คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Poster :: 04 100%
04
“เครื่องนั้นของนายรึเปล่า” นิ้วยาวชี้มายังโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างซ้ายมือผม
“ครับ…”
“ฉันขอยืมหน่อย”
หยิบโทรศัพท์ข้างตัวมาก่อนจะส่งให้กับพี่มาร์ค
เขาเอื้อมมือมารับอย่างรวดเร็ว พอโทรศัพท์อยู่ในมือก็รีบพิมพ์เบอร์ลงไปทันที
อันเดวววววววววว ข้าเสียใจมากเลยท่านพี่ ฮือ TOT
ผมพยายามสะกดกั้นความเสียใจเอาไว้ข้างในด้วยใบหน้านิ่งๆเหมือนไม่แสดงออกอะไร
แต่จริงๆแล้วกูโคตร…เฮ้อ ถ้าผมรู้ตัวเร็วกว่านี้ จับอิพี่มาร์คกดไปตั้งนานแล้ว T^T
เฮ้ยยยย เดี๋ยวนะ…!
พี่มาร์คบอกว่าจะเอาเบอร์ผมโทรเข้าเครื่องของพี่เขาใช่ป่ะ
อะจ๊ะ ><
อย่างนี้ก็เท่ากับผมได้เบอร์อิพี่มาร์คมาเลยอ่ะดิ
=///=
OMG เจ๋งวะมึง ได้เบอร์ไอดอลด้วย >////< ถ้าพี่เขาเล่นไลน์ผมก็ได้ไลน์ของพี่เขาอะดิ ใช่ป่ะ? หึย อะไรกันเนี่ย
อะไรจะโชคดีปานน๊าน -///- รู้สึกแบบว่า…
กรี๊ดดดดดดดดดดดด ปริ่มอย่างแรง #ส่ายตูดดุ๊กดิก
อยากจะตีลังกาสามร้อยหกสิบองศา กระโดดหน้าผาสามร้อยเมตร
โดดลงน้ำแหวกว่ายพสุธาให้โลกได้รับรู้ว่าข้ามีเบอร์ พี่มาร์ค แล้วเว้ยยยยยยยยยยย
“นายฟังให้ฉันหน่อยสิ” นางยื่นโทรศัพท์ส่งให้ผมและเอื้อมมือรับ
‘หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะ กรุณา…’
ฮิฮิฮิ ฮี่ๆๆๆๆๆ วะฮ่า ^3^
มึง…กูดีใจจนแก้มจะปริแล้วเนี่ย ฮรือ T////T
“คือ…มันติดต่อไม่ได้” ลดโทรศัพท์ลงกดวางสาย มองพี่มาร์คด้วยสายตาและน้ำเสียงเศร้าสอยสุดๆ แต่ในใจกูนี่…พร้อมเต้นระบำชาวเกาะละมึง ฮู้เล่ๆ
“ห๊ะ! ว่าไงนะ ติดต่อไม่ได้
ทำไมเป็นงั้นอ่ะ!!!” ใบหน้าหล่อๆนั้นถึงกับเหวอทันที
ไม่พอยังพุ่งตัวเข้ามาหาผมที่นั่งอยู่บนเตียง จนเกือบได้หงายหลังแล้วไหมละ ตายๆ
จู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวเลยนะคุณพี่ คุณน้องก็ตกใจนะครับ -////- #สลิด
“ไม่รู้วววว ก็มันบอกอย่างงั้นอ่ะ -///-” ผมขยับตัวเว้นระยะห่างนิดหนึ่ง เราต้องรักนวลสงวนตัวนะเด็กๆ “โทรศัพท์คุณอาจจะแบตหมดหรือปิดเครื่องไว้ก็ได้”
“อ่า จริงด้วย ฉันลืมไปว่าปิดเครื่อง ไม่น่าเลย…ไอ่โง่มาร์คเอ๊ย” พี่มาร์คก้มหน้าลงอย่างหมดหนทาง
ถ้าพี่โง่ ผมก็โคตรของโง่แล้วละ =_=
“แล้วทีนี้คุณจะทำไงต่อ…”
“อืมมม ไม่รู้สิ” ก้มหน้าเงียบ “จนกว่าจะหาทางกลับเกาหลีได้…ฉันคงอยู่ที่นี่สักพัก”
