ตอนที่ 9 : [Shortfic AU Reapertale] Death meet Mercy
[Shortfic AU Reapertale] Death meet Mercy
*AUนี้เป็นAUที่ถูกแต่งขึ้นโดยRenrink เนื้อเรื่องหลักอยู่ในTumblr ซึ่งผู้แต่งได้นำมาและอาจจะมีการดัดแปลงหรือเปลี่ยนเนื้อหาในเรื่องเล็กน้อยถึงปานกลาง และส่วนใหญ่มักมาจากจินตนาการของผู้เขียน*
ตั้งแต่วันนั่น...วันที่เขาได้สูญเสียคนสำคัญในชีวิตไป
คนที่สอนให้เขารู้ถึงคุณค่าของชีวิต...และความรัก
เทพีแห่งชีวิต ทอเรียล...ได้สิ้นใจไปแล้ว...
.
.
.
.
ตั้งแต่วันที่เทพีแห่งชีวิตได้สิ้นใจลง หัวใจของเขาก็เหมือนจะไม่รับรู้ความรู้สึกใดใดได้อีก มีชีวิตอยู่เพียงแค่ทำตามหน้าที่และตามล่าวิญญาณของยัยเด็กปีศาจนั่น...ที่บังอาญสังหารเทพีแห่งชีวิตที่รักยิ่งของเขา
ตัวเขา...เทพแห่งความตาย ไม่มีสิ่งใดอีกนอกจากความแค้น
“ทอริ...ทำไมเจ้าต้องจากข้าไปเร็วขนาดนี้” ร่างโครงกระดูกภายใต้เสื้อคลุมตัวยาวสีดำมืดนั่งอยู่ท่ามกลางพุ่มดอกไม้สีทองงดงามเพียงแต่เมื่อเขาแตะสัมผัสมัน ดอกไม้ที่แสนงดงามก็เหี่ยวเฉาตายไปในทันที “heh ขอโทษที่ทำให้ดอกไม้ของเจ้าตายนะทอริ...แต่ถ้าหวงมันมากเนี่ย ก็กลับมาต่อว่าข้าสิ...”
แต่...เขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้
ดวงดาวบนท้องฟ้าดวงหนึ่งสว่างเจิดจ้าเป็นประกายสวยงาม มันสวยงาม...เหมือนกับเทพีแห่งชีวิตไม่มีผิด
“แซนส์...พี่ชาย ได้เวลาไปทำงานแล้วนะพี่...” เสียงหนึ่งดึงสติของเขาให้กลับมา พาไพรัสมองพี่ชายของเขา แซนส์ ที่นั่งเหม่อมองท้องฟ้าอยู่ เขารู้ว่าพี่ชายของเขาเศร้ามาเพียงใดที่สูญเสียเทพีแห่งชีวิตไป ทอเรียลเหมือนเป็นคนที่ทำให้พี่ชายของเขามีชีวิต ไม่ใช่เพียงเครื่องมือทำตามหน้าที่เพียงเท่านั่น การสูญเสียนางไปทำให้พี่ชายของเขาช็อกมาก
และทุกวัน...แซนส์ก็จมอยู่กับความแค้นและการตามล่าวิญญาณของเด็กสาวคนนั่น
“อา...รู้แล้วล่ะพัพพ์” ร่างภายใต้ผ้าคลุมตัวยาวสีดำมืดยันตัวลุกขึ้นก่อนที่จะสวมฮูดสีดำสนิทคลุมศีรษะไว้ พาไพรัสมองพี่ชายของเขาอย่างเศร้าใจ
จะมีทางไหนที่ทำให้พี่ชายของเขาหลุดออกจากความแค้นได้บ้างมั้ยนะ...
