คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : แฟรี่ภูตตัวน้อย -5- 100%
-5-
มาร์คก้มลงบัดเศษใบไม้ที่หล่นลงมา แล้วจึงวางช่อดอกไม้ที่เขาแวะซื้อเมื่อกี้ไว้ข้างๆหลุมฝังศพ ค่อยๆเอื้อมมือไปลูบรูปภาพผู้หญิงที่ให้กำเนิดชีวิตเขามา แต่ทุกวันนี้เขากลับทำได้เพียงแค่มองรูปภาพนั้นเฉยๆ…
“ผมมาแล้วนะ ช่วงนี้ผมไม่ค่อยมีเวลามาหาแม่เลย ที่ของแม่เลยสกปรกแบบนี้ แต่ผมทำความสะอาดมันแล้วล่ะ”
เขามองไปที่รูปนั้นแล้วยิ้มเล็กๆออกมา “แม่จำเรื่องผู้หญิงที่ผมเคยเล่าให้ฟังบ่อยๆได้ไหม เรื่องของผมกับเขา เราสองคนคงไปไม่รอด…” พูดจบก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
แบมโบล่ามองดูอย่างใจหาย เธอไม่เคยคิดว่าเบื้องหลังของเขาจะเป็นแบบนี้ เธอค่อยๆบินออกไปให้ออกห่างจากที่ตรงนี้ ขึ้นไปนั่งบนยอดกิ่งไม้ มองดูจากที่ไกลๆ
เพราะ มันเสียมารยาทเกินไปที่ฟังเรื่อง ‘ส่วนตัว’ ของคนอื่นแบบนี้…
“ผมควรจะทำยังไงดี…ผมควรตัดใจให้ได้เร็วๆใช่ไหม หรือว่าจะต้องทำตัวเหมือนไม่รับรู้เรื่องอะไรตลอดชีวิต ผมต้องทำไง…ผมเหนื่อยกับเรื่องแบบนี้แล้วจริงๆ ฮึก” น้ำตาที่เขาอดกลั้นไว้มานานแสนนานด้ไหลรินออกมา มาร์คไม่ใช่คนที่จะร้องไห้กับเรื่องอะไรง่ายๆ
แต่เรื่องพวกนี้มันยากเกินไป…สำหรับเขา
‘ทำไมนายต้องร้องไห้ด้วย ฉันไม่ชอบเลย’
ถึงแบมโบล่าจะไม่ค่อยได้ยินว่าสิ่งที่มาร์คพูดออกมามันคืออะไร แต่เธอสัมผัสได้ว่ามันต้องเป็นเรื่องน่าเศร้ามากเขาถึงต้องร้องไห้ออกมา
เมื่อเธอเห็นมาร์คร้องไห้…ไม่รู้ทำไมน้ำตาของเธอจึงค่อยๆไหลออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว
เอ๊ะ…!
ไม่รู้ว่าแบมโบล่าตาฝาดไปเองรึเปล่า ข้างๆมาร์คจู่ๆก็ปรากฏผู้หญิงผมยาวชุดขาว อายุราวๆสามสิบสี่สิบต้นๆ ยืนมองมาที่เขาด้วยสายตาเศร้าสร้อยแต่แฝงไปด้วยความห่วงใย
“ชะอุ้ย! ตกใจหมด-0- แฮร่ๆ” แบมโบล่าตกใจแทบหงายหลัง เมื่อจู่ๆผู้หญิงคนนั้นหันหน้ามาแล้วส่งรอยยิ้มบางๆให้
“เธอเป็นใครจ๊ะสาวน้อย?”