อืมม…นั้นแหละที่ต้องการ 5555555555555 จงอยู่ที่นี่กับข้า วะฮาฮ่าๆๆๆๆๆๆ
อิพี่มาร์คเสร็จแน่ ฮิฮิ คิคิ คุคุ -////-
-ต่อ-
“เอ่อ…คุณหมายผมที่นี้ บ้านผมงั้นหรอ” คำถามโคตรอ่อยเลยจ้า
“อืม คงงั้น…หรือว่านายไม่สะดวกอะไรรึเปล่า”
“ไม่ๆ สะดวกทุกอย่าง
ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว^^” ผมโบกไม้โบกมือทำท่าไม่ปฏิเสธกับสถานการณ์ทุกอย่าง
โอกาสดีๆมาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆหรอก หึ
“ขอบคุณนะ
ขอบคุณมากจริงๆ ถ้าไม่ได้นายฉันคงแย่แน่ๆ” คนตรงหน้ายกมือขึ้นไหว้เหมือนซาบซึ้งในพระคุณอันใหญ่หลวงที่ผมทำไว้
น้ำตาจะไหล ขอเอาเป็นสามีนะครับ (อิแบม - - )
“ก็ผมเป็นแฟนคลับคุณนี่น่า-///-”
“แล้วก็นายต้องช่วยนะแบมแบม
นายต้องหาทางให้ฉันกลับเกาหลีให้ได้นะ ต่อให้นายต้องขโมยเงินพ่อแม่ หรือปล้นธนาคาร
อะไรก็ช่าง นายต้องช่วยฉันนะแบมแบม”
เอิ่ม…ถึงกับต้องปล้นธนาคารเลยหรอ
เลวไปมั้งพี่ -____-
“เรื่องนั้นผมไม่รู้ว่าจะทำได้รึเปล่า
แต่ผมจะพยายามละกัน”
“ถ้าทุกอย่างสำเร็จนะ
ฉันสัญญาเลยว่าจะเอาอัลบั้มพร้อมลายเซ็นศิลปินทุกวงทุกคนในค่ายส่งมาให้นาย ไม่แน่อาจมีแถมโปสเตอร์ด้วย
ชอบไหมละJ” ประโยคสุดท้ายจบผมถึงกับหูผึ่งทันที
“จริงหรอครับ ห้ามโกหกนะ!”
ช่างเป็นอะไรที่กระตุ้นต่อมความโลภกูมาก
คือผมต้องส่งพี่เขากลับเกาหลีใช่ป่ะ ถึงจะได้ไอ่อัลบั้มพร้อมลายเซ็นนั้นมา
เหมือนมีแอบแถมโปสเตอร์ให้ด้วย ได้ยินนางพูดอยู่หรือถ้าไม่ใช่ก็ภาวนาให้มันใช่อ่ะ 55555555555
แต่เอาจริงๆไม่อยากให้พี่มาร์คกลับเลยอ่ะ
อยากอยู่กับพี่เขานานๆจะได้ไหม T^T ยังไงซะสุดท้ายมันคงเป็นความหวังลมๆแล้งๆสินะ…เฮ้อ พี่เขาเป็นถึงไอดอล
ไม่พอยังอยู่ไกลคนละฟากฟ้า มีงานมีการต้องทำ ไม่เหมือนมึงอิแบมที่เอาแต่นอนเล่นอยู่บ้านตีพุงไปวันๆ
มึงต้องคิดถึงอนาคตพี่เขาบ้างดิเว้ยยย!!
“อือ ฉันสัญญา”
เสียงของพี่มาร์ค ทำให้ผมหลุดออกจากห้วงความคิดผีบ้าผีบอของตัวเอง
กลับไปจดจ่อกับคนตรงหน้าต่อ “ว่าแต่ นายชอบใครในJYM4? ฉันรึเปล่า? ห้ามโกหกนะ ขอตามความจริง ฉันไม่โกรธหรอก”
อ้าวดักทางกูไว้ซะงั้น
ตอนแรกนี่กะจะตอบเอาใจสักหน่อยว่าชอบพี่เขา รู้ทันกันจุง -3-
“ผม…เอ่อ…ชอบยูคยอมน่ะครับ”
“อ๋อ นายคงจะดีใจกว่านี้นะ
ถ้าคนที่อยู่หน้าตรงนี้เป็นยูคยอม” น้ำเสียงพูดพี่เขาดูเบาลงไปนิดหนึ่ง
