คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Poster :: 05 100%
05
หลังจากได้ซักถามประวัติของพี่แจ็คสันแล้ว…ใช่ พี่แจ็คสัน
เขาบอกให้ผมเรียกอย่างงี้ พี่เขาอายุ 22 พึ่งเรียนจบ
ตอนนี้กำลังทำธุรกิจร้านขนมหวาน ขนมเค้กไรงี้ ตอนนี้ร้านกำลังตกแต่งอยู่อีกไม่นานก็คงเปิดแล้วแหละ ถึงว่าเถอะทำคัพเค้กมาให้
พี่เขามีฝีมือด้านนี้นี่เอง
แต่เมื่อกี้ก็ไม่ได้ถามพี่เขาเป็นเกย์รึเปล่า
พึ่งเจอกันครั้งแรกใครมันจะไปกล้าวะ
เดี๋ยวโดนคัพเค้กปาใส่หน้าแล้วมันไม่คุ้มนะเว้ย เราต้องสังเกตอยู่ห่างๆ
และตีสนิทไปเรื่อยๆ ความจริงทุกอย่างจะปรากฏเอง คึคึ
“น่ากินวะแบม” ตอนนี้หน้าบ้านเหลือผมกับพี่ยองแจอยู่สองคน
ส่วนพี่แจ็คสันก็ไปไล่แจกคัพเค้กให้บ้านอื่นต่อ
“หะ คัพเค้กหรอ?”
“เปล่า คนให้-///-”
พี่นี่ถ้าจะอาการหนัก หลงผู้ชายแล้วไงล่ะ
“เข้าบ้านก่อนนะพี่ แดดมันร้อน” ผมเดินหันหลังเข้ามาในบ้านและจัดการล็อกประตูรั้วให้เรียบร้อย
“แดดยามเช้าออกจะดีต่อสุขภาพ” ไม่พอพี่ยองแจยังทำหน้าฟินลืมโลกอีก
“ละพี่กางร่มทำไม” ยืนเท้าสะเอวถามหน้าหาเรื่องนิดๆ
“ก็ร้อนไง ไปละ…บาย” พี่ยองแจยกมือข้างที่ถือของมาบ๊ายบายผม
“บายครับพี่” ผมยกมือขึ้นมาบายตอบ
กำลังจะหันหลังกลับเข้าบ้าน แต่เพราะประโยคหนึ่งของพี่ยองแจตะโกนออกมา ทำเอาผมต้องหันกลับมามองหน้าพี่เขาอย่างไม่ทันตั้งตัว!
“หือ แกแอบผู้ชายไว้ในห้องหรอหะไอ่แบม!!!!” พี่ยองแจชี้นิ้วที่หน้าต่างห้องนอนของผมอาการแตกตื่นสุดๆ
แต่ไอ่คนที่จะแตกตื่นกว่าก็เป็นกูนี่แหละ!!
….ซีดแล้วไงมึง!!!
“ผู้ชายอะไร! ผ….ผม…ผมอยู่บ้านคนเดียว” พยายามทำตัวทุกอย่างให้เป็นปกติมากที่สุด
ถึงมือและหัวใจมันจะสั่นรุนแรงร้อยริกเตอร์แค่ไหนเถอะ
ถ้าเรื่องพี่มาร์คถูกเปิดละก็….ความซวยได้มาเยือนมึงแน่แบม
คิดแล้วเสียวสันหลังยังไงก็ไม่รู้ อ๊ากกก
แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมไม่ไว้ใจพี่ยองแจนะ
ผมไว้ใจพี่เขามาก ที่ผมไม่บอกก็เพราะกลัวพี่เขาไม่เชื่อต่างหาก
อีกอย่างผมก็ไม่รู้ว่าอธิบายยังไงให้พี่เขาฟังด้วยอ่ะ
ไว้รอเวลาที่ผมพร้อมค่อยบอกเรื่องนี้กับพี่เขาละกัน
“ก็พี่เห็นตรงหน้าต่างห้องแกอ่ะ” พี่เขายังคงยืนยันคำเดิมว่าเห็นจริงๆ
ผมเหลือบหลังมองดูหน้าต่างห้องตัวเองที่ถูกผ้าม่านปิดไว้
งั้นก็แสดงว่าเมื่อกี้พี่มาร์คหลบทันอะดิ
ขอบคุณพระเจ้า T^T
“ม่ายยยยยยมี พี่ตาฝาดละๆ”
“ไม่เว้ย อย่าโกหก ซ่อนผู้ชายไว้ในห้องหรอหะ!!!”
พี่ยองแจวิ่งเข้ามาเกาะรั้วหน้าบ้านผมไว้อย่างบ้าคลั่ง
อย่างกับพวกผีดิบแหนะ ไม่พอยังส่งเสียงดังกว่าเดิมอีก
พอเถอะพี่ กูอายชาวบ้านเขา =__=
“ก็บอกว่าไม่มีไง อะไรของพี่นิ ไปละซักผ้าดีกว่า
บ๊ายยยครับ” เพื่อเป็นการไม่เสียเวลาเค้นหาความจริงไปมากกว่านี้
ผมรีบหาข้ออ้างหนีเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจเสียงตะโกนที่ตามหลังมา
"ไอ่แบม!!!! มาคุยกันให้รู้เรื่องดิวะ!!!"