ผู้หญิงคนนั้นหายตัวมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของแบมโบล่าแบบHD แถมตัวยังลอยอยู่บนอากาศอีกด้วย และนั้นก็ทำให้รับรู้แจ่มแจ้งแล้วว่าผู้หญิงที่เธอเห็นนั้น ไม่ใช่คน…
“อืม…ถ้าดูจากลักษณะแล้ว เธอก็คงเป็นนางฟ้าใช่รึเปล่า ปีกสีสวยดีนะ^^”
เกิดมาทั้งชีวิตของแบมโบล่า สาบานเลย ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ เห็น และคุยอยู่กับผี ถ้าเรียกให้ไพเราะสักหน่อยก็คงเป็น วิญญาณ
“เธอตาม ‘ลูกชาย’ ของฉันมาใช่ไหม”
“ออ…คะ…ค่ะ แต่คุณคือ….แม่ ของมาร์คงั้นหรอค่ะ”
เมื่อคุยกับผู้ที่อาวุโสกว่า ควรพูดให้เพราะ ขุนแม่หนูแบมสอนไว้
“ใช่แล้วละ^^”
“อ่อ แต่ที่หนูตามมาหนูไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรนะค่ะ” เธอส่ายหน้า
“ฉันรู้ ดูจากคราบน้ำตาบนหน้าก็รู้แล้วละ เช็ดหน่อยไหม^^” แม่ของมาร์คชี้มาที่ใบหน้าของเธอ
“อ่า จริงหรอค่ะ!” แบมโบล่ารีบเอามือเช็ดน้ำตาแบบลวกๆ
แม่ของมาร์คไม่ตอบอะไร แล้วจู่ๆก็หายตัวไปกลางอากาศ ทำให้แบมโบล่าตกใจไม่น้อย ก่อนที่จะมาปรากฏตัวโดยนั่งอยู่บนกิ่งไม้ข้างๆ เธอจึงต้องรีบบินขึ้นเพื่อให้อยู่ในระดับที่พอดีสายตา เพราะร่างของเธอตอนนี้มันเล็กมาก ถ้าจะให้เปรียบเทียบว่าเล็กประมาณไหน ก็คงประมาณนิ้วโป้งของคนเรารึเปล่านะ เพราะฉะนั้นเธอจึงต้องทำให้ทุกอย่างมันดูสมดุล
สายตาของแม่มาร์คมองลงไปที่ลูกชายของเธอที่ตอนนี้เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้
“จริงสิ ผมไม่ควรร้องไห้ให้แบบนี้เลย ผมน่าจะทำตัวแมนๆสิไม่ใช่มานั่งร้องไห้แบบนี้” มาร์ครีบเอามือเช็ดน้ำตาบนใบหน้าออกทันที แล้วล้มตัวลงนอนบนพื้นหญ้าเยื้องๆออกไปทางขวา มองท้องฟ้าสีครามสดใส
“ฉันยังไปไหนไม่ได้เพราะเขา…” แม่ของมาร์คพูดขึ้นในขณะที่สายตายังคงมองไปที่ลูกชายของเธออยู่
“มาร์คยึดติดกับฉันมากเกินไป แม่ที่ไม่ได้ดูแล และไม่ได้ทำอะไรให้เขาเลยตั้งแต่ตอนที่เขาได้ลืมตาขึ้นมาดูโลก”
“งั้นก็หมายความว่า…” แบมโบล่าที่ฟังอยู่พูดขึ้น
“ในวันที่ฉันได้ให้กำเนิดชีวิตอีกชีวิตหนึ่งมา และชีวิตของฉันก็ต้องดับลงไป” แม่ของมาร์คหยุดพูดสักพักก็พูดต่อ “ตอนนั้นฉันตั้งใจไว้ว่าจะต้องเฝ้ามองเขาเติบโตอย่างมีความสุข และเมื่อฉันพอใจไม่ได้ห่วงอะไรกับตัวเขาอีกแล้ว ฉันก็จะไป…”
“…”