สายตาหงอยลงนิดๆ เหมือนผิดหวัง
หะ!? ผิดหวัง ใช่หรอ…มึงมโนไปไกลละอิแบม -_-
“เปล่านะครับ
ผมก็ดีใจเหมือนกันที่ได้เจอคุณ หาวววว~~” ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาปิดปากที่หาวกว้างจนแมลงสามารถเข้ามาทำรังได้
กูง่วงอ่ะ…
“ถ้าจะหาวขนาดนั้น
ฉันว่านายนอนเถอะ=_=”
“แล้วคุณละ ไม่ง่วงหรอ”
“ไม่อ่ะ
สงสัยยังไม่ชินกับเวลาที่นี้มั้ง” ทำชิวๆสบายๆ
เป็นผมนะ อยู่ที่ไหนก็นอนหมดแหละ
ง่วงไม่ง่วงก็จะนอนอ่ะ แต่ตอนนี้ผมนอนไม่ได้อะดิ
ถ้าผมนอนแล้วกลัวพี่เขาไม่มีใครคุยด้วยย มันจะดูโดดเดี่ยวเกินไป
“แต่ว่า…”
“นายนอนเถอะ
ตื่นมาจะได้ช่วยคิดวิธีกลับเกาหลีต่อ
ถ้าให้คิดตอนนี้ดูเหมือนสมองนายจะยังไม่แล่นเท่าไหร่”
มันก็ไม่แล่นตลอดแหละ
สมองของแบมแบมคนนี้อ่ะ ให้นอนละตื่นอีกสิบรอบยังไงมันก็ไม่แล่นหรอก =_=^
“จะดีหรอครับ”
“ดีสิ นอนเลยๆ
ฉันไม่เป็นไร^^”
ส่งยิ้มหวานมาซะขนาดนี้
มีหรอแบมคนนี้จะไม่ใจอ่อน -///-
สุดท้ายผมก็หลับไปจนได้สินะ =_=
เด้งตัวลุกขึ้นมา มองไปยังรอบๆห้องในสภาพยังไม่ตื่นดี
แต่กลับไม่ปรากฏมนุษย์นามว่า มาร์ค ให้ผมเห็น พี่เขาหายไปไหนแล้วอ่ะ? อยู่ในห้องน้ำหรอ?
ผมลงจากเตียงแล้วยืนขึ้นพร้อมกับขยี้ตาไป
กำลังจะก้าวขาขวาออกเดิน แต่ก็เหมือนมันไปโดนวัตถุแข็งบางอย่างขวางไว้
ก้มหน้าลงดูเห็นร่างของพี่มาร์คในชุดดำทั้งตัวเหมือนเมื่อคืน
นอนขดตัวตะแคงข้างเหมือนเด็กน้อยอยู่ เพียงแค่เห็นภาพนี้บอกเลยว่า
ละลาย…
ค่อยๆก้าวข้ามขาพี่เขาไปอย่างระมัดระวัง
ก่อนจะนั่งยองๆลงมองใบหน้าหล่อที่นอนหลับตาพริ้ม…นี่ขนาดหลับยังหล่อเลยอะ
เหนือคำบรรยายจริงๆ ><
นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ผมเอาแต่จ้องใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ตินั้น
คนบ้าอะไรเกิดมาหล่อซะขนาดนี้ ใบหน้ารูปไข่ กับผิวขาวใสเหมือนน้ำนม คิ้วโค้งสวยแต่แอบหนาเหมือนปลิง
=_=
จมูกโด่งเป็นสันอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่มน่าจูจุ๊บ ม๊วฟฟฟฟ -3-
เห็นแบบนี้ละอยากก่ออนาจารจริงๆครับพี่น้อง
“จ้องขนาดนี้กะจะกินฉันเป็นอาหารเช้ารึไง”
อุต๊ะ! O_o
ผมแทบสะดุ้งหงายหลังเงิบ
เมื่อจู่ๆคนตรงหน้าที่ผมจ้องอยู่ก็พูดขึ้นมา ทำเอากูไปไม่ถูกเลยไหมละ
หลับอยู่แล้วรู้ได้ไงเนี่ย แผนพังหมด =_=^^ (แผนไรคะ?)