หูยยย เกือบไม่รอดแล้วไงละมึง ว่าแต่อิพี่มาร์คจะเปิดม่านออกมาดูทำไมเนี่ยยย
อุตส่าห์ปิดแล้วนะ แล้วถ้าพี่ยองแจเอามาเล่าให้พ่อกับแม่ฟังจะเป็นยังไงละ โอยยยยย
ไม่ได้การละ ผมต้องรีบจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด!!!
ผมเปิดประตูเข้ามาในห้อง เห็นพี่มาร์คนั่งก้มหน้าอยู่ขอบเตียงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมอง
ผมเดินไปวางถุงคัพเค้กไว้บนโต๊ะตรงหน้าคอมและนั่งลงเก้าอี้เลื่อนตรงนั้น
“เมื่อกี้ผู้ชายกางร่มคนนั้นเขาเห็นฉันรึเปล่า?”
งั้นก็แสดงว่าเมื่อกี้พี่มาร์คเปิดม่านจริงสินะ
แต่พี่ยองแจนี่ตาดีแท้เว้ย =__=
“ไม่รู้สิ คงเห็นมั้งแต่ผมก็ปฎิเสธไปนะว่าไม่มีใครอยู่”
“….”
“เรื่องที่คุณอยู่ที่นี้ผมยังไม่ได้บอกใครเลย
ดังนั้นคุณห้ามออกจากห้องนี้เด็ดขาดนะ อยากกินอยากได้อะไรก็บอก ผมจะออกไปซื้อให้”
“….”
ซีดแล้วมึงงงงงงง
พี่มาร์คตอนเงียบแล้วหน้านิ่งๆแบบนี้ หน้ากลัวสัส TOT
“ก…กินคัพเค้กกันไหม?” แต่อีกคนก็นิ่งเงียบ “บ้านตรงข้ามนี้เขาพึ่งย้ายมาใหม่
เลยทำมาให้”
ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีเสียงตอบรับจากบุคคลที่ท่านเรียก
นางโกรธอะไรฉันTOT
นาทีผมจึงทำได้แค่นั่งแคะขี้เล็บเงียบๆไป
ทำไงดีอ่าพี่มาร์คจะลุกขึ้นมาต่อยกูไหมเนี่ยT^T
“ขอโทษ…”
คำว่า ขอโทษ จากพี่มาร์คทำเอาผมถึงกับชะงักไป
ทำไมพี่เขาต้องขอโทษผมด้วย?
“…?”
“ขอโทษนะ ที่ทำให้นายลำบาก…แบมแบม”
อะเฮือกกกก ทำไหมกูรู้สึกผิด T^T แววตาเศร้าของพี่เขานั้นทำให้ผมคิดว่าความผิดตัวเองมันยิ่งใหญ่มหาศาลนับไม่ถ้วน
ฮืออ
“เอ่อ…คุณไม่ต้องขอโทษหรอก
มันก็ไม่ลำบากขนาดนั้น…”
…แค่หลบๆซ่อนๆในห้องเท่านั้นเอ๊งงงง
“….”
“งั้นตอนนี้เรามาช่วยกันคิดต่อดีกว่า
เรื่องกลับเกาหลีของคุณ”
ผมเปลี่ยนประเด็น เพราะไม่อยากให้บรรยากาศในห้องมันอึดอัดและดราม่าไปมากกว่านี้
“อืมม นายเคยบอกนี่ว่าไม่มีเงินสำหรับค่าตั๋ว” มือหนาลูบคางตัวเองไปมาเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง “เราต้องทำงาน”
“หะ!? ทำงาน?”
“ใช่ ถ้าเราทำงานก็จะได้เงินไปซื้อตั๋วไง”
“มันก็ใช่นะ แต่…เราจะทำงานอะไรละครับ?”
