คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Poster :: 08 100%
ตกเย็น
“แม่!!!!!!!!!!” ผมลุกจากโซฟากระโดดโลดเต้นไปหาแม่ที่พึ่งกลับจากทำงาน
ท่านถึงกับชะงักมองผมด้วยสายตาแปลกๆ
“เสียงดังอะไรเนี่ยแบม แล้วนั้นใคร?” แม่ชี้นิ้วไปที่พี่มาร์คซึ่งเดินซึนๆมาอยู่ข้างผม
“เพื่อนคนเกาหลีผมไง”
“อ๋อ แล้วมาถึงนานยัง”
“ประมาณตอนเที่ยงอะแม่” หันไปกระซิบข้างหูพี่มาร์คเป็นภาษาเกาหลี
“แนะนำตัวภาษาไทยสิครับ”
ได้ยินที่ผมบอกพี่มาร์คก็รีบยกมือไหว้อย่างไทยงามๆพร้อมกับแนะนำตัวเป็นภาษาไทยที่เคยสอนไว้
“สาหวัดดีคับ ผมซื่อมัคคึ”
โอยยย อย่างกับพามาเปิดตัวลูกเขย -///-
“ไหว้สวยเหมือนนะเนี่ย ชื่อมาร์คใช่ไหมแบม”
“อ่าหะ”
แม่หันกลับไปมองหน้าพี่มาร์ค ไม่มองอย่างเดียวนะ
แม่นี่จ้องเลยครับ จนพี่มาร์คต้องหลบตาแม่เลยอ่ะ ไรเนี่ย….แม่ปิ๊งพี่มาร์ครึเปล่าว่ะ
“เพื่อนแบมนี่…หน้าคุ้นเหมือนกันนะ
หล่อเหมือนดารานักร้องเลย”
หึหึ สายตาแม่นี่จะปราดเปรื่องเกินไปแล้ว โชคดีที่พี่มาร์คหน้าเด็ก
หรือผมหน้าแก่เองก็ไม่รู้ แม่เลยเชื่อสนิทใจว่าพี่เขาเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับผม
อย่างงี้ต้องหาเรื่องโกหกเกี่ยวกับพี่มาร์คต่อไปสินะ เอาจริงๆผมลำบากใจว่ะที่ต้องโกหกอะไรแบบเนี่ย
#หรา
“ตอนอยู่โรงเรียนสาวกรี๊ดกันตรึมเลยแม่”
“ขนาดนั้นเชียว แล้วกินอะไรมารึยัง”
“หรอแม่อยู่นี่ไง กินสเต็กน๊า ปิ๊งๆ” เข้าไปควงแขนสบไหล่ออดอ้อนใส่ขุนแม่ทันที
“เพื่อนแบมมาไทยทั้งทีก็พากินอาหารไทยสิ”
แล้วมันเกี่ยวกันไหมฟะ!! กินอาหารไทยมาทั้งชีวิตแล้ว
กินอาหารฝรั่งบ้างจะเป็นไรไป
“โหยแม่ ก็กินวันอื่นเอาสิ เขาอยู่ตั้งหลายวัน”
“วันอื่นแม่อาจจะไม่ว่างเหมือนวันนี้นะ”
“โม้อ่ะ อาทิตย์หนึ่งแม่เข้าเวรไม่กี่ครั้งเอง
ผมนับแล้ว”
คำตอบของผมทำเอาแม่ถึงกับต้องมองแรงใส่ แต่ผมก็นับจริงๆนะ
แม่จะได้ไม่มีข้ออ้างแบบนี้ไง ชิชิ
“ถ้าอยากกินสเต็กก็ออกเงินเอง ทีนี้จะกินไร”
ผมปล่อยมือจากแขนแม่
แล้วทำหน้าตาบูดบึ้งจะร้องไห้ ไม่พอยังกระทืบเท้าเป็นเด็กสามขวบ
เรียกร้องความสงสาร
“ฮืออ แม่อ่ะ ผมอยากกินเต็กนะ เอาที่แม่บายใจเลยT^T”
เบือนหน้าหนีพร้อมกับกอดอกบึนปากใส่ แกล้งทำเป็นงอนสุดๆ
“แค่นี้ก็จบ รอพ่อมาก่อนละกัน เดี๋ยวแม่ไปเปลี่ยนชุดก่อน”
อ้าว…แม่ไม่ง้อผมหน่อยหรอ ไหงยอมกันง่ายๆแบบนี้อ่า ไม่เอา
ผมอยากกินเต็กนะ
แล้วท่านก็เดินถือกระเป๋าแหวกทางขึ้นห้องไปอย่างไม่หันหลังกลับมาง้อผมสักนิด
แม่ทำอย่างนี้เดี๋ยวลูกแบมได้มีงอนจริงๆแน่!! ฮือ สเต็กที่อยากกินมานาน ก็ไม่ได้กินมันสักที ทีหลังผมจะไม่ขอแม่แล้ว
ขอพ่อยังจะมีโอกาสเยอะกว่าอีก
“นายเป็นอะไรแบมแบม” พี่มาร์คมองหน้าผมถามเสียงเรียบ
นี่การกระทำของผมมันทำให้พี่เขางงงวยขนาดนี้เลยหรอ?
