คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Poster :: 03 100%
03
อัพเมื่อวานรอบหนึ่งครบร้อยละนะ แต่เปิดดูอีกทีตอนเช้าอ้าวมันไม่อัพนี่หว่า ตอนนี้อ่านได้เลยค่ะ ครบร้อยแล้ว
ทั้งห้องถูกความเงียบเข้ามาปกคลุมทันใด ไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ นอกจากเมื่อกี้…
อันยอง
คำทักทายจากผู้ชายชื่อมาร์ค
ผมมองหน้าพี่เขา นางก็มองหน้าผมตอบหน้าเฉย
นี่มันโมเม้นท์อะไรวะ กูบ่เข้าใจ กูกำลังนั่งจ้องหน้ากับไอดอลชื่อดัง ตอนเที่ยงคืน
ในบ้านและในห้องตัวเองเนี๊ยนะ!!!!
เป็นไปไม่ได้มึง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ไม่มีทางที่ศิลปินเกาหลีซึ่งอยู่กันไกลคนละขอบฟ้า
อยู่กันละคนประเทศไกลแสนไกล จะมานั่งมองหน้าผมในห้องนอนแบบนี้อ่ะ
แถมยังเห็นหน้าชัดกว่าซื้อบัตรคอนราคาหกพันอีก
ใช่! ทุกอย่างดูเป็นไปไม่ได้เลย
เพราะงั้นทั้งหมดนี้ต้องเป็นความฝันแน่ๆ ความฝันที่แมร่งโคตรเหมือนจริงชิบหาย
ฟินเวอร์บอกเลย ถ้าในชีวิตกูเจอแบบนี้นะ จะจับขังอยู่ในบ้านซะเลย
~You’er my destiny คือเด You’er my destiny คือเด You’er my everthing~
หันหน้าไปมองโทรศัพท์ข้างหมอน เดี๋ยวนะมึง…
ถ้านี่เป็นความฝัน…แล้วทำไมกูถึงเพลงที่เปิดไว้ในโทรศัพท์วะ?
มันเหมือนจริงจนกูเริ่มจะกลัวละนะ สัส…
เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์จากตรงนั้น แล้วกดปิดเพลง
แน่นอนว่า…เสียงเพลงได้หายไปแล้ว เชี้ยยแล้วมึง นี่มันอะไรวะ ความจริงหรือความฝัน กูงงไปหมดแล้ววว!!!!
เพี๊ยะ!
จัดการตบหน้าตัวเองข้างขวาหนึ่งที ยัง…ยังไม่รู้สึก
เพี๊ยะ!!
ข้างซ้ายทีหนึ่ง พอดีหน้ากูด้านวะ
ยังไม่รู้สึกอีก
เพี๊ยะ!!!
เพี๊ยะ!!!!
เพี๊ยะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เพี๊ยะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“โอ้ยยยย แมร่งเจ็บชิบหายย”
ผมลูบหน้าทั้งสองข้างของตัวเองอย่างปวดแสบ ทำไมกูต้องมาทำร้ายตัวเองเพื่อพิสูจน์อะไรบ้าบอแบบนี้ด้วยวะ สรุปมันคือความฝันป่ะเนี่ย แม่รีบมาปลุกผมให้ตื่นเถอะ
“นาย…เป็นอะไรไหม”
หืออออออ??
ผมตัวแข็งเป็นหิน หลังจากได้ยินเสียงที่พี่มาร์คพูด
นางถามผมเป็นภาษาเกาหลี ซึ่งผมก็พอฟังออกบ้างนิดหน่อย งูๆปลา แต่แมร่ง!!!!!!!! ตอนนี้ใจกู…
สั่นแรงยิ่งกว่าแผ่นดินไหว
อุกบาตรพันๆลูกพุ่งชนเข้าโลกซะอีก !!!!!