อีกอย่างงานสมัยนี้ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ…แค่คิดก็ยากแล้วอ่ะ เหมือนเจอทางตันทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไรยังไงไม่รู้
เฮ้อออ
“อะไรก็ได้ ล้างจาน ล้างรถ ส่งของ เสริฟอาหาร ฉันทำได้หมดทุกอย่าง”
น้ำเสียงหนักแน่นของพี่มาร์คทำเอาผมตกใจนิดๆ
หูยยยย สงสัยอยากกลับเกาหลีจริงหว่ะ…
“เดี๋ยวผมลองหาค่าตั๋วที่ถูกที่สุดดูก่อนนะ
เราจะได้กะเงินได้ถูก” ทันทีที่พูดจบพี่มาร์คก็พยักหน้าเห็นด้วย
และขยับตัวมานั่งปลายเตียงอย่างกระตือรือร้น
ผมหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมา
รีบเข้ากลูเกิ้ลหาราคาตั๋วเครื่องบินไปเกาหลีที่ถูกที่สุดเท่าที่จะถูกได้ ยังไงผมก็จะเอาของถูกไว้ก่อนอ่ะ
“คุณนั่งชั้นประหยัดได้ไหม?” เหลือบหันไปถามพี่มาร์คข้างๆ
คนถูกถามพยักหน้าแทนคำตอบ
โอเค ขอบคุณที่คนหล่ออย่างพี่ไม่เรื่องมาก
อย่างก็หาราคาได้ง่ายหน่อย ผมกดเข้าทุกเว็บที่ขึ้น ทุกสายการบินในประเทศไทย ใช้เวลาหาราคาทั้งหมดเกือบๆยี่สิบนาที
จึงได้ข้อสรุปว่าราคาที่ถูกที่สุดนั้น ประมาณ 4000 บาทขึ้น ซึ่งบางครั้งมันอาจแล้วแต่โปรโมชั่นของแต่ละสายการบินด้วย
มันสามารถเพิ่มและลดได้
ฉะนั้นถ้าจะหาเงินค่าตั๋ว ก็ต้องหาไว้ราวๆ 6000 บาท เป็นการเผื่อไว้กลัวเงินไม่พอ
แต่ถ้าทำงานพาร์ทไทม์
เขาอาจจะให้เงินตอบแทนเป็นรายวันใช่ป่ะ อย่างงั้นก็ทำงานไม่ต่ำกว่าหนึ่งเดือนน่ะสิ
ถึงจะได้เงินมาเกือบๆหกพันอ่ะ
ถ้ามันจะขนาดนั้น
กูบอกความจริงทุกอย่างให้พ่อกับแม่รู้ดีกว่า เสร็จแล้วก็หน้าด้านขอเงินแมร่ง ก็แค่เนี่ย!! วิธีนี้ก็โอเคนะเว้ยยย
แต่ความเป็นมันไม่โอเคแบบนั้นดิวะ… โอ้ยยยยยย
เครียดๆๆๆๆๆ กูอยากสูบกัญชาแล้วไปโดดหน้าผาจริงวุ้ยยยยยยยย =___=
“พี่ครับๆ ระวังนะครับ ของมันแพง แหะๆ” เสียงของพี่แจ็คสันเล็ดลอดเข้ามา เหมือนวันนี้พี่เขาจะจัดบ้านมั้ง
เฟอร์นิเจอร์เลยมาส่ง แต่มันจำเป็นต้องแกปากลั่นแบบนี้ไหมวะ เหมือนพี่ยองแจเป๊ะ ชอบแหกปากเหมือนกันอ่ะ
เดี๋ยวจับจิ้นคู่นี้ซะเลยนี่ -..-
“เป็นไงบ้างแบมแบม” เสียงทุ้มจากพี่มาร์คทำให้ผมหลุดออกจากห้วงความคิดทุกอย่าง
ให้ตั้งสติกลับมาคิดเรื่องค่าตั๋วต่อ
“ก็…ถ้าจะทำงานจริงๆ
อาจจะใช้เวลาประมาณเดือนหนึ่งนะครับ หรืออาจจะมากกว่านั้นก็ได้”
“ท…ทำไมมันนานแบบนั้นอ่า”
“ก็ผมทำคนเดียวนี่ครับ อีกอย่างตั๋วมันก็แพงด้วย
อันนี้ผมกะเผื่อไว้อีกพันสองพันกว่ากว่าถึงเวลาจริงๆแล้วเงินมันไม่พอ”
“ใครบอกว่านายทำคนเดียว ฉันไงๆ ฉันก็จะช่วยนายด้วย”
พี่เขาทำท่าเสนอตัวเองเต็มที่ แถมยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิมอีก ใจผมมันก็เลยเริ่มเต้นระบำชาวนิดหน่อย
><
“หืออ?”
“เรื่องนี้มันเกี่ยวกับฉันล้วนๆเลยนะ
ฉันไม่ยอมมานั่งสบายอยู่ห้องนี้คนเดียวแล้วปล่อยให้นายไปหาเงินค่าตั๋วใบเดียวให้ฉันหรอกหน่า^^”
Oops! อย่างกับโมเม้นท์สามีภรรยาแต่งงานกันใหม่ กรี๊ดดดดดดดดดดดดด
-///////////-
“คือ…เอ่อ” ผมอึมอำกับตัวเอง
นาทีนั้นพี่เขาก็เว้นระยะห่างใบหน้าออกไปนิดหนึ่งแล้ว ค่อยมีสติพูดอะไรขึ้นมาหน่อย
ใครไม่มาอยู่อยู่ตรงนี้ไม่รู้หรอก…ว่ามันฟินแค่ไหน
“หืม?” พี่มาร์คเอียงคอเล็กๆเหมือนกำลังตั้งคำถามกับสิ่งที่ผมจะพูดออกไป
ว่ามึงจะพูดอะไรกันแน่ กูรอฟังอยู่….อะไรแบบนี้มั้ง 5555555555
“ผมกลัวแฟนคลับเขาจับได้ว่าคุณอยู่ที่นี้…มันคงกลายเป็นเรื่องใหญ่มากแน่ๆ”
“เรื่องนั้นค่อยเอาไว้ทีหลังก็ได้
แต่ตอนนี้นายรู้รึยังว่าเราจะทำงานอะไร?”
