คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Re-Chapter 4 แค่นี้ก็ฟิน 100%
Chapter 4 แค่นี้ก็ฟิน
“มาหายองแจหรอคะ”
แบมแบมเอ่ยถาม
เพราะเมื่อกี้ตอนอยู่ใต้อาคารเธอมองเห็นผู้ชายผมสีทองๆ
ซึ่งก็น่าจะมีอยู่แค่สองคนในมหาลัย ไม่มาร์คก็แจ็คสัน
เขาทำท่าเหมือนกำลังชะเง้อมองอะไรสักอย่างจากที่ไกลๆ
แต่แบมแบมเห็นไม่ค่อยชัดเท่าไหร่เลยตัดสินใจเดินมาดูเพื่อความแน่ใจ
ถ้าเป็นมาร์คหรือแจ็คสันจริงๆก็คงมารอรับยองแจแหละมั้ง
“ใช่ๆ พี่มาหายองแจ แหะๆ” มาร์คลุกขึ้นยืนถอยหลังออกมาเล็กน้อยให้ระดับสายตาของเขาและเธอพอดีกัน
จนแบมแบมที่เป็นฝ่ายก้มหา
ต้องเงยหน้ามองตามเจ้าของความสูงร้อยแปดสิบเอ็ดเซนติเมตรอย่างช่วยไม่ได้
“ยองแจพึ่งออกไปตะกี้ พี่มาร์คไม่ได้บอกยองแจไว้หรอคะ”
“เปล่าหรอก
จริงๆมันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ไว้พี่ค่อยคุยทีหลังก็ได้” ต่อจากนี้ไปเขาได้แต่ภาวนาว่าแบมแบมจะไม่เอาเรื่องที่เจอตัวเขาหน้าคณะไปเล่าให้ยองแจฟัง
ไม่งั้นคงต้องหาข้ออ้างมาเพิ่มอีกยาวเหยียด
“อ๋อ”
“แล้วทำไมแบมยังไม่กลับบ้านอะ” มาร์คถามแม้ในใจเขาเองก็ประหม่าอยู่ไม่น้อย
ที่ได้อยู่กับน้องแบมแบมสองคนแบบนี้
“รอยูคยอมมารับค่ะ”
อ่า คำตอบนี้เขารู้อยู่แก่ใจนี่หน่า…ช่างเป็นความจริงที่เจ็บปวดดีแท้
“ปกติ…แฟนแบมมารับทุกวันเลยเหรอ” ประโยคนี้มาร์คต้องกล้ำกลืนพูดแค่ไหน มีใครรู้บ้างไหม
กับการที่จะยอมรับว่าแบมแบมนั้นมีเจ้าของแล้ว
“ก็แล้วแต่เขาค่ะ
วันไหนถ้าเขาไม่ว่างแบมก็จะกลับเอง”
…บางที มึงก็ควรหัดไม่ว่างบ้างนะ
มาร์คตอบกลับเพียงรอยยิ้มกว้าง บรรยากาศระหว่างเขากับแบมแบมเริ่มเงียบลง มาร์คก็เขินคนตรงหน้าแต่พยายามเก็บอาการไว้ แบมแบมก็ทำตัวไม่ถูกเพราะไม่ค่อยสนิทกับพี่เขาเท่าไหร่ คนพึ่งเจอกันสองครั้งเอง
“งั้นเดี๋ยวพี่นั่งรอเป็นเพื่อน” มาร์คนั่งลงตรงเก้าอี้ม้าหินอ่อนอีกตัวซึ่งอยู่ข้างๆแบมแบม
ไม่รู้ว่าสมองส่วนไหนทำให้เขาพูดและทำแบบนั้นไป
แต่ที่แน่ๆคือในใจโคตรต้องการอย่างงี้แหละเว้ย
“ไม่เป็นไรค่ะ แบมรอคนเดียวได้” รีบปฏิเสธ แต่เธอก็รอคนเดียวได้อย่างที่พูดจริงๆนะ
“โอเค พี่ไม่นั่งเป็นเพื่อนก็ได้
แต่ขอนั่งชมวิวแถวนี้สักพักละกัน”
ช่างเป็นข้ออ้างที่แบมแบมถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว… แต่ยังไงมันก็มีความควายหมายเท่ากับนั่งเป็นเพื่อนนั่นแหละน่า
จึงได้แต่ปล่อยให้เป็นเรื่องที่พี่เขาทำแล้วสบายใจก็ทำไป
เธอจะนั่งอยู่เงียบๆละกัน เลยหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมาเล่นเกมระหว่างรอยูคยอมมารับ
ระหว่างที่แบมแบมก้มหน้าก้มตาเล่นคุกกี้รัน
ตั้งใจจะทำแต้มสูงสุดใหม่อยู่นั้น
ทำให้เจ้าตัวไม่ได้สังเกตว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องจะกลืนกินตัวเธอเข้าไปทั้งตัวอยู่แล้ว!!