“ผมอยากกินสเต็กอ่ะ แต่แม่ไม่ให้กินT^T” ตอบพี่มาร์คเสียงเศร้า เผื่อพี่เขาจะเสนอตัวไปขอแม่ให้เปลี่ยนไปกินสเต็กก็เป็นได้
แต่ประโยคที่พี่มาร์คตอบกลับมานั้นสร้างความชอบช้ำภายใจใจเล็กๆให้ผม
“อ่อ”
พอรู้สาเหตุว่าผมเป็นอะไร
พี่มาร์คตอบกลับมาแค่เนี๊ยยย!!! ไม่คิดจะถามต่อว่า…
อ้าว ทำไมแม่นายไม่ให้กินล่ะ
ถ้าพี่มาร์คถามแบบนั้นนะผมจะตอบกลับไปว่า…
ก็แม่อยากพาพี่มาร์คกินอาหารไทยนิครับ *ทำหน้าเศร้า
พี่มาร์คก็จะทำหน้ารู้สึกผิด
จริงๆไม่ต้องพาฉันกินอาหารไทยก็ได้นะ
นายไปบอกแม่นายสิ
โอ้วววว นี่มันคือสิ่งที่ผมมโนคาดการณ์ไว้ทั้งหมด
แต่มันกลับพังเพียงแค่คำว่า อ่อ ของพี่มาร์คคำเดียว!!!
ร้านอาหาร
ถึงแม้จะเจ็บปวดเรื่องไม่ได้กินสเต็กยังไง
ผมก็ต้องปลงมัน เพราะงบทุนทุกอย่างอยู่ในกระเป๋าตังค์คุณแม่ คนไม่มีงบอย่างผม
ต้องน้อมรับและทำตามคำสั่งอย่างเดียว ฮืออ
ตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านยันนั่งลงโต๊ะ
สายตาทุกคนในร้านนี่คือจับจ้องมาที่พี่มาร์คมากอ่ะ ก็จะไม่ให้มองได้ไง
อากาศเมืองไทยร้อนจะตายชักแต่ดันมีไอ่หนุ่มหล่อใส่ฮูดเอาหมวกคลุมศีรษะใส่ออกนอกบ้าน
คือตอนแรกผมจะให้พี่มาร์คใส่หมวกดำปิดหน้าไว้ก็พอ อย่างน้อยก็ช่วยปิดหน้าได้บ้าง
และไม่ได้เป็นที่สนใจเกินไปด้วย แต่อันนี้นางเล่นใส่ฮูดมา
ผมก็เลยปล่อยๆไปอย่างใส่อะไรก็ใส่เถอะ
เพราะเสื้อผ้าผมมีกลิ่นกายพี่มาร์คติดแค่นี้ก็ชื่นใจแล้ววววว
“อยากกินอะไรก็สั่งเอาเองนะ” แม่ยื่นเมนูบนโต๊ะมาให้ผม
“อยากกินสเต็ก ร้านนี้มีสเต็กไหมอ่า”
“ถามเพื่อนแบมสิว่าอยากกินอะไร” แต่แม่ก็ทำเป็นไม่สนใจ
แถมยังเอาชื่อพี่มาร์คมาอ้างอีก
อะไรๆก็พี่มาร์คตลอด
เลยหันไปถามคนที่อยู่ข้างเป็นภาษาเกาหลีน้ำเสียงขุ่นเคืองนิดๆ