มันสั่นแรงได้อลังการงานสร้างมาก ใจสั่นไม่พอ
มือกับกูก็สั่นละเนี่ย โอ้ยยแมร่ง กูชอบความฝันอะไรแบบนี้วะ ฟินชิบหายวายวอด
โคตรตอบสนองความต้องการของกูเลย 5555
อยากจะบอกว่าแค่ในฝันอิพี่มาร์คหล่อมากก หล่อๆๆ
ใบหน้าเรียวยาว สันกรามเด่นเวอร์ คิ้วดำหนาๆหน่อย ดวงตากลมโต
จมูกอย่างกับสันเขื่อนเลยจ้า ริมฝีปากแดงชมพู หล่อยิ่งกว่าในคอมหลายพันเท่า!!!! น่าจับกดมากเลยมึง
เอ่อ…แล้วถ้า…
ได้เสียกันในความฝัน มันคงไม่ผิดกฎหมายใช่ป่ะ
สมองบ้าแมร่งคิดอกุศลอะไรอยู่วะ
“แล้วที่นี้ที่ไหนหรอ ฉันมาอยู่ในห้องนี้ได้ไง” อิพี่มาร์คหันไปมองรอบๆห้องอย่างสงสัย แต่!!
คำถามนั้นใครกันแน่วะที่ต้องถาม
ควรเป็นแบมคนหล่อคนนี้ป่ะ
“นายพูดไม่ได้หรอ ขอโทษนะ
งั้นนายช่วยเขียนลงในกระดาษบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน”
กูไม่พูด ทำไมต้องหาว่ากูเป็นใบ้ด้วย…เจอคนหล่อแบบนี้กูก็ตื่นเต้นพูดไม่ออกเป็นนะสัส
“บ้านผมเอง” ผมตอบเป็นภาษาไทยออกไป
ทำเอาหน้าอิพี่มาร์คมีเครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด
“เมื่อกี้นายพูดภาษาไทย รึเปล่า?”
“Yes”
“นายเป็นคนไทย แต่มาอยู่ในเกาหลีงั้นหรอ?”
แปบนะ ขอประมวลผลสักครู่ ถ้าตอบไปจะฟังรู้เรื่องไหมนิ
ผมพูดเกาหลีไม่ค่อยเก่ง แต่ถนัดฟังมากกว่า
“เอ่อ…ที่นี้คือประเทศไทย” ตอบกลับเป็นภาษาเกาหลี ค่อนข้างตะกุกตะกักเพราะไม่ค่อยมั่นใจว่าจะเรียบเรียงประโยคถูกรึเปล่า
“หะ?!” พี่มาร์คได้ยินถึงกับอ้าปากค้าง คิ้วขมวดเข้าหากัน
“ไทยแลนด์ๆ” แดนเมียหลวงของอปป้าไง… ผมพูดย้ำอีกครั้ง
“ไม่จริงน่า เมื่อกี้ฉันยังนั่งอยู่ในห้องซ้อมอยู่เลย” เขาพึมพำกับตัวเอง ซึ่งผมก็ฟังไม่ค่อยได้ใจความเท่าไหร่
โวยยยยยยยยยยยย นี่กูกำลังฝันอะไรอยู่เนี่ย ฝันได้เจอกับไอดอลทั้งที กูขอแบบรู้เรื่องๆหน่อยดิ ตื่นมาจะได้ไม่ต้องมานั่งแบบว่า เห้ย เมื่อคืนกูฝันว่าไรวะ อะไรแบบนั้นไม่เอานะเฟ้ย ขอโมเม้นท์ฟินๆในชีวิตหน่อยเถอะ ถึงตอนนี้กูฝันอยู่ก็จะเอาอ่ะ นิดหนึ่งนะ
“นี่ฉันฝันหรอกหรอ” พี่มาร์คนางพึมพำกับตัวเอง คือ…ตอนนี้ต่างคนต่างคิดว่าทุกอย่างเป็นความฝัน เอ่อ แล้วตกลงมันเป็นอะไรกันแน่วะ ช่างเป็นความฝันที่แปลกประหลาดดีจริง เดี๋ยวต้องเอาไปเม้าท์ให้ทั่วซอย 5555555555555555555
“นั่นมัน…โปสเตอร์วงฉันนิ!!”
ใช่คร้าบบบ
อิพี่มาร์คเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับชี้นิ้วไปตรงผนังห้อง
ซึ่งมันอยู่ข้างเตียงฝั่งซ้ายมือผม ซึ่และมันมีโปสเตอร์วงพี่เขาติดอยู่เป็นรูปรวมสมาชิกทั้งหมดในวง
ในโปสเตอร์แต่ละนางก็โพสท่าหล่อๆกันไป ตามสไตล์ของตัวเอง
ไม่เพียงเท่านั้นพี่มาร์คยังมองสำรวจไปยังรอบๆห้อง
ด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยความงุนงงและสงสัย
“มีโปสเตอร์วงอื่นเต็มเลย อย่าบอกนะว่านาย…จับตัวฉันมาที่นี้! นายคือซาแซง!!!”
