ตอนที่ 16 : -8- Time to Rescue
-8- Time to Rescue
วิญญาณที่มีลักษณะเป็นรูปหัวใจโปร่งใสลอยอยู่ภายในโหลแก้ว แอสเรียลมองวิญญาณมนุษย์ที่อยู่ภายในโหลแก้วอย่างสนใจ เขาไม่เห็นเห็นวิญญาณมนุษย์คนไหนเป็นแบบนี้มาก่อนเลย แม้แต่ตอนที่วิญญาณของมนุษย์หลุดออกมาจากร่างแล้วก็ตาม วิญญาณดวงนี้ไม่มีพลังอะไรเลย...มันว่างเปล่า
“แล้วจะเอายังไงต่อล่ะเจ้าถุงขยะยิ้มได้ ได้วิญญาณของฟริกส์มาแล้วเนี่ย” เสียงใสเอ่ยถามขึ้น นั่นทำให้แพะหนุ่มละสายตาจากวิญญาณประหลาดในโหลแก้วไปสนใจบทสนทนาของเธอแทน
“นี่ ถามจริงๆว่าเธอรู้ได้ยังไงว่านี่เป็นวิญญาณของฟริกส์” โครงกระดูกหนุ่มคู่สนทนาเอ่ยถามก่อนที่จะหันไปมองวิญญาณโปร่งใสในโหลแก้วที่ปราศจากพลังวิญญาณใดใดจนไม่เหมือนกับวิญญาณของเด็กสาวที่เขาคุ้นเคยเลยแม้แต่น้อย
ก็วิญญาณของฟริกส์มักเป็นสีแดงสดที่เต็มไปด้วยปณิธานแรงกล้าเสมอในความทรงจำของเขา
“ไม่ผิดหรอก อย่าลืมว่าฉันคือคนที่ผูกติดอยู่กับวิญญาณและปณิธานของฟริกส์ตลอด ฉันมั่นใจว่านี่คือวิญญาณของฟริกส์อย่างแน่นอน!” เด็กสาวยืดอกด้วยความมั่นอกมั่นใจก่อนที่ดวงตากลมโตสีแดงทับทิมจะผลุบลงเล็กน้อย “ฉันคิดว่าที่วิญญาณของฟริกส์ปรากฏออกมาที่นั่น คงเป็นเพราะลึกๆแล้วเธอคง...ไม่อยากที่จะหายไป...”
ทั้งแซนส์และคาร่าเงียบไปพลางไปที่วิญญาณโปร่งใสในโหลแก้วด้วยกันทั้งคู่
“เรายังมีงานที่ต้องทำให้เสร็จ”
“ฉันก็ว่าอย่างนั่น”
แอสเรียลมองทั้งคู่ที่มีแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยใครสักคนที่เขาไม่รู้จัก แพะหนุ่มชักจะสงสัย...เด็กสาวคนนั่นมีความสำคัญยังไง ทำไมทั้งคาร่าและแซนส์ถึงต้องการที่จะช่วยเด็กคนนั่นเหลือเกิน สำหรับคาร่าเขาเข้าใจว่าเพราะเด็กที่ชื่อฟริกส์คนนั่นแบ่งวิญญาณให้ทั้งคาร่าและเขา ทั้งๆที่ควรจะเป็นแค่นั่น ทำไมเขารู้สึกว่ามันมีอะไรมากกว่านั่นกันนะ
“ฉะ...ฉัน...!” เสียงเล็กที่แฝงไว้ด้วยความกระตือรือร้นดังขึ้นก่อนที่ร่างเล็กของไดโนเสาร์สีเหลืองจะวิ่งออกมาจากห้องแล็ป ดวงตาหลังกรอบแว่นของเธอเปล่งประกายประหลาด “ฉะ...ฉันลองเทสเครื่องดูแล้ว มันเสถียรดี พร้อมใช้งานแล้วแซนส์!”