เจ้าของสายตาคู่นั้น มองคนตรงหน้าที่กำลังเล่นเกมอย่างตั้งอกตั้งใจ
พลางฉีกยิ้มกว้าง….เขาอยากหยุดเวลานี้ไว้ให้นานแสนนาน
ก่อนที่เจ้าของตัวจริงจะปรากฏตัว
ช่วงเวลาที่ได้พูดคุยและจ้องมองรุ่นน้องที่แอบตามมานานเกือบเดือนใกล้ๆแบบนี้
มันจะมีโอกาสอีกครั้งอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ หรือไม่แน่….ครั้งนี้อาจจะเป็นโอกาสแรก และโอกาสสุดท้ายของมาร์คก็ได้
ตราบใดที่ยังมีไอ้เปรตยูคยอมคอยตามวนเวียนเป็นแฟนของน้องแบมแบมอยู่อย่างนี้
30 นาทีต่อมา
แบมแบมนั่งหน้ามุ่ยจ้องมองเวลาบนหน้าจอมือถือ
ปกติยูคยอมไม่เคยมารับสายเลย แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้ถึงมาสายก็ไม่รู้
เกิดอะไรขึ้นรึเปล่านะ
มาร์คเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของการมารับของยูคยอม
ว่ามันสายเกินไปแล้ว นี่แบมแบมมานั่งรอมันมารับเกือบครึ่งชั่วโมงเลยนะเฟ้ยยย
ปกติก็เห็นมาก่อนเวลาตลอดนี่หว่า แต่ทำไมวันนี้มันมาช้าแปลกๆวะ
ครืด
โทรศัพท์ในมือที่แบมแบมตั้งไว้สั่นไว้มีข้อความจากยูคยอมส่งเข้ามา
เจ้าของเครื่องเลยรีบกดเข้าไปอ่านทันที
‘แบมมมมมมม ยูคไปรับไม่ได้แล้วอ่ะ
ขอโทษน๊า พอดีต้องแก้งานส่งอาจารย์ให้เสร็จก่อนเย็นนี้
ถ้างานเรียบร้อยแล้วจะโทรไปหา ไม่โกรธกันนะครับคนดี’
แบมแบมอ่านข้อความด้วยสีหน้าเรียบเฉย
พออ่านจบเธอก็กดปิดหน้าจอเก็บโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋า
ก่อนจะลุกขึ้นหันไปพูดบางอย่างกับมาร์ค
“แบมจะกลับแล้วนะคะ”
มาร์คได้ยินถึงกับลุกขึ้นพรวด
อะไรกัน!!!!!!! …ไหนบอกว่าไอ้ยูคคยอมมันจะมารับ
“แล้วแฟนแบมไม่มารับแล้วเหรอ?”
“เขาต้องแก้งานส่งอาจารย์ค่ะ
เลยมาไม่ได้แล้ว ยังไงก็ขอบคุณพี่มาร์คมากนะคะที่รอเป็นเพื่อน”
แบมแบมบอกพลางยิ้ม ก่อนจะเดินหันหลังออกมา
แต่ระหว่างนั้นที่เรียวขายาวก้าวไปเดินได้ไม่กี่ก้าว
เสียงตะโกนของมาร์คที่เรียกชื่อเธอซะดัง ทำให้ต้องหันมองกลับไป
“แบม!”
“คะ??” มองหน้าคนที่ตะโกนเรียกชื่ออย่างงุนงง
มาร์คลังเลอยู่ตอนนี้ว่าเขาจะพูดคำนั้นออกไปดีรึเปล่า
ถ้าพูดออกมาแล้วโดนปฏิเสธมันคงเสียเซลฟ์น่าดูเลยนะเว้ย แต่ไม่เป็นไร
ไหนๆวันนี้ไอ่ยูคยอมมันก็ไม่มารับอยู่แล้ว ใช้โอกาสนี้รุกคาดซะดีกว่า หึ
สู้เว้ยยยยยยย ไอ้มาร์คค!!
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง….”
พูดออกไปแล้ว! กูพูดออกไปแล้วววววววววววววววววววววววววว
แบมแบมถึงกับนิ่งไป
แล้วหลบสายตามาร์คที่มองมาเหมือนกำลังรอคำตอบจากเธอ
“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากพี่มาร์คเปล่าๆ”
พี่เขามานั่งอยู่ด้วยตั้งเกือบครึ่งชม. แล้วยังจะอาสาไปส่งอีก เธอรู้สึกไม่ดีและลำบากใจยังไงก็ไม่รู้
ที่ทำให้พี่เขาต้องมาเสียเวลาแบบนี้
“ไม่ลำบากหรอก พี่เต็มใจ” ความจริงใจเท่านั้น….ที่แบมแบมจะต้องสยบ
คำตอบของอีกฝ่ายทำให้แบมแบมต้องหนักใจกว่าเดิม
ถ้าเธอตอบปฏิเสธมันก็เหมือนการตัดน้ำใจยังไงอยู่นะ พี่เขาอุตส่าห์ออกปากพูดขนาดนี้แล้ว…..
