ตอนที่ 1 : -Intro-
-Intro-
นับตั้งแต่วันนี้...วันที่มอนสเตอร์ที่ถูกกักขังอยู่ภายใต้บาเรียซึ่งมนุษย์สร้างขึ้ยเพื่อกักขังพวกเขาไว้ใต้ดิน บาเรียที่กักขังพวกเขามานานถึง500กว่าปีถูกทำลายลง...
ด้วยฝีมือของเด็กสาวชาวมนุษย์คนหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยปณิธานและความเมตตา
.
.
.
.
แต่...ความจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั่นเลย
ร่างเล็กยืนมองภาพของพระอาทิตย์กำลังตกดินอยู่ริมหน้าผาเพียงคนเดียว คนอื่นๆนั่นแยกกันไปหมดแล้ว ใบหน้าเรียบนิ่งไร้อารมณ์ที่ไม่เคยจะเปิดดวงตาของเธอขึ้นมองภาพความสงบสุขด้านหน้า ภาพของตอนจบที่มีความสุขอย่างแท้จริง
สายลมเย็นๆพัดผ่านร่างของเธอไปแต่มันไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลย...
เธอรู้ เธอบาปที่ติดตัวอยู่ไม่อาจลบเลือนให้หายไปได้ แม้จะไม่มีใครจำได้ แต่ตัวเธอ...ยังจำได้ดี
แสงสว่างเล็กๆปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ แสงที่คล้ายๆกับดวงดาวสีทองที่ส่องประกายตรงหน้าเธอ มือเล็กเอื้อมมือไปสัมผัสมันอย่างแผ่วเบา พลันหน้าต่างสีดำกรอบหนึ่งก็ปรากฏตรงหน้าเธอ
เธอมองปุ่มรีเซ็ตอย่างนิ่งงัน มือเล็กลูบมันอย่างแผ่วเบา
“heh เธอจะรีเซ็ตอย่างนั้นหรอ เจ้าหนู” เสียงหนึ่งที่เธอคุ้นเคยดังขึ้น ฟริกส์ไม่ได้หันไปมองก็รู้ว่าอีกฝ่ายคือใคร ร่างที่สูงกว่าเธอไม่มากเดินมาหยุดข้างหลังของเธอ “รีเซ็ต กลับไปเริ่มต้นใหม่ เมื่อไหร่เธอจะเลิกทำแบบนี้เสียที เจ้าหนู” น้ำเสียงเย็นยะเหยือกด้านหลังเธอไม่ได้ทำให้ใบหน้าเรียบนิ่งเปลี่ยนแปลงไปเสียเท่าไหร่ แต่ภายในใจของฟริกส์...เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังจมน้ำที่ไม่มีพื้นสิ้นสุด
แต่ฟริกส์ก็ไม่พูดอะไร
“ไม่พูดงั้นหรอ ก็ได้” ดวงตาข้างซ้ายของแซนส์เปลี่ยนเป็นสีฟ้า เขามองตรงไปที่ร่างของเด็กสาว “งั้นฉันคงต้องฆ่าเธอก่อนที่เธอจะรีเซ็ต!”
เพล้ง!!