ไม่มีวันไหนที่แซนส์ขะไม่กลับมาที่สวนแห่งนี้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่พำนักอาศัยของเทพีแห่งชีวิต เขาคิดถึงนางผู้จากไปอยู่ทุกวัน และคอยย้ำเตือนตัวเองว่าไม่ว่ายังไงก็ต้องตามล่าและจับยัยวิญญาณปีศาจนั่นกลับมาลงทัณฑ์ในนรกให้ได้ ยัยเด็กนั่นต้องได้รับกรรมที่ก่อเอาไว้ให้สาสมกับที่ทำให้ระบบความตายวุ่นวายและโทษทัณฑ์ที่สังหารเทพีแห่งชีวิต
ยัยเด็กนั่นต้องไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดอย่างแน่นอน!
พลันดวงตาข้างซ้ายของเขาก็เรืองแสงสีฟาประกายอย่างความโกรธ แต่ก็ต้องยับยั้งตัวเองไว้ ไม่เช่นนั่นสวนที่ทอเรียลหวงแหนอาจจะถูกทำลายได้
แซ่กๆ
หืม...?
เสียงการเคลื่อนที่ของอะไรบางอย่างดังขึ้นเรียกความสนใจของเทพแห่งความตายให้หันไปทางต้นเสียงอย่างแปลกใจ
ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดนอกจากนกน้อยที่ขับขานบทเพลงไพเราะอยู่ด้วยอย่างนั่นหรือ
เทพแห่งความตายคิดด้วยความสงสารก่อนที่จะเคลื่อนตัวไปเพื่อดูว่าต้นเสียงของสิ่งมีชีวิตนั่นคืออะไร อาจจะเป็นกวางหรือว่ากระต่ายก็เป็นได้
แต่แล้วความคิดเหล่านั่นก็ต้องถูกพับเก็บไป เบ้าตาของเขาเบิกกว้าง
ร่างของเด็กสาววัย16ปีในชุดอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ถือตระกร้าสานสีน้ำตาลกำลังเดินผ่านเข้ามาภายในสวนของเทพีแห่งชีวิตอย่างอาจกล้า เส้นผมสีน้ำตาลเข้มยาวประบ่าพริ้วไปตามจังหวะการเดินของเด็กสาวตัวน้อย เธอช่างดูเหมือนเด็กสาวที่น่ารักและแสนบริสุทธิ์คนหนึ่ง แต่นั่น...ไม่ใช่กับแซนส์...
ใบหน้าของเด็กคนนี้...เหมือนกับวิญญาณร้ายคาร่าไม่มีผิด!!
“หยุดเดี๋ยวนี้เจ้ามนุษย์!” น้ำเสียงดังก้องน่าขนลุกดังขึ้นก้องป่า ส่งผลให้เด็กสาวหยุดชะงักพลางมองรอบข้างด้วยสีหน้าหวาดหวั่น ใบหน้าของเด็กสาวซีดลงเมื่อพบกับร่างโครงกระดูกน่ากลัวซึ่งสวมเสื้อคลุมสีดำมืดลอยอยู่ตรงหน้าเธอพร้อมกับเคียวเล่มใหญ่
เทพแห่งความตาย
“ขะ...ข้า...ข้าไม่รู้ว่าที่นี่เป็นป่าของท่าน!” ร่างเล็กเอ่ยด้วยเสียงเล็กใสดั่งระฆังแก้วแต่มันคงจะน่าฟังกว่านี้หากน้ำเสียงได้เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสั่นเทาเสียจนน่าสงสาร มือเล็กกำตระกร้าสานไว้แน่นพลางก้มหน้าลงหลบสายตาน่ากลัวของเทพแห่งความตายตรงหน้า
“หากรู้แล้วทำไมยังไม่กลับออกไปอีกเจ้ามนุษย์” เทพแห่งความตายเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งจนเหมือนกับว่าบรรยากาศรอบตัวจนหนาวเย็นลงจนร่างเล็กตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
“ขะ...ข้าเพียง...ต้องการเข้ามาเก็บดอกไม้สีทองงดงามสักดอกกลับไปฝากท่านแม่ของข้า...” แต่แทนที่เด็กน้อยผู้หวาดกลัวจะรีบกลับไป นางกลับเอ่ยสิ่งที่ต้องเองต้องการออกไป เด็กาวเงยหน้าขึ้น น่าแปลกประหลาด เด็กสาวไม่ลืมตาของเธอ “ข้าขอร้องต่อท่านเทพแห่งความตาย ข้าขอแค่เข้าไปเก็บดอกไม้เพียงเท่านั่นแล้วข้าจะกลับไปทันที ได้โปรด...”