“งั้น….ก็ได้ค่ะ”
ลอย….มาร์ครู้สึกอยากลอยจริงๆ
บ้า….ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
กูได้ไปส่งน้องแบมแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย
“ขอบคุณนะคะพี่มาร์คที่มาส่ง” แบมแบมถอดหมวกกันน็อกสีดำออกจากหัว ส่งคืนให้กับเจ้าของ
ตอนมาส่ง เพราะมันมีหมวกกันน็อกอันเดียว
มาร์คเลยเอาให้แบมแบมใส่แทน เดี๋ยวมีอุบัติเหตุอะไรขึ้น
อย่างน้อยแบมแบมก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อน แต่อุบัติเหตุจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน
ถ้าคุณซ้อนท้ายรถบิ๊กไบค์พี่มาร์คคนนี้…. ไว้ใจได้เลย
อีกอย่างเมื่อกี้น้องแบมกอดเอวเค้าด้วยแหละ
งูยยยยยยยยยยยย เขินนนนน
“เรื่องแค่นี้สบายมาก แล้วแบมอยู่บ้านคนเดียวเหรอ” มาร์คมองไปยังบ้านสไตล์โมเดิร์น ที่ตั้งตระง่านอยู่
ลักษณะเป็นบ้านชั้นเดียวสีขาว
ด้านหน้าบ้านมีสวนเล็กๆ ปลูกต้นไม้ไว้ให้ร่มเงา
ประตูหน้าบ้านและกระจกเป็นกระจกสีขุ่น
ซึ่งสามารถมองเห็นทุกอย่างในบ้านได้อย่างชัดแจ๋ว
ดูเหมือนตรงกลางบ้านจะมีบันไดด้วยแหะ
“ใช่ค่ะ”
“อยู่บ้านคนเดียวแบบเนี่ยอันตรายนะ”
อีกอย่างแบมแบมก็เป็นผู้หญิง
อย่างน้อยหน้าต่างกระจกก็ไม่ควรเปิดโล่ง ให้คนด้านนอกมองเห็นได้นะ
“ไม่หรอกค่ะ
แบมอยู่ที่นี้มาตั้งแต่เกิดแล้ว”
จริงๆที่เห็นเป็นสไตล์โมเดิร์นแบบนี้ก็เพราะ
บ้านหลังนี้ถูกปรับแต่งใหม่ได้ไม่กี่เดือนเอง โดยพี่ชายของแบมแบมที่ห่วงความปลอดภัยของน้องสาวสุดที่รักเป็นไหนๆ
เลยจัดการรื้อทำบ้านใหม่ให้ดูดีและอุปกรณ์ล็อกประตูบ้านทุกอย่างต้องปลอดภัยสำหรับการอยู่บ้านตัวคนเดียว
“แล้วพ่อกับแม่แบมล่ะ?”
“ย้ายไปอยู่ปูซานตั้งแต่ปีที่แล้วค่ะ
แบมอยากเรียนต่อในโซลเลยขอพ่อกับแม่อยู่ที่นี้จนกว่าจะเรียนจบ”
ที่ครอบครัวต้องย้ายไปปูซานนั้น
ก็เพราะทางคุณตาและคุณยายมีร้านอาหารอยู่ที่นั้น
อีกอย่างพวกท่านก็อายุมากแล้ว ไม่เหมาะที่จะมาทำงานหนักๆแบบนี้
ครอบครัวแบมแบมเลยตัดสินใจพากันย้ายไปอยู่ที่ปูซาน
ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่แบมแบมกำลังสอบเข้ามหาวิทยาลัย
จนสุดท้ายเธอก็ติดคณะจิตวิทยาอย่างที่ฝันไว้
เลยขอร้องอ้อนวอนทางครอบครัวอยู่ที่โซลต่อ
ทีแรกคนที่ค้านเรื่องนี้หัวชนฝาดูเหมือนจะเป็น อิม แจบอม หรือ เจบี
พี่ชายที่อายุห่างกันกับแบมแบมเกือบเก้าปี
แต่เพราะนั้นเป็นคณะที่แบมแบมเคยบอกไว้ตั้งแต่เด็กๆว่าอยากเรียน
