่แล้วฉันก็ได้ยินเสียงผู้ชายซุบซิบกันที่บันไดและเสียงฝีเท้ากำลังเดินขึ้น
พระเจ้า บอกทีว่าไม่ใช่แฟนฉัน เขาโดดเรียนมาเยอะแล้วนะ
ด้วยความห่วง กลัวว่าจะเป็นเกรก ฉันเลยรีบขึ้นบันไดตามไป พวกนั้นขึ้นไปบน…ดาดฟ้า นี่มันเขตห่วงห้าม แปลก เกรกไม่เคยขึ้นดาดฟ้า วินาทีนั้น ฉันกำหมัดแน่นอยู่หน้าประตูแสตนเลสสีน้ำเทาหม่นเก่าๆ รู้อยู่แก่ใจแล้วว่าไม่ใช่เกรก แต่อีกใจก็อยากรู้ว่าใครกล้าเข้ามาทำอะไรบนนี้
สมองสั่งให้มือจับลูกบิดเย็นๆ แล้วเปิดประตูเข้าไป
ผู้ชายหน้าเหมือนกันสองคนยืนมองฉันด้วยใบหน้าตกใจ ทั้งสองใส่แจ๊กเก็ตเบสบอลทีมโรงเรียน แต่มีคนหนึ่งคีบบุหรี่อยู่ในมือ
“เฮ้ เธอเป็นใครน่ะ” คนที่ไม่ได้คีบบุหรี่พูด
“ฉัน…ไม่สำคัญหรอก” พวกเขาไม่รู้จักฉัน แต่ฉันรู้จักพวกเขา คู่แฝดคู่ป๊อปทีมบาสเกตบอลโรงเรียน ที่ฉันรู้จักเขาไม่ใช่อะไร คนใดคนหนึ่งกำลังคั่วกับเพพเพอร์อยู่ ไม่ก็ เวลาไหนที่เพพเพอร์มึนๆ สองคนนี้อาจจะพลัดกันมาเข้าเวรกับเพพเพอร์ก็ได้
ว่าแล้วฉันก็รีบหันหลังกำลังจะออกจากประตูไป ทว่าก็โดนมือแข็งแรงจับเอาไว้แน่น “เดี๋ยวก่อน เธอคิดว่าได้เห็นเราทำผิดกฎแล้วจะออกไปได้เฉยๆ หรอ” ไม่ไอแซกก็แจ๊คสันพูด เอาเป็นว่าเขาคือคนที่ไม่ได้คีบบุหรี่อยู่
คนที่คีบบุหรี่ยื่นบุหรี่ให้แฝดของเขาแล้วจับตัวฉันไว้แทน “เธอชื่ออะไร”
ฉันจ้องนัยน์ตาสีฟ้าอมเขียวของเขา ถ้าตอนนี้มันไม่มีแววจะฆ่าจะแกงกันตรงนี้คงเป็นตาที่สวยมาก สาวๆ ทุกคนคงหลงหัวปักหัวปำถ้าได้จ้องมันนานๆ เข้า
“คาเยน ดีนน์”
“เอาล่ะ คาเยน ที่รัก ฉันไอแซก คงไม่ต้องแนะนำตัว” ต้องเลยล่ะพ่อหนุ่ม ฉันแยกพวกนายไม่ออก
“ฉันแจ๊คสัน คงไม่ต้องแนะนำตัวเหมือนกัน” แฝดอีกคนพูดแทรกขึ้นมา
ไอแซคค้อนไปที่แจ๊คสันแว็บนึงก่อนจะกลับมาสอบสวนฉัน “เธอตามเรามาทำไม”
“ฉันแค่ได้ยินเสียงคนคุยกันก่อนกลับเข้าห้องเรียน เลยตามมาดูว่าเป็นใคร ก็แค่นั้น”
“เธอก็หนีเรียนเหมือนกันหรอ” ตอนนี้แจ๊คสันเป็นคนที่ถือบุหรี่อยู่ เขายกขึ้นมาสูบเข้าไปก่อนถามคำถามฉัน เดาว่าคงพี้ยามาก่อนหน้านี้เลยทำให้สมองไม่ทำงาน
“หูหนวกหรือไง ฉันก็เพิ่งบอกอยู่ว่าได้ยินเสียงคนคุยก่อนกลับเข้าห้องเรียน ฉันออกมาเพราะโดนมิสซิสเจมส์เรียก”