“แม่ผมถามว่าอยากกินอะไร”
“อะไรก็ได้”
จบแค่นี้ ผมก็แปลเป็นภาษาไทยให้แม่กับพ่อรับรู้ พ่อกวักมือเรียกพนักงานชายคนหนึ่งมาแล้วสั่งอาหารชุดใหญ่
เท่าที่ฟังเหมือนจะสั่งเป็นสิบๆอย่างอ่ะ
แต่ในเมื่อมีแบมแบมคนนี้อยู่ในโต๊ะรับรองอาหารไม่เหลือแน่
สักพักพนักงานชายคนเดิมก็เอาหม้อข้าวมาเสริฟ์
ประมาณสิบนาทีอาหารก็เริ่มเต็มโต๊ะ เวลาเขมือบกำลังเริ่มขึ้นแล้ว ไอ่สเต็กมันก็อยากกินอยู่นะ
แต่ตอนนี้อะไรวางอยู่บนโต๊ะพร้อมกินหมดแหละ
ระหว่างที่ผมกำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารตรงหน้านั้นเอง
เสียงแหลมของผู้หญิงเหมือนกำลังซุบซิบอะไรกันก็ดังมาจากโต๊ะข้างๆ เรียกความสนใจให้ใบหูของผมขนาดใหญ่ในการเผือกเรื่องคนอื่นมากขึ้น
มือก็ตักข้าวใส่ปากกินไปด้วย
“มึงดูดิ ผู้ชายคนนั้นเหมือนพี่มาร์คเลยอ่ะ”
เห้ยๆ!! อะไรเกี่ยวกับพี่มาร์คกูได้ยินนะเฟ้ยยยย
ค่อยๆใช้หางตาลอบมองไปทางขวาโต๊ะข้างๆ
เห็นผู้หญิงวัยรุ่นสองคนแกล้งเนียนทำเป็นกินข้าวแต่สายตากลับมองมายังพี่มาร์คที่อยู่ข้างผมตอนนี้
"พี่มาร์คไหน"
"มาร์คJYM4ไง"
อ้าวเชี่ย...งานเข้าแล้วไหมล่ะ!!!
“ว่าไปเรื่อย เฮ้ย
แต่ก็คล้ายจริงๆนะเว้ย”
พอได้ยินชื่อพี่มาร์คออกมาจากปากยัยสองคนนั้น
ตัวผมนี่อยู่ไม่สุขเลยครับท่าน เขาจะถ่ายรูปหรือเอาเรื่องนี้ไปพูดในทวิตไหมวะ ถ้าเขาจำพี่มาร์คได้จริงๆกูนี่หาเรื่องแถไม่ทันเลยนะเนี่ย
พ่อกับแม่ก็นั่งอยู่ด้วย โอยยยยยยยยยยยย งานงอกอีกแล้วมึง!!!
“พ่อแม่ผมปวดฉี่ไปเข้าห้องน้ำแปบนะ”
ลุกขึ้นจากโต๊ะเอ่ยบอกพ่อกับแม่
ก่อนจะหันไปพูดเสียงเบากับพี่มาร์คที่กำลังจะเอื้อมมือไปตักอาหารใส่จานเพิ่ม
“ส่งผมไปห้องน้ำหน่อยครับ”
“???”