พี่มาร์คชี้หน้ามาทางผมอย่างตื่นตระหนก
ไม่พอยังถอยหลังกลู่ไปติดกับประตูห้องน้ำที่ปิดสนิทดี
อีกละ…โดนกล่าวหาว่าเป็นใบ้ยังไม่พอ กูยังจะต้องมาเป็นซาแซง
เพลีย โทษนะครับ หน้าอย่างผมเนี๊ย มันดูเป็นคนโรคจิตขนาดนั้นรึไงหะ ทำไมคุณพี่ถึงคิดอย่างนั้นละครับ
เอ่อ แล้วไม่ต้องมางงว่าซาแซงคืออะไร จะบอกเดี่ยวนี้แหละ ซาแซงก็คือ พวกแฟนคลับที่คลั่งไคล้ศิลปินมากเกินไป คอยตามติดศิลปินไปสถานที่ต่างๆ สรรหาวิธีอันน่าพิสดารเพื่อจะได้ใกล้ชิดกับศิลปินที่ตนชอบ ลวนลามบ้างไรบ้าง หรืออยากได้ของใช้ที่ศิลปินมักใช้ประจำมาไว้ครอบครอง ซึ่งมันจะคอยสร้างความเดือดร้อนให้กับตัวศิลปิน แต่ผมไม่ได้เป็นหรอกนะซาแซงเนี่ย ก็แค่มีสิทธิ์เข้าข่ายเท่านั้นแหละ
“เปล่าๆ ผมไม่ใช่ซาแซง ไม่ได้จับตัวคุณมาด้วย” อีกครั้งที่ผมตอบเป็นภาษาเกาหลี
“แล้วฉันจะมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง
ถ้านายไม่ได้จับตัวฉันมา” พี่มาร์คยังคงไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด
เหอะ…คนหล่อเริ่มเซ็งละ
นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นไอดอลที่ชอบจะตะคอกใส่หน้าแล้วจริงๆด้วย มึงรอดไปครัชพี่มาร์ค
“ผมไม่รู้ อยู่ดีๆคุณก็มาโพล่ในห้องผมเองอะ ผมต่างหากที่ต้องถามว่าคุณมาอยู่ในห้องนี้ได้ยังไง”
ผมพูดรัวน้ำลายแทบกระเด็น น้ำเสียงไม่พอใจนิดๆจนพี่มาร์คถึงกับนิ่งไปพักใหญ่
เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในหัว ไม่นานก็พูดขึ้นพร้อมกับหันมามองทางผม
ทำเอาใจนี่สั่นเลยครัช…
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
อืม นี่หรือคือประโยคที่พี่คิดอยู่ในหัว กูก็นึกว่าจะได้ยินอะไรที่มันมีสาระกว่านี้ตอบกลับมาซะอีก
“แล้วนายไม่ได้จับตัวฉันมาจริงๆใช่ไหม” ผมพยักหน้ารับ
“ที่นี้คือประเทศไทย?” อืม…
“และนี้คือห้องนาย บ้านของนายหรอ?”
“(-_-)(_ _)(-_-)(_ _)”
ถามเสร็จพี่มาร์คก็หลุบตา ก่อนจะค่อยๆนั่งลงพื้นท่าขัดสมาธิ แผ่นหลังพิงกับประตู้องน้ำ สีหน้าดูเคร่งเครียดไม่น้อย แอบได้ยินเสียงถอนหายใจที่เซ็กซี่เบาๆ
อะไรวะ? มันคือสถานการณ์อะไร? แล้วกูต้องทำหน้าเครียดแบบพี่เขาป่ะ? เอาจริงๆตอนนี้จะเป็นบ้าละเนี่ย กูยังไม่เข้าใจอะไรสักอย่างเลย
หยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างตัวแถวนั้นขึ้นมาเปิดแล้วเขี่ยหน้าจอเล่นไปมา