ทำให้พี่ชายต้องใจอ่อนยอมให้น้องสาวสุดรักมาเรียน และอยู่บ้านหลังเดิมในโซล
ซึ่งมันอาจะปลอดภัยกว่าการไปเช่าหอที่อื่นอยู่ แถมยังประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย
“อย่างงี้นี่เอง
ยังไงแบมก็เป็นผู้หญิงนะ อยู่คนเดียวแบบนี้ก็ระวังด้วย
ซื้อผ้าม่านมาติดด้วยน่าจะดี อีกอย่างสมัยนี้พวกโจรพวกโรคจิตมันเยอะจะตาย”
“ค่าๆ” แบมแบมแทบจะหลุดขำกับคำกำชับของมาร์ค
ขี้บ่นแบบนี้เหมือนพี่เจบีเลย
“งั้นพี่กลับก่อนนะ” แบมแบมพยักหน้าตอบ
มาร์คจัดการสวมหมวดกันน็อกและบิดกุญแจ สตาร์ทบิ๊กไบค์คู่ใจ เลี้ยวรถกลับไปทางเดิมที่มาตะกี้ แบมแบมมองตามมอเตอร์ไซน์บิ๊กไบค์ของมาร์คจนลับสายตาไป ก่อนจะเดินเปิดประตูเข้าไปในบ้าน วางกระเป๋าไว้บนโซฟาพร้อมกับนั่งลงเพื่อพักเหนื่อยจากการเรียน ดวงตากลมโตมองยังสวนหน้าบ้าน ผ่านกระจกสีขุ่น
“อยู่คนเดียวแบบนี้ก็ระวังด้วย
ซื้อผ้าม่านมาติดด้วยน่าจะดี อีกอย่างสมัยนี้พวกโจรมันเยอะจะตาย”
นึกแล้วก็ขำ เธอควรจะไปซื้อผ้าม่านมาติดอย่างที่พี่มาร์คพูดดีรึเปล่านะ
70%
ครืด ครืด
เสียงสั่นของโทรศัพท์ในกระเป๋า
ทำให้แบมแบมหลุดจากภวังค์ความคิด
เอื้อมไปหยิบอุปกรณ์สื่อสารออกมาดูชื่อสายที่โทรเข้าก่อนเลื่อนรับสาย
“คะพ่อ”
(เลิกเรียนรึยังแบมแบม แล้วช่วงนี้เป็นไงบ้าง)
“เลิกแล้ว
พึ่งกลับถึงบ้านตะกี้นี่เอง ก็เหมือนเดิมค่ะ อาจารย์สั่งงานเป็นกองเลย”
(ฮ่าๆ สู้ไว้นะลูก พอดีพ่อมีเรื่องจะบอก…พ่อว่าวันอาทิตย์นี้คงไปหาลูกไม่ได้แล้วล่ะ)
วันอาทิตย์
ครอบครัวแบมแบมที่อยู่ปูซานกะว่าจะเข้าโซลมาเยี่ยมหา
แต่อาจเพราะร้านอาหารที่พี่เจบีเป็นเจ้าของ
ซึ่งได้รับการส่งทอดมาจากคุณตาและคุณยายอีกทีหนึ่ง ธุรกิจที่นั้นกำลังไปได้สวย
ลูกค้าแน่นร้านทุกวัน ถ้าให้ปลีกเวลามาคงยากสักหน่อย
“เห็นไหมหนูบอกแล้วว่าไม่ต้องมาก็ได้
ช่วงนี้งานที่ร้านก็ยุ่งๆอยู่ด้วย ไว้ถ้าวันไหนหนูว่างจะไปหาเอง
หนูเคยบอกพ่อไปแล้วนะ”
(งั้นพ่อก็แล้วแต่ลูกล่ะกัน
พ่อไปช่วยพี่เขาทำงานก่อนนะ) คนเป็นพ่อรู้สึกเสียใจนิดๆ
ที่ไม่สามารถหาลูกสาวตัวเองอย่างที่ตั้งใจไว้ได้
แต่แค่ได้ยินเสียงและรู้ว่าลูกตัวเองสบายดีแค่นั้นก็รู้สึกมีกำลังใจทำงานต่อแล้ว
“ค่า พ่อคะๆ!” ตอนนั้นเองแบมแบมพึ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมบอกเรื่องบางอย่าง
‘หืมม ว่าไง’
“ฝากบอกพี่ด้วยนะว่ายังไม่ต้องโอนเงินมา
อันเก่ายังใช้ไม่หมดเลย”