ไม่ต้องรอให้เข้าใจอะไรทั้งนั้น
ผมดึงข้อมือพี่มาร์คแล้วพาลากให้ตามมาโดยเร่งด่วน ตรงไปยังห้องน้ำหลังร้าน
ที่รู้เพราะเคยมากินที่นี้สองสามครั้งแล้ว ผมมองซ้ายขวาหน้าหลังบนล่าง
เพื่อมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้ แล้วปล่อยมือจากพี่มาร์ค พูดถึงสถานการณ์ที่พึ่งเจอมาตะกี้
“เมื่อกี้เหมือนมีคนจำพี่มาร์คได้ด้วยแหละ”
“หะ ล…แล้วเขาจำฉันได้ไหม”
“ไม่รู้สิครับ พวกเขาแค่สงสัยเฉยๆ”
ผมกำมือแน่นด้วยความกังวล
“แล้วเราจะทำไงดีแบมแบม”
ทำไง ทำไง ทำไงดีวะ !!!! นี่ไม่ได้เตรียมใจว่าจะเจออะไรแบบนี้มาเล๊ยยยยยย
แล้วสายก็เหลือบไปให้หมวกบนหัวพี่มาร์ค ลองเอื้อมมือไปดึงให้มันลงมาด้านหน้าสุดๆ
ดีหน่อยที่หมวกมันใหญ่ ถ้าเรามองจากด้านข้างจะไม่เห็นหน้าอะไรเลย อย่างน้อยก็ช่วยบังอิสองคนนั้นไม่ให้เห็นหน้าพี่มาร์คได้ละกัน
“งั้นก็เอาหมวกปิดไว้ดีๆนะครับ
เดี๋ยวผมจะคอยบังให้”
“โอเคๆ”
เมื่อวางแผนพร้อมกับรับมือเรียบร้อย
เราก็เดินกลับมาที่โต๊ะปกติ โดยพี่มาร์คเดินตามหลังผม
ก่อนจะนั่งก็มองไปทางโต๊ะข้างๆที่มีผู้หญิงสองคนจำหน้าพี่มาร์คได้ แต่บนโต๊ะก็ไม่มีใครนั่งแล้ว
เหลือเพียงจานและเศษอาหารเท่านั้น แสดงว่าพวกเขาลุกไปตอนที่ผมแอบไปเข้าห้องน้ำสินะ
โอยโล่ง
“นี่แบม พ่อถามไรเพื่อนแกหน่อยดิ” พอมานั่งก้นติดเก้าอี้ไม่ถึงห้าวิ พ่อก็ยิงคำถามใส่ผม
“อะไรอ่าพ่อ”
“เพื่อนแกพูดหรือฟังภาษาไทยออกไหม”
“ก็…นิดหนึ่ง
จะเป็นคำมากกว่าประโยคอ่ะพ่อ”
นาทีนี้กูไม่กล้าสบตาหรือมองหน้าพ่อเลยอ่ะ
มันเสียวสันหลังวาบๆยังไงก็ไม่รู้ -_-
“แล้วมาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนได้ไง
ถามเขาสิพ่ออยากรู้”
เอาแล้วไงมึง…นี่กูต้องกุเรื่องขึ้นมาอีกแล้วใช่ป่ะ หันไปถามพี่มาร์คที่นั่งฟังโดยไม่รุ้เรื่องอะไรเป็นภาษาเกาหลี
“เอ่อ…คือพ่อผมถามว่ามาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนได้ไง
แต่ไม่ต้องตอบนะครับ แกล้งทำเป็นอธิบายอะไรมามั่วๆก็ได้ เดี๋ยวผมโกหกเอง”
“อาหารพวกนี้อร่อยดีนะ แต่อันที่น้ำสีส้มๆนั้นเผ็ดไปหน่อย”
พี่มาร์คพูดอะไรของนางก็ไม่รู้ แต่ก็ทำท่าทางเหมือนกำลังอธิบายบางอย่างให้ผมฟัง
ถึงแม้คำตอบจะไม่คล้องกับคำถามก็เถอะนะ
และพอพี่มาร์คพูดจบ
ผมก็หันไปแปลให้พ่อเป็นภาษาไทยโดยความหมายโคตรแตกต่างที่จากเดิม