“เปล่าซะหน่อย
ใครจ้อง ผมแค่จะตบยุ่งบนหน้าให้ต่างหาก บินหายไปไหนแล้วไม่รู้เนี่ย” ผมคิดเรื่องตอแหลเฉไฉไปเรื่อย
“งั้นหรอ
ฉันจะพยายามเชื่อละกัน” พี่เขาลืมตาพร้อมกับลุกนั่งขัดสมาธิ
ผมมองหน้าพี่มาร์คอย่างจิกๆด้วยความหมั่นไส้
“แล้วแต่คุณเหอะ”
ทิ้งท้ายประโยคไว้แค่นั้นแล้วลุกขึ้นหันหลังเดินไปเข้าห้องน้ำ
“นี่แบมแบม ฉันไม่มีแปรงฟันอ่ะ
เสื้อผ้าด้วย” ผมหันหน้ากลับมา มองพี่มาร์ค
จริงด้วย พี่เขามาตัวเปล่านี่หว่า
เอาไงดีละเนี่ย แต่เหมือนผมจะมีแปรงฟันเหลืออยู่นี่หน่า ตอนนั้นซื้อมาเป็นแพ็กเลย แต่ผมจำไม่ได้ว่าเอามันไปเก็บไว้ที่ไหนนี่สิ
อืม…มันต้องอยู่สักที่ในห้องนี่แหละ
“เดี๋ยวลองหาแปบนะ”
ผมเดินไปข้างตู้เสื้อผ้าจะมีกล่องเก็บพลาสติกอยู่
เปิดฝาออกมาแล้วจัดการค้นหาให้ทั่ว ไม่นานก็เจอแปรงสีฟันสีชมพู่น่ารักสดใส ซึ่งไม่ผ่านการใช้งานมาก่อนแน่นอนเพราะกล่องยังไม่ได้แกะ
เอื้อมมือไปหยิบฝาข้างๆมาปิดไว้เหมือนเดิม
ก่อนจะเดินไปยื่นแปรงฟันส่งให้พี่มาร์ค
“อ่ะ อันนี้ของคุณ”
พี่เขาเอื้อมมือมารับไปดูเหมือนไม่ค่อยแน่ใจว่ามันยังใหม่อยู่ “ส่วนเสื้อผ้า….ใส่ของผมเอาก็ได้ ถ้าคุณรังเกียจ
จะซื้อใหม่…”
“อือ โอเคใส่ของนายก็ได้
แต่ไม่รู้ว่าฉันจะใส่มันได้รึเปล่า”
“คุณลองใส่ตัวนี้ดู”
เดินไปค้นเสื้อในตู้ หยิบเอาเสื้อยืดสีเทาแขนยาวให้พี่เขาลองใส่ดู
มันเป็นตัวที่ดูดีที่สุดแล้วละ จะให้ใส่ลายดอกก็ยังไงๆอยู่ -..- แต่หน้าหล่อขนาดนี้ใส่อะไรแมร่งก็ดูดีหมดแหละ
พี่มาร์ควางเสื้อที่ผมให้ไว้บนเตียง
แล้วลุกยืนขึ้นถอดเสื้อฮู้ดของตัวเองออก กองไว้บนพื้น
เหลือเพียงเสื้อยืดสีดำธรรมดา
ถามจริง ทำไมถึงชอบใส่สีดำจังวะ
ฮู้ดก็ดำ กางเกงก็ดำ เสื้อยืดก็ดำ แล้วกางเกงในมันจะดำด้วยไหมวะเนี่ย
อยากรู้จริงจริ๊งงงงง
“เดี๋ยวๆ
ทำไมไม่ไปถอดในห้องน้ำ!!!”
ผมยกมือขึ้นห้ามส่งเสียงดังขึ้นมาทันที
เมื่อจู่ๆพี่มาร์คก็ทำท่าจะถอดเสื้อยืดตัวเองออกกลางห้องนี้ ซึ่งรู้ไรป่ะ…กูแอบได้เห็นหน้าท้องขาวเรียบแบนพร้อมซิกแพคของพี่เขาผ่านตาไปนิดๆเมื่อกี้เอง
-///- ตกลงกูคิดถูกคิดผิดเนี๊ยที่ห้ามพี่เขาไว้
“อ้าว
ก็ไม่เห็นเป็นไรนิ นายไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย” พี่มาร์คตอบกลับหน้าตาเฉย
แถมมือที่จะถอดเสื้อก็ค้างอยู่อย่างนั้น
ผมได้ยินแล้วรู้สึกเพลียจิตแทน…โอเค มันก็ใช่นะ
เราเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่จู่ๆก็เล่นมาถอดกลางห้องแบบนี้ มันใช่หรอ…ไม่ได้สนิทกันถึงขั้นเปิดเผยขนาดนั้นสักหน่อยนิ
หรือว่าพี่เขาอ่อยกูเปล่าวะ?