แปลก...ช่างเป็นเด็กที่แปลกเสียเหลือเกิน
เขาเห็นประกายความหวังในท่าทางของเด็กคนนี้ ช่างเป็นเด็กที่บริสุทธิ์
มันทำให้เขาใจอ่อนลง...
“ก็ได้...เพียงแต่เจ้าต้องเก็บไปเพียงดอกไม้เพียงเท่านั้นและรีบออกจากที่นี่ไปเสีย เด็กน้อย”
เพียงแค่เขาเอ่ยประโยคนั่น รอยยิ้มสดใสก็ปรากฏบนใบหน้าของเด็กสาวในทันที
“ขะ...ขอบคุณค่ะท่านเทพแห่งความตาย!”
ตึกตัก...
หืม...นี่มันอะไรกัน...เสียงหัวใจของเราอย่างนั่นหรือ...หัวใจที่เขาปิดตายไปแล้วน่ะหรือ...
เทพแห่งความตายมองรอยยิ้มสดใสของเด็กสาวตรงหน้าอย่างนิ่งงันพร้อมกับความรู้สึกแปลกประหลาดของตัวเอง ใบหน้าซึ่งซ่อนอยู่ภายใต้ฮูดคลุมศีรษะสีดำมืดฉายแววสับสนกับตัวของเขาเอง
ความรู้สึกแบบนี้...มันอะไรกัน
แล้วทำไมข้าต้องมานั่งเฝ้าเจ้าเด็กมนุษย์นี่ด้วยกัน
โครงกระดูกภายใต้เสื้อคลุมสีดำมืดคิดขณะที่นั่งอยู่บนกิ่งไม้กิ่งหนึ่งบนต้นไม้ซึ่งแห้งตายไปแล้วเมื่อเขาสัมผัสไม่ไกลจากทุ่งดอกไม้สีทองมากนักเพื่อนั่งเฝ้าสังเกตการณ์เด็กสาวในอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ซึ่งกำลังฮัมเพลงคลอกับเสียงนกร้องไปเบาๆในขณะที่กำลังนั่งถักมงกุฎดอกไม้อยู่อย่างช้าๆและประณีต
เมื่อไหร่เด็กนี่จะไปเสียที
ถึงเขาจะคิดแบบนั่นแต่เทพแห่งความตายก็ไม่มีท่าทีว่าจะไล่เด็กสาวไปเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าอยากจะไล่เขาคงไม่มานั่ง(แอบ)มองเด็กคนนี้อยู่แบบนี้หรอก...
“นี่ เจ้าหนู” ในที่สุดแซนส์ก็ตัดสินใจส่งเสียงเรียกเด็กสาวที่กำลังก้มหน้าก้มตาถักมงกุฎดอกไม้ให้เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงเรียก เด็กคนนี้ไม่ลืมตาขึ้นจริงๆด้วยนะแล้วมองเห็นได้ยังไงล่ะนั่น... “ทำไมถึงได้เข้ามาที่นี่อย่างนั่นหรือ”
“คะ...คือว่า...” เสียงเล็กใสเอ่ยขึ้นอย่างไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก “ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับดอกไม้สีทองซึ่งเป็นดอกไม้ที่ขึ้นอยู่ภายในสวนของเทพีแห่งชีวิตและ...ข้าต้องการเก็บไปให้คุณแม่เห็นมันสักครั้ง” เด็กสาวยิ้มบางๆบนใบหน้าที่แสนจะเศร้าสร้อยของเธอ “คุณแม่ป่วยหนักมาก...ข้าแค่อยากจะทำให้ท่านมีความสุขค่ะ”
เพียงเพราะแค่นั่นถึงกับต้องเดินทางไกลมาเก็บดอกไม้สีทองถึงสวนของเทพีแห่งชีวิตเชียวหรือ เพียงเพื่อให้แม่ของเธอมีความสุขถึงกับต้องเดินทางไกลมาขนาดนี้เชียวอย่างนั่นหรือ