อ่า นั้นสิ นาทีกูยังไม่รู้เลยว่าจะทำงานอะไร =______= จะทำงานอะไรดีฟะ
ไปล้างจานให้ร้านส้มตำหน้าปากซอยดีป่ะ แต่ป้าเขามีคนล้างแล้วอ่ะ ฮืออออ ทำไงดีๆ TOT
“โซฟาอันนี้เอาไว้ในห้องรับแขกนะครับ
ยกไหวไหมครับเดี่ยวผมช่วย” และของพี่แจ็คสันดังขึ้นมาอีกครั้ง
พี่แจ็คสัน…เอ่อ ใช่!!!!!!!!!!!! ทำไมกูพึ่งมานึกได้ว่ะ
“ผมคิดออกแล้ว รอในห้องนะ ห้ามเปิดผ้าม่านด้วย!”
รออะไรอยู่ละครับ
นึกได้ก็รีบกำชับเรื่องสำคัญกับพี่มาร์คและวิ่งออกจากห้องตรงดิ่งไปหน้าบ้านพี่แจ็คสันทันที
พี่คือหนทางสว่างของแบมแล้ว ช่วยแบมด้วยเถิดดดดดดดดดด สาธุ -/\-
50%
“เอ่อ พี่แจ็คสัน” ผมเดินเข้าไปหาพี่เขาอย่างกล้าๆกลัวๆ
ขณะที่พี่เขากำลังคุมคนขนเฟอร์นิเจอร์อยู่
“หะ ว่าไงแบมแบม” พี่แจ็คสันหันหน้ามา
และเดินตรงมาหาหน้าผม
“คือ ผมมีเรื่องจะถามพี่หน่อย” คนถูกถามขมวดคิ้วเป็นปม
“ร้านขนมเค้กของพี่อ่ะ มีพนักงานครบรึยังครับ?”
“อืมม ยังเลย พี่กะว่าจะติดป้ายประกาศหาวันพรุ่งนี้ ทำไมละ
สนใจหรอ?”
เยสสสสสสส โคตรเข้าทาง
“ใช่ครับพี่ คือแบบมันอยู่บ้านแล้วไม่มีอะไรทำอ่ะ
แล้วพี่จะรับผมเป็นพนักงานไหมล่ะ”
ตอแหลมากกก
แต่อยู่บ้านมันก็ไม่มีอะไรทำจริงๆนั้นแหละ นี่ผมต้องขอบคุณพี่มาร์ครึเปล่าที่มาโพล่ในห้องอย่างงงๆ
ทำให้ผมดูเป็นเด็กขยันก่อนเปิดเทอม =_=
“โอเค ถ้าอยากทำพี่รับแบมก็ได้” พี่เขาบอกแล้วยิ้ม
“เฮ้ย จริงดิพี่ ขอบคุณมากครับ”
ไชโย ไชโย แปบเดียวหางานได้ละเว้ยยย
นี่ไม่อยากจะคิดสภาพถ้าพี่แจ็คสันตอบปฎิเสธ
ผมคงต้องไปตะลอนรอบกรุงเทพท่ามกลางแสงแดดอันร้อนเปรี้ยงปร้างเลยนะเนี่ย
อิพี่คนนี้ทำผมซึ้งจริงๆ
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกหน่า เรื่องแค่นี้เอง”
“แล้วถ้าเพื่อนผมอีกคนเขาอยากทำด้วยละครับ” มันก็หมายถึงพี่มาร์คนั่นแหละ ไอ่เพื่อนคนนั้นอ่ะ
“เพื่อนนายหรอ? อื้ม ได้ๆ” ผมยิ้มกว้างทันใด
ตอนนั้นเองพี่แจ็คสันก็ปรบมือขึ้นมาเสียงดังเหมือนคิดอะไรได้ “อย่างนี้ร้านพี่พนักงานก็ครบแล้วสิ เยี่ยมเลยแบมแบม”
พูดพร้อมกับชูนิ้วเยี่ยมๆให้ผม
ซึ่งแบมคนนี้ก็แอบภูมิใจเล็กๆอะน่ะ คึคึ โอ้ยยย ปริ่มจริงๆ
นี่มึงเป็นอะไรไปเนี่ยแบม ปริ่มได้ปริ่มดี =__= ขอด่าตัวเองแปบ
ผมเดินสะดีดสะดิ้งกลับเข้ามาในบ้าน
ค่อยๆแง้มประตูห้องเปิดเข้าไป
เท่านั้นแหละพี่มาร์คที่กำลังนอนพิงอยู่บนเตียงก็ลืมตาขึ้นมามองทันที
เหมือนผมจะพอเดาแววตาของพี่เขาออกว่ากำลังจะพูดอะไร
“ผมหางานได้แล้วแหละ><”
“จริงหรอ! ทำไมได้เร็วจัง”
“คนที่อยู่บ้านตรงข้ามเราเอง
เขาจะเปิดร้านแบบพวกขนมเค้ก ผมก็เลยไปถามดู แล้วก็ได้งานมาจริงๆด้วย
แต่ทำตำแหน่งอะไรพี่เขายังไม่ได้บอกผม” เดินเข้ามาในห้อง
ไม่ลืมที่จะปิดประตู ก่อนจะนั่งลงขัดสมาธิลงกลางห้อง โดยหันหน้าไปหาพี่มาร์ค
“อ่อ แล้วต้องเริ่มงานเมื่อไหร่”
“น่าจะประมาณอาทิตย์หน้านะครับ”
พี่มาร์คพนักหน้าเข้าใจ
หมดเรื่องพูดผมก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเล่น สิ่งแรกที่ต้องเข้าคือ ทวิตเตอร์
แหล่งสูบข่าวและรูปรายใหญ่ของผมเอง
ไม่รู้ว่าตอนนี้สมาชิกJYM4จะเป็นยังไง
ถ้าพี่มาร์คหายมาอยู่ที่นี่ พวกเขาจะวุ่นวายกันไหม นักข่าวจะรู้หรือเปล่า
ร้ายกว่านั้นคือ แฟนคลับ…. เหล่าแฟนโฟร์ทั้งหลาย แค่คิดก็กลืนน้ำลายไม่ลงละ
เสียวสันหลังวาบๆ
ผมใช้นิ้วเลื่อนอ่านข่าวไปเรื่อยๆ
ซึ่งก็ไม่มีใครทวีตเกี่ยวกับการหายตัวของพี่มาร์คเลย ขนาดข่าวยังไม่มี
หรือว่าบริษัทปกปิดเรื่องนี้ไว้….