“แต่ทุกอย่างมันกลับไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อวันหนึ่งมาร์คถามกับพ่อว่าแม่ของเขาหายไปไหน…และพ่อของมาร์คก็บอกทุกอย่าง…นับตั้งแต่นั้นมา มาร์คก็ขอพ่อมาที่สุสานนี้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ หรือไม่ก็วันหยุด เขาไม่ได้แค่มาไหว้แล้ววางดอกไม้ไว้เฉยๆ เหมือนอย่างที่เธอเห็นตอนนี้นี้แหละ ตอนเด็กๆเขามักจะมาพร้อมกับกระเป๋าสะพายใบโปรด มานั่งทำการบ้าน เล่าเรื่องต่างๆนานาให้ฟังทั้งวันไม่รู้จักเบื่อ”
“…”
“แต่สิ่งที่ทำให้ฉันยังไปไหนจากเขาไม่ได้จริงๆก็คือ วันนั้นเป็นวันเกิดเขาและวันเสียของฉัน พ่อของเขาไม่ได้กลับมาฉลองวันเกิดกับเขาเพราะพ่อทำงานอยู่ที่ไต้หวัน ทำให้มาร์คน้อยใจ เขาเลยขอน้ามาที่นี้แล้วปล่อยเขาไว้ให้มารับตอนเย็นๆ มาร์คร้องไห้หนักมาก จนทำให้ฉันรู้สึกผิดที่จากเขาไปแบบนี้”
แบมโบล่าฟังสิ่งที่แม่ของมาร์คเล่าอย่างอึ่งๆ แล้วถามคำถามออกไป
“แล้วทำไมถึงเล่าเรื่องพวกนี้ให้หนูฟังละค่ะ ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องของ…”
“เพราะฉันอยากให้เธอช่วยมาร์ค”แม่ของมาร์คพูดตัดบทขึ้นมา แล้วหันมาหาแบมโบล่า
“ช่วย? อะไรงั้นหรอคะ??”แบมโบล่าทำหน้างง
“ถึงมาร์คเป็นผู้ชายที่ภายนอกดูเข้มแข็ง แต่ภายในจิตใจของเขามันบอบบาง ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาแอบมาร้องไห้ที่นี้บ่อยแค่ไหน และเขายังยึดติดกับฉันที่ตายไปแล้วมากเกินไป…”
“???”
“นี่คือคำขอของฉัน ฉันอยากให้มาร์คมีความสุข อยากให้จิตใจของเขาเข้มแข็งมากกว่านี้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เขาไม่ไหวกับสิ่งเหล่านั้นมากจริงๆ เขาควรร้องมันออกมาเลย ไม่ใช่แอบมาร้องไห้แบบนี้ และอย่ายึดติดกับฉัน อย่าทำเหมือนว่าฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันตายมาแล้วยี่สิบกว่าปี ฉันไม่สามารถอยู่กับเขาตลอดชีวิตได้ นางฟ้าที่น่ารักแบบเธอจะช่วยวิญญาณที่น่าสงสารได้ไหม” แม่ของมาร์คยิ้มให้แบบโบล่าก่อนที่หยดน้ำตาจะร่วงร่นออกมา
แบมโบล่าได้แต่นิ่งจะคิดกับสิ่งที่แม่ของมาร์คขอ เธอกับมาร์คไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกัน อย่างมากก็แค่ รู้จัก กัน ถ้าจะให้เธอไปบอกเรื่องที่แม่ของเขาให้ฟัง มันคงแปลกมากแน่ๆ
“ฉันพยามทุกวิถีทางแล้ว แต่ไม่มีใครสามารถสื่อสารกับฉันได้เลย เธอเท่านั้นที่สามารถสื่อสารกับฉันได้ ถ้าเธอไม่ช่วยฉันก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ว่าฉันจะสามารถ ไป ได้สักที”
“ค่ะ หนูช่วยได้ แต่หนูไม่รู้ว่าจะต้องใช่เวลานานเท่าไหร่ถึงจะทำได้ แต่หนูจะพยามให้ถึงที่สุด”