มองหน้าจอสี่เหลี่ยมปรากฏว่าตอนนี้เกือบจะตีหนึ่งครึ่งแล้ว โห เลขเด็ด
อย่างนี้ต้องจำไว้จะได้เอาไปตีหวย ไม่แน่อาจจะถูกรางวัลที่หนึ่งก็ได้หน่า
ดูไปดูมาสักพักก็กดปุ่มข้างๆปิดหน้าจอ
และวางโทรศัพท์ลงบนตัก มองไปทางพี่มาร์คที่เอาแต่ก้มหน้าเครียดอยู่…ถามจริง
พี่เขาเป็นไรวะ กลัวกูหรอ?? ไม่ใช่มั้ง หน้าอย่างผมออกจะดูดี ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัว
ไม่ใช่ผีสักหน่อย แต่ทางที่ดีผมว่าตัวเองควรปิดปากแล้วอยู่เงียบๆดีกว่า แล้วจ้องหน้าหล่อๆของพี่มาร์คให้เต็มที่ เก็บเกี่ยวความฟินให้สุด
ก่อนที่จะตื่นจากฝันนี้…
1 ชั่วโมงผ่านไป
“หาววว” ผมอ้าปากหาววอดๆ โอ้ยนี่เริ่มง่วงละเน้อ
ตีสองกว่าแล้วนะ
จะบอกอะไรให้มึง ตั้งแต่เมื่อกี้จนถึงตอนนี้ผมกับพี่มาร์คแทบไม่พูดกันสักคำ
นางก็นั่งก้มหน้าอยู่หน้าห้องน้ำเหมือนเดิม ไม่พูดไม่จา นั่งนิ่งอย่างกับรูปปั้น
นี่แหละ…มาร์คต้วน
ที่แฟนคลับJYM4 รู้จัก นางนิ่งมากถึงมากที่สุด
แต่เวลาเฮฮานี่เสียงหัวเราะมาเต็ม ได้ยินแล้วรู้เลยว่าคือเสียงใคร
แต่ทำไมความฝันผมมันช่างยาวนานอย่างนี้วะ
คือมันก็ดีนะ แต่พี่มาร์คมันไม่ทำอะไรเลยอ่ะ พูดก็ไม่พูด
อยากได้โมเม้นท์ฟินๆอะเข้าใจป่ะ อะไรก็ได้ที่มากกว่าการที่ผมมาจ้องหน้าพี่เขาอย่างเดียวแบบเนี๊ย
แล้วปกติถ้าเราฝัน
มันจะชอบโพล่ไปนู่นนี่ใช่ป่ะ แต่ทำไมครั้งนี้ไม่เป็นวะ แบบอยู่ในห้องอยู่ดีๆ
ลืมตาอีกทีก็โพล่ที่ทะเลหรือไม่ก็ห้างแล้วอ่ะ แต่คือตอนนี้…นั่งเฉยๆอยู่ในห้อง
แบมไม่ปลื้มอย่างแรง…บอกเลย
“ถามอะไรหน่อยสิ”
ผมหน้าตั้งขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงพี่มาร์คพูดขึ้น
รู้สึกปริ่มอย่างบอกไม่ถูกที่ได้ยินเสียงของพี่เขา เวอร์ละล พี่มาร์คเงยหน้าขึ้นมามองผม
แค่เพียงเราสบตากัน ใจผมนี่สั่นปานระเบิดปรมาณูถล่มโลก #ถุ้ยย
บอกเลยใครไม่มาหยุดในจุดนี้ ไม่วันเข้าใจ ว่ามันตื่นเต้น ปริ่ม ฟิน แค่ไหน
ขนาดความฝันแมร่งละลายขนาดนี้ เจอตัวจริงนี่กูคงเป็นลม
“ถามอะไร?” ผมถามกลับเป็นภาษาเกาหลีเหมือนเดิมพยายามควบคุมอาการตื่นเต้นไว้
แม้เสียงจะแอบสั่นๆหน่อยก็เถอะ ต้องคิดว่าผมพูดภาษาเกาหลีอยู่นะ เฉพาะกับพี่มาร์คแค่นั้นแหละ
นอกนั้นสปีคไทยจ๊ะ กลัวจะงงกันไง
“ก่อนหน้าที่ฉันจะมาที่นี้ นายทำอะไรอยู่หรอ”
“เดินออกมาจากห้องน้ำ กำลังจะนอน”
“แล้วนายเห็นไหมว่าฉันเข้ามาในห้องนี้ได้ไง?”