เอ๊ะ หรือจริงๆแล้วมีพี่มาร์คอีกร่างอยู่ที่เกาหลีเหมือนกัน
ถ้าไม่ใช่
หรือพี่มาร์คที่อยู่กับผมจะเป็นตัวปลอมมมม !!!!!
โอ้โห กูคิดได้หนังฟอร์มยักษ์ไหมละ
แต่เอาจริงๆที่เกาหลีตอนนี้เขายังไม่รู้เรื่องพี่มาร์คโพล่มาอยู่ที่นี้สินะ
แต่คนในวงและบริษัทอาจจะรู้เรื่องนี้แล้วก็ได้….แค่ปิดทุกอย่างไว้
แล้วยิ่งช่วงนี้JYM4ยังไม่อยู่ในช่วงโปรโมทอะไรด้วย
การหาตัวในที่ต่างๆเลยยากพอสวมควร ยกเว้นเวลามีงานไรงี้
มันเลยไม่ค่อยเป็นที่น่าสังเกตปะวะ
…เชี่ย
กูขอแปบเดียว นี่ได้จริงเลยครับ…
‘วันนี้JYM4 จะร่วมงาน KoreaSong
กำลังซ้อมกันอยู่บนเวที แต่มาร์คหาย ตั้งแต่ลงรถมา
แม่เกาเขาก็บอกว่าไม่เห็นมาร์คด้วย คือพี่มาร์คกูไปไหนนนนT^T #พี่มาร์คจ๋าอยู่ไหนเอ่ย’
พร้อมกับแนบรูปรวมสมาชิกทุกคน
ที่ซ้อมกันอยู่บนเวที และแน่นอนยกเว้นพี่มาร์ค ไม่ได้อยู่บนนั้น….
แต่มาอยู่ในห้องกูแทน
ใครคนหนึ่งที่ผมไม่รู้จัก
นางทวีตข่าวเกี่ยวกับการที่พี่มาร์คไม่มาขึ้นซ้อม และสงสัยด้วยว่าพี่มาร์คหายไปไหน
อ้าววว วันนี้JYM4
มีงานหรอวะ อย่างงี้กูก็ชีดอะดิ… แม่เกาจะตามมาถล่มกูถึงบ้านไหนเนี่ย
ถ้ารู้ว่าพี่มาร์คอยู่ที่นี้ แต่ถ้าผมไม่บ้าประจานตัวเองลงทวิตมันก็คงไม่มีอะไรรู้หรอกเนาะ
งื้อออออออออออ
แต่ด้านหลังข้อความก็มีอะไรบางอย่างที่สะดุดตาผมเข้า
ใครมันคิดแท็กบ้าๆนี่ขึ้นมา ใครมันคิดดดดดดดดดด !!!!!!!!!!!!
#พี่มาร์คจ๋าอยู่ไหนเอ่ย
รอช้าอยู่ทำไม
เรื่องนี้ต้องตามไปส่องให้รู้เรื่องรู้ราวสิ
กดนิ้วจิ้มเข้าไปในแท็กนั่น ก็มีผู้คนมาทวีตอะไรต่อมิอะไรยาวเยียด
เกี่ยวกับเรื่องพี่มาร์คไม่มางานซะส่วนใหญ่ ผมก็ค่อยๆไล่อ่านทวีตไปทีละน้อย
‘แท็กนี้คืออะไร เรางง 555555 #พี่มาร์คจ๋าอยู่ไหนเอ่ย’
‘ทำไมต้องตกใจกันด้วย มาร์คนางมีงานที่อื่นรึเปล่า บินไปซื้อพิซซ่าที่เมกาไรงี้
#พี่มาร์คจ๋าอยู่ไหนเอ่ย’
‘อะไร! นี่พี่มาร์คหายหรอ
นางหายมาอยู่เราเองแหละ ถถถถ หลบตีน #พี่มาร์คจ๋าอยู่ไหนเอ่ย’
‘ถามจริง ใครคิดแท็กวะ นี่เอาเล่นหรือจริงจัง
บอกโหมดข้าทีจะได้ไปกับเขาถูก #พี่มาร์คจ๋าอยู่ไหนเอ่ย’
‘งานมโนมาสิคะมึง 555555 #พี่มาร์คจ๋าอยู่ไหนเอ่ย’
‘เราขอโทษที่เรื่องเป็นแบบนี้
เราบอกให้มาร์คกลับเกาหลีละนะ แต่ดื้ออะ ไม่ยอมฟังเราเลย
ขอโทษทุกคนจริงๆนะที่มาร์คต้องทิ้งงานแบบนี้แล้วมาอยู่กับเรา // ปล่อยกู กูจะมโน #พี่มาร์คจ๋าอยู่ไหนเอ่ย’
รู้สึกอยากแดกจุด …….