แม่ของมาร์คได้ยินก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ก่อนที่เธอจะเอ่ย ขอบคุณ แล้วหายตัวไปต่อหน้าต่อตาแบมโบล่า เมื่อเธอตั้งสติได้อีกทีก็รู้ว่า
ปากเจ้ากรรม…พูดออกไปโดยที่เธอไม่รู้ตัว
“ไอ่ปากบ้า จะพูดอะไรหัดปรึกษาเจ้าของกับสมองก่อนดิ!! ” เธอเอามือตบปากอย่างแรง
เธอได้รับภารกิจที่แสนจะใหญ่หลวงแล้วล่ะ…แบมโบล่า…
~ครืด ครืด~
มาร์คที่กำลังเคลิ้มหลับ ลืมตาขึ้นมา เพราะเสียงสั่นของโทรศัพท์ เขาหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกง มองชื่อที่โทรมา
‘ยองแจ’
‘ไอ่มาร์คๆๆๆๆ มึงอยู่ส่วนไหนของเกาหลี พวกกูมีเรื่องสำคัญโคตรๆๆๆๆๆ บอกมึงเว้ยย!!!!’ เสียงปลายสายนั้นคือเสียงของแจ๊คสัน
“กูอยู่สุสาน มีเรื่องอะไรกัน”
‘โอเค สุสานที่ฝังของแม่มึงใช่ป่ะ งั้นรอนั้นนะ เดี่ยวพวกกูจะไปหา’ เป็นเสียงของยองแจที่พูดขึ้นมา
“ไม่ต้อง! ตอนนี้พวกมึงอยู่ไหนกัน” มาร์คพูดขึ้นมาเสียงดัง
‘พวกกูอยู่ร้านCC มึงจำได้เปล่า’ <<แจ๊คสัน
ตอนนั้นเองที่มาร์คก็สังเกตเห็นว่าตรงท้องฟ้า มีวงกลมสีขาวจ้าแปลกประหฃาด เขาจ้องเขม็งวงกลมนั้น แล้วมันก็หายไป
สีขาวเมื่อกี้คือไรวะ?
‘มาร์ค เฮ้ยๆ ไอ่มาร์ค ทำไมมึงเงียบไปวะ’ เจบีตะเบ็งเสียงออกมาเสียงดัง
“ปะ…เปล่า งั้นเดี่ยวไปหาที่ร้าน พวกมึงรอยู่นั้นแหละ”
เขารีบวางสายแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าอีกครั้ง ตอนนี้ไม่มีแสงสีขาวที่เขาเห็นอีกแล้ว
อยากรู้ไหมละว่ามันคืออะไร…
ประตูมิติ ของแบมโบล่ายังไงละ
@ ร้านCC
“เราจะบอกมันดีหรอวะ”ยองแจหันไปถามแจ๊คสันที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเครียดๆ
“ก็โทรเรียกมาแล้ว ก็คงต้องบอกละวะ”พูดจบแจ๊คสันก็หยิบแก้วโกโก้ร้อนที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมาดื่ม แล้ววางลงที่เดิม
“จะบอกจริงอะ เรื่องนั้นนะ?”จูเนียร์พูดขึ้นมาแล้วมองหน้าแจ๊คสัน
“จริงดิ- -^^”
“แล้วถ้าเกิดเราบอกไป มันเสียใจรับไม่ได้ ไปกระโดดตึกละมึง เรื่องใหญ่ระดับจักรวาลทางช้างเผือกเลยนะนั้น!”เจบีพูดขึ้นมาอย่างแตกตื่น จนทำให้ทุกคนหันมามองค้อนใส่เป็นตาเดียว
“ไอ่ปากสุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์!”ทุกคนตะโกนขึ้นมาเป็นเสียงเดียวกัน ยกเว้นมาร์คที่นั่งตาแป๋วอยู่ตรงหัวโต๊ะ สมองของเขากำลังประมวณผลเห็นการณ์ที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ
“แม่งแช่งเพื่อน ไอ่…!”
ป๊าบบบบบบ!!!!!!!