-ต่อ-
“ครับ งั้นเชิญถอดตามสบาย…”
สุดท้ายผมก็หันหลังให้พี่เขาอย่างจำนน
นี่มันใช่มาร์ค JYM4 จริงปะวะ
ชีวิตจริงพี่เขาอ่อยไปเรื่อยงี้หรอเนี่ย -..-
“ใส่ได้พอดีเลยอ่ะ”
หันกลับไปเผชิญหน้ากับพี่มาร์คเหมือนเดิม
เพราะอยู่ในสภาพใส่เสื้อผ้าปกติแล้ว
ไม่อยากจะเชื่อว่าในชีวิตนี้ผมจะได้ใช้เสื้อผ้าร่วมกับไอดอลชื่อดังด้วยแหละแก ><
ช่างเป็นบุญของแบมคนนี้จริงๆ
เดี๋ยวถ้าพี่เขาใส่ตัวไหนนะ จะพับตัวนั้นเก็บขึ้นหิ้งให้หมดเลย ไม่ต้องซักมันแล้ว ช่างควรค่าแก่การรักษาอย่างยิ่ง
-////-
แล้วรู้ไรป่ะ
เสื้อแขนยาวสีเทาธรรมดาที่ผมใส่ปกติทุกวันเนี่ย ซื้อมาตัว ร้อยห้าสิบ แต่พอไปอยู่บนตัวพี่มาร์คนะ
เหมือนราคามันเด้งเป็น แสนห้ายังไงก็ไม่รู้ -__-
“ดีเลย หยิบกางเกงมาลองด้วยก็ได้
อยู่ในตู้นั้นแหละ” ชี้นิ้วไปยังตู้เสื้อผ้า
“อืม โอเค”
“แล้วคุณหิวรึยัง”
พี่เขาพยักหน้าแทนคำตอบ แค่นั้นผมก็เข้าใจ
“งั้น รอแปบหนึ่งนะ”
รีบเข้าไปจัดการล้างหน้าแปรงฟันตัวเองในห้องน้ำให้เรียบร้อย
และก่อนจะออกจากห้องมาก็กำชับให้พี่มาร์คนั่งอยู่ในห้องรอ ห้ามตามออกไป
และพี่เขาก็เชื่อฟังอย่างดี
น่ารักม๊ากกกกก ผู้ชายคนนี้ T///T
เดินไปเปิดประตูห้อง
ค่อยๆชะโงกหน้าออกมาดูต้นทางซ้ายขวา จริงสิ วันนี้วันจันทร์นี่หว่า พ่อกับแม่คงออกไปทำงานกันแล้วแหละ
เพราะตอนนี้ในบ้านมันช่างเงียบกริบเหลือเกิน
ผมปิดประตูและเดินลงบันไดมาชั้นล่าง
เลี้ยวซ้ายตรงไปยังห้องครัวทันที เห็นถุงพลาสติกเหมือนใส่แกงหรืออะไรสักอย่างวางอยู่บนโต๊ะ
ในบ้านนี้มีผมคนเดียว ถ้าไม่รวมพี่มาร์คนะ
เพราะพ่อกับแม่ยังไม่รู้เรื่อง จุ๊จุ๊ ต้องเงียบๆกันไว้ก่อน ห้ามเอาเรื่องที่พี่มาร์คโพล่เข้ามาในห้องผมไปฟ้องพ่อกับแม่นะ
ถ้าเอาไปฟ้องจะตีให้ก้นลายเลยคอยดู!
“อะไรเนี่ย ข้าวต้ม?” เดินเข้าไปหยิบของในถุงออกมาดูอย่างพิจารณา ปรากฏว่ามันคือข้าวต้มเย็นๆนี่เองจ้า
แค่จับดูก็รู้ว่ามันผ่านกาลเวลามานานแค่ไหน
สมควรที่มันจะไม่เหลือความร้อนอยู่เลยอะนะ =_= แต่มันมีข้าวต้มแค่ถุงเดียวเอง
แล้วพี่มาร์คนางจะกินอะไรละนี่ คิดสิคิด…
อ่อ รู้ละ…
ทอดไข่ให้เลย ง่ายดี
ในตู้กับข้าวน่าจะเหลือไข่อยู่สักสองสามฟอง พอประทังชีวิตตอนนี้ไปได้บ้าง…
อิแบม…มึงก็พูดซะชีวิตเหมือนไม่ไรจะแดก
-__-
แต่ก็มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆนี่หว่า
ผมก็ทอดไข่อร่อยอยู่นะ แค่ทอดไข่อร่อยจริงๆ อาหารนอกนั้น…บายจ้ะ
อย่าไปหวังรสอร่อยจากฝีมือแบมแบม อ่อใช่! เกือบลืม…มาม่าก็ทำอร่อยนะ พอๆกับไข่ทอดนั้นแหละ -…-
5 นาทีผ่านไป
“คุณ
เปิดประตูให้หน่อยคร้าบบ” ผมตะเบ่งเสียงดังอยู่หน้าห้อง เพราะตอนนี้มือผมไม่ว่างเปิดเลย ข้างหนึ่งถือถ้วยข้าวต้ม
ข้างหนึ่งก็จานไข่ทอดที่เกือบไหม้ แต่ไม่ไหม้ไง รสชาติเกรียมๆอร่อยดีนะแก^^
ประตูถูกเปิดโดยคนในห้อง
เมื่อพี่มาร์คเห็นผมก็ก็ยิงถามเป็นภาษาเกาหลีใส่ทันที
“ทำไมไปนานจัง”
คิดถึงละสิ แหมมมม
“ผมทำอาหารเช้ามาให้”
พูดพร้อมกับเดินเข้ามาในห้อง และพี่มาร์คก็ปิดประตูลง
“ทั้งสองเลยหรอ”
“เปล่า
ผมทำไอ่นี่อย่างเดียว ส่วนอันนี้แม่ซื้อมา” ชูข้างที่ถือจานไข่ทอดและตามด้วยถ้วยข้าวต้มให้ดู
“เดี๋ยวคุณกินข้าวต้มดีกว่า”
วางอาหารทั้งสองไว้บนพื้น
โดยให้จานไข่ทอดวางตรงหน้าผม และค่อยๆนั่งขัดสมาธิลงบนพื้น พี่มาร์คเห็นผมนั่งเลยนั่งตามอยู่ฝั่งตรงข้ามที่มีถ้วยข้าวต้ม
“ออ โอเค แต่…”
“???”