กรรม…ขนาดตัวพี่ยังไม่รู้…แล้วข้าพเจ้าจะไปตรัสรู้อะไรละครับ…อยู่ดีๆพี่ก็มาโพล่ห้องผมเฉยเลยอ่า จำได้ว่าพูดไปรอบหนึ่งละนะ
“ผมไม่รู้ ตัวผมเองก็งงไม่ต่างจากคุณหรอกนะ”
“ทุกอย่างไม่ใช่ความฝัน มันคือเรื่องจริง…” พึมพำกับตัวเอง
หืมมม…ว่าไงนะ ไม่ได้ยิน
“ก่อนหน้านั้นฉันกำลังนั่งวาดรูปเล่นอยู่ห้องซ้อมบริษัท
แล้วอยู่ๆกระดาษหน้าที่ฉันกำลังวาดก็มีแสงอะไรไม่รู้ออกมา
รู้ตัวอีกทีฉันก็มาอยู่ที่นี้แล้ว…”
“-0-” นี่จะมาเล่านิทานเด็กห้าขวบให้ผมฟังหรือไงหะ
นางพล่ามอะไรก็ไม่รู้มายาวเหยียด
ซึ่งผมก็พอฟังออกไม่ออกบ้าง แต่ก็พอจับใจความประโยคได้
เป็นไงเก่งไหมละประสบการณ์จากการดูซีรี่ย์ทุกวัน
#ภูมิใจๆ
แต่สิ่งที่พี่มาร์คพูดนั้นพี่เขาล้อเล่นเปล่าวะ เรื่องมันชักจะตงิดแปลกๆละ
เหมือนพี่เขาบอกมาประมาณว่าตอนนั้นกำลังนั่งวาดรูปในห้องซ้อมอยู่รึเปล่า
แล้วแสงอะไม่รู้ก็โพล่ออกมา พี่เขาเลยมาอยู่ที่นี่ ใช่ป่ะ…
ไม่มั้งงงง ผมฟังผิดรึเปล่า
จริงๆแล้วพี่เขาอาจจะไม่ได้พูดแบบนี้ก็ได้…มั้ง แล้วเรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นจริงได้หรอวะ
มันเหลือเชื่อมากเลยเว้ย ไม่มีใครที่ไหนบนโลกนี้โพล่ไปที่อื่นได้หรอก
นอกจากเรื่องนั้นเป็นความฝัน หรือหนัง ละคร…
ถึงอย่างนั้นภาพ เสียง
เหตุการณ์ทุกอย่างนะจุดๆนี้มันเหมือนจริงมาก จนผมก็สับสนว่ามันคืออะไรกันแน่
เหมือนฝันแต่ก็ไม่ใช่ฝัน งงปะ? เออ กูก็งงเหมือนกัน
แต่ถ้าลองนึกย้อนไปก่อนที่เรื่องทุกอย่างจะเกิดขึ้นนะ…ตอนนั้นผมลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำใช่ปะ
พอเข้าไปทำอะไรเรียบร้อยก็เดินออกมา แล้วผมก็รู้สึกแปลกๆที่ประตูห้อง พอหันไปดูแล้วก็ไม่เจออะไร
แต่มันเป็นเหมือนแสงสะท้อนจากไฟในห้องไปตกกระทบบนพื้นผิวกระดาษโปสเตอร์มันเลยมีแสงสว่างออกมา
ซึ่งผมกระดาษนั้นมันจะออกมันๆวาวๆอยู่แล้ว ผมก็ไม่ได้คิดอะไร เดินกลับมานอนปกติใช่ปะ
แต่เหมือนขณะนั้นเอง มันจะมีแสงอะไรไม่รู้สาดเข้ามา คือมันจ้ามากๆจนผมต้องหลับตาปี๋และหลังจากนั้น…พอลืมตาขึ้นมา…อิพี่มาร์คก็มาอยู่ในห้องผม!!!
เฮ้ย…จะว่าไปแล้ว มันก็พอจะเกี่ยวๆกันอยู่นะเว้ยทั้งเรื่องที่พี่มาร์คบอกผมเมื่อกี้ กับสิ่งที่ผมเจอกับตัว แล้วพี่เขาข้ามประเทศมาหาผมโดยวิธีแบบนี้ได้ไงวะ หน้าผมพี่เขาก็ไม่เคยเจอ
แล้วมันคือไร!!!!!!!!!!!
แกร็ก
แอ๊ด
“แบมทำอะไรอยู่ทำไมยังไม่นอนอีก”
ขวับ!!!!!!!!!