‘ในตารางวันนี้JYM4 มีงานนี้งานเดียวค่ะ
เมมเบอร์ไม่มีงานย่อยอื่นเลย ยกเว้นวันพรุ่งนี้ที่จูเนียร์เป็นเอ็มซีรายการเพลง
แอดก็สงสัยเหมือนกันว่ามาร์คไปไหน จะลองหาข้อมูลเพิ่มเติมมาให้นะค่ะ #พี่มาร์คจ๋าอยู่ไหนเอ่ย’
‘บางทีนางอาจจะตามมาทีหลัง มั้ง… #พี่มาร์คจ๋าอยู่ไหนเอ่ย’
และอีกหลายๆทวีตเกี่ยวกับการหายไปของพี่มาร์ค
หูยยยยย เรื่องใหญ่เลนนะมึง ตอนนี้ทุกคนก็คิดว่าพี่มาร์คติดงานอื่นกันทั้งนั้น
ไม่ค่อยใครสงสัยอะไรมากมาย แต่ถ้าปล่อยเรื่องนี้นานไป พวกเขาก็ต้องเริ่มสงสัยอยู่ดีนั่นแหละ
ปกติถ้าวงมีงานแบบนี้
ก็จะมีข่าวปล่อยออกมาก่อนว่าใครติดงานไหนถึงไปไม่ได้
แล้วพี่มาร์คก็ไม่เคยติดงานอื่นด้วย เพราะไม่มีงานให้ 555555 โทษๆ
“นี่คุณ….” หันไปเรียกพี่มาร์คที่ก้มหน้านั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง
คนถูกเรียกหันกลับมาอย่างรวดเร็ว
“หือ?”
“วันนี้ที่เกาหลีคุณรู้ไหมว่าวงคุณมีงานอะไรรึเปล่า”
“ไม่….เห้ยย!!!” พี่เขารีบเด้งตัวอย่างรีบร้อนลุกจากเตียงมานั่งด้านหน้าแทน “มีงานหนึ่งๆ เป็นงานเทศกาลดนตรีอะไรสักอย่างนี่แหละ”
นั่นไง….มึงได้เจอปัญหาอีกดอกเข้าแล้วไงละ
“คือผมเข้าทวิตเห็นแฟนคลับบอกกันว่าไม่เจอคุณตอนขึ้นเวทีซ้อม
ตอนลงรถมาด้วย ตอนนี้แฟนคลับเลยสงสัยมากๆเลยว่าคุณหายไปไหน”
“….”
“แต่เขาก็คิดกันว่าคุณติดงานอื่นนะ เลยไปร่วมไม่ได้
บางคนก็บอกว่าคุณอาจจะตามมาทีหลัง”
คนตรงหน้าได้ยินถึงกับเงียบไปเลย
จนทำเอาผมถึงกับพูดอะไรต่อไม่ถูกไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อในสิ่งที่ค้างคาใจออกไป
“ผมว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เล่นๆแล้วแหละ
ถ้าคุณไม่รีบกลับเกาหลีเร็วๆนี้คุณซวยแน่ แล้วคุณจำเบอร์ใครไม่ได้จริงๆเลยหรอ???”
“…..” พี่มาร์คส่ายหน้านิ่งๆ
โอยยยยยยยยย เจริญละมึง ….เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเราควรจำเบอร์ใครก็ได้ไว้
เผื่อเป็นประโยชน์ในภายภาคหน้า ไม่งั้นมันก็จะเดือดร้อนแบบนี้แหละ เฮ้ออ
ไม่พอนะ ผมจำได้ว่าโทรศัพท์พี่เขาปิดเครื่องไว้อีก
เอ่อ…จำไว้อีกอันด้วย
ว่าทีหลังห้ามปิดเครื่องถ้าไม่จำเป็น ตั้งสั่นเอาก็ได้เว้ยยยยยยยย อ๊ากกกกกกกกกกก
ฮืออ เรื่องนี้ผมต้องบอกพ่อกับแม่
ผมไม่สามารถแบกรับปัญหาหมดนี่ไปได้ มันหนักหนาเกินไป TOT แล้วจะบอกกับกับแม่ยังไงละทีนี้
มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเลยนะ
….คิดสิมึงคิด
ไม่เอาแบบเดินเข้าไปหาแล้วบอกว่า….แม่!!! พี่คนนี้เขาโพล่มาในห้อง เอากลับประเทศหน่อย แบบนั้นไม่เอานะ ส่ายหน้าแรงบอกเลย
“คุณ ช่วยผมคิดหน่อยสิว่าจะบอกเรื่องคุณยังไง” ลองถามความเห็นพี่มาร์คดู เจ้าตัวตอบกลับมาได้นั่งก้มมองพื้น
น้ำเสียงเรียบๆ
“นายก็บอกตามความจริงสิ”
โอเค กูจัดการเองก็ได้ ไม่ได้ช่วยอะไรดีขึ้นมาเลยยยยย
ผมใช้สมองอันน้อยนิดคิดหาวิธีทุกอย่าง
จนเวลาล่วงเลยผ่านมาหลายชั่วโมง ก็ยังคิดไม่ออก
วิธีที่พ่อกับแม่คิดว่าพี่มาร์คเป็นคนธรรมดา
ไม่ใช่นักร้องแล้วต้องกับเรื่องประหลาดอะไรแบบเนี่ย มันจะมีสักวิธีบ้างไหม
รู้แค่ว่าต้องโกหก แต่ไม่รู้จะโกหกว่ายังไงนี่ดิ…..