เพราะเป็นเรื่องที่ผมโกหกมันขึ้นมาเอง ซึ่งมาจากต่อมมโนล้วนๆ
“เขาสอบคัดเลือกมา
แล้วก็ได้ติดหนึ่งในห้า แล้วโครงการที่เขามาจะมีประเทศให้เลือกว่าอยากไปที่ไหน
ก็มีไทย แคนนาดา อังกฤษ สิงคโปร์ หลายๆประเทศแต่เขาก็เลือกมาไทย”
แบมขอโต๊ดดดดดดด
เค้าไม่อยากพูดปดเลยจริงๆนะ พ่อค้าบบบบ T^T
“ทำไมมาร์คถึงเลือกไทยละจ๊ะ”
…แม่หนอแม่
นี่กะจะให้แบมกลายไปเป็นคนบาปเลยรึไง และผมก็หันไปแปลให้พี่มาร์คเหมือนเดิม
“แม่ผมถามว่าทำไมถึงเลือกประเทศไทย
แกล้งอธิบายเหมือนเดิมนะครับ”
“คนไทยน่ารักครับ” พี่มาร์คสบตาผมแวบหนึ่ง แล้วหันไปพูดกับแม่เป็นภาษาเกาหลี “อากาศร้อนหน่อย แต่ชอบดีครับ”
ก็ไม่รู้ทำไมหัวใจตัวเองเต้นแรงอ่ะนะ
คริ >////<
พอพี่มาร์คพูดจบ ผมต้องแปลอีกครั้ง โดยอิมเมจจากต่อมมโนเช่นเดิม
แต่ก็แทรกความจริงเข้าไปนิดหน่อย -///-
“เขาบอกว่าอยากเรียนรู้วัฒนธรรมไทยหลายๆอย่าง
เพราะมันน่าสนใจ อีกอย่างคือ…คนไทยน่ารัก”
ผมก็คนไทยนะ
งั้นแสดงว่าพี่มาร์คกำลังชมผมว่าน่ารักอยู่ล่ะสิ งืมๆ
“อยากไปเที่ยวไหนไหมล่ะ
เดี๋ยวให้แบมแบมพาเที่ยวทั่วกรุงเทพเลย”
“ถ้าอยากเที่ยว
แม่ผมจะให้ผมพาเที่ยวรอบกรุงเทพแหละ”
ได้ยินที่พอแปลตาพี่มาร์คเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย
ก่อนที่เจ้าตัวจะทำอะไรๆน่ารักออกมา โดยที่ผมไม่ได้บอกสักนิด
“ขบคุณค้าบบบบบบบบ^^”
พี่มาร์คไหว้พ่อกับแม่แล้วขอบคุณเป็นภาษาไทยแหละแกรรรรรรรรรร
><
กินอาหารอิ่มหนำสำราญ ท้องป่องลงพุง
คาดว่าน้ำหนักอาจเพิ่มสามโล พอกลับมาถึงบ้าน
ผมก็รีบพาตัวพี่มาร์คขึ้นห้องรีบประชุมด่วน
เพราะสถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างเครียดพอสมควร ผมว่าเราต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อกันไม่ให้ใครจำหน้าตาพี่มาร์คได้
ค่อยๆใช้สายตาสำรวจบนตัวคนหล่อที่ยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าผม
ตั้งแต่ปลายเท้าไล่ขึ้นมายันเส้นผมที่ยาวที่สุด
จนพบบางอย่างที่ต้องรีบเปลี่ยนโดยด่วน
“ต้องเปลี่ยนสีผม” พูดแล้วชี้นิ้วไปยังผมสีทองของพี่มาร์ค
เราต้องย้อมผมพี่มาร์คให้เป็นสีดำหรือไม่ก็น้ำตาล
เพื่อกันความโดเด่นมากเกินจำเป็น ยิ่งนี่เป็นไทยไม่ใช่เกาหลี
ถ้าออกไปข้างนอกแล้วโชว์ผมสีทองนั้นนะ เบ้าหน้าไม่ดีจริงๆ มึงอย่าทำเถอะ