เชี่ยยยยยยย แม่มา!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ผมบิดหน้าไปมองประตูห้องที่ค่อยๆเปิดด้วยฝีมือของแม่ด้วยความเร็วเหนือแสง
จำได้ว่าล็อกห้องแล้วนะเว้ย ที่แม่เปิดได้เพราะมีกุญแจห้องผม แล้วแม่จะมาทำไมวะ
แต่ตอนนี้ไม่มีเวลามาคิดอะไรละเว้ย รีบพุ่งตรงไปที่ประตู พยายามกั้นตัวเองไม่ให้แม่มองเข้ามาข้างใน
ถ้าแม่เห็นว่าอิพี่มาร์คอยู่ในห้องอย่างนี้ก็ซวยสิครับ!!!!!!!
“อ้าว ทำอะไรอยู่ทำไมยังไม่นอน” แม่ยืนเท้าสะเอวถามท่าทางพร้อมแผ่รังสีอัมหิตที่เห็นผมมายืนหน้าประตู
ในความคิดแม่มันอาจหมายความว่าผมยังไม่ได้นอนแน่ๆ
“นอนแล้ว ผม…ค…แค่ ลุกมาเข้าห้องน้ำเฉยๆ”
โอ้ย ปากนี่ก็ตะกุกตะกักจัง แม่ได้สงสัยกันพอดี
“กะอิแค่ลุกมาเข้าห้องน้ำทำไมต้องเสียงดังด้วย
แม่ได้ยินเสียงเหมือนลูกกำลังคุยกับใครอยู่งั้นแหละ”
“อ๋อออออ ผมแค่ฝึกพูดภาษาเกาหลี”
ให้ตายเถอะครับ ใจแทบหล่นไปอยู่ตาตุ่ม
ผมคุยกับพี่มาร์คดังงั้นหรอ ก็ไม่นะ…ทำไมแม่ได้ยินละ
“เอ่อๆ นอนได้แล้ว ตื่นสายตลอดน่ะเรา”
“รู้แล้วหน่า” ผมเบ้ปากนิดๆ “แม่ผมไม่ได้ฝันใช่ไหม นี่แม่ตัวจริงใช่ป่ะ”
“ฝันอะไรของแก ถ้าง่วงก็ไปนอนซะไป”
“ไม่ได้ฝันจริงดิแม่ ห้ามโกหกนะ!”
“เอ่อ ไม่ฝันอะไรทั้งนั้นแหละ ไปนอนเลย”
“ได้ครับแม่ ฝันดีคร้าบบบ”
และแล้วแม่ก็เดินกลับห้องตัวเองที่อยู่ข้างๆไป
ผมนี่แทบทรุดคาประตูเลย เกือบไปแล้วไหมละ แม่นี่ก็หูดีจริงได้ยินได้ไงก็ไม่รู้
ผมปิดประตูลงอย่างเบามือ
ขณะนั้นเองที่ระดับสายตาผมอยู่ตรงกับโปสเตอร์พี่มาร์คพอดี
และดูเหมือนจะมีบางอย่างแปลกไปตรงโปสเตอร์นั้น…!!!
จากที่เคยมีรูปพี่มาร์คหล่อๆเท้าคางอยู่
ตอนนี้โปสเตอร์แผ่นนั้นกลับเป็นเพียงกระดาษขาวสะอาดว่างเปล่า ไร้ซึ่งรูปใดๆ
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“เห้ย ทำไมเป็นแบบนี้อ่ะ !!”
ดวงตาผมเบิกกว้างทันใด มือลูบโปสเตอร์นั้นไปมา จู่ๆก็มีภาพบางอย่างฉายเข้ามาในหัวผมโดยอัตโนมัติ
ทำให้ผมเห็นภาพที่ไม่น่าเชื่อมาก่อน
“อ…อะไรวะ” รีบดึงมือออกด้วยใจเต้นระรัว
รู้ไหมภาพที่แล่นเข้าในหัวมันคืออะไร….
ออกมาจากโปสเตอร์…!!
เห้ย เขาออกมาจากโปสเตอร์!!!
อิพี่มาร์คกระเด็นออกมาจากโปสเตอร์แผ่นนี้เว้ย!!!!