ไอแซคหลุดขำออกมาโดยไม่สนใจแจ๊คสันที่ทำหน้าบูดบึ้ง “ฮ่าๆ ใช่พวก นายหูหนวกหรือไง” แต่พอตั้งสติได้เขาก็พูดต่อ “ฟังนะ คาเยน ก่อนเธอจะกลับไปเข้าห้องเรียน พวกฉันต้องแน่ใจว่าเรื่องนี้จะต้องไม่ถึงหูใครทั้งสิ้น และเราจะทำตัวเหมือนก่อนหน้านี้” พูดจบไอแซคก็แย่งบุหรี่มาจากแจ๊คสัน
แจ๊คสันเลยเป็นคนพูดต่อ “ถูกต้อง ทำตัวแบบว่า เราไม่เคยรู้จักกัน และจะไม่มีการเรียกร้องอะไรทั้งสิ้น ถ้าไม่ทำตามที่เราบอกคงรู้นะว่าจะโดนอะไร”
ฉันพยักหน้า
“ดี เข้าใจอะไรง่ายดี” คราวนี้ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน แล้วพวกเขาก็แท็กมือ
ฉันยักไหล่ เตรียมจะออกจากดาดฟ้านี้ไปแล้วทำตัวปกติเหมือนเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น แต่แล้ว กริ่งเลิกเรียนก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงร้องเท้าส้นสูงที่ใกล้เข้ามาบนดาดฟ้า
“ตายแล้วไงแซค” แจ๊คสันว่าพลางเหยียบบุหรี่ทิ้ง
“แจ๊คทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เร็ว” ไอแซคกระซิบ
แต่ฉันไม่มีใครให้คุยด้วย ฉันเลยเลือกจะทำตามที่ไอแซคบอกแทน ยืนเฉยๆ เหมือนโดดเรียนมานั่งชิลล์เล่น ทว่าคนที่โพล่งเข้ามาคือมิสอากาธา ยัยปีศาจที่เขาลำลือกัน ฉันเรียนวรรณกรรมกับหล่อนนะ พอจะเห็นความงี่เง่าที่อเล็กส์ เพื่อนร่วมชั้นคนนึงโดนมาบ้าง ความเห็นฉันมันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรแต่หมอนั่นก็เอาแต่พูด เรื่องแบบนี้ถ้าไม่โดนเองจะไม่รู้เลยแหละ
“เธอเป็นใคร” มิสอากาธามองหน้าฉันหลังจากที่หันซ้ายขวาไปมองคู่แฝดเรียบร้อยแล้ว
“คาเยน ดีนน์ครับมิสอากาธา” ไอแซคตอบแทนฉัน เขาเหมือนพยายามไม่ให้ฉันพูดอะไรออกไป คงกลัวฉันหลุดแน่ๆ เลย พวกเขาคงรู้ระดับความบ้าของยัยมิสนี่ที่ทำให้นักเรียนสติแตกจนต้องพูดความจริง
“ฉันไม่ได้ถามเธอแซค” เรียนชื่อเล่นด้วย… “แล้วพวกเธอขึ้นมาทำอะไรกันบนนี้” มิสอากาธาถามพลางขยับเข้ามาใกล้สองหนุ่ม คงเพื่อจับอาการผิดสังเกต โชคร้าย ที่เธอดันจับได้จริงๆ
“กลิ่นพวกเธอ” มิสอากาธาพึมพำ