เห็นสก็อยบางคนย้อมสีรุ้งทั้งหัวเหมือนเซฮุน เอ็กโซ แล้วแบบ… กูนี่โคตรเพลียเลย -__- แต่ดูๆแล้วตรงโคนผมพี่มาร์คบางจุดมันก็ออกสีดำๆแล้วอ่ะ
แต่ถ้าจะให้รอมันดำทั้งหัวก็คงไม่ไหวนะ มันช้าเกินไป ฉะนั้นเราต้องย้อมจ้ะ
ถึงพี่มาร์คจะย้อมดำยังไง
ผมว่ามันต้องมีคนจำได้แน่ๆ ใส่แมสปิดปาก ก็ช่วยได้ระดับหนึ่ง เอ๊ะ…แล้วถ้าพี่มาร์คไว้หนวดจะเป็นยังไงนะ ตั้งแต่ติ่งJYM4มาไม่เคยเห็นพี่มาร์คไว้หนวดเลยอ่ะ สักนิดก็ไม่มี…ความคิดเด็ดเหมือนกันนะเนี่ย
คนหล่อมาทั้งชีวิตไว้หนวดจะยังหล่อเหมือนเดิมรึเปล่าน้า
พอลองคิดภาพแล้วพี่มาร์คมีหนวดแล้วมันต้องเซ็กซี่ ดิบ เถื่อน ชายฉกรรจ์มากแน่ๆ
หูยยยย
“พี่มาร์คไว้หนวดได้ไหม?” อีกฝ่ายมองหน้าผมตาปริบๆ “ไม่ต้องไว้ยาวก็ได้อ่ะครับ
เอาแค่มันขึ้นนิดเดียวก็พอ”
“ฉันว่า…ไอ่นี้ก็พอแล้วมั้ง”
หยิบแมสปิดปากสีดำหน้าคอมชูให้ดู
“แต่เราจะใส่มันไม่ได้ตลอดนิครับ
อีกอย่างคนที่นี้ไม่นิยมใส่แมสกัน”
พี่มาร์คได้ฟังที่ผมพูดก็ถึงกับถอนหายใจแรง
“เฮ้อออออออ”
“งั้นตั้งแต่วันนี้ห้ามโกนหนวดนะครับ
แล้วพรุ่งนี้ค่อยไปซื้อน้ำยาย้อมผมกัน”
“ตั้งแต่มาที่นี้ฉันยังไม่ได้โกนเลยนะ
=___=”
ติ๊ง
เสียงข้อความเข้าดังขึ้นจากโทรศัพท์ผมเองซึ่งมันวางอยู่บนเตียง
ผมหันหลังหยิบมขึ้นมาแล้วเปิดหน้าจอดู เป็นข้อความจากพี่แจ็คสันที่ส่งมาในเฟส
วันพฤหัสแบมว่างไหม
พี่จะพาไปดูร้านก่อนอ่ะ
ว่ามีอะไรต้องทำบ้าง
โอเคครัชช
อดทนอีกนิด
ถ้าผมกับพี่มาร์คทำงานและมีเงินพอ ก็จะสามารถส่งพี่มาร์คกลับประเทศได้ มันต้องไม่เกินหนึ่งเดือนแน่นอน!!!! สู้โวยยยยยย
อีกวันผ่านพ้นไปกับการใช้ชีวิตกับไอดอลชื่อดัง เมื่อกี้ผมพึ่งขี่มอไซด์ออกไปซื้อน้ำยาย้อมผมมา เมื่อเช้าแม่ให้งบมาสามร้อย ตอนแรกขอตังค์เฉยๆไม่ให้หรอก ต้องให้กุเรื่องว่าจะพาพี่มาร์คเที่ยวเท่านั้นแหละ รีบหยิบกระเป๋าตังค์หยิบแบงค์ให้อย่างรวดเร็วเลยจ้า ก็ไม่ค่อยจะลำเอียงเท่าไหร่ สงสัยคราวหน้าจะขอตังค์ต้องอ้างชื่อพี่มาร์คบ่อยๆแล้วล่ะ
จัดการผสมน้ำยาย้อมผมให้เรียบร้อย
พอดีย้อมผมขาวให้พ่อกับแม่บ่อยเลยชำนาญ พี่มาร์คก็นั่งรอผมเงียบๆไม่พูดจาสักคำ
จนบางทีแอบลืมว่านางก็อยู่ด้วย
หยิบผ้าที่เตรียมไว้บนโต๊ะพาดบนไหล่
พร้อมกับกิ๊บที่แอบเอาของแม่มา ในมือถือชามน้ำยาย้อมผม
เดินอ้อมไปยืนอยู่ด้านหลังที่นั่งพี่มาร์ค ผ้าที่เอามาก็วางไว้บนหลังไหล่พี่เขาแทน
ผู้ชายบ้าไรมองแค่ท้ายทอยยังหล่อ???