ฝ่ามืออรหันต์ของจูเนียร์ตีลงบนแผ่นหลังของเจบีที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างแสบร้อน ทำให้ผู้ที่ถูกกระทำร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด จนคนที่อยู่ในร้านหันมามอง
“อ๊ากกกกกกกก โอ้ยยยยย เจ็บนะโว้ยยยยยยย อย่างนี้ไม่ได้เรียกแช่งแค่เรียกว่าสันนิฐานเว้ย”
“=_=^^”<<สายตาของทุกคน
“คือโทษนะ พวกมึงเรียกกูมานี่ ยังเห็นว่ากูนั่งอยู่ตรงนี้อยู่ป่ะ- -^^” ทุกคนหันหน้ามาที่มาร์คอย่างรวดเร็ว “ถ้าเรียกให้มาฟังพวกมึงเถียงกันงั้นกูไปก่อนนะ” มาร์คลุกทำท่าจะลุกขึ้น แต่แจ๊คสันก็รั้งไว้ก่อน
“เดี๋ยวๆ อย่างพึ่งดิ นั่งลงก่อน”
“แล้วมีเรื่องไรก็พูดมาดิ”
“อยากฟังแบบละเอียดยิบ หรือแบบสั้นๆได้ใจความละ”ยองแจเอ่ยถามมาร์ค
“ถ้าอยากเล่าก็เอาแบบละเอียดก็ได้”
เมื่อมาร์คบอกว่าอยากฟังแบบไหน แจ๊คสันที่รู้สึกคันปากมาตั้งนานแสนนาน ก็เริ่มพูดเม้าท์มอยอย่างรวดเร็ว แบบว่าเรื่องนี้ไม่ควรพลาดนะคุณเธอ อยากพูดอย่างแรง คิคิ
“คือตอนแรกกูมาร้านนี้กับเจบี แล้วมันรู้สึกเบื่อๆก็เลยจะโทรเรียกพวกมึงมา แล้ว”
“เปลี่ยนใจละ เอาแบบสั้นๆดีกว่าวะ”มาร์คพูดตัดบทขึ้นมา ทำให้แจ๊คสันที่กำลังเล่าอย่างเมามันส์อยู่นั้นอารมณ์ค้างสุดๆ
“แต่กูอยากเล่าอะ อีกนิดเดียวจะถึงจุดสำคัญละเนี่ย*o*” แจ๊คสันส่งสายตาอ้อนวอนเป็นลูกแมวให้มาร์ค พร้อมกับเลื่อนแก้วโกโก้ไปวางอยู่ตรงหน้ามาร์ค “กินแล้วฟังกูเล่าไปด้วยได้นะ ยังร้อนๆอยู่เลย*o*”
‘หืม อะไรของมันเนี่ย ถ้าจะอยากเล่าจริงๆวะ’ มาร์คพูดในใจ
“งั้นกะ..”
“พวกมันเจอซูจี” ยังไม่ทันที่มาร์คจะพูดจบ จูเนียร์ก็พูดแทรกขึ้นมาซะก่อน
“ไอ่…! กูจะบอกอยู่แล้ว ทำไมมึงตัดหน้ากูก่อนเนี่ย อารมณ์บ่จอยละวะ เอาโกโก้คืนมา- -^”แจ๊คสันบ่นอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง เอื้อมมือไปหยิบแก้วโกโก้ร้อนมาวางไปหน้าตัวเองเหมือนเดิม
เมื่อจูเนียร์พูดจบทุกสายตาก็จ้องมองมาที่มาร์ค แต่มาร์คก็ยังคงนิ่งไม่ได้มีปฏิกิริยาโต้ตอบอะไร
“เจอซูจีแล้วไง ทำอย่างกับพวกมึงไม่เคยเห็นอย่างนั้นแหละ”มาร์คพูดแค่นหัวเราะ
“กับผู้ชายที่หน้าตาดี๊ดีคนหนึ่ง แต่นั้นมันไม่ใช่มึงไง”แจ๊คสันพูดแล้วหยิบแก้วโกโก้ร้อนขึ้นมาดื่มอย่างชิวๆ แอบมีการชำเลืองดูปฎิกิริยาของมาร์คเล็กน้อย ก่อนจะวางแก้วลง
มาร์คได้ยินที่แจ๊คสันพูดก็ชะงักไปเล็กน้อย มัน…
เจ็บ….จุก
นี่บนโลกใบนี้ยังมีผู้ชายที่หน้าตาดี๊ดีกว่ามาร์คผู้นี้อีกงั้นหรอ เป็นไปไม่ด๊ายยยยยยย!