โครงกระดูกหนุ่มซุกมือลงในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตสีฟ้าพร้อมกับหัวเราะเบาๆออกมา
“ถึงเวลาไปช่วยเด็กน้อยแล้วสิ ป่านนี้นั่งร้องไห้รอแล้วล่ะคาร่า” ใบหน้าของเด็กสาวปรากฏรอยยิ้มขึ้นพร้อมกับหยักไหล่เบาๆ
“ไม่รู้สิ ฉันยังไม่เคยเห็นฟริกส์ร้องไห้สักทีเลยนะ” เธอเดินไปอุ้มโหลแก้วขึ้นก่อนที่จะเดินไปหาแซนส์ เขารับโหลแก้วที่บรรจุวิญญาณมนุษย์โปร่งใสไว้กับตัวพร้อมกับขยิบตาซ้ายให้กับเด็กสาวร่างสูงกว่าเขาเล็กน้อย
“เชื่อสิ ฉันว่าฟริกส์ต้องร้องไห้อยู่แน่เลย พนันได้เลยล่ะ”
“งั้นมาพนันกันหน่อยรึเปล่าล่ะเจ้าถุงขยะยิ้มได้” เด็กสาวกอดอกพลางเอ่ยท้าทายโครกระดูกหนุ่มที่ซุกมือลงในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตสีฟ้าของเขาอยู่
“ว่ามาเลยเจ้าหนู” แล้วทั้งคู่ก็ซุบซิบกันราวกับว่ามันเป็นความลับ
แอสเรียลมองพวกเขาอย่างไม่รู้จะพูดอะไรในขณะที่เดินไปหาอัลฟี่ ทั้งคู่มองหน้ากันก่อนที่จะมองแซนส์กับคาร่าที่ดูจะตื่นเต้นเสียเหลือเกิน
สรุปแล้วเด็กคนนั่นสำคัญยังไงกันแน่
“อัลฟี่ แอสเรียล กลับไปก่อนก็ได้นะ” เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลแดงยาวประบ่าหันกลับมองทั้งคู่ เธอรู้ว่าทั้งคู่สงสัยเรื่องของฟริกส์ บางทีอาจจะอยากกลับไปก่อน เพราะยังไงเรื่องนี้ก็มีเธอกับแซนส์เป็นตัวตั้งตัวตีอยู่แล้ว เธอไม่อยากให้พวกเขาเสียเวลากับเรื่องนี้
“จริงด้วย พวกเธอกลับไปก่อนก็ได้ รบกวนพวกเธอมากแล้วนี่นา” แซนส์เองก็เห็นด้วยกับคาร่าเช่นกัน
“พูดอะไรน่ะคาร่า!? ยังไงผมก็จะอยู่กับเธอ ถ้าเกิดเครื่องนั่นมีอะไรผิดพลาดล่ะก็...ผมจะได้อยู่ช่วยเธอด้วย!” แพะหนุ่มเอ่ยค้านขึ้นทันทีที่เธอพูดแบบนั่น
“ฉะ...ฉันเองก็จะอยู่ด้วย! ฉัน...ฉันจะอยู่คอยคุมเครื่องจักรให้เพราะนายต้องเข้าไปในนั่นนี่แซนส์ คาร่าช่วยนายไม่ได้หรอกนะ ถ้า...ถ้ามันทำงานผิดพลาดขึ้นมา!” อัลฟี่เองก็ไม่ยอมเหมือนกัน เธอยืนกรานอยู่ข้างเครื่องจักรเครื่องนั่นอย่างไม่ยอมที่จะถูกไล่ให้กลับไป
ทั้งแซนส์และคาร่ามองหน้ากันก่อนที่จะยิ้มให้ทั้งคู่
“เอางั้นก็ได้! งั้นเรามาเริ่มกันเถอะ” ว่าจบ แซนส์ก็ยกโหลแก้วขึ้นใส่ลงในช่องบนเครื่องจักรทันทีก่อนที่อัลฟี่จะเดินไปเปิดเครื่อง เครื่องจักรเริ่มทำงาน หน้าจอคอมพิวเตอร์รันโปรแกรมมากมายจนบนหน้าจอมีแต่ตัวเลข1 0 ไหลไม่หยุด