คู่แฝดเริ่มหน้าซีด “ตามฉันมา!” หล่อนตะโกน
มิสอากาธาเรียกให้เราเข้ามาในห้องครูใหญ่หลังจากที่เธอรายงานสถานการณ์ให้ครูใหญ่ฟังเรียบร้อย จากแฝดที่ดูคึกผิดปกติกลับเดินเงียบๆ ขนาบข้างฉันมา พอจะเดาออกว่าถ้าโดนจับได้ คงมีผลกับการเล่นในทีมบาสเกตบอลของพวกเขา
“มีอะไรจะพูดมั้ย” ครูใหญ่เรย์ถามขณะจ้องมาที่ฉัน “คุณดีนน์ ดูจากประวัติแล้วคุณน่าจะเป็นคนที่สูบหรี่ในสถานที่ห้ามเข้า”
“ห๊ะ! อะไรนะ หนูเปล่า!” ฉันลุกขึ้นแย้งแทบจะทันที สองหนุ่มก็ทำหน้าตกใจไม่แพ้กัน พวกเขาคงไม่คิดว่าเรื่องจะถูกลงที่ฉันคนเดียวแบบนี้
“มิสอากาธาบอกว่าเห็นรอยเหยียบบุหรี่ที่เท้าคุณ ส่วนกลิ่นบุหรี่ที่ติดสองพี่น้องวิลสันคงเป็นเพราะคุณสูบต่อหน้าพวกเขา”
ฉันมองหน้าคู่แฝด ไม่มีใครกล้าสบตาฉันสักคน พวกเขากลัวเกินกว่าจะพูดความจริง แต่ฉันไม่ “หนูไม่ได้สูบค่ะ” ฉันตอบสั้นๆ ไม่ได้ขยายความอะไรมาก รู้ตัวว่าใจดีเกินไปที่จะทำลายอนาคตของสองคนนี้และอาจจะของฉันเองด้วยถ้าฉันเผลอพูดออกไป ชีวิตฉันดับอนาถในไฮสกูลนี้ได้เลย
“ดูจากประวัติเธอ ไม่เข้าเรียนบ่อยแถมยัง…มีปัญหาเรื่องครอบครัว หึ! แน่ใจหรอว่าไม่ได้ใช้สารเสพติดพวกนี้จริงๆ” มิสอากาธาพยายามจี้ใจดำให้ฉันยอมรับ เธอรู้ดีว่ายุคสมัยนี้ไม่มีใครไม่เคยใช้เจ้าพวกนี้
“ฉันเห็นด้วยนะคุณดีนน์ คุณดูเหนื่อยๆ ทุกวัน บางวันก็เข้าคลาสสาย คุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” ครูใหญ่เรย์พยายามทำให้ฉันรู้สึกสบายใจ เขาหวังว่าฉันจะสารภาพ
“แค่เพราะพ่อเธอเสียไปแล้ว ไม่ได้แปลว่าเธอจะทำตัวเรียกร้องความสนใจแบบนี้ได้นะ ฉันรู้ว่าเธอก็แค่ต้องการความอบอุ่นให้คนอื่นสนใจใช่มั้ยล่ะ” สายตาดูถูกส่งมาที่ฉันโดยตรง ยัยปีศาจนี่ถึงกับขุดข้อมูลจากห้องธุรการมาประจานกันเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะเรื่องครอบครัว หล่อนกำลังคิดว่าควบคุมโลกใบนี้ได้แต่ไม่ใช่ฉัน
ฉันทำตาขวางใส่เธออย่างชัดเจน โมโหที่เธอและครูใหญ่เรย์พยายามตัดสินด้วยสภาพภายนอก คนแบบฉันมันไร้ค่าอยู่แล้วนี่ คิดจะโยนความผิดให้ก็โยน แค่ยืนหายใจเฉยๆ ยังผิดเลย อะไร ฉันหายใจดังไปหรอ…?