“พร้อมยังครับ? ผมจะเริ่มละนะ”
คนถูกถามพยักหน้าตอบเบาๆ
เป็นเชิงว่าพร้อมแล้ว… แต่คนทำดูเหมือนจะยังไม่พร้อมเท่าไหร่
โอ้ยยย มือสั่น คือมันตื่นเต้นอ่ะ
จะได้จับหัว เส้นผมอันเงางามของคนหล่อมาทั้งชีวิตมันก็อดตื่นเต้นไม่ได้
ใจสั่นมือสั่นไปหมดแล้วเนี่ย รู้สึกเป็นบุญอย่างแรงที่จะได้จับหัวพี่มาร์ค
ฮืออออออ
“ฝากหน่อยครับ”
แต่เราก็ต้องควบคุมความสั่นไหวของตัว
จัดการกับงานตรงหน้าต่อไป ผมยื่นชามน้ำยาย้อมผมส่งให้พี่มาร์ค
เพราะไม่มีมือจะติดกิ๊บให้ เอื้อมมือไปแตะผมพี่มาร์คเบาๆ
แค่เบาๆก็รู้สึกได้เลยว่า ผมพี่มาร์คมันนุ่มมากกกกกกกกกกกกกกกกก โคตรนุ่มเลยอ่ะ
คืออยากจะถามว่าผมผู้ชายจำเป็นต้องนุ่มขนาดนี้ไหม? ใช้ซันซิลหรือแพนทีนล่ะ
แต่เมื่อวานพี่มาร์คใช้โดฟนี่หว่า ตอนที่นางเปิดประตูแล้วโพล่มาแค่หัวนั้นแหละ
นางถือขวดโดฟให้ดู ผมว่าเรามาผิดประเด็นกันล่ะ =__=
ใช้เวลาไม่นานผมก็สามารถย้อมทั้งหัวพี่มาร์คได้สำเร็จ
แล้วเราก็ปล่อยให้สีมันแทรกซึมเข้าเส้นผม ทิ้งไว้สักพัก ก็ล้างสระผมด้วยน้ำสะอาด
ผมบอกให้พี่มาร์คก้มหัวลง แล้วตัวเองจะเป็นคนถือฝักบัวให้ เดี๋ยวไว้รอดูฝีมือช่างเสริมสวยแบมแบมได้เลย
“บีบแชมพูใส่เลย”
เอื้อมมือปิดฝักบัว
แล้วใช้มืออีกข้างที่ถือแชมพูบีบใส่บนหัวพี่มาร์คพอประมาณ
แล้งปล่อยให้พี่เขาทำความสะอาดหัวตัวเองไป
พอเห็นว่าพี่มาร์คหยุดเกาหัวตัวเอง
เป็นสัญญาณบอกว่าเปิดน้ำเลย ผมก็จัดการเปิดฝักบัวล้างแชมพูบนหัวให้อีกรอบ
ระหว่างที่ทำการสระผมนั้นเอง เสียงร้องของพี่มาร์คทำผมตกใจเล็กน้อย
มองคนตรงหน้าที่มือใหญ่ปิดหน้าไว้แน่น
“โอ๊ยๆ!!”