เทพแห่งความตายเงียบไปสักพัก เด็กสาวลุกขึ้นจากทุ่งดอกไม้สีทองสวยงามก่อนที่จะเดินเข้าไปหาร่างสีดำมืดทั่งอยู่บนต้นไม้ก่อนที่จะกระตุกชายเสื้อคลุมสีดำมืดของอีกฝ่ายเบาๆ นั่นทำให้แซนส์ค่อนข้างแปลกใจ ก่อนหน้านี้เด็กสาวยังหวาดกลัวเขาอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับกล้าที่จะเดินเข้ามาใกล้เขา เข้ามาใกล้กับความตายราวกับเป็นเรื่องแสนธรรมดา
ร่างในเสื้อคลุมสีดำมืดค่อยๆลอยลงมาจากกิ่งไม้ ลงมาอยู่ตรงหน้าของเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มประบ่า เธอยิ้มสดใสให้กับเขาก่อนที่จะวางมงกุฎดอกไม้สีทองที่เธอถักเมื่อครู่ลงบนศีรษะที่ปกคลุมด้วยฮูดสีดำมืด แต่เพียงไม่นาน...ดอกไม้สีทองสวยงามก็เหี่ยวเฉาไป
“เจ้าทำอะไรของเจ้า!?” เจ้าแห่งความตายเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ มงกุฎดอกไม้สวยงามเมื่อครู่เหี่ยวเฉาหมดซึ่งความสวยงาม “คิดจะล้อเลียนข้าอย่างนั่นหรือ!”
ครั้งหนึ่งก็เคยเป็นแบบนี้...ตอนที่ทอเรียลมอบดอกลิลลี่สีขาวให้กับเขา เขาก็ทำมันเหี่ยวเฉาเช่นกัน มันทำให้เขารู้สึกไม่ดีอย่างมาก ครั้งนี้เด็กนี่ยังคิดจะกล้าท้าทายเขาอีกอย่างนั่นหรือ!
แต่เด็กสาวตรงหน้ากลับส่ายหน้าเบาๆก่อนที่จะยิ้มสดใสให้กับเทพแห่งความตาย
“ข้าตั้งใจทำให้ท่านเป็นการตอบแทนที่อนุญาตให้เข้ามาเก็บดอกไม้ที่นี่ได้ ถึงแม้ดอกไม้เหล่านี้จะเหี่ยวเฉาไปเมื่อสัมผัสกับตัวของท่าน แต่ชีวิตก็เช่นนี้...ถึงไม่เหี่ยวเฉาเพราะท่าน ยังไงมันก็มีวันที่จะถึงการดับสลาย” เด็กสาวพลันยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า “ถึงยังไง...มันก็ยังคงสวยงามในตัวเองแม้จะเหี่ยวเฉาไปแล้วก็ตาม”
คำตอบนั่นทำให้เจ้าแห่งความตายนิ่งไป ความคิดของเด็กคนนี้ช่างแปลกและเป็นผู้ใหญ่เกินตัวเสียจริง
“ตะ...แค่หากท่านไม่ชอบ ท่านจะทิ้งก็ตามแต่ท่านจะประสงค์เถอะค่ะ...” ใบหน้าน่ารักหม่นหมองลงเล็กน้อยอย่างรู้สึกผิด เธอไม่สามารถที่จะทำให้มันกลับมาสวยงามได้ ทำไมถึงโง่ขนาดนี้ นำสิ่งที่ก็รู้ตัวว่ามันสามารถคงสภาพได้มามอบให้กับเทพแห่งความตายเช่นนี้คงเป็นการดูหมิ่นเป็นแน่ ท่านต้องไม่ชอบใจแน่นอนอยู่แล้ว
“ใครบอกว่าข้าจะทิ้งกัน เด็กน้อย”
เอ๋!
เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองเทพแห่งความตายอย่างแปลกใจก่อนที่จะสังเกตเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายที่ขึ้นสีฟ้าจางๆ เขาเพียงแตะมงกุฎดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาก่อนที่จะเสมองไปทางอื่นด้วยท่าทีราวกับเขินอาย
“ขอบใจ...”
นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เด็กสาวยิ้มกว้างบนใบหน้า รอยยิ้มที่ราวกับแสงจากดวงอาทิตย์เจิดจ้าเสียจนตาพร่า
วิญญาณของเด็กคนนี้...ช่างบริสุทธิ์และเปล่งประกายเสียจริง
ในที่สุดเขาก็เลือกที่จะเปิดใจให้กับเด็กสาวตัวน้อยตรงหน้า
“ข้ามีนามว่าแซนส์ หรือที่หลายๆคนเรียกว่า เดธ แล้วเจ้าล่ะ เด็กน้อย มีนามว่าอะไร”
“ฟริกส์...ข้ามีชื่อว่าฟริกส์ค่ะ”
.
.
.
.
หลังจากนั่นมา งานอดิเรกใหม่ของเทพแห่งความตาย แซนส์ ก็คือการแวะมาหาเด็กสาวนามฟริกส์อยู่เสมอๆ ไม่ว่าจะทั้งที่เด็กสาวรู้ตัว...หรือไม่รู้ตัวก็ตาม...เขายังแปลกใจตัวเองที่มาคอยตามดูเด็กสาว ไม่...เขาอาจจะระแวงเด็กคนนี้อยู่ แต่ในใจของเขาไม่มีความคิดที่จะระแวงเด็กสาวคนนี้ตามที่สมองคิดเลยนี่สิ...
อีกอย่างหนึ่งที่แปลก...ฟริกส์เหมือนจะมีออร่าบางอย่างที่อ่อนโยนแผ่ออกมาจากดวงวิญญาณ ออร่านั่นทำให้คนรอบข้างเธอสงบจิตใจได้อย่างน่าแปลก บ่อยครั้งที่มีคนทะเลาะกันหรือเกิดความขัดแย้งจากความปั่นป่วนวุ่นวายที่มีผลมาจากวิญญาณร้ายคาร่าที่แพร่กระจายเมล็ดพันธุ์ของความวุ่นวายไปทั่วทั้งโลกมนุษย์ เพียงแค่เด็กคนนี้อยู่ใกล้ สถานการณ์ที่เหมือนกำลังแย่กลับกลายเป็นการคืนดีกันได้โดยไม่ต้องใช้กำลังใดใด
และฟริกส์...เธอไม่แม้แต่จะตอบโต้เมื่อเธอต้องพบเจอกับความรังแกจากเด็กมนุษย์รอบข้างเพียงเพราะเธอเป็นเด็กที่ไม่มีพ่อ...เธอมักจะทำเพียงแค่ยิ้มก่อนที่จะแสดงท่าทีเป็นมิตรให้กับผู้คนเหล่านั่นโดยไม่มีแม้แต่ความขุ่นเคืองภายในใจของเธอ
นี่ล่ะมั้ง...สาเหตุที่ทำให้เขาสนใจเด็กคนนั่น
“เด็กน้อย แผลพวกนั่น...” ดวงตาสีขาวจับจ้องไปที่ร่างของเด็กสาวซึ่งบัดนี้ตามแขน ขาและใบหน้าน่ารักของเธอมีแต่รอยช้ำและรอยกรีดที่เหมือนกับคมมีด เนื่องจากผิวของเด็กสาวนั่นขาวนวลจึงทำให้รอยพวกนั่นดูเด่นชัดและน่ากลัวมากบนผิวของเธอ
ฟริกส์เพียงแค่ยิ้มบางๆบนใบหน้าเพียงเท่านั่น
“ไม่นึกว่าท่านจะอยู่ที่นี่นะคะ...ฮะๆ” ร่างเล็กในอาภรณ์สีขาวซึ่งตอนนี้มันกลับเปื้อนไปด้วยรอยฝุ่นสีดำ ไม่เหมาะกับเธอเลยสักนิด ฟริกส์นั่งลงบนพื้นหญ้าภายในสวนของเทพีแห่งชีวิตก่อนที่มือเล็กจะเริ่มต้นทำแผลให้ตัวเองโดยมีสายตาของเทพแห่งความตายคอยมองอยู่ไม่วางตา
เพียงแค่เขาห่างสายตาไปจากเด็กสาว มันกลับกลายเป็นช่องว่างที่ผิดพลาด
เขาสัมผัสได้...รอยกรีดนี่มัน...ไม่ใช่เพียงแค่ของมีคมธรรมดาๆ
สัมผัสแบบนี้...นี่มันเคียวของเขา
“เด็กน้อย! เจ้าไม่เป็นอะไรใช่มั้ย!? ไปเจอกับยัยวิญญาณนั่นได้ยังไง!?” เทพแห่งความตายรีบเอ่ยถามอย่างร้อนรน เขาเป็นกังวลเกี่ยวกับรอยแผลนี้ เธอจะเป็นอะไรอย่างนั่นหรือ “เจ้าวิญญาณนั่น...คาร่า!”