“แล้ว…ใช่คนที่เจอในคลับตอนนั้นไหมวะ”มาร์คมองหน้าแจ๊คสัน
“เท่าที่จำได้ เหมือนจะไม่ใช่วะ คนนี้หน้าดีกว่าเยอะ กล้ามแขนนี่เป็นมัดๆเลยมึง”
มาร์คยกมือขึ้นมากุมขมับแล้วนวดเบาๆ พร้อมกับถอนหายใจออกมา
“แล้วมึงไปเคลียร์กับซูจียัง เรื่องพวกนี้อะ”ยองแจถามมาร์ค
“กูว่า…ดูท่ามันแล้ว เหมือนยังไม่ได้ทำอะไรเลยวะ ไม่งั้นซูจีคงไม่ควงผู้ชายคนอื่นแบบนี้อยู่หรอก”จูเนียร์พูดแล้วมองไปมาร์คอย่างน่าเห็นใจ
“กูก็ว่างั้นหละวะ มาร์คกูขอมึงอย่างเดียวถ้ามึงก้าวออกมาร้านนี้ไปมึงอย่าไปทำอะไรพิเรนๆนะเว้ย กูไม่อยากให้สันนิฐานกูเป็นจริง-..-”<<เจบี
“ถ้าเป็นกู ป่านนี้กูขอเลิกไปตั้งนานแล้ว ผู้หญิงนิสัยแบบนี้ไม่ผ่านอย่างแรงเลยวะ”<<จูเนียร์
“พวกมึงรู้อะไรไหม” มาร์คพูดขึ้นมาเสียงเนือยๆแล้วหยุดเว้นวรรคสักพักก่อนจะพูดต่อ “วันนั้นที่นัดกันไปคลับแล้วกูไปเจอซูจีกับผู้ชาย พวกมึงเห็นกูวิ่งออกไปใช่ไหมละ หลังจากนั้นกูก็โทรหาซูจี กูขอวีดีโอคอล แต่ซูจีกลับไม่ทำเว้ย เธอบอกว่าไม่ได้แต่งหน้าแล้วไม่สวย ไม่อยากให้กูเห็น กูก็เลยคิดว่าเธอแอบมีคนอื่นแต่กูไม่รู้แล้วพยามปกปิดกู แล้ววันต่อมาก็มาหากูที่คอนโด เธอทำทุกอย่างเหมือนเดิมไม่มีผิด กูก็เลยเล่นตามน้ำไป จนตอนนี้กูแกล้งโง่ให้ผู้หญิงคนนั้นจนไม่รู้ว่าตัวเองอาจจะโง่จริงๆรึเปล่าวะ” ทุกคนดูตั้งใจฟัง จนรู้สึกโคตรอินกับสิ่งที่มาร์คเล่าออกมา
“มาร์คเพื่อนรัก พี่หวังคนนี้จะบอกอะไรให้นายฟัง”แจ๊คสันเอื้อมมือมาตบไหล่ให้กำลังใจมาร์คเบาๆแล้วพูดต่อ “ความรุ้สึกของมึงตอนนี้มันอาจจะเหมือนว่ากำลังถูกหลอก แล้วพอมึงรู้ว่าถูกหลอก คนฉลาดๆอย่างมึงเลยคิดหลอกกลับแบบผู้ดี แต่พอดีว่ามึงเป็นคนใสๆหลอกใครไม่เป็น และหัวใจของมึงมันบอบบางเกินไป ทางเลือกเดียวของมึงก็คือ เลิก”
“ไอ่บ้า มึงบอก เลิก คำเดียวก็จบ พูดซะยาวเชียวมึง”ยองแจทำหน้าหมั่นไส้ใส่แจ๊คสัน
“กูขอเท่บ้าง อย่าพึ่งขัดได้ไหมเพื่อนรัก-”กัดฟันพูดคำว่า เพื่อนรัก สุดๆ
“กูก็คิดว่าจะบอกเลิกเร็วๆนี้แหละ ถ้ากูพร้อม…”
“เท่ๆเลยเพื่อน นัดเจอที่ไหนก็ได้ แค่บอกว่า เราเลิกกัน จบปุ๊บมึงก็แค่เดินหันหลังกลับไป แค่เนี๊ยยยยยยย ง่ายๆกล้วยๆ”
“- -^^”เช็คหน้ามาร์คด้วยนะแจ๊คสัน
“หรือวิธีที่ดีกว่านั้น มึงก็มา กินกันเอง กับกูเถอะ-.,-”
00:00
เอี๊ดดดดดดดด!!!!!!!
ตุ๊บ!