พร้อมกับแสงสว่างบ้าบอรอบทิศทาง ก่อนที่ร่างสูงจะหล่นตุบมาตรงกลางห้อง
จากนั้นภาพก็ตัดไปที่โปสเตอร์รูปพี่มาร์ค ใบหน้าพี่เขาค่อยๆเลือนรางหายไปทีละนิด
จนกลายเป็นเพียงโปสเตอร์แผ่นขาวดังเช่นปัจจุบัน…
สาบานเลยว่าที่เห็นผมไม่ได้มโนไปเอง
ผมเห็นแบบนั้นจริงๆนะ ถ้าเอาเหตุการณ์ทุกอย่างมาปะติดปะต่อนี่คือ…มันเป๊ะเวอร์ ต…แต่ ทุกอย่างมันอเมซิ่งดิ่งโลกมากเลยเว้ย
บ้าไปแล้ววะ
เหอะ โพล่ออกมาจากโปสเตอร์ เรื่องแบบนี้มันเหนือจริงเกินไป
อย่างกับเรื่องโกหกแหนะ โอ้ยยยยยยยยยย ให้ตายดิ! ประสาทจะกินสมองอยู่ละ ผมนี่กุมขมับเครียดเลยครับ
แอ๊ด
ค่อยๆหันไปมองรอบห้องอย่างลุ้นระทึก
ปรากฏว่าเป็นพี่มาร์คนั้นเอง!!!! พี่เขาเดินดุ่มๆออกมาจากห้องน้ำก่อนจะหยุดตรงหน้าผม
จ้อง จ้อง จ้อง !!!
อะเฮือกกกก หัวใจจะวาย ขอเป็นลมอีกรอบนะ
ค่อก
[พาร์ทพี่มาร์คเล่าขวัญ]
ผมรีบวิ่งเข้าไปรับตัวเจ้าของห้องนี้ก่อนที่จะล้มลงไปกับพื้น
ทำไมจู่ๆถึงเป็นลมไปละเนี่ย
“นี่ ฟื้นสิ” เขย่าตัวคนในอ้อมแขนแต่ไม่มีท่าทีว่าจะฟื้น
ค่อยๆพยุงตัวพาไปที่เตียงนอนอย่างยากลำบาก จนในที่สุดก็พามานอนบนเตียงได้ก่อนจะจัดท่านอนให้ดีๆ
ทำเอาผมถึงกับปาดเหงื่อเลยทีเดียว
สลบไปแล้วจะเอาไงต่อละทีนี้ คงทำไรไม่ได้นอกจากรอให้ฟื้นสินะ
เฮ้อ ผมเดินไปเปิดผ้าม้านดูบรรยากาศข้างนอกที่มืดสนิท พระจันทร์ทอแสงเต็มดวง
และดวงดาวน้อยใหญ่ที่เป่งประกายระยิบระยับ หันกลับไปมองนาฬิกาเรือนใหญ่ข้างฝาผนังบ่งบอกเวลาตีสองสี่สิบ
ยกแขนซ้ายขึ้นดูนาฬิกาข้อมือสีดำที่บอกเวลาแตกต่างกันลิบลับห่างกันสองชั่วโมงซึ่งเป็นเวลาประเทศเกาหลี
ผมไม่รู้ว่าโพล่มาที่ไทยได้ยังไง แต่ก็ช่างมันเถอะ ทางที่ดีผมควรหาทางกลับเกาหลีให้เร็วที่สุด ป่านนี้สมาชิกในวงคงตกใจกันมากแน่ๆที่ผมหายไป อีกอย่างเครื่องมือสื่อสารอะไรผมไม่ได้เอาติดตัวมาสักอย่าง โทรศัพท์ก็อยู่ในกระเป๋าที่ห้องซ้อมบริษัท ถึงจะยืมโทรศัพท์นายคนนั้นมาผมก็จำเบอร์ใครในวงไม่ได้อยู่ดี กรรม
ในเมื่อติดต่อใครไม่ได้ ผมคงต้องขึ้นเครื่องกลับเกาหลีด้วยตัวเองแล้วละ
เป็นทางออกสุดท้ายและดีที่สุด แต่ติดอยู่อย่างเดียวคือ…เงิน
ผมไม่มีเงิน!
ปิดผ้าม่านลงให้เรียบร้อย
มองเด็กหนุ่มที่นอนสลบอยู่บนเตียงอย่างพิจารณา จมูกนิดปากล่างห้อยๆ แก้มยุ้ยๆ
ผิวสีน้ำผึ้ง ดูๆไปแล้วเหมือนเขาจะเด็กกว่าผมนั้นแหละ แถมจะยังชอบเคป็อบมาซะด้วย
โพล่เข้ามาครั้งแรกผมยังตกใจกับโปสเตอร์รอบห้องเลย
แอบคิดว่าเป็นซาแซงด้วยซ้ำแต่ก็ไม่ใช่ และในเมื่อไม่ใช่ซาแซง…
“นายต้องช่วยฉันแล้วละ”
[จบพาร์ทพี่มาร์คเล่าขวัญ]
เฮ้ย!