เสียงของอะไรบางอย่างแตกกระจาย นั่นทำให้แซนส์เบิกตากว้างด้วยความตกใจ
มือเล็กทำลายปุ่มรีเซ็ตจนมันแตกเป็นเสี่ยงๆ
“ฉันจะไม่...รีเซ็ตอีกแล้ว...” เสียงเล็กเอ่ยขึ้น เสี้ยวใบหน้าหนึ่งหันมาทางมอนสเตอร์โครงกระดูกเพียงเล็กน้อย แสงจากดวงอาทิตย์ตกกระทบบนใบหน้าที่เรียบเฉยของเธอ ช่วงขณะหนึ่ง เขาเห็นสีหน้าที่โศกเศร้าของเด็กสาวตรงหน้า แต่แค่แวบเดียว...ใบหน้าของเด็กสาวก็กลับมาไร้อารมณ์เหมือนเช่นเคยจนแซนส์นึกเพียงว่าเมื่อครู่เขาคิดไปเองก็เท่านั่น
เด็กปีศาจอย่างเจ้านี่คงไม่มีทางสำนึกผิดในสิ่งที่เคยทำไปได้หรอก
“heh จะให้ฉันเชื่อคำพูดของเธอคงยากนะ เด็กน้อย”
ฟริกส์ไม่ได้พูดอะไรอีกเพียงแค่กดปุ่มContinuesแล้วปิดหน้าต่างสีดำนั่นลงไปก่อนที่จะหันไปหาแซนส์ เธอมองเขานิ่งโดยที่ไม่พูดอะไร นั่นทำให้แซนส์ค่อนข้างจะไม่เข้าใจเธอ เด็กนี่ต้องการอะไรกันแน่
“ขอให้มีความสุข...กับอนาคตบนพื้นดินนะ...แซนส์” เด็กสาวเอ่ยอีกครั้งก่อนที่จะก้าวเดินออกตรงที่นี่ไปมุ่งตรงลงไปจากภูเขา โครงกระดูกหนุ่มมองด้วยด้วยความไม่เข้าใจยิ่งกว่าเดิม เหมือนกับเขาได้เห็นฟริกส์คนเดิม...ก่อนที่อีกฝ่ายจะรีเซ็ตและฆ่าเพื่อนๆกับน้องชายของเขาอย่างเลือดเย็น
อย่างไหนคือตัวตนจริงๆของเธอกันแน่
ฟริกส์ที่อ่อนโยนกับมอนสเตอร์ทุกตัวที่พบเห็น คนที่ปฏิเสธที่จะต่อสู้กับมอนสเตอร์ คนที่หัวเราะเบาๆทุกครั้งที่เขาเล่นมุขตลก คนที่บอกว่าพาไพรัสนั่นน่ารักและเท่มากๆ คนที่ทำทุกอย่างเพื่อที่จะช่วยเหล่ามอนสเตอร์ให้ถูกปลดปล่อยจากการถูกกักขัง
หรือ...
ฟริกส์ที่ฆ่าทุกคนที่ขวางทาง ฆ่าทอเรียลเพื่อที่จะออกจากรูน ฆ่าพาไพรัสเพียงเพราะเขาน่ารำคาญ ฆ่าอันไดน์เพราะเขาคิดจะกำจัดเธอ ฆ่าเขา...แซนส์ เพียงเพราะความสนุกสนาน
“เจ้าหนู...เธอนี่ทำให้ฉันทั้งรักทั้งเกลียดเธอได้ในเวลาเดียวกันเลยนะ ฟริกส์”
.
.
.
.
ตัวเธอเคยว่างเปล่า ไม่เคยมีความรู้สึกอยู่ภายในหัวใจของเธอ ตอนที่เธอตื่นขึ้นบนพุ่มดอกไม้สีทองในครั้งแรก เธอว่างเปล่า ไม่มีความรู้สึกใดใดอยู่ภายในหัวใจของเธอเลย
และความรู้สึกแรกที่เธอสัมผัสได้...นั่นคือความกลัว
กลัวการถูกฆ่า และเธอรู้สึกตัวเองว่า...เธอต้องฆ่าก่อนที่จะถูกฆ่า
ต่อมามันกลับกลายเป็นความรู้สึกสนุกในการฆ่า...
‘เธอจะเดินไปจนถึงเมื่อไหร่กัน ฟริกส์’ เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างร่าเริง ร่างของเด็กสาวตัวโปรงแสงลอยวนรอบตัวเธอพลางหัวเราะ ‘เธอคิดจะทำอะไรต่ออย่างนั่นหรอ’
ฟริกส์หยุดเดินพลางเงยหน้าขึ้นมองคาร่า เด็กสาวคนแรกที่ตกลงมายังอันเดอร์กราว ความหวังแรกของเหล่ามอนสเตอร์ เด็กสาวที่เปี่ยมไปด้วยความรักต่อเหล่ามอนสเตอร์และเกลียดชังมนุษย์ แต่เพราะตัวเธอ...ที่ทำให้อีกฝ่ายเริ่มซึมซับการสนุกกับการฆ่า นั่นทำให้ปณิธานของคาร่าเริ่มเปลี่ยนแปลง แต่เธอ...ก็ยังคงรักมอนสเตอร์อยู่
“ฉันจะช่วย...สานสัมพันธ์ระหว่างมอนสเตอร์กับมนุษย์” ฟริกส์เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งก่อนที่จะเดินต่อไปเพื่อเดินไปหาทอเรียลกับแอสกอร์ที่ล่วงหน้าพวกเธอไปก่อนแล้ว
‘อาฮะ เธอบอกว่าจะไม่รีเซ็ตแล้วสิน้า’ เด็กสาวเจ้าของดวงตาสีแดงกลมโตยิ้มกว้างพลางมองฟริกส์ ใบหน้าครึ่งบนของเธอมืดลงเล็กน้อย ดวงตาสีแดงพลันวาวโรจน์ขึ้น ‘ดูสิเธอจะทนไปได้สักกี่น้ำ’
ริมฝีปากบนใบหน้าเรียบนิ่งของเด็กสาวยกขึ้นเล็กน้อย
“ฉันไม่รีเซ็ตอีกแล้วล่ะ...”