“บอกว่าฉันเป็นเพื่อนก็ได้นะ” พี่มาร์คที่เงียบมานานแสนนานจู่ๆก็พูดขึ้น
และเหมือนมันจะค่อยๆทำให้ผมเริ่มมีความคิดนิดหน่อย
เพื่อน อย่างงั้นหรอ เพื่อนต่างชาติน่ะสิ =___=
เดี๋ยวนะ….เหมือนแวบเข้ามาในหัว นิดเดียวมึง อีกนิดเดียว
เย้!!!!!!!!!!! กูคิดออกแล้วเว้ยยยยยยยยยย วิธีนี้แมร่งโคตรแจ่ม
วะฮ่าๆๆๆๆ ทำไมมึงไม่คิดให้มันอย่างนี้ตั้งนานแล้ววะไอ่แบม หึหึ
“เอาล่ะ ฟังที่ผมพูดให้ดีๆนะ” จับแขนอีกคนไว้
จนพี่เขาแอบสะดุ้งหันมามองหน้าผมเบาๆแต่แอบมองแรง “ผมจะบอกกับพ่อแม่ว่าคุณเป็นเพื่อนของผม
ที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ตอนผมเรียนอยู่มัธยม แล้วปิดเทอมนี้คุณมาเที่ยวประเทศไทย
แต่หาที่พักไม่ได้ เลยจะมาขอพักอยู่ชั่วคราว พอจะเข้าใจไหม”
เข้าใจทีเถอะ
กูไม่อยากโชว์ความโง่ของภาษาอังกฤษออกมาหรอกนะ
“ก็…เข้าใจนิดหน่อย
ให้เราสองคนเป็นเพื่อนกันงั้นหรอ?”
“แล้วคุณเคยเรียนภาษไทยมาก่อนรึเปล่า
พอรู้คำภาษาไทยไหม?”
ถ้าจะบอกว่าพี่เขาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน
แน่นอนว่าพี่มาร์คต้องพอพูดภาษาไทยได้!! แค่ประโยคทักทายก็ยังดีล่ะ
“ขบ คุณ คับ” สำเนียงภาษไทยเปร่งๆ
จากผู้ชายคนนี้ ทำเอาผมสะตั้นไปหลายวิ อะไรใครมาขบอะไรแล้วนี้ =__=
อย่างงี้ต้องตั้งโต๊ะเรียนภาษาไทยตอนนี้เลยครับมึง
!!
ผมกางโต๊ะญี่ปุ่นที่ปกติมักจะใช้นั่งทำการบ้านไว้กลางห้อง
หาเศษกระดาษและปากกามาให้พี่มาร์คจดไว้กันพี่เขาลืม
“ถ้าคุณจะพูดทักทายต้องเอามือสองข้างขึ้นมาพนมไว้แบบนี้
แล้วโค้งศรีษะลง” พูดพร้อมกับสาธิตการไหว้อย่างดีให้พี่เขาดู
คนตรงหน้าก็ทำตามอย่างว่าง่าย “พูดตามผมนะ สะ-หวัด-ดี-ครับ”
“สา-หวัด-ดี-คับ”
“แปลว่า อันยองฮาเซโซ ในภาษาเกาหลี หรือ เฮนโหล่
นั้นแหละ พูดอีกรอบสิ”
‘สะ-หวัด-ดี-คับ”
“โอเค ต่อไปถ้าจะพูดแต้งกิ้วจะพูดว่า ขอบ-คุณ-ครับ” มือสองข้ามของผมยังประนมอยู่ที่หน้าอกเหมือนเดิม
“ขอบ-คุณ-คับ”
“ครับ ลิ้นจะม้วนๆกันอ่ะ” ออกเสียงการควบกล้ำ
ร เรือ แบบไทยแท้ให้ฟัง พอลิ้นมันมายาวๆรู้สึกเหมือนอ้วกจะแตกอะ แหวะ
“ครับ ขอบ-คุณ-ครับ” สำเนียงการพูด ร เรือ
ของพี่มาร์คก็จัดว่าใช้ได้ ถือว่าเก่งเลยนะเนี่ย
“ต่อไปแนะนำตัว มายเนมอีสมาร์ค พูดว่า ผมชื่อ มาร์ค”
“โผม-ซื่อ-มัคคึ”
โน โน โน แบบนี้ยังไม่ผ่านนะจ้ะ
“ผม-ชื่อ-มาร์ค
ชื่อๆ”
“ผม-ชื่อ-มาร์คคึ”
และนางก็ยังไม่ลืมการออกสำเนียงแบบอเมริกา
เอามันทิ้งไปก่อนได้ไหมพี่