(ได้เลย เดี๋ยวพ่อจะบอกให้นะลูก)
และพ่อของแบมแบมก็ตัดสายไป
เธอวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะกาแฟด้านหน้า เหลือบหันไปมองสุนัขพันธุ์มอนทีส เพศเมีย
ขนสีขาว ตัวเล็กหน้ารัก เดินดุ่มๆสี่เท้าออกมาจากทางห้องครัว
ไปแอบทำอะไรมาละเนี่ย
“โคโค่ มานี่เร็วๆ” เพียงแค่กวักมือเรียก ก็เหมือนสุนัขตัวนี้จะรู้เรื่อง
จากที่เดินช้าๆเปลี่ยนเป็นวิ่งเข้ามาคลอเคลียขาเจ้าของทันที
โคโค่
สุนัขตัวนี้แบมแบมซื้อมาเลี้ยงเป็นเพื่อนคลายเหงา
ช่วงแรกๆที่เธอต้องอยู่บ้านหลังนี้คนเดียว มันเหงาแล้วโดดเดี่ยวมาก
เลยตัดสินใจไปร้านสุนัขและเห็นโคโค่ครั้งแรกรู้สึกถูกใจมาก แบบว่ามันน่ารัก
ดูร่าเริง ขี้อ้อนตลอดเวลา เพราะแบบนั้นแบมแบมเลยซื้อสุนัขตัวนี้มา
ตั้งชื่อให้มันว่าโคโค่ ซึ่งเป็นชื่อที่ไม่มีความหายอะไร
ตอนนั้นมันผุดเข้ามาในหัวแบมแบมพอดี เธอเลยเอาชื่อนี้มาตั้งซะเลย
“ทำไมแกซกมกจังหะ” อุ้มโคโค่ขึ้นมาวางบนตัก มือลูบขนบนลำตัวไปมา ช่วงนี้โคโค่ซกมกมาก
ชอบไปเล่นขุดเขี่ยดินตรงสวนด้านหน้าบ้านตลอด
บางครั้งขนสีขาวของมันก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลของดินเลยก็มี…
“ไอ้แจ็ค!!!!!!!!!!” มาร์คต่อสายหาแจ็คสัน
ตัวของเขาก็นอนเกลียกกลิ้งอยู่บนเตียงขนาดห้าฟุต
เพราะเก็บอาการตื่นเต้นกับเรื่องราวที่เขาเจอมาทั้งหมดในวันนี้ไว้ไม่อยู่
(โอยย อะไรของมึง หนวกหูเป็นบ้า)
“วันนี้แมร่งโคตรเป็นวันของกูเลยเว้ยย”
(อะไรของมึงวะ?)
“กูได้ไปส่งน้องแบมที่บ้านเว้ยมึง!!!” พูดแล้วก็เขินแรง กลิ้งตัวไปกอดและซุกหน้าลงบนหมอนข้าง
(อร๊ายยยยยยยยย จริงดิมึง
เห้ยๆเล่าให้กูฟังเลย) ผู้ฝังก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน
อาการพอๆกับคนเล่าเลยแหละ
“คือเมื่อเช้าเว้ย….ฟหกดเวง!@#$%)” มาร์คเล่าเรื่องทั้งหมดให้แจ็คสันฟัง
และใบหน้าเขาก็แทบจะหุบยิ้มไม่ได้เลยสักวิเดียว
จนเมื่อเล่าจบแจ็คสันก็ออกปากชมซะยกใหญ่
(วะฮ๊า ดีมากเว้ยเพื่อน ร้ายกาจสมกับที่เราเป็นคู่หูกันจริงๆ)
“มีอีกเรื่องที่มึงยังไม่รู้…”
(ไม่เจอกันวันเดียว
มึงไปทำความลับมาเยอะชิบหาย) แจ็คสันบ่นให้กับเพื่อนตัวเอง
คือแค่วันเดียว เหมือนมันไม่ทำวีรกรรมมาแล้วทั่วโลก
โดยที่แจ็คสันไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“อยากรู้ไหมล่ะ” มาร์คพูดเสียงกระซิบ เพื่อเป็นการกระตุกต่อมความยากรู้ของแจ็คสัน
และวิธีนี้มักใช้ได้ผลเสมอ….