คาร่าลอยมองฟริกส์ที่ก้าวเดินต่อไปอย่างเงียบๆ ถึงเธอจะอยู่กับเด็กคนนี้มานานแล้ว แต่เธอก็ไม่เคยเข้าใจความคิดและความต้องการของฟริกส์เลยแม้แต่ครั้งเดียว เหมือนบางครั้ง ฟริกส์ก็ดูเหมือนจะมีสิ่งที่ให้คิดอยู่ในหัวตลอดเวลา
เธอคิดอะไรอยู่...อย่างนั่นหรอฟริกส์...
ในเวลาเพียงไม่นาน เรื่องของเหล่ามอนสเตอร์ก็แพร่หลายออกสู่หูของมนุษยชาติ มนุษย์ให้ความสนใจกับสิ่งมีชีวิตที่พวกเขาคิดเพียงว่าเป็นเพียงตำนานที่อยู่ภายในหนังสือประวัติศาสตร์ของเขาได้มีตัวตนอยู่จริง แอสกอร์ได้เข้าไปพูดคุยกับนายกเทศมนตรีของเมืองโดยมีฟริกส์เป็นสื่อกลางและเด็กสาวมีความสำคัญมากในการแสดงให้เหล่ามนุษย์เห็นว่ามอนสเตอร์เป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนโยนและมีจิตใจที่ดี ใช้เวลาอยู่สักพักกว่ามนษย์ยอมรับตัวตนของมอนสเตอร์ได้และตอนนี้ มอนสเตอร์ก็สามารถขึ้นมาอยู่บนพื้นดินได้อย่างเต็มตัวแล้ว!
หมู่บ้านของพวกเขาได้ถูกสร้างขึ้น พื้นที่ที่เคยเป็นหมู่บ้านร้าง...หมู่บ้านที่มีดอกไม้สีทองเช่นเดียวกับใต้ดินได้กลายเป็นหมู่บ้านของเหล่ามอนสเตอร์อย่างสมบูรณ์ มีบ้างที่มอนสเตอร์บานตนได้ออกเดินทางบนพื้นดินและโลมนุษย์ แต่ส่วนใหญ่ก็อาศัยอยู่ในเมืองที่ใกล้ๆกับภูเขาEbott
ทอเรียลได้เปิดโรงเรียนภายในเมือง เธอสอนพวกเด็กๆและเหล่ามอนสเตอร์ด้วยกันตามที่เคยฝันไว้
อันไดน์ เธอเข้าเป็นตำรวจในท้องที่ ปราบเหล่าร้ายและยังคงเป็นฮีโร่ของทุกคนไม่เว้นแม้แต่มนุษย์ และบางครั้ง เธอก็เข้าไปเป็นครูสอนพละที่โรงเรียนของทอเรียลด้วย
อัลฟี่ เธอยังคงทำงานเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่สร้างนวัตกรรมใหม่ๆได้ตลอดเวลากับนักวิทยาศาสตร์ชาวมนุษย์
เมตตาตอน เขาออกเดินทางไปเพื่อเป็นดาวบนท้องฟ้าและตอนนี้เขากลายเป็นนักแสดงที่ใครๆก็อยากพบเจอไปซะแล้ว
พาไพรัส เขาเข้าเป็นตำรวจเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่เขาจะถูกสั่งให้เฝ้าโรงพักล่ะนะและแน่นอน เขากับแซนส์ได้สร้างบ้านอยู่ที่หมู่บ้านและพาไพรัส เขาเป็นคนี่ดูแลเรื่องงานบ้านเป็นส่วนใหญ่
และแซนส์...เขาทำงานกับอัลฟี่เช่นกัน เพียงแต่นานๆครั้งเขาจะเข้าไปที่แล็ปทดลอง ส่วนใหญ่แซนส์เวลาในการทำงานเป็นไปรษณีย์ แต่ส่วนใหญ่จะอู้ล่ะนะ...