“ฉันอยากกินอันที่นายทำมากกว่า”
ปาติโถ!!!!!!!! พี่มาร์คอยากกินไข่ทอดแบมเนี่ยนะ!
“หะ? มัน…จะดีหรอ” พยามยามบ่ายเบี่ยงไม่ให้พี่เขากินไข่ทอดที่ผมทำ
คือถ้าพี่เขาเข้าโรงพยาบาลมานี่เรื่องใหญ่เลยนะ
ท้องเสียเพราะกินไข่ทอด(เกือบไหม้) อันตรายป๊ายยยย
“ทำไมละ” ถามหน้าตาเฉยอีก
“ไม่อร่อยไง มันไม่อร่อย
คุณก็กินข้าวต้มไปนั้นแหละดีแล้ว”
“ฉันอยากกินของนายนิ
สีเหลืองๆนั้นอะ มันเรียกว่าอะไร” ชี้นิ้วมาจานไข่ทอด
“ไข่ทอด” ผมออกสำเนียงไทยแป๊ะๆ ให้ฟัง
“ข่าย ท๊อด” สำเนียงไทยเปร่งๆจากผู้ชายที่ชื่อมาร์ค
ทำเอาผมเกือบจะหัวเราะลั่นเลยทีเดียว
โอยยยย ตายละๆ
เสียงพี่มาร์คเวลาพูดไทยโคตรน่ารักมากอะ
เสียงพี่เขาจะแหลมจากพูดเกาหลีปกตินิดหนึ่ง
แล้วลองนึกภาพดูดิแบบเมื่อกี้พี่เขาพูดว่า ข่ายท๊อด ใช่ปะ
หน้าพี่เขาก็จะแบ๊วๆตาแป๊วๆอะมึง สำเนียงเหมือนเด็กน้อยหัดพูด ซึ่งมันน่ารักเวอร์ ><
พอๆ โอเค เรามากลับเข้าสู้โหมดปกติกันดีกว่า
…แต่เมื่อกี้มันน่ารักจริงๆนะโวยย
-///-
“อ่าหะ ไข่ทอด”
ผมทำหน้ายิ้มๆพยายามจะไม่หัวเราะ
ก็ภาพหน้าแบ๊วๆของพี่เขามันลอยอยู่ในหัวผมเต็มเลยหน่ะสิ
“มันคล้ายกับแพนเค้กเลยอะ”
พี่มาร์คกลับมาพูดภาษาเกาหลีเหมือนเดิม เอื้อมมือขวามาหยิบจานไข่ทอดผมไปดูเหมือนไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ไม่พอยังทำจมูกฟุดฟิดสูดกลิ่นดมอีก “แต่ทำไมกลิ่นมันไม่เหมือนแพนเค้กเลยละ”
แพนเค้กรึ!!