แซนส์นั่งลงบนเก้าอี้ข้างเครื่องจักรก่อนที่จะหยิบหมวกบางอย่างที่มีลักษณะคล้ายกับวงแหวนขึ้นสวมลงบนศีรษะของเขา มันครอบลงมาปิดบริเวณดวงตาของเขาพอดี
“แซนส์! เชื่อมกับสัญญาณกับมิตินั่นได้แล้ว จะส่งจิตของนายไปที่นั่นแล้วนะ!” เสียงของอัลฟี่ดังขึ้น โครงกระดูกหนุ่มเอนตัวลงพิงพนักเก้าอี้
“ฉันพร้อมมาตั้งแต่ตอนนี้เป็นbaby boneแล้วล่ะอัล” เขาหัวเราะก่อนที่จะหลับตาลงปล่อยให้ตัวเองหลับใหลเพื่อปล่อยจิตใจล่องลอยไป เสียงสุดท้ายที่เขาได้ยินคือการที่อัลฟี่เอ่ยบอกว่าเดินเครื่องและเสียงของคาร่าที่ทำให้เขายกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
“พาฟริกส์กลับมาให้ได้ล่ะ Lazy bone”
ถึงเธอไม่บอกฉันก็ต้องทำอย่างนั่นอยู่แล้วล่ะ ยัยเด็กโรคจิต
.
.
.
.
โครงกระดูกหนุ่มลืมตาขึ้นอย่างช้าๆก่อนที่จะเบิกตากว้างเมื่อเห็นสภาพของสถานที่แห่งนี้อย่างเต็มตา พื้นที่โล่งกว้างใหญ่สีดำที่เคยเห็นตอนนี้กลับถูกกรอบสีขาวเล็กๆมากมายกลือนกินจนเหลือพื้นที่สีดำอยู่เพียงไม่มากเท่านั่น ที่ที่เขายืนอยู่เองก็อยู่สุดขอบพื้นที่สีดำแล้วเช่นกัน นั่นทำให้เขารีบเดินออกห่างจากตรงนั่น
ไม่มีใครรู้ว่าหากตกลงไปจะเป็นอย่างไรต่อและเขาก็ไม่อยากจะพิสูจน์มันด้วย!
“ฟริกส์...!” แซนส์หันมองหาเด็กสาวที่เขาต้องการมาช่วยเหลือ อันดับแรกเลยที่เขามองหานั่นก็คือกรอบสีเหลี่ยมขนาดใหญ่ที่อยู่กลางพื้นที่แหล่งนี้ เขาแน่ใจเลยล่ะว่าจะเจอฟริกส์อยู่ตรงนั่น
แล้วมันก็ไม่ผิดไปจากที่เขาคาดการณ์ไว้
“ฟริกส์!!” เขาเอ่ยเรียกเด็กสาวที่นั่งกอดเข่าพิงอยู่กับกรอบสี่เหลี่ยมที่มีความว่า Load กับ Reset ที่ตอนนี้คำทั้งสองแตกสลายจนแทบจะอ่านไม่เป็นคำอยู่แล้ว ร่างเล็กของเด็กสาววัย8ปีเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความตกใจ
“ซะ...แซนส์! มาที่นี่ทำไม บอกแล้วไม่ใช่หรอว่าอย่ามาที่นี่! ออกไปจากที่นี่นะ!!” เด็กสาวยันตัวลุกขึ้นพลางตะโกนไล่โครงกระดูกหนุ่ม ดวงตากลมโตสีทองที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนแดงก่ำราวกับเพิ่งผ่านการร้องไห้มาไม่มีผิด
อย่างน้อยเขาก็ชนะพนัน...ไม่ใช่เวลามั้ยล่ะ!?
“ไม่เอาน่าเด็กน้อย นี่เป็นวิธีทักทายเพื่อนเก่าของเธออย่างนั่นหรอ?” แซนส์เลือกที่จะเมินประโยคของเด็กสาวไปพลางขยิบตาให้ฟริกส์นิดๆ เล่นเอาร่างเล็กอึ้งไปเลย
“แซนส์...นี่มันไม่ใช่เวลามาเล่นนะ นายต้อง...”
