ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตีบทแตก
หลังจากได้พูดคุยกับนักแสดงตัวน้อยมาซักพัก ฉันก็พอจะสรุปคร่าวๆ ได้ว่า
ฉันถูกจัดให้รับบทของพระสนมเฉียนเหม่ยอิง พระสนมอันดับที่ร้อยเท่าไหร่ก็ไม่ทราบ
ขององค์จักรพรรดิโจวเหวินฉี ฉันเข้าวังมาได้ 1 ปี ยังไม่เคยเข้ารับใช้องค์จักรพรรดิ
มาก่อน ส่วนอี๋อิงเพิ่งมารับใช้ฉันได้สามวัน และที่สำคัญ ปีนี้เป็นปีการปกครองที่สิบสาม
บ้านเมืองสงบล่มเย็น ไม่มีศึกสงคราม ข้อมูลต่างๆ ถูกจดใส่สมองของฉันอย่างรวดเร็ว
ขององค์จักรพรรดิโจวเหวินฉี ฉันเข้าวังมาได้ 1 ปี ยังไม่เคยเข้ารับใช้องค์จักรพรรดิ
มาก่อน ส่วนอี๋อิงเพิ่งมารับใช้ฉันได้สามวัน และที่สำคัญ ปีนี้เป็นปีการปกครองที่สิบสาม
บ้านเมืองสงบล่มเย็น ไม่มีศึกสงคราม ข้อมูลต่างๆ ถูกจดใส่สมองของฉันอย่างรวดเร็ว
ฉันยิ้มให้เธอ
“พระสนม มีอะไรให้หม่อมฉันรับใช้เพคะ”
อี๋อิงยังคงก้มหน้าต่ำ ไม่กล้าสบตาฉันจนฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไม?
หรือบางทีบทบาทของฉันอาจเป็นพวกใจร้ายใจดำ ชอบรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า
อย่างในหนังจีนชุดหลังข่าวเที่ยงที่เคยดูนะเหรอ เธอถึงดูกลัวฉันเสียเหลือเกิน
อย่างในหนังจีนชุดหลังข่าวเที่ยงที่เคยดูนะเหรอ เธอถึงดูกลัวฉันเสียเหลือเกิน
“เธอกลัวฉัน?” ฉันถาม
แขนข้างหนึ่งยื่นออกไปหยุดอยู่ที่คางของนางกำนัลน้อย ฉันใช้มือจับมันไว้
ตามที่เคยดูในทีวี หน้าเล็กๆ เงยขึ้น เผยให้เห็นดวงตากลมกลมโตที่บัดนี้เอ่อล้น
ไปด้วยน้ำตา สีหน้าของเธอขาวราวกับกระดาษ แววตาที่ชุ่มไปด้วยน้ำใสๆ
ดูหวาดกลัวจนฉันเชื่อสนิทใจ
ไปด้วยน้ำตา สีหน้าของเธอขาวราวกับกระดาษ แววตาที่ชุ่มไปด้วยน้ำใสๆ
ดูหวาดกลัวจนฉันเชื่อสนิทใจ
“oh my god” ฉันอุทานออกมา
ลึกๆ รู้สึกนับถือเด็กน้อยตรงหน้าตัวแค่นี้ แต่กลับตีบทแตก ไม่มีที่ติ
“พระสนมทรงพูดว่า..อย่างไรนะเพคะ”
“เจ้ากลัวข้าหรือ” ให้ตายซิการส่งบทของเธอ ทำให้ฉันเผลอเล่นตาม
“ป่าวเพคะ”
“พูดมา” ดูเหมือนว่าการเพิ่มความดุดันในน้ำเสียง จะได้ผลเธอดูรนยิ่งกว่าเดิม
“พูด!!” ฉันตวาด
“ก..ก่อนที่หม่อมฉันจะมารับใช้พระสนม คนข้างนอกกล่าวว่าพระสนมมะ..มี ”
เธอพูดน้ำเสียงตะกุกตะกัก
เธอพูดน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ฉันมีอะไร?”
“มีสติไม่สมประกอบ เพคะ ได้โปรดอย่าลงโทษบ่าวเลย หม่อมฉันสำนึกผิดแล้ว”
ร่างเล็กๆสั่นเทา ด้วยความกลัว เธอก้มหัวแนบพื้น
“ฮ่าๆๆ” ในที่สุดฉันก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา สงสัยฉันคงจะบ้าจริงๆแล้วละ
“แล้วเขาว่ายังไงกันอีก?”
เด็กสาวเล่าต่อไปด้วยความซื่อ
“ว่ากันว่าเพราะพระสนม สติไม่อยู่กับร่องกับรอย แถมยังชอบเก็บตัว
หากผู้ใดมายุ่งก็จะเข้าทำร้ายเพคะ”
“ดังนั้น จึงไม่มีใครอยากพบข้า ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวว่างั้นเถอะ..”
“เพคะ”
“งบต่ำจริงๆ”
“งบอะไรต่ำ หรือเพคะ?”