“เห้ย!! เป็นไรครับ
น้ำเข้าตาหรอ!?” รีบปิดฝักบัวแล้วเข้าไปดูอาการพี่มาร์คทันที
“อื้อๆ” พี่เขาตอบเสียงอู้อี้ในลำคอ
มือหนึ่งก็ขยี้ตาขวาข้างที่น้ำเข้า
“ผมขอดูหน่อย แสบมากไหมครับ”
เอื้อมมือหยิบฝักบัวแล้วเปิดน้ำ “เอาน้ำล้างตาเพื่อจะหายแสบนะครับ”
มือใหญ่แบออกสองข้างตวงน้ำจากฝักบัว
เพื่อล้างตา ทำอย่างนั้นอยู่สามสามรอบเลยถามอาการพี่มาร์คอีกครั้ง
“ดีขึ้นไหมครับ” มองหน้าพี่มาร์คที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำ ขณะที่ดวงตาสองข้างยังปิดสนิท
ผมปิดน้ำแล้ววางฝักบัวไว้แถวนั้น
ก่อนจะเดินเข้าไปดูอาการพี่มาร์คใกล้ๆ
“ผมขอโทษนะครับ แสบมากไหมอ่า”
พี่มาร์คไม่ตอบอะไรผม แค่ยกมือขึ้นมาขยี้ตาแล้วค่อยๆกระพริบตาถี่ๆ จนลืมตาได้เต็มดวง วินาทีนั้นดวงตาของเราสองคนสบตากันพอดี เฮือกกกกกกกกกกกกกกกกก
เป็นการสบตาเข้าอย่างจริงจัง
ถึงจะมีระยะห่างไม่ใกล้มาก แต่ดวงตาพิฆาตของพี่มาร์คก็สามารถทำให้หัวใจดวงน้อยของผมเต้นรุนแรงมาก
ใบหน้าเริ่มร้อนๆหนาวๆแปลกประหลาด และต่อมหื่นเริ่มทำงาน(?)
ผมมองดวงตาคู่นั้น
พลางเม้มริมฝีปากล่างแน่น…
เดี๋ยวจับกัดคาห้องน้ำซะเลยนี่
“รีบๆทำให้เสร็จเถอะ”
เสียงพี่มาร์คดึงผมเข้าสู่โลกแห่งความจริง
จากที่เมื่อกี้พึ่งสบตากับผมไป ตอนนี้พี่เขายืนโน้มตัวลงพร้อมจะสระผมต่อแล้ว -___-
มาทำให้คนอื่นใจเต้นแรง แล้วทำไมตัวเองไม่คิดจะใจเต้นแรงกับเค้าบ้างล่ะ T^T
ใช้เวลาไม่นานก็สระผมให้พี่มาร์คเรียบร้อย ผมยื่นไดน์เป่าผมให้พี่มาร์ค หว่า…คนอะไรขนาดเวลาเป่าผมยังเซ็กซี่ได้ขนาดนี้ ยิ่งตอนผมเปียกแล้วหัวสะบัดน้ำไปมาพร้อมกับมืออีกข้างที่เช็ดผมลวกๆ มันช่างเป็นอันตรายต่อหัวใจข้ายิ่งนัก อะเฮือกกกก
ทำไมชอบอ่อยกันจังวะ ???
อยากเสร็จแบมคนนี้นักรึไง
โอเคๆ มึงตั้งสติ ศีล สมาธิ ปัญญาให้ตัวเองได้แล้วแบมแบม
ถึงภาพตรงหน้ามันจะล่อตาล่อใจให้มึงคิดอกุศลขนาดไหน อย่าไปหลงกับมันเว้ยยยยยยยยยยย
มึงใสๆ โลกสวยฟรุ้งฟริ้ง แล้วมันจะไม่มีการกระทำอันนำไปสู่ฉากอึ๊บอึ๊บเด็ดขาด
โนววววววววววววววววววว
ฉับ
เสียงอิไรท์เตอร์ตัดกระดาษ
-___-
มีคนรออ่านด้วย
งูยยยย ดีใจ ซาบซึ้งปลื้มปริ่ม
เพราะช่วงนี้อัพขาดๆหายๆ
สถานการณ์เรื่องเรียนไม่ค่อยอำนวยเท่าไหร่
ขอบคุณที่ยังรอ
TOT อย่างนี้ต้องให้รางวัล ส่งพี่มาร์คไป!!!!!!!
ความคิดเห็น