(เอ่อออออ)
“กูมีเบอร์น้องแบมแล้วนะคร้าบ” พูดแล้วก็เขินอีก เขินแรงกว่าเดิม
เขินชนิดที่ว่าจะม้วนตัวรวมเป็นหนึ่งเดียวกับผ้าห่มนี่แหละ
(ต๊ายตาย เดี่ยวนี้มึงจะรุกแล้วหรือไงหะ! แล้วไปเอามาได้ไง ขอน้องเขาหรอ)
“เปล่า แอบเอามาจากโทรศัพท์ยองแจ” เกือบจะเท่อยู่แล้วเชียว…
(โด่วว นึกว่ามึงขอเบอร์น้องเขาซะอีก แต่ไม่เป็นไรอย่างน้อยมึงก็ฉลาดมากที่หาวิธีเอาเบอร์น้องแบมมาได้ เยี่ยมๆ)
“นี่มึงชม?” ถ้าจะด่าก็เอาตรงๆเลยเถอะ
(ชมดิเพื่อน แล้วมึงได้โทรหาน้องแบมยัง)
คำถามนี้ มาร์คตอบได้อย่างเต็มคำเลยว่า…
“ยัง”
ได้เบอร์น้องแบมมาได้สองวัน
มาร์คยังไม่เคยลองโทรไปหาเลยสักครั้ง
ได้แต่มองเบอร์นั้นแล้วเพ้อเห็นภาพน้องแบมยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าตลอด…แค่นี้ก็ฟินแล้ว
(อ้าว ทำไมวะ)
“กูไม่กล้า…”
เวลา 22.30 นาที
ปิ๊ม ปิ๊ม
ระหว่างที่แบมแบมกำลังนั่งกับพื้นพิมพ์รายงานส่งอาจารย์อยู่นั้น
เสียงบีบแตรรถก็ดังมาจากหน้าบ้าน ทำให้เธอต้องละสายตาตัวหนังสือบนหน้าจอคอม
มองผ่านกระจกสีขุ่นตรงหน้าบ้านมีรถยนต์คันหนึ่งจอดรออยู่
และแบมแบมก็จำได้ว่าเจ้าของรถคันนี้เป็นใคร ไม่รอช้ารีบลุกออกไปเปิดประตูให้รถของยูคยอมเข้ามาจอดในบ้านทันที
เมื่อจอดรถดับสนิท
เรียวขายาวก็ก้าวลงมาพร้อมกับปิดประตูรถให้สนิท
ส่งยิ้มตาหยีให้กับแบมแบมที่ยืนกอดอกหน้านิ่งสักพักจึงถามถึงสาเหตุการมาที่บ้านเธอดึกดื่น
“ทำไมมาดึกๆแบบนี้ล่ะ
มีอะไรรึเปล่า”
“ก็ถ้าไม่มา แบมก็จะงอนเค้าอ่ะดิ” พูดแล้วทำหน้าตาเศร้าไปด้วย แต่แบมแบมไม่ชอบเลย
ที่ยูคยอมจะต้องออกมาหาเธอกลางดึกเพียงแค่เรื่องงอนง้อพวกนี้
“บ้า
ไม่ได้งี่เง่าขนาดนั้นสักหน่อย โทรมาเอาก็ได้”
อีกอย่างเรื่องที่ยูคยอมปล่อยให้รอนานแล้วส่งข้อความมาบอกช้าว่ามารับไม่ได้นั้น
แบมแบมลืมมันไปแล้ว ไม่ได้โกรธหรืองอนอะไรด้วย
ครั้งก่อนๆยูคยอมก็ต้องมารอเธอสอบแก้ตัวกับอาจารย์เหมือนกัน
ซึ่งตอนนั้นเขาต้องรอเธอเป็นชั่วโมงเลย
ส่วนหนึ่งก็เพราะยูคยอมไม่โทรมาบอกก่อนต่างหากว่าจะมารับ
แต่ถึงยังไงซะแบมแบมก็ไม่ได้เครียดหรือใส่ใจกับเรื่องอะไรแบบนี้มากหรอก เธอเข้าใจดี….บางทียูคยอมก็ไม่ได้ตั้งใจจะไม่มารับก็ได้
“ไม่รู้แหละ คิดถึงอะ
ขอกอดหน่อยดิ” พูดจบก็เดินเข้าไปก่อนแฟนสาวของตัวเองไว้ซะแน่น
โดยที่แบมแบมไม่ทันได้ตั้งตัวกับการกอดที่กะทันหันแบบนี้ จึงได้แต่ปล่อยให้เขากอดอยู่อย่างงั้น
ด้วยส่วนสูงอันน้อยนิดของแบมแบม
ทำให้เมื่อเทียบกับยูคยอมนั้นเองเธอจะสูงประมาณหน้าอก
และแบบนี้เองทำให้แบมแบมจำกลิ่นกายอ่อนๆของยูคยอมได้….แต่ทำไม
กลิ่นนี้….