“ใช่ นี่ไม่ใช่เวลามาเล่นนี่นา เพราะงั้นเธอต้องมากับฉันได้แล้วเด็กน้อย” เป็นอีกครั้งที่เขาพูดขึ้นขัดเธอก่อนที่จะยื่นมือไปข้างหน้าเพื่อให้ฟริกส์เดินมาหาเขาได้แล้ว แต่เด็กสาวก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่เล่นกับเขาด้วยเลยสักนิด ใบหน้าที่ถูกบดบังดวงตาข้างซ้ายด้วยกรอบสีขาวซ้อนกันมากมายแสดงสีหน้าจริงจัง
“แซนส์...กลับไปซะ” เด็กสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ดวงตากลมโตสีทองสว่างแปลกตาฉายแววจริงจังไม่มีคำว่าล้อเล่น “ที่นี่กำลังจะหายไปแล้ว เมื่อฉันกับที่นี่หายไป มันจะไม่มีการรีเซ็ตอีกต่อไปอย่างสมบูรณ์”
“นายจะได้...ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการรีเซ็ตอีกต่อไปยังไงล่ะแซนส์” รอยยิ้มบนใบหน้าของฟริกส์ตอนนี้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีเลยสักนิด กลับกัน เขารู้สึกว่าเป็นเขาเองสินะที่ทำให้ฟริกส์ละทิ้งทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองหายไป...
เพื่อความสบายใจของตัวแซนส์เอง...
“เพราะงั้นนะแซนส์ กลับไปได้แล้ว ไม่มีอะไรที่สามารถช่วยฉันได้หรอกนะ” เธอหันหลังให้กับโครงกระดูกหนุ่มที่ได้แต่ยืนนิ่งเงียบพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมากรอบสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่คำว่าLoadกับResetกำลังแตกละเอียดใกล้จะสมบูรณ์แล้ว
“ใครบอกเด็กน้อย ฉันมีวิธีช่วยเธอต่างหาก”
“อะ...เอ๊ะ?”
เด็กสาวหันกลับไปมองแซนส์ที่เอ่ยออกมาด้วยความมั่นใจอย่างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยิน โครงกระดูกหนุ่มซุกมือลงในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตสีฟ้าของตัวเองพร้อมกับหลับตาข้างซ้ายลงข้างหนึ่งก่อนที่จะเอ่ยย้ำอีกครั้ง
“ฉันมีวิธีช่วยเธอฟริกส์ เพียงแต่เธอต้องให้ความร่วมมือกับฉันก็เท่านั่นเอง เธอต้องกลับไป...”
“มะ...ไม่จริง! ไม่ ฉันไม่อยากจะกลับไปแซนส์!!” ร่างเล็กตะโกนสวนกลับมา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสับสนแต่ก็ยังไม่คิดจะล้มเลิกแผนการของตัวเธอเอแต่อย่างใด ดวงตากลมโตสีทองสว่างวาวขึ้นเล็กน้อย “ฉันไม่อยากจะกลับไป ได้ยินมั้ยแซนส์!? เพราะงั้นนายกลับไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!!”