“ฟังนะคะ หนูยืนกรานว่าหนูไม่ได้ทำ ไม่เชื่อก็ให้ใครก็ได้ไปเอากระเป๋าหนูมาค้น มันไม่มีค่ะ” ฉันลุกขึ้น คำพูดแต่ละคำเหยียบเย็นและชัดถ้อยชัดคำ จ้องไปเขม็งไปที่มิสอากาธาเป็นพิเศษ “ขอโทษค่ะที่ทำให้ทุกคนเสียเวลา” แล้วฉันก็เดินออกจากห้องไป ถ้าเขาซักถามอะไรสองพี่น้องวิลสัน ก็ขึ้นอยู่ที่ดวงฉันแล้วว่าพวกเขาจะใจดีปกป้องฉันเหมือนที่ฉันปกป้องพวกเขาหรือเปล่า
หลายวันหลังจากนั้นก็ยังไม่มีใครพูดถึงฉัน หรือเรื่องที่เกิดขึ้น ฉันยังคงล่องหนเหมือนเดิม โชคดีที่เรื่องวันนั้นเป็นเรื่องภายใน อาจมีคนรู้แค่พวกเด็กที่เป็นประธานนักเรียนหรือพวกเนิร์ดที่อยู่ในห้องธุรการบ่อยๆ ปกติพวกนี้ไม่ค่อยมีสังคมเปิดปากอยู่แล้ว ในเมื่อไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าฉันผิด ก็ไม่มีใครเอาผิดฉันได้ ดูเหมือนแฟนเพพเพอร์ก็ดีเหมือนกันแฮะ อย่างน้อยพวกนั้นก็ไม่คิดจะป้ายสีฉัน
“เฮ้ เจมส์ ดีน” เสียงกระซิบดังมาจากใต้อัฒจันทร์ใกล้สนามฟุตบอลที่ฉันปลีกตัวมานั่งคนเดียว ฉันก้มหน้าไปมอง…เซอร์ไพรซ์แฮะ
“ว่าไง…นายชื่ออะไรนะ”
เจ้าของเสียงที่เรียกฉันดูไม่พอใจนิดหน่อย “ทำไมเธอถึงแยกเราไม่ออกนะ ฉันแจ๊คสัน เธอลงมานั่งต่ำๆ สิ จะได้ไม่ต้องก้ม” ฉันขยับตัวลงสามขั้นตามที่เขาบอก
“เรื่องวันนั้นน่ะ เอ่อ ขอบคุณมากที่ไม่ได้พูดอะไรออกไป พี่ฉันก็ฝากมาขอบคุณด้วย”
ฉันพยักหน้า “ไม่เป็นไร”
“ไหนๆ เธอก็ไม่พูดอะไรเรื่องเราแล้ว ฉันขอสารภาพอะไรหน่อยแล้วกัน” แจ๊คสันกระแอมก่อนพูด เขากำลังลังเล “พวกฉันสนิทกับมิสปีศาจนั่น เลยขอกุญแจดาดฟ้าได้ง่ายๆ เขาก็รู้เรื่องที่พวกเราแอบไปสูบบุหรี่บ้างเป็นบางครั้ง วันนั้นเราพลาด ไม่ได้เข้าเรียน ตอนเลิกมิสซิสเดวิสคงไปบอกมิสปีศาจ เธอเลยมาตามเราแต่…”
“หล่อนดันเจอฉัน แล้วเรื่องของพวกนายก็น่าจะถึงห้องครูใหญ่ว่าไม่เข้าเรียนเพราะพวกเธอเป็นถึงนักกีฬาต้องประคองการเรียนไปด้วย แล้วถ้าพวกเธอเข้าห้องนั้นโดยไม่มีฉันเรื่องบุหรี่อาจจะโดนเจอ” ฉันช่วยต่อประโยคแจ๊คสันให้จบ ไม่น่าล่ะ ยัยครูนั่นถึงจะเรียกชื่อไอแซคหน้าตาเฉย แถมยังใส่ร้ายฉันหน้าตาเฉยอีก!
“เธอไม่ได้โง่นี่เจมส์ ดีน”
ฉันกลอกตา “เขียนคนละอย่างกันเลย ออกเสียงด้วย” จะว่าโกรธฉันก็โกรธนะคู่แฝดพวกนี้ แต่ก็โกรธอะไรไม่ลง
“ครูใหญ่เรย์ยอมผ่อนผันเธอ แต่มิสอากาธาดูเหมือนจะไม่ เขาเชื่อว่าเธอสูบบนนั้นจริงๆ นะ” แจ๊คสันว่า “เอ่อ แต่ที่สำคัญ…ที่มิสปีศาจนั่นโบ้ยความผิดให้เธอเพราะพวกฉันแท้ๆ ขอโทษนะ”