ความสัมพันธ์ระหว่างแซนส์และฟริกส์ก็ยังมึนตึงกันอยู่อย่างลับๆ ต่อหน้าคนอื่นพวกเธอจะพูดคุญกันด้วยดี แต่คนรอบข้างก็สัมผัสได้ในบางครั้งว่ามันมีเรื่องอะไรบางอย่าง หลายครั้งที่แซนส์หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ฟริกส์ ฟริกส์เองก็ไม่ค่อยโผล่หน้ามาให้แซนส์เห็น ส่วนใหญ่เธอมักจะเดินทางไปกับแอสกอร์เพื่อเป็นฑูตสามสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และมอนสเตอร์ จนพาไพรัสและทอเรียลทนไม่ไหว วางแผนให้ทั้งคู่ได้พูดคุยเพื่อปรับความเข้าใจกันถึงพวกเขาจะไม่รู้ว่าทั้งคู่มีเรื่องอะไรกันก็ตาม แต่ดูจะล้มเหลวไม่เป็นท่าเมื่อ...
“ฉันสัญญา...ฉันจะไม่รีเซ็ตอีกต่อไป...” เสียงเล็กพูดออกมาแทบจะทันทีและเธอไม่รอให้แซนส์ได้ขัดเธออีกแล้ว “และฉันสัญญา...พอจบเรื่องนี้แล้ว ฉันจะไม่อยู่ให้นายเห็นหน้าอีก...” เมื่อพูดจบ เด็กสาวก็เดินออกจากบ้านไปโดยไม่หันกลับมามองมอนสเตอร์โครงกระดูกที่สวมเสื้อกันหนาวสีฟ้าที่ได้แต่งงกับคำพูดของฟริกส์
ทอเรียลกับพาไพรัสมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ
ฟริกส์พูดเหมือนกับว่า...เธอจะหายไปจากชีวิตของแซนส์..ตลอดกาล
และในที่สุดพวกเขาเข้าใจ...ว่ามันหมายความว่าอะไร เมื่อเช้าวันหนึ่งบุคคลที่ได้จากไปแล้ว...พวกเขากลับมา
ก๊อกๆ
เสียงเคาะหน้าประตูบ้านดังขึ้น
“ค่ะ มาแล้วค่ะ” ทอเรียลเดินออกจากห้องครัวไปที่หน้าประตูบ้าน ใจสงสัยว่าใครกันที่มาแต่เช้า แอสกอร์ที่ตอนนี้กลับมาคืนดีกับทอเรียลแล้ว(ง้อจนได้ล่ะนะ)โผล่หน้าออกมาจากห้องนั่งเล่นด้วยเช่นกัน มือใหญ่ที่มีขนปุกปุยเอื้อมไปเปิดประตูหน้าบ้านก่อนที่เธอจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด
เด็กสองคนยืนอยู่ตรงหน้าบ้าน คนหนึ่งเป็นเด็กชายมอนสเตอร์แพะซึ่งสวมเสื้อไหมพรมสีเขียวลายขวางสีเหลือง ส่วนอีกคนเป็นเด็กผู้หญิงเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลบ๊อบสั้นปะบ่าและดวงตากลมโตสีแดงสดสวมเสื้อสีเดียวกัน
“แอสเรียล...คาร่า...”
“พวกเรากลับมาแล้วครับ/ค่ะ คุณแม่”
.
.
.
.
TO BE CONTINUES
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ฟริกใช่พลังปณิธานคืนชีพแอสเรียวและให้ร่างกับคาร่า
ฟริกส์...จะร้องไห้แล้วนะ...บรรยายดีมากเลยค่ะ
ฟริกค์ตายเเล้วหรอ ฮือออTTOTT