แซนส์อึ้งไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินแบบนั่น นี่เธอไม่อยากกลับไปอยู่กับพวกเขาอย่างนั่นหรอ
“ทะ...ทำไมล่ะฟริกส์? เธอเกลียดพวกเราแล้วอย่างนั่นหรอถึงไม่อยากกลับมาอยู่กับพวกเราอีกครั้ง แล้วทำไมวิญญาณของเธอถึงไปโผล่ที่ทุ่งดอกไม้สีทองได้ล่ะถ้าเธอไม่อยากกลับมา!!” เขาเอ่ยด้วยความไม่เข้าใจก่อนที่จะขยับตัวก้าวเข้าไปใกล้กับเด็กสาว แต่เธอเองก็ถอยให้ห่างจากตัวเขาเท่าเดิมเช่นกัน
“ฉะ...ฉัน...ฉันไม่รู้หรอกนะว่าวิญญาณนั่นเป็นของใคร แต่ฉันไม่อยากกลับไป! แซนส์ ทำไมอยากให้ฉันกลับไปล่ะ! ทั้งๆที่ฉันหายไปแบบนี้ก็ดีกับนายนี่ นายไม่ต้องมาช่วยเด็กไม่ดีอย่างฉันหรอก! ไม่ต้องทำตามคำสัญญากับคุณแม่ทอเรียลอีกแล้ว! คุณแม่จำคำสัญญานั่นไม่ได้ด้วยซ้ำ นายไม่ต้องฝืนช่วยคนที่นายเกลียดหรอกนะ!!” ฟริกส์หลับหูหลับตาเอ่ยบอกสิ่งที่อยู่ในใจของเธอออกมาจนหมด ยังไงเธอก็จะหายไปอยู่แล้ว จะเก็บมันไว้ทำไมอีกล่ะ
เธอตั้งใจจะหายไปเพราะความต้องการของแซนส์ เพื่อความสบายใจว่าจะไม่มีการรีเซ็ตอีกต่อไป เธอจำเป็นต้องทำเพื่อคนที่เธอแคร์ที่สุด เธอทำให้เขาเจ็บปวดมากมาย แค่หายไปแค่นี้เอง เธอทำให้ได้อยู่แล้ว แล้วจะกลับมาช่วยทำไมอีก!!!
โครงกระดูกหนุ่มชะงักไปเมื่อได้ยินแบบนั่น นี่ฟริกส์คิดแบบนี้มาตลอดเลยอย่างนั่นหรอ เพราะเขา เธอจึงทำแบบนี้... แซนส์ก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนที่จะขยับตัวเข้าไปใกล้กับเด็กสาวที่ยกมือขึ้นปิดหน้าแน่นราวกับกำลังร้องไห้อยู่
ตอนนี้ฟริกส์คงสับสนไปหมดแล้ว
มือกระดูกยกขึ้นแตะลงบนศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลเข้มยาวประบ่าของเธออย่างแผ่วเบา นั่นทำให้ร่างเล็กเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีทองข้างขวาที่ยังไม่ถูกกรอบสีขาวกลืนกินมีน้ำใสๆเอ่อคลออยู่ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
“ฉัน...” โครงกระดูกหนุ่มเริ่มต้นเอ่ยก่อนที่จะเงียบไปเล็กน้อยราวกับกำลังลังเลอะไรบางอย่าง ก่อนที่แววตาของเขาจะแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง “ฉันไม่เคย...อยากให้เธอหายไปเลยนะฟริกส์”
ดวงตากลมโตสีทองสว่างเบิกกว้างด้วยความแปลกใจในขณะที่แซนส์เริ่มพูดต่อ
“ฉันมั่นใจเลยล่ะว่าฉันไม่เคยอยากให้เธอหายไป ถึงแม้ว่าฉันจะยอมรับว่าฉันแค้นเธอที่รีเซ็ตโลกทั้งใบและฆ่าทุกๆคนที่ฉันรักไปจนหมด แต่เธอก็สำนึกผิดและเลือกที่จะรีเซ็ตโลกนี้ใหม่อีกครั้งเพื่อทำให้ทุกๆคนมีความสุขทดแทนกับเธอเคยทำเรื่องไม่ดีเอาไว้ ถึงมันจะไม่สามารถลบล้างความผิดของเธอได้ แต่อย่างน้อยเธอก็เลือกทำสิ่งดีๆในท้ายที่สุดไม่ใช่หรอ...” แซนส์จ้องมองเด็กสาวด้วยความจริงจังที่สุดเท่าที่ฟริกส์เคยเห็นมา
“ถึงฉันจะแค้นเธอ แต่น่าแปลกนะที่ลึกๆแล้วฉันน่ะ...ให้อภัยเธอมาตลอดเลยนะฟริกส์ ฉันพยายามปฏิเสธตัวเองมาตลอดและยืนยันกับตัวเองว่าฉันเกลียดเธอ สะกดจิตให้ตัวเองหวาดระแวงเธอว่าเมื่อไหร่เธอจะรีเซ็ตอีกครั้ง น่าตลกจังเลยนะฉันเนี่ย” มือกระดูกออกแรงลูบศีรษะของเด็กสาวเบาๆโดยที่ไม่ได้ละสายตาไปจากดวงตากลมโตสีทองสว่างแปลกตาของเด็กสาวเลยแม้แต่น้อย
“ฉัน...ไม่ได้เกลียดเธอ ฟริกส์...ฉันน่ะ...” ฟริกส์มองแซนส์นิ่งราวกับเธอกำลังตั้งใจฟังสิ่งที่เขาจะพูดอย่างใจจดใจจ่อ นั่นทำให้ใบหน้าของเขาขึ้นสีฟ้าขึ้นจางๆ จากที่กำลังจะพูดก็พูดไม่ออกซะอย่างนั่น!