เอิ่ม…ไม่ทราบว่ามันคล้ายกันตรงไหน อาจจะยกเว้นสีที่มันเหลืองๆเหมือนกัน แต่นอกนั้นมันก็ไม่มีความคล้ายแม้แต่นิดเดียว =__=
เราก็ต้องเข้าใจนะ
พี่มาร์คเขาเป็นคนต่างชาติ ไต้หวันแท้ แต่เกิดที่อเมริกา เป็นนักร้องในเกาหลี และอีกไม่นานคงได้เป็นเขยไทย
-///- ไม่ใช่ละ
เอ่อ จริงๆมันก็แค่ไข่ทอดป่ะวะ
อยู่เกาหลีหรือที่ไหนบนโลกนี้แค่มีไข่มันก็ทำได้แล้ว เอาจริงพี่เขาคงไม่เคยเห็นอาหารไทยๆ
อย่างไข่ทอดแบบนี้หรอกมั้ง…เนาะ -__-
“มันไม่ใช่แพนเค้กหรอกครับ”
“อ่า โอเค” พยักหน้าอย่างเข้าใจแล้ววางจานไข่ทอดลง
“คืองี้นะ
ไอ่ใข่ทอดเนี่ย เราจะเอาไข่ไก่มากี่ฟองก็ได้ ตอกใส่ถ้วยแล้วตีให้ไข่แดงแตก
จากนั้นก็เอาลงไปทอดในกระทะน้ำมันร้อนๆ จากนั้นมันก็จะออกมารูปร่างแบบนี้ไง”
“อืมม อย่างนี้นี่เอง
แล้วรสชาติจะเป็นยังไงละ”
พี่นี่มันขี้สงสัยจริงๆวุ้ย แต่ที่อธิบายไปก่อนหน้าก็นึกว่าจะไม่เข้าใจซะอีก
นี่ภาษาเกาหลีผมดีขึ้นนะเนี่ย อธิบายยาวๆได้ด้วย
อนาคตล่ามของศิลปินเกาหลีอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว คึคึ
“เออ…เรื่องรสชาตินั้นขึ้นอยู่กับฝีมือคนทำนะผมว่า” ลูบท้ายคอตัวเองอย่างอายๆ
“งั้น…ฉันขอชิมนิดหนึ่งได้ไหม” พี่มาร์คชูมือนิ้วเป็นเลขหนึ่ง
สายตาอ้อนวอนเล็กๆ เห็นแบบนี้ผมก็ใจอ่อน ยอมให้พี่เขายอมชิมไป
ไม่อร่อยละอย่ามาว่าแบมละกัน
นี่เตือนเลย!!!
“ชิมครั้งแรก
แล้วคุณคงไม่อยากกินมันต่อแน่ๆ” ได้ยินคำตอบแล้วอีกคนก็ไม่รอช้าหยิบช้อนตักไข่ทอดใส่ปากคำหนึ่ง
พี่มาร์คเป็นบุคคลที่เคี้ยวข้าวได้หน้าเฉย
นิ่ง และหล่อมากกกก ถ้าพี่เขาไปเป็นกรรมการชิมอาหารนะ คุณจะไม่สามารถเดาได้เลยว่าพี่มาร์คคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่
มันนิ่งมากจริงๆอ่ะ
ส่วนผมนี่นั่งลุ้นตัวโก่งเลยครับว่าไข่ทอดผมมันจะอร่อยรึเปล่า
เกิดมาไม่เคยให้ใครชิมอาหารและมานั่งลุ้นแบบนี้ ปกติก็ทำเองกินเอง
ก็อร่อยตามฉบับรสชาติแบมแบมสไตล์ แต่มันก็แค่ไข่ทอดป่ะวะ กูต้องมาลุ้นขนาดนี้ไหมเนี่ย!!!! ถ้าเป็นหูฉลามที่กูทำเองแล้วต้องมานั่งลุ้นแบบนี้กูจะไม่ว่าสักคำ
เอ่อ… แต่มันก็ดีกว่ามานั่งลุ้นรสชาติมาม่าละกันวะ =__=
“อร่อยดีออก”
เห้ย!!! ไม่ได้หูฟาดไปใช่ป่ะ
ได้ยินไหมอิพี่มาร์คพูดว่า อร่อย…อีดอก 55555555555555555555
เขาคงชมแหละเนาะ เห็นไหมว่าไข่ทอดสไตล์แบมแบมมันอร่อย
“จริงดิ
ถ้าไม่อร่อยก็ไม่ต้องฟืนก็ได้นะครับ”
“ไม่ๆ มันอร่อยจริงๆ”
พี่มาร์คยังคงยืนยันคำเดิมไม่พอยังตักไข่ทอดเข้าปากคำโตอีกคำ
ได้ยินแบบนี้แล้วรู้สึกปริ่มแหะ วันหลังทำไข่ทอดอีกดีไหมน้า -///-
หลังจากผมและพี่มาร์ครับประทานอาหารเช้าอิ่ม
ผมก็เอาจานลงมาล้างข้างล่างก่อนจะควบไว้บนชั้นให้เรียบร้อย
ถ้าไม่ทำเดี๋ยวโดนคุณแม่ด่าเอา
ระหว่างนั้นเองผมก็ได้ยินเสียงกริ่งหน้าบ้าน
เลยเดินออกไปดูปรากฏเห็นผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่ง มือสองข้างหิ้วถุงพลาสติกเต็มไม้เต็มไปหมด
แถมยังยืนยิ้มอย่างเป็นมิตรตรงหน้าบ้านอีก
มาขายขนมหรอครับลุง!