“เอา คึ ด้านหลังออกได้ไหมอ่ะ แบบ มาร์คคคคค” ตรงชื่อพี่เขาผมก็ออกเสียงตามที่เราๆชอบพูดกันให้ฟัง มันจะยานๆหน่อยใช่ป่ะล่ะ
“มาร์คคคคคคค” เจ้าตัวเว้นหายใจสักพัก
ก่อนจะรัวคำมารัวๆ “มาร์ค มาร์คๆๆๆๆๆๆ”
“โอเคครับๆ ผ่านๆ”
โอยยยยย พี่บ้านี่น่ารักชะมัด
ทำไงให้คนรักคนหลงขนาดนี้เนี่ย
ตอนพูดชื่อตัวเองหน้าทุกอย่างก็นิ่งไปหมดยกเว้นปากที่พูดอยู่ได้ อย่างกับหุ่นยนต์แหนะ
หุ่นยนต์ที่น่ารักและหล่อที่สุดในโลกด้วย
“ทำไมต้องเรียก มาร์คคคคค” เจ้าของชื่อสงสัยเอง
มีการเอียงคอถามนิดๆ
“ก็เรียกถูกแล้วนิ ผิดตรงไหนอ่ะ ต้องเรียกมาร์คคึ
อย่างงี้หรอ” พี่มาร์คพยักหน้าตอบ “มันอินเตอร์เกินไป
ต้องมีสำเนียงแบบไทยแลนด์หน่อย”
พูดจบไอดอลสุดหล่อก็ล้อชื่อของตัวเองแบบสำเนียงไทยๆขึ้นมาเองซะงั้น
“มาร์คคคคคๆๆๆ”
“พอแล้ว เหลืออะไรอีกอ่ะที่ยังไม่ได้สอน
แล้วที่ผมพูดไปเมื่อกี้จำได้ป่ะ”
“สาหวัดดีค้าบ ขบคุณค้าบ….” พี่เขานิ่งคิดไปครู่หนึ่งเพราะลืม
“ผมซื่อมาร์คคคค”
จบประโยคผมก็จัดารปรบมือดังๆให้กับพี่เขา
คนอะไรเก่งจริงๆ เรียนรู้ไว้ชะมัด ทั้งหล่อทั้งเก่งแบบนี้นี่แหละโคตรพ่อของลูกเลย
เอ๊ะ มันไม่เกี่ยวป่ะวะ 55555555
“หมดแล้วนิ อยากรู้คำไหมเพิ่มไหมครับ”
“อืมมม ซารางเฮโย ภาษาไทยพูดว่าไง”
ตายละ….ได้สอนคำว่ารักกับพี่มาร์คด้วยแหละคุณ -////////-
“ผมรักคุณ”
“ผม-ลัก-คุณ”
หือออ ทำไม
หัวใจกูเต้นแรง?
“ผมรักคุณ ผมรักคุณ ผมรักคุณ ผมรักคุณ”
พี่มาร์คก็พูดคำนี้ซ้ำไปซ้ำมา
แถมยังมองหน้าพร้อมกับรอยยิ้มแปลกๆอีก
พูดคำนี้ จำเป็นต้องมองหน้ากูขนาดนี้ไหม…สัส
กูเขินนะเฟ้ยยยยยยยยยยยยยยย
ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากกำมือแน่น เพราะความอิจแรงงงงงงงงงงงงงง 555555555555
ไรท์ไม่รู้ว่าตัวเองแต่งเป็นไงบ้าง ไม่รุ้ว่ามันเร็วหรือช้าไปรึเปล่า อิงจากพล็อตหลักมันก็ประมาณนี้แหละ แต่ไรท์ก็รู้สึกเรื่องมันดำเนินเร็วไปอ่ะ แต่เอาจริงๆมันก็ช้าแล้วนะเว้ย 5555555555 งงกันไหม (. .) ยังไงก็ช่วยกันติเกี่ยวกับฟิคมาได้นะจ้ะ เลิฟฟฟฟฟฟฟฟ ม๊วฟฟฟฟฟฟฟฟ
ปล.ตอนนี้เม้าส์เสีย ไว้จะมาจัดและทุกอย่างให้ใหม่นะ ไม่ได้ใช้เม้าส์เลยไม่ค่อยถนัด
ไปเม้ามอยกันเถอะ
#พี่มาร์คออกมาจากโปสเตอร์
เอาเฮียบังคนมุ้งมิ้งไปนอนข้างกายไหมจ้ะ
ถึงแม้จะผ่านมาหลายวันแล้ว แต่ไรท์ไม่สามารถลืมความน่ารักของพี่มาร์คได้เลย
นี่ฉันเป็นอะไรไป...
ผมมองคุณอยู่ ฮิ
ความคิดเห็น