“เอ่อ...ฉัน...” มืออีกข้างที่ซุกอยู่ในกระเป๋าแจ็คเก็ตกำแน่นขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ยิ่งเห็นใบหน้าน่ารักของฟริกส์ที่กำลังมองเขาอย่างตั้งใจมันยิ่งทำให้เขาประหม่าจนพูดไม่ออกเนี่ยสิ แซนส์เริ่มนิ่งไปจนฟริกส์สงสัย เธอเอียงศีรษะไปด้านข้างเล็กน้อยอย่างน่ารัก
“ฉัน...ฉันถึงอยากให้เธอกลับไปด้วยกันยังไงล่ะ!!” โครงกระดูกหนุ่มเอ่ยตะโกนออกไป นี่มันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะพูดนี่!!
ฟริกส์นิ่งไปเล็กน้อยพร้อมกับกำลังคิดหนัก เธอจะทำยังไงดี นี่มันเกินความคาดหมายมากเกินไปสำหรับแผนการของเธอที่จะหายไปโดยที่ไม่มีใครจำได้ มันผิดไปหมดตั้งแต่ที่แซนส์เริ่มจดจำเธอได้แล้ว
“ฟริกส์ กลับไปอยู่กับพวกเราเถอะ” แซนส์พูดย้ำอีกครั้งก่อนที่จะจับมือของเด็กสาวแน่นไม่ยอมปล่อย
“พวกเราอยากให้เธอกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งหนึ่งนะฟริกส์”
และคำพูดพวกนี้...ทำให้ความสับสนในใจของฟริกส์หายไป
เธอไม่อยากจะหายไป...
น้ำตาใสๆไหลร่วงจากดวงตากลมโตสีทองสว่างของเด็กสาวก่อนที่เธอจะสะอื้นเบาๆ
“ฉะ...ฉันอยากกลับไปอยู่กับทุกคน ฉันไม่อยากจะหายไปเลยสักนิด!”
ความคิดที่จะได้กลับไปอยู่กับทุกๆคนด้วยกันอีกครั้ง นั่นทำให้เธอถูกเติมเต็มไปด้วยDETERMINATION
ตอนนั่นเองที่อีกด้านหนึ่ง วิญญาณโปร่งใสที่อยู่ในโหลแก้วก็พลันขึ้นสีแดงขึ้นมาครึ่งซีก นั่นทำให้พวกอัลฟี่ต่างพากันตื่นเต้นกันยกใหญ่ โดยเฉพาะคาร่าที่ยิ้มกว้างยิ่งกว่าใคร ดวงตากลมโตสีแดงทับทิมมองดวงวิญญาณภายในโหลแก้วที่เชื่อมต่ออยู่กับเครื่องจักรด้วยความยินดี ฟริกส์กำลังจะกลับมาแล้ว
“มะ...ไม่น่าเชื่อ วิญญาณดวงนั่นกำลังมีค่าปณิธานเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆเลยล่ะ! เหมือนว่าแซนส์จะทำสำเร็จนะ!” อัลฟี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นขณะที่ดวงตาหลังกรอบแว่นสายตาของเธอจะยังคงจับจ้องอยู่บนหน้าจอคอมไม่ละไปไหน
“คุณแซนส์สุดยอดเลยนะ เนอะ คาร่า!” แอสเรียลเองก็พลอยตื่นเต้นตามไปด้วย เขาใกล้จะได้เจอกับเด็กสาวคนนั่นแล้วสินะ
“เจ้าถุงขยะทำไม่ได้เลวเหมือนกันนี่นา” คาร่ากอดอกพลางพยักหน้าเบาๆก่อนที่เธอจะมองไปที่ร่างของโครงกระดูกหนุ่มที่ยังนอนนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม่ขยับตัว
ฟริกส์จะกลับมาแล้วสินะ...