ฉันหยักหน้าพึงพอใจ “ขอบใจที่ยังนึกถึงหัวอกฉันนะ โดนแบบนี้ไม่ใช่เล่นๆ เหมือนกัน”
“ตอนเธอออกไป เราวิ่งตามหากระเป๋าเธอแล้วเอามาค้นดู มันไม่มีอะไรจริงๆ” เขาหยิบกระเป๋าสะพายสีน้ำตาลที่ฉันไม่ทันสังเกตขึ้นมาให้ สายตาเราประสานกันเมื่อฉันรับกระเป๋าจากมือเขา อากาศดูเป็นใจเมื่อลมอ่อนๆ พัดมาพอดี
“ว้าว” ฉันยิ้มพลางเอามือทัดผมแก้เขิน ให้ตายเถอะ เขาหล่อจริงๆ นะ “เอ่อ ขอบใจนะ ฉันหาอยู่นานเลย”
“ไม่เป็นไร” เขาฉีกยิ้มกว้างละลายหัวใจ “เธอต้องระวังตัวเอาไว้ให้ดี ปีศาจจ้องเธออยู่” แจ๊คสันเตือน นิ้วของเขาม้วนปลายผมสีเข้มของฉันเล่น “ฉันเป็นห่วงเธอนะ”
***
“เขาดูชอบเธอเนอะ” จบประโยค มือของคนตรงหน้าก็เข้ามาปะทะบนแก้มของฉันฉาดใหญ่ วินาทีนั้นเองที่ใบหน้าของฉันรู้สึกชาไปหมด ตรงที่เป็นต้นเหตุของอาการชาเริ่มเจ็บ เดาว่าเส้นเลือดฝอยคงแตกทำให้แก้มเริ่มเป็นสีแดงแล้ว
“ฉะ…ฉันขอโทษ” เลสลี่ โลว์กุมปากตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตาว่าเธอทำอะไรลงไป สายตาของเธอแวบนึงตอนตบมันแฝงไปด้วยความเจ็บปวด ใช่แล้ว เลสลี่ตบฉัน
“ทำอะไรของเธอน่ะยัยบ้า!” ฉันตะคอก “แจ๊คไปเอาน้ำแข็งมาประคบให้ฉันหน่อย” ฉันตะโกนไปหาแจ๊คที่กำลังวิ่งมาเพราะได้ยินเสียงเพี๊ยะดังๆ
“ฉันนึกว่าฉันลืมเขาได้แล้ว” เด็กสาวผมสีน้ำตาลแบบอังกฤษตรงหน้าฉันส่ายหน้า “ฉันเพิ่งโดนแจ๊คสันบอกเลิกมาน่ะ” น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากนัยน์ตาสีน้ำตาลที่ตอนนี้แทนที่ด้วยความเศร้า
“แล้วเธอตบฉันทำไม” เหตุผลแค่นี้ไม่พอ ยังไงฉันก็ต้องการคำอธิบาย
“ฉันคิดว่าเธอเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขามาลองคบกับฉัน เข้ามาหาฉันเอง แล้วก็ทำให้ฉันเจ็บ” เลสลี่ก้มหน้า “เธอบอกว่าเธอเป็นพวกไม่ค่อยมีใครสนใจ ฉันก็เหมือนกันคาเยน” เธอยังก้มหน้าอยู่เลยพอจะนึกออกว่าตอนนี้น้ำตาคงไหลอาบแก้ม “แต่ฉันเป็นกลุ่มเนิร์ด ฉันเอาแต่ช่วยพวกครูจนไม่มีเด็กคนไหนอยากเป็นเพื่อนกับฉัน”
ฉันพึมพำขอบใจแจ๊คแล้วไล่ให้เขาไปเฝ้าร้านต่อ
“หลังจากเกิดเรื่องเธอได้อาทิตย์นึง เขาก็มาชวนฉันเที่ยว บอกฉันว่าเขาอยากลองคบกันคนที่ไม่มีบทบาททางสังคมบ้าง” เลสลี่เช็ดน้ำตา “ซึ่งนั่นอาจหมายถึงเธอ! แต่เขาคบเธอไม่ได้ เธอมีแฟนแล้ว เขาเลยมาลองกับฉัน”
เลสลี่อาจพูดถูก
***
“ฉันเป็นห่วงเธอนะ” แววตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนทำให้จิตใจฉันอ่อนระทวย แต่วันนั้นฉันกับแจ๊คก็ไปกันสุดได้แค่นั้น อนึ่งเพราะกริ่งเข้าเรียนดัง แล้วเขาก็เสี่ยงให้คนอื่นเห็นว่าเราอยู่ด้วยกันไม่ได้