พลันดวงตาข้างซ้ายของเทพแห่งความตายก็แปรเปลี่ยนเป็นสีฟ้าประกายด้วยโทสะ
เขาต้อง...ตามล่ายัยนั่น!!
“ท่าน...แซนส์!” เสียงเล็กใสของเด็กสาวดึงเขาให้หลุดออกจากห้วงความแค้นที่มีต่อวิญญาณของเด็กสาวตนนั่นพร้อมกับสัมผัสที่มือกระดูกของเขา ความอบอุ่นจากมือของเด็กสาวทำให้เขาเบิกตาด้วยความตกใจ ฟริกส์จับมือของเขาอยู่!
มือของเขาที่เมื่อสัมผัสได้สิ่งใด สิ่งนั่นก็จะสูญเสียชีวิตไป แต่ฟริกส์กลับจับมือเขาไว้แน่น
วิญญาณสีแดงสดของเด็กสาวเจิดจ้า วิญญาณแห่งความมุ่งมั่นที่ปฏิเสธที่จะตายหากเด็กสาวยังไม่สำเร็จภารกิจของเธอเอง
“ไม่เป็นไรค่ะ” เสียงเล็กเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นคง มือเล็กบีบมือของผู้ที่ได้ชื่อว่าเทพแห่งความตาย ความอบอุ่นที่ไม่เคยสัมผัสจากผิวของมนุษย์มาก่อนช่างเป็นความรู้สึกแปลกใหม่และ...รู้สึกดีเสียจริง “การโกรธแค้นไม่ใช่หนทางที่ดี มันรังแต่จะทำให้ภายในใจของเราดำมืดและกัดกินตัวตนของเราไปจนหมด”
“แต่ข้าก็มาจากความดำมืดอยู่แล้ว แค่ความแค้น มันไม่ได้ทำให้ข้าสูญเสียตัวตนไปหมดเด็กน้อย” เทพแห่งความตายเอ่ยแต่เขาก็ไม่ชักมือของตนกลับแต่อย่างใด ยังคงจับมือของเด็กสาวต่อไป สัมผัสจากมือของเด็กสาวช่างอ่อนโยนและนุ่มนวลเสียจนไม่อยากปล่อยมือไป
“ผิดแล้วท่าน” ตอนนั่นเอง...ดวงตาของเด็กสาวที่ปิดสนิทมาตลอดค่อยๆปรือเปิดขึ้นเผยให้เห็นสีทอง...สีทองราวกับดอกไม้สีทองภายในสวนของเทพีแห่งชีวิต ตอนนั่นเอง...เขาก็เข้าใจตัวตนของเด็กสาวคนนี้
“ตัวท่านเกิดมาจาดความมืดก็จริง แต่ความมืดในตัวท่านนั่นเป็นความมืดแสนบริสุทธิ์ไม่มีความชั่วร้ายเป็นสิ่งเจือปนแต่อย่างใด ถึงท่านจะเป็นเทพแห่งความตาย แต่ตัวตนของท่านมิใช่คนที่จิตใจโหดร้าย การพรากชีวิตคือหน้าที่ของท่าน ความตายคือปลายทางของชีวิต” ฟริกส์เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตากลมโตสีทองประกายจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเทพแห่งความตายก่อนที่มือเล็กจะเอื้อมขึ้นไปดึงฮูดซึ่งคลุมศีรษะของเขาออกอย่างช้าๆ “อย่าให้ความแค้นครอบงำจิตใจของท่านเลย แซนส์...”