ตรงนั้น…จากที่ตรงนั้น ภายในความมืดที่ปกคลุม มีบางอย่างเกิดขึ้นอย่างคาดไม่ถึง…
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมต้องเห็นอะไรๆที่ประหลาดแบบนั้น ทำไมต้องเป็นเธอ ทำไม%^*))@!*^*($%@
ทำไม….???
นั้นสิ…ทำไม…Why?
“เฮ้อ…”
“เฮ้อ…”
“เฮ้อ…”
เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่แบมโบล่านั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง แล้วได้แต่ถอนหายใจออกมาเสียงดัง ในหัวของเธอตอนนี้มีแต่ภาพเหตุการณ์ ‘ความฝัน’ ที่ตามมาหลอกหลอนในทุกๆคืนที่เธอหลับตาลง มันเป็นความฝันซ้ำซากและภาพของมันก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อคืนก็เป็นคืนที่ความฝันของเธอมีภาพชัดเจนที่สุด จนทำให้ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา และไม่คิดว่าบุคคลที่อยู่ในความฝันนั้นจะเป็นคนที่อยู่ ‘ใกล้ตัว’
แบมโบล่าคิดว่าความฝันนั้นต้องการสื่ออะไรบางอย่างแน่ๆ ไม่ว่าความฝันต้องการจะสื่ออะไร สิ่งที่เธอทำได้คือได้แต่ภาวนาว่าเหตุการณ์ในความฝันนั้น จะไม่เป็นจริง…
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“องค์หญิง คุณยูคยอมต้องการพบค่ะ” เสียงของข้ารับใช้ดังมาจากข้างนอกประตู
“บอกเขาเดี๋ยวฉันลงไป”
แบมโบล่ายืดตัวบิดขี้เกียจ เธอนั่งแช่อยู่บนเตียงมาตั้งแต่เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะความฝันนั้น แบมโบล่าสะดุ้งตื่นขึ้นมาประมาณเที่ยงคืน แล้วก็ไม่ได้นอนตลอดจนตอนนี้ก็เกือบจะบ่ายแล้ว
และเธอกำลังคิดว่าได้ค้นพบความสามารถพิเศษของตัวเอง นั้นก็คือ นั่งแช่อยู่บนเตียง ได้เกือบครึ่งวัน ไม่มีใครมีความสามารถพอที่จะเลียนแบบได้
ปล.แบมอาบน้ำแปรงฟันแล้วนะตัว
แบมโบล่าเดินมาหยุดหน้าบันได แล้วมองลงไปยังขั้นบนไดที่เรียงต่อกันลงมามากมาย เธอมักคิดเสมอว่า
เป็นแฟรี่มีปีกแต่ทำไมยังต้องใช้บันไดเหมือนมนุษย์? แล้วขั้นบันไดมันใช่ธรรมดาซะที่ไหนละ
มีปีกแล้วควรใช้ให้เกิดประโยชน์สิ จริงไหม?
แบมโบล่าบินลงมาแล้วตรงดิ่งไปหายูคยอมที่ห้องรับแขก เมื่อไปถึงก็เห็นยูคยอมนั่งไข้วห้าง จิบน้ำดอกไม้ที่ข้ารับใช้นำมาให้เมื่อกี้
อย่างเท่…อย่างหล่อ อย่างกับเจ้าชายที่หลุดออกมาจากเทพนิยาย หน้าตอนจิบน้ำดอกไม้นี่…..อย่างฟินน่ะ-///-
“นายมีอะไรรึเปล่า?” แบมโบล่าบินไปนั่งโซฟาตัวยาวที่อยู่ด้านหน้ายูคยอม
“ก็เบื่อๆ เลยมาหา”
“งั้นถ้าไม่เบื่อก็จะไม่มาน่ะสิ” เบ้ปากใส่ยูคยอม เขายิ้มแก้มปริกับคำพูดของแบมโบล่า
“^///^”
“ยิ้มอะไร?”