วิชาภาคบ่ายฉันใจลอยผิดปกติทุกคาบ ไม่ได้ตกอยู่ในห้วงความรักแต่อย่างใดทว่าแปลกใจและครุ่นคิด ถึงแจ๊คสันจะหล่อน่าจับก็จริง แต่เขาไม่มีทางลดตัวมาชอบคนไร้ตัวตนอย่างฉันหรือถ้าเกิดเขาชอบของแปลกขึ้นมาจริงๆ มันก็ไม่น่าเป็นฉันอยู่ดี
ดูเหมือนพระเจ้าจะคิดว่าแจ๊คสันยังไม่น่าตกใจพอ หลังเลิกเรียน ท่านเลยประทานสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิตให้ฉัน
ครืด…มือถือฉันสั่นสั้นๆ เตือนข้อความเข้า
เพพเพอร์: ฉันเห็นเธออยู่กับแจ๊คสัน วิลสัน
วินาทีนั้นเองหัวใจฉันแทบหยุดเต้น ไม่รู้ว่าจะตกใจที่เพพเพอร์ส่งข้อความมาหาหรือกลัวว่าแจ๊คสันคือแฟนเพพเพอร์ ฉันพิมพ์ตอบกลับไป
ฉัน: ไม่ใช่แฟนเธอใช่มั้ย
เพพเพอร์: ฉันกับไอแซคแฟนฉันยืนมองตอนเขาเข้าไปคุยกับเธอ
เฮ้อออ บ้าน่า ทำไมฉันถึงต้องโล่งใจขนาดนี้นะ สงสัยเรื่องพลัดเวรกันคั่วเพพเพอร์คงต้องคิดใหม่ซะแล้ว
“เฮ้! ที่รัก” เกรเกอรี่เจอฉันปุ๊บก็ร้องทักพร้อมกอดคอฉันทันที
“ไง” ฉันทักสั้นๆ ในหัวเหมือนเพิ่งระลึกได้ว่ามีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว
เขาพาฉันเดินไปเอาจักรยานที่จอดไว้ตรงลานจอดรถหน้าโรงเรียน พอฉันปลดโซ่จักรยานเสร็จ กำลังจะเงยหน้าขึ้น เกรกก็ขโมยจูบฉันแบบไม่ทันตั้งตัว
“เกรก คนอยู่เยอะแยะ” ฉันตำหนิเสียงกระซิบ ตอนนั้นเองที่สายตาฉันไปสบกับแจ๊คสัน วิลสันที่กำลังขึ้นรถคันแพงของเพื่อนเขาอยู่พอดี มันเป็นการมองตากันครั้งสุดท้ายของเรา
คนเยอะจริงๆ แฮะ…รวมทั้งว่าที่แฟนใหม่ในอนาคตฉันด้วยแต่ตอนนี้คงกลายเป็นแค่คนรู้จักไปแล้ว จูบคงบอกอะไรหลายอย่างในตัวมันเอง ชัดเจนว่าเขามายุ่งกับผู้หญิงของมือปล่อยยาของโรงเรียน แจ๊คสันคงไม่คิดว่าฉันขยะขนาดนี้ สังคมเราต่างกันมากเกินไปจริงๆ เขาอยู่สูงสุด ฉันอยู่ต่ำสุด แน่นอนว่าหลังจากวันนั้น แจ๊คสันก็ไม่เคยมาคุยกับฉันอีกเลย
ฮายยยยยยยยยยยย
ตอนสองคลอดแล้ววว *ปาดเหงื่อ* ที่ออกช้าไม่ใช่อะไร
บอกตรงๆว่ากำลังใจไม่มีเลย T T
ไม่ค่อยมีคนอ่านกับติดตามเท่าไหร่เลยนานๆทีมาลง
ถ้าแฟนๆที่ติดตามยังอยู่ก็เม้นให้กำลังใจด้วยน้าา
จะเม้นติหรือชมก็ได้ค่า บีอยากได้ฟีตแบคมากกก
อยากรู้ว่าตัวเองเขียนเป็นยังไง สนุกหรือเปล่า ถูกใจกันมั้ย
ยังไงก็ยังฝากต่อไปนะคะ ไม่ทิ้งค่ะ(แต่อัพช้าเนื่องจากสาเหตุที่บอกไป ._.)
T
h
e
m
y
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

มียาสูบด้วย
เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