“ส…สวัสดีครับ มาหาใครรึเปล่า” ผมเปิดประตูรั้วออกไปคุยกับเขาดีๆ
เท่าที่ดูแล้วเหมือนจะเป็นคนดูมีระดับอยู่นะ
การแต่งตัวดูดี
เสื้อยืดคอวีสีขาวสวมทับด้วยสูทออกสีเทาๆหน่อย กางเกงยีสต์สีดำและรองเท้าผ้าใบแบบผูกเชือก
ผมลองสังเกตหน้าตาของผู้ชายคนนี้ดีๆ
ก็หล่ออยู่นะใช้ได้เลย หน้าตาแบบนี้บอกว่าเป็นดารายังเชื่อ
แต่ถ้าบอกเป็นนายแบบก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ ส่วนสูงเขาดูเตี้ยไปนิด
เบ้าหน้าต้องเรียกแบบว่าดีอ่ะ
หน้าเรียวเวอร์ จมูกเป็นจมูก โด่งสวยได้รูปมาก ตาเป็นตา ปากเป็นปาก
แล้วตอนที่เขายิ้มดูน่ารักมากเลย เหมือนแบบโลกมันสดใสขึ้นทันทีที่เขายิ้มอ่ะ
“สวัสดีครับ ผมชื่อ
หวัง แจ็คสัน เรียกว่าแจ็คสันก็ได้ครับ พอดีผมพึ่งย้ายเข้ามาใหม่บ้านตรงข้ามคุณนี้เองครับ^^”
ชื่อนี้ใช่คนไทยป่ะวะ
ออกจีนๆยังไงก็ไม่รู้
แต่หน้าตาคงบ่งบอกได้หน่อยหนึ่งละมั้งว่ายังไงก็ไม่ใช่ไทยแท้ๆแน่นอน
ลูกครึ่งอะไรงี้หรอ?
“อ่อ
ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อ แบมแบม เอ่อ…คุณเป็นลูกครึ่งหรอครับ”
“ใช่ครับ ไทย-ฮ่องกง^^”
“ว่าละ ชื่อคุณเหมือนลูกครึ่งเลย
คุณแจ็คสัน555”
“เห้ย แบม!” ผมนี่หันขวับไปทางต้นเสียงทันใด แจ๊คสันก็เช่นกัน
พี่ยองแจในมือหนึ่งถือร่มสีชมพูคู่ใจ
อีกมือก็ถือถุงหิ้วสองสามถุง สายตาจดจ้องไปทางแจ๊คสันอย่างงุนงงว่าชายผู้นี้มันเป็นใคร
ก่อนจะหันมาหาผมและเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ พร้อมกับกระซิบถามข้างหู
“ใครวะแบม”
“ผมชื่อ แจ็คสัน ครับ
พึ่งย้ายมาใหม่บ้านตรงข้ามคุณแบมแบมนี่เอง^^”
ยังไม่ทันจะอ้าปากตอบคำถามพี่ยองแจ
แจ็คสันพูดแนะนำตัวแทรกขึ้นมาซะก่อน พี่ยองแจได้ยินก็พยักหน้าอย่างเข้าใจทุกอย่างแจ่มแจ้ง
“ผม ยองแจ นะครับ
บ้านผมอยู่ถัดไปไม่กี่หลังเอง”
“อ่า คือผมทำคัพเค้กมาให้ครับ
ผมทำเองไม่รู้ว่าพวกคุณจะชอบกันรึเปล่า” ยื่นถุงที่เขาถือมาด้วยให้ผมและพี่ยองแจคนละถุง
ว้าวววว ผู้ชายทำคัพเค้กด้วย
มุ้งมิ้งสุดๆ แต่เขาเป็นเกย์เปล่าเนี่ย คือ…มันมีด้วยหรอผู้ชายทำคัพเค้กด้วยตัวเองแจกเพื่อนบ้านแบบนี้…
เกย์ชัวร์ป๊าบบบบ เกย์แน่ๆ
เย้ เย้ เย้ ปิดเทอมแล้วววววววววววววว หวังว่าคงปั่นฟิคนี้ได้สองสามตอนหรือมากกว่านั้น ก็ไม่รู้สิ 5555 ถ้าอยากให้ไรท์อัพถี่ๆก็ส่งกำลังใจกันมาเยอะๆนะ แต่พี่มาร์คนี่คือยังไงติดใจไข่ทอดฝีมือแบม -////- เดี๋ยวยังมีอะไรที่ต้องติดใจอีกเยอะเลยค่ะคุณพี่มาร์ค
ปล.ขอบคุณทุกคนที่ช่วยเราเลือกนะ สรุปแล้วแจคะแนนนำ ในเรื่องอาจมีโมเม้นแจ็คแจเข้ามาเสริมสาระนิดหนึ่ง นิดเดียวจริงๆ5555555
ASHLEY
ความคิดเห็น