เพียงเท่านั่น...คำพูดของ ‘ฑูตตัวแทนแห่งความเมตตา’ ก็สามารถดับความแค้นในใจของเจ้าแห่งความตายไปได้ เหลือเพียงความตระหนักในหน้าที่ของตนที่ต้องตามจับนำดวงวิญญาณของคาร่าหรือ ‘ตัวแทนแห่งความปั่นป่วนและวุ่นวาย’ กลับคืนสู่ยมโลก นำเคียวดับวิญญาณอีกเล่มของตัวกลับคืนมา
ตอนนี้เขารู้แล้วล่ะ...ว่าเด็กคนนี้มีอิทธิพลต่อเขาขนาดไหน
“heh ต้องให้เด็กอย่างเจ้ามาสอนเสียได้ ตัวข้าช่างน่าอายเสียจริง” รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเทพแห่งความตาย ทำให้เด็กสาวพลอยยิ้มสดใสตามไปด้วย เขาจ้องมองดวงตากลมโตสีทองเป็นประกายงดงามของเด็กสาวอย่างไม่อาจละสายตา
ตัวตนของเด็กคนนี้ดึงดูดเขา คงจะไม่เป็นไรใช่มั้ยที่จะเปิดใจรับความรู้สึกกับใครอีกสักครั้ง
“ท่านเทพแห่งความตาย ถึงเวลาที่ข้าคงต้องกลับแล้ว มิเช่นนั่นท่านแม่คงเป็นห่วงข้าน่าดูเลยล่ะคะ” เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มบ่งบอกถึงเวลาเย็นพอสมควรแล้ว “ถ้าเช่นนั่น...”
“เรียกชื่อของข้าสิ”
“เอ๊ะ??”
เจ้าแห่งความตายยิ้มให้เด็กสาวตรงหน้าก่อนที่จะเอ่ยอีกครั้ง
“เรียกข้าว่าแซนส์สิ ฟริกส์” มือกระดูกช้อนมือเล็กขาวของเด็กสาวขึ้นจรดปากของตัวขาเอง ก็นะ เขาไม่มีริมฝีปากนี่นา แต่แค่นั่นก็ส่งผลให้ใบหน้าน่ารักขึ้นสีแดงจางๆอย่างช่วยไม่ได้
ฉันจะปกป้องเธอเอง...ฟริกส์ ตลอดไป
.
.
.
.
END
-Talk with Writer-
สวัสดีค่าาาาา กลับมาพบกันอีกครั้งแล้วนะคะ Reapertaleตามคำขอ!! อาจจะมีบางอย่างที่ผิดจากแหล่งข้อมูลไปบ้างต้องขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะคะ แต่เราเพิ่มอะไรไปตามสิ่งที่เราคิดเพราะในคอมมิคของReapertale เรายังไม่เจอฟริกส์เลย! เจอแต่แซนส์ทอเรียลจนรู้สึกหน้ามืดนิดๆ 555555 ในเรื่องเลยแซมๆ แซนส์ทอเรียลมานิด ให้เกียรติต้นฉบับ ถถถถถถถถ แม้จะน้อยนิดก็ตามที
ยังไงก็ตามก็ขอให้สนุกกับตอนนี้นะคะ และขอบคุณท่านผู้อ่านที่ยังคงติดตามอยู่ด้วยนะคะ ใครอยากให้แต่งฟิคAUไหนก็รีเควสมาได้เลยค่ะ วันนี้ก็ขอตัวลาไปก่อน บะบายยยยยยย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โอ้ว! ท่านเทพแห่งความตาย...ระวัง คุก นะคะ
ได้หรือป่าวอ่าา~