“^///^”
“ถ้ายังยิ้มอยู่แบบนี้ ฉันคงคิดว่านายเป็นบ้านะ” แบมโบล่ามองยูคยอมอย่างกลัวๆ
“ที่พูดเมื่อกี้…ไว้ผมจะมาหาบ่อยๆละกัน^^”
“เมื่อกี้ก็แค่พูดเล่น ไม่ต้องทำแบบนั้นหรอก”
“แต่ผมพูดจริง แล้วก็จะทำจริงด้วย^///^”
บอกที…ว่านาทีนี้แบมควรเขินไหม?
“ทำไมวันนี้หน้าคุณดูหมองๆละ แถวขอบตาก็ยังคล้ำอีกด้วย เหมือนแพนด้าเลย”ยูคยอมมองแล้วสำรวจใบหน้าของแบมโบล่าอย่างละเอียด แล้วลูบบริเวณขอบตาด้านล่างของตัวเองให้เธอดู
แบมโบล่าเอามือทั้งสองขึ้นมาลูบหน้าตัวเองอย่างตกใจ ก็เล่นตื่นมาดึกขนาดนั้นแถมยังไม่นอนต่ออีก ก็สมควรแล้วที่จะเป็นแบบนี้
“แต่ถึงยังไงความสวยก็ยังไม่ลดอยู่ดี^^”
บ้า…! ปากหวานซะจริง
“ว่างไหม ออกไปเที่ยวกันเถอะ”ยูคยอมชวนขณะที่แบมโบล่าคนสวยกำลังกลุ้มใจกับใบหน้าของตัวเองอยู่
“ฉันว่างตลอดแหละ แต่ถ้าจะให้ออกไปในสภาพที่หน้าเป็นอย่างนี้คง ไม่!”เธอปฎิเสธเสียงแข็ง
“ผมรู้มาจากข้ารับใช้ส่วนตัวของคุณว่า คุณชอบออกไปเที่ยวโลกมนุษย์”ยูคยอมพยายามพูดหว่านล้อมแบมโบล่า แต่เธอก็ยังนิ่ง
“แล้วตอนนี้คุณดูเหมือนจะหลับไม่เต็มอิ่ม ผมว่า…เราไปหาร้านกาแฟอร่อยๆในโลกมนุษย์กินกันดีกว่า” ความพยามของยูคยอมยังไม่มีที่สิ้นสุด
“…” นิ่ง แอบมีการชายตามองนิดๆ
“แล้วตอนนี้ก็บ่ายแล้วด้วย คุณคงต้องหิวมากแน่ๆ เมื่อหลายวันก่อนผมได้คูปองส่วนลดร้านอาหารญี่ปุ่นมา อีกไม่กี่วันคูปองก็จะหมดอายุแล้วด้วย”
“…” ยังคงนิ่ง ไม่มีการตอบสนองใด
“ถ้าคุณไปผมจะจ่ายเอง”
แบมโบล่าหูผึ่งทันทีเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายจะจ่ายเงิน นี่แหละคำพูดที่เธออยากได้ยินมากที่สุด!
“ตกลงฉันไป!!รออยู่ตรงนี้ เดี่ยวฉันมา อย่าพึ่งไปไหนละ”
@ ร้านอาหารญี่ปุ่น
“นายเคยฝันไหม” แบมโบล่าถามยูคยอมขณะที่กำลังตักอาหารอย่างอื่นใส่จานของตัวเอง
“เคยสิ ใครๆก็เคยกันทั้งนั้นแหละ” พูดจบยูคยอมก็คีบเทปุระเข้าปาก อย่างเอร็ดอร่อย
“แล้วนายเคยฝันถึงเรื่องร้ายๆบ้างไหม”
ปากพูด แต่สายตายังคงจดจ้องกับอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ สายตาแบบผู้ล่า…และอาหารคือเหยื่อ ที่แบมโบล่าจ้องที่จะกินอยู่เสมอ
แฮร่ เสร็จฉันแน่ หึหึ -3-
“ฝันถึงเรื่องร้ายๆหรอ อืม….” ยูคยอมวางตะเกียบลง พยายามคิดนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวต่างๆ “มันเป็นฝันร้ายมากเลยละ”เขาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“แล้วฝันนั้น…มันเกิดขึ้นจริงไหม”แบมโบล่าถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ
“อื้ม…ความจริงมันน่ากลัวกว่าหลายเท่าเลยล่ะ”
ความคิดเห็น