กลิ่นน้ำหอมผู้หญิง
ปกติยูคยอมจะไม่ชอบใส่น้ำหอม
แล้วกลิ่นนี้ติดมาได้ยังไง
เหมือนโลกหยุด เกิดคำถามมากมายวกวนในหัวแบมแบมไปมา
ครั้งแรกที่เธอได้กลิ่นน้ำหอมกลิ่นกุหลาบจากตัวยูคยอม
มันไม่ใช่กลิ่นที่ผู้ชายจะนิยมใช้ แต่ทำไมยูคยอมถึงมีกลิ่นนี้ได้ล่ะ
เมื่อได้กอดแฟนตัวเองสมใจแล้ว จึงค่อยๆผละร่างเล็กออกแล้วกุมมือเธอไว้ทั้งสองข้าง
จ้องมองใบหน้าคนตรงหน้าอย่างเสน่ห์หา
“วันนี้ใส่น้ำหอมมาเหรอ?” แบมแบมเลือกที่จะถามออกไป แทนที่จะปล่อยเรื่องทั้งหมดค้างคาอยู่ในใจ
คนถูกถามได้ยินก็ถึงกับยกแขนขึ้นมาทั้งสองข้าง ทำจมูกฟุตฟิดสูดดมกลิ่นกายตัวเอง
ว่ามีกลิ่นน้ำหอมอย่างที่แบมแบมถามรึเปล่า
“อ๋อ
พอดีเปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมในรถใหม่ หอมอะดิ”
“อือ หอมดี” ได้ยินแบบนี้ก็ค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย….แต่ยังไงแบมแบมก็คิดว่ามันยังแปลกๆอยู่ดี
กลิ่นน้ำหอมที่เธอได้กลิ่นนั้นมันไม่เหมือนกลิ่นน้ำหอมสำหรับในรถสักนิด
โฮ่ง โฮ่ง
ทั้งสองหันไปมองตามเสียงเห่าของโคโค่
หมาน้อยวิ่งมายืนส่ายหางอยู่ข้างๆแบมแบม
ยูคยอมจึงยิ้มและโบกมือเป็นการทักทายน้องหมา
“หวัดดีหนูโค่ ตัวโตขึ้นนะเรา”
แบมแบมมองยูคยอมสักพัก
ก่อนจะก้มตัวลงไปอุ้มโคโค่ขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขน
แล้วหันมาบอกยูคยอมให้เข้าไปข้างในบ้าน
“ทำงานอยู่เหรอ” ร่างสูงเดินไปนั่งตรงโซฟา
สังเกตเห็นบนโต๊ะมีคอมที่เปิดหน้าจอเปิดโปรแกรมไมโครซอฟเวิร์ดทิ้งไว้
“อื้อ
แล้วยูคแก้งานส่งอาจารย์เรียบร้อยดีใช่ไหม” แบมแบมพูดพร้อมกับนั่งลงบนเบาะรองพื้นตรงหน้าคอม
“เกือบไม่รอดแหนะ”
หลังจากนั้นยูคยอมก็นั่งคุยเป็นเพื่อนแบมแบมระว่างที่เธอทำงานไปด้วย
แล้วเรื่องติดผ้าม่านที่พี่มาร์คกำชับเธอเมื่อเช้าก็เด้งเขามาหัว
แบมแบมเลยลองถามความเห็นของยูคยอมดู
“ถ้าแบมเอาผ้าม่านมาติดตรงนี้จะดีป่ะ” ชี้นิ้วที่หน้าต่างกระจกตรงหน้าให้ยูคยอมดู
และถ้ามองออกไปด้านก็จะมีเพียงความมืดและแสงไฟสลัวจากไฟข้างทางเท่านั้น
“อืมม…” เขามองตามที่แบมแบมชี้และทำหน้าครุ่นคิดสักพัก “ก็ดีนะ แต่ถ้าไม่ติดม่าน มองจากด้านนอกมันจะดูสวยกว่า ว่าแต่จะติดม่านจริงดิ?”
“ไม่รู้สิ กำลังคิดอยู่”
สายตาของแบมแบมหลุบลงมองแป้นพิมพ์….คำตอบของยูคยอมเมื่อกี้….ไม่รู้สิ….เธอแค่รู้สึกแปลกๆ
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง
แบมทำรายงานได้เกือบถึงครึ่งหนึ่งแล้ว เลยปิดหน้าจอคอมไว้ทำพรุ่งนี้ต่อ
หันไปมองยูคด้านหลังพบว่า เขานอนหลับบนโซฟาไปแล้ว ใช้มือจับไหล่เขย่าเบาๆ
ให้รู้สึกตัว
“ยูคยอมตื่น”
“Zzzz”
“คิดยูคยอม ดึกแล้วนะ นายต้องกลับได้แล้ว” แต่ยูคยอมก็ไม่มีท่าทีว่าจะตื่น แบมแบมเลยปล่อยให้เขานอนต่อไป เพราะยังไงพรุ่งนี้ก็เป็นวันอาทิตย์ อีกอย่างนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ยูคยอมมานอนค้างอยู่ที่โซฟาแบบนี้ จึงเดินเข้าไปหยิบผ้าห่มผืนบางในห้องนอนมาห่มให้คนขี้เซา ถ้าไม่ทำให้กลัวว่ายุ่งจะกัดตายไปซะก่อน