“ไม่มีอะไร ฉันจะนอนล่ะ เธอออกไปก่อนไป”
ฉันเผลอนึกไปว่าจะมีตัวละครอื่นให้ดูเสียอีกแต่ดูจากบทบาทที่วางไว้
ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าฉันเป็นบ้า แถมยังถูกส่งตัวมาอยู่ไกลสังคม อย่างนี้ฉันจะทำยังไงดี
“เฮ้อ...” ฉันทิ้งตัวลงนอนก่อนจะปิดตาลงด้วยความเหนื่อยล้า
ช่างเถอะคิดมากไปก็ปวดหัวเปล่าๆ สู้นอนเอาแรงก่อนดีกว่า
---------------------------------------------------------------------------------
เพียงไม่นาน ฉันก็อยู่ที่นี่มาได้สามวันแล้ว
ชีวิตค่อนข้างสุขสบาย กินแล้วก็นอน ส่วนอาการปวดที่คอนั้นดีขึ้นมาก
ทั้งนี้ต้องขอบคุณนางกำนัลตัวน้อยที่คอยทายาให้ฉัน เช้า-เย็น
อาการปวดตอบขยับตัวไม่ปรากฏอีก เหลือเพียงตอนสัมผัสโดนที่บริเวณ
สีม่วงตรงคอเท่านั้นที่ยังปวดอยู่
อาการปวดตอบขยับตัวไม่ปรากฏอีก เหลือเพียงตอนสัมผัสโดนที่บริเวณ
สีม่วงตรงคอเท่านั้นที่ยังปวดอยู่
อีกสิ่งที่น่าเสียดายคือในสามวันที่ผ่านมาฉันยังไม่มีโอกาสพบใครเลยนอกจากอี๋อิง
ฉันลองนับวันดูแล้วเหมือนว่าจะเหลืออีกไม่ถึง 5 วัน ก็จะถึงกำหนดกลับไทยของฉันแล้ว
ไม่รู้ว่าตอนนี้อาจารย์ กับคนอื่นๆจะรู้ไหมว่าฉันอยู่ที่นี่
บางทีทีมงานรายการอาจติดต่อบอกไปแล้ว จึงไม่มีใครมาตามหาฉันเลย
ไม่รู้ว่าตอนนี้อาจารย์ กับคนอื่นๆจะรู้ไหมว่าฉันอยู่ที่นี่
บางทีทีมงานรายการอาจติดต่อบอกไปแล้ว จึงไม่มีใครมาตามหาฉันเลย
ส่วนโทรศัพท์ และของอื่นๆที่ติดตัวมา อี๋อิงบอกว่าไม่รู้ไม่เห็น
ฉันหวังว่าทางทีมงานคงเก็บรักษาอย่างดี เพราะในกระเป๋ามีทั้ง พาสปอร์ต
แล้วก็เงินหยวนอีกไม่น้อย
---------------------------------------------------------------------------
แล้วก็เงินหยวนอีกไม่น้อย
---------------------------------------------------------------------------
อีกมุมหนึ่งของเมืองหลวง ชายหนุ่มในชุดอาภรณ์สีดำเข้ม นั่งมองสมุด
สีแดงเลือดหมูในมืออย่างไม่วางตา.. ตัวอักษรที่ไม่เคยพบ ข้าวของเครื่องใช้
ที่ได้มาจากผู้หญิงนางนั้น ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น ทุกสิ่งล้วนสร้างความประหลาดใจ
ให้เขาไม่น้อย
ที่ได้มาจากผู้หญิงนางนั้น ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น ทุกสิ่งล้วนสร้างความประหลาดใจ
ให้เขาไม่น้อย
“คาราวะท่านแม่ทัพ”
ร่างอรชรในชุดสีชมพูอ่อนย่อคำนับก่อนจะเดินเข้ามาหาบุรุษรูปงาม
ใบหน้าของนางถูกแต่งแต้มไปด้วยเครื่องประทินโฉมหลากสีสัน
“แม่นางเหม่ยอิง”
ชายหนุ่มรีบลุกขึ้น ต้อนรับหญิงงามตรงหน้า
ชายหนุ่มรีบลุกขึ้น ต้อนรับหญิงงามตรงหน้า
ดวงตาสีน้ำผึ้ง จ้องมองเขาอย่างไม่วางตา ราวกับตกอยู่ในภวังค์
เขาไม่สามารถละสายตาจากหญิงนางนี้ได้เลย
“เหม่ยอิงไม่ทราบว่าท่านแม่ทัพกำลังยุ่งอยู่ ..เช่นนั้นเหม่ยอิงขอตัวก่อน ”
นางย่อตัวคำนับเข้าอีกครั้ง
ยังไม่ทันที่จะหันหลังกลับมือขนาดใหญ่ก็ถือโอกาสดึงร่างอันบอบบาง
เข้ามาไว้ในอ้อมกอด
“ท่าน” นางก้มหน้าลงต่ำด้วยความอาย
ท่าทางที่เชื่องราวกับลูกแมวตัวน้อย ทำให้เขาแทบอดใจไว้ไม่อยู่
เพราะความงามนี้ เกือบทำให้เขาต้องสูญเสียนางไปเสียแล้ว
พอคิดถึงเรื่องนี้ก็อดสงสารหญิงประหลาดนางนั้นไม่ได้
ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง...
พอคิดถึงเรื่องนี้ก็อดสงสารหญิงประหลาดนางนั้นไม่ได้
ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง...
“ท่านแม่ทัพ” เสียงหวานๆ พลันเรียกสติเขากลับมา
เขารีบอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน แล้วจึงพานางหายเข้าไปห้องของตน
----------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------
นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ ใดๆทั้งสิ้นค่ะ เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเองล้วนๆ
ส่วนชื่อสถานที่ คน หรือ สิ่งต่างๆ ขออนุญาติใช้ชื่อจริงเพื่อความสมจริงนะคะ
..ถ้ามีตรงไหนต้องปรับปรุงแก้ไขแนะนำได้เลยนะคะ ยินดีมากๆ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น