“เอ๊ะ!? นี่มันอะไรกันน่ะ!!” จู่ๆเสียงของนักวิทยาศาสตร์สาวก็สูงขึ้นจนน่าตกใจ นั่นทำให้คาร่ารีบเข้าไปดูอัลฟี่ที่กำลังมองจอคอมอย่างไม่เชื่อสายตา
“เกิดอะไรขึ้นน่ะอัล!?” คาร่าเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวลพร้อมกับมองจอคอมก่อนที่ดวงตากลมโตสีแดงทับทิมจะเบิกกว้าง
อยู่ๆปณิธานที่กำลังเพิ่มขึ้นก็หยุดชะงักจนนน่าสงสัย
หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนั่น!?!
เด็กสาวหันไปมองที่ร่างของโครงกระดูกหนุ่มอีกครั้งด้วยความเป็นกังวล
กลับมาให้ได้นะทั้งสองคน...
.
.
.
.
“ฟริกส์!!” จู่ๆร่างเล็กก็คล้ายกับถูกดึงให้แยกห่างจากเขาด้วยอะไรบางอย่างที่เขามองไม่เห็น ร่างของฟริกส์ถูกกักขังให้อยู่ในกรงสีขาวใกล้กับขอบพื้นที่สีดำสนิทที่กำลังถูกพื้นที่สีขาวกลืนให้หายไป!
แซนส์เงยหน้าขึ้นมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างมึนงง นี่มัน...อะไรกันนะ...
“คิดว่าจะพาเด็กคนนี้ไปได้ง่ายๆอย่างนั่นหรอ ง่ายไปรึเปล่า Sans the Skeleton”
“ท่าน...ผู้สร้าง...”
.
.
.
.
TO BE CONTINUES
-Talk with Writer-
สวัสดีค่าาาาา//ไรท์นี้ทักด้วยเสียงที่เอื่อยมากเหมือนกับกำลังจะสลบ... กลับมาพบกันอีกครั้งแล้วนะคะ คราวนี้เรามาดำเนินเนื้อเรื่องหลักกันต่อเลย! มาแล้วค่ะ คุณผู้สร้างแห่งโลกนี้(ถึงเขาจะเป็นTobyfox แต่เราก็ขอเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยตามที่เราคิด----) ตอนหน้าจะเฉลยอะไรหลายๆอย่างอีกนิด ใกล้จบแล้ว(มั้ง)ค่ะ เรียกใกล้ได้มั้ย ก็ใกล้อยู่แหละค่ะ 55555
เอาเป็นว่าตอนหน้าจะเป็นฟิคสั้นนะคะ Dancetaleนั่นเองงงง! ตอนนี้ไรท์ว่าไรท์ของตัวไปนอนก่อนดีกว่า มัวแต่ปั่นฟิค ช่วงนี้เราอาจจะหายหน้าไปพักใหญ่ๆ งานเริ่มมาล่ะคะ จะสลบบ่อยๆ---- ถ้าอย่างนั่น ขอให้ทุกท่านสนุกกับการอ่าน ขอตัวลาไปก่อน เจอกันตอนหน้านะคะ บะบายยยยย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ถึงแม้การช่วยฟริกส์จะเสี่ยงอันตรายมากแค่ไหนก็ตาม...แต่ก็ต้องช่วยฟริกส์ออกมาให้ได้นะแซนส์...