แบมแบมค่อยๆห่มผ้าให้คนที่นอนหลับลึกอย่างดี จนห่มให้มาถึงช่วงไหล่ เธอกำลังจะปล่อยมือจากผ้า ยูคยอมก็ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วใช้แขนแกร่งทั้งสองข้างคว้าเอวร่างบางเข้ามาหาตัว พลิกให้อีกคนลงไปนอนข้างล่าง และเขาเป็นคนพันธนาการทุกอย่าง
“น….นายแกล้งหลับ?” แบมแบมถามอย่างอึ่งๆ
เธอยังตกใจไม่หายที่จู่ๆก็โดนทำอะไรไม่ทันคาดฝันจากผู้ชายคนนี้อีกแล้ว
“ตอนแรกก็หลับจริงนะ
แต่พอได้ยินเสียงคุณแฟนปลุกเลยไม่อยากตื่น อยากนอนค้างที่นี่ต่อมากกว่า”
“ถ้าจะนอนก็ลุกขึ้น มันหนักนะ” ร่างบางพยายามขยับตัว
และใช้แขนดันให้ยูคยอมออกไป แต่นั่นก็เปล่าประโยชน์
“นอนท่านี้ไม่ได้เหรอ”
“จะบ้าหรอหะ ไม่เอาๆ” ได้ยินแบบนั้นแบมแบมยิ่งพยายามดิ้นแรงยิ่งกว่าเดิม
แต่มันทำให้เธอเหนื่อยเปล่าๆ ยิ่งเธอดิ้นยูคยอมก็ยิ่งกดน้ำหนักลงมาเรื่อยๆ
“งั้นตอบคำถามก่อน….ตอนเย็นใครมาส่ง”
“หือออ” คำถามพรวดพราดจากอีกคน ทำให้คิ้วแบมแบมขมวดเข้าหากัน
“ใคร” เขาถามใบหน้านิ่งเฉย
แต่นัยน์แววตานั้นกลับดุดันอย่างต้องการคำตอบ
“พ…พี่มาร์ค” ตอบออกไปเสียงสั่นๆ แววตายูคยอมที่จ้องมาทำให้เธอกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
สภาพแบมแบมตอนนี้เหมือนกระต่ายน้อย
ที่ถูกเสืออย่างยูคยอมจ้องตะคลุบกิน
“ทีหลังอย่าให้เขามาส่งอีกนะ”
“ทำไมล่ะ แล้ว…แล้วนายรู้เรื่องได้ไง”
“ไม่สำคัญหรอกว่ารู้ได้ไง
แต่อย่าให้มันมายุ่งกับแบมก็พอ”
สรรพนามการเรียกบุคคลที่สามเปลี่ยนไปของยูคยอม
ทำให้แบมแบมยิ่งไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมดเข้าไปใหญ่ ยูคยอมโกรธเหรอที่เธอมากับมาร์ค
“พี่เขาแค่อาสามาส่งเองนะ มันก็ไม่มีอะไร”
“แบมอาจจะเฉยๆ
แต่ไอ้นั้นมันกำลังคิดอะไรกับแบมอยู่รู้ไหม!” น้ำเสียงและแววตาของยูคยอมดูน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อพูดถึงมาร์ค แบมแบมจึงได้แต่มองหน้าอีกคนแล้วไม่พูดอะไร
“….”
“ถ้าวันหลังเจอมันอีก
แบมต้องอยู่ห่างไว้ เข้าใจไหม…ถือว่ายูคขอ” มือใหญ่ของยูคยอมเอื้อมไปลูบผมสีน้ำตาลอ่อนของคนใต้ร่างไว้อย่างอ่อนโยน
ซึ่งมันส่งผลการอัตราการเต้นของหัวใจแบมแบมมากมาย
“อื้อ แล้วนี่เป็นอะไร” มองหน้ายูคยอมแล้วยิ้ม “หึงเหรอ?”
“ใช่! หึงมาก
หวงมากเลยด้วย”
“โอ๋ๆ ใจเย็นสิคะ
ใส่อารมณ์จนหูแดงหมดแล้วเนี่ย” แบมแบมดึงหูสองข้างของแฟนขี้หึงเล่นไปมา
พลางหัวเราะคิกคัก
“ทำแบบนี้มันยั่วกันชัดๆเลยนะแบมแบม” ใบหน้าของยูคยอมขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม
มือที่เคยขยับเล่นตอนนี้กลับแข็งทื่อ ตาของเธอเบิกกว้างอย่างตกใจ
“ยั่ว…? ยั่วอะไร??”
ไม่ต้องรอคำตอบจากปากอีกคน
ยูคอยมค่อยๆโน้มใบหน้าเข้าไปหาแบมแบมเรื่อยๆอย่างช้าๆ คนใต้พันธนาการก็ตกใจไม่น้อย
ภายในหัวสมองเป็นสีขาวโพลนไปหมด จนกระทั่งปลายจมูกของทั้งสองแตะกัน
ใบหน้าของเขาและเธออยู่ใกล้กันมาก มากซะจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนของอีกฝ่าย
แบมแบมสัมผัสได้ว่าแรงเต้นของหัวใจเธอเพิ่มทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ แทบจะระเบิดออกมา
“รักแบมนะครับ”
#ficmyladyMB
_____________________________
.............(-/\-).............
อันนี้บ้านน้องแบม
ความคิดเห็น