!!
ผมเด้งตัวลุกพรวดพราดขึ้นมา
และต้องตกใจมากกว่าเดิมเมื่อเห็นพี่มาร์คนั่งอยู่หน้าโต๊ะคอมหันหน้ามาหาผม
ไม่ใช่ฝันจริงๆด้วยมึง!!!!!!!!!!! เนี่ยอยู่ตรงหน้ากูแล้ว
“ฟื้นแล้วหรอ นึกว่าจะไม่ฟื้นซะละ” ประโยคภาษาเกาหลีของไอดอลตรงหน้าทำเอาผมสตั้นไปหลายวิ
อ้าว กูฟังออกนะครับ แค่สลบไม่ได้ตายสักหน่อย
แล้วนี่ผมมาอยู่บนเตียงได้ไง อย่าบอกนะว่า…
“คุณพาผมมาบนเตียงนี่หรอ”
“อ่าหะ”
แม่เจ้าโวย กูอยากสลบอีกรอบ -///////-
ชีวิตดี๊ดี อิจฉากันละสิมึง 55555555555 สมน้ำหน้า
“แล้วนายชื่ออะไร อายุเท่าไหร่”
“แบมแบมครับ อายุ 18”
“อ่อ แบม-แบม”
ฮือออ พี่เขาพูดชื่อกูด้วย เกิดมาชาตินี้ผมไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
กูพอใจแล้ว
“แบมแบม นายเป็นแฟนคลับวงฉันใช่ไหม”
“แน่นอนครับ ผมนี่แฟนตัวยงเลย”
“นายเป็นคนดีด้วยใช่ไหม” จ้องหน้าผมและเงียบไปสักพัก
“ฉันไม่รู้นะว่าเพราะเหตุผลอะไรทำให้ฉันมาอยู่ที่นี่
แต่ตอนนี้ฉันต้องกลับเกาหลี ด่วน!”
“กลับเกาหลี?!”
“ใช่ แล้วนายพอจะมีเงินให้ยืมพอสำหรับค่าตั๋วไหม?
พอฉันถึงเกาหลี ฉันจะโอนเงินให้นายครบเลย”
เหอะๆ เงินหรอ… ตอบได้อย่างมั่นใจเลยว่า
“ไม่มีครับ”
“ไม่มี? แล้วขอพ่อแม่นายไม่ได้หรอ”
ขอ…!!! โด่ว เป็นพี่ก็พูดง่ายสิ บ้านออกจะรวยซะขนาดนั้น
แล้วตั๋วไปเกาหลีมันใช่ถูกๆซะที่ไหนละ
“ถ้าผมขอพ่อกับแม่ก็ต้องสงสัย
อีกอย่างตั๋วมันแพงมากเลยนะครับ”
พี่มาร์คได้ยินดังนั้นแล้วถึงกับกุมขมับเครียดเลย
ผมก็อยากช่วยพี่เขานะ แต่ผมไม่มีเงินจริงๆอ่ะ
แต่อีกใจหนึ่งก็อยากให้พี่เขาอยู่ที่นี้ มันอาจจะดูโหดร้าย…แต่…ฮือ ไม่รู้สิ
ยิ่งพี่เขาทำงานเป็นทีม มีสมาชิกคนอื่นๆอีก การที่หายมาแบบนี้คงเป็นเรื่องใหญ่น่าดู แล้วการที่จู่ๆพี่เขาโพล่ออกมาจากโปสเตอร์แบบนี้ มันเหมือนกับความฝันของติ่งเกาหลีหลายๆคนที่อยากให้เป็นจริง ผมก็หนึ่งในนั้น แต่วันนี้ ณ เวลา เรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ ผมก็อยากเก็บช่วงเวลาได้ใกล้ชิดกับไอดอลที่ชอบให้ได้มากที่สุด แมร่งใกล้ว่าซื้อบัตรแพงๆไปดูคอนอีก
แต่ไม่ว่ายังไง
ผมก็ต้องให้พี่เขาได้กลับเกาหลีอยู่ดีใช่ไหมละ เฮ้อออ จะดราม่าอีกแล้วละกู ชีวิต...
“แบมแบมๆ”
“ครับๆ” เสียงเรียกของพี่มาร์คดึงสติผมที่กำลังเพ้ออยู่กลับคืนมา
“เอาโทรศัพท์นายมาเร็ว”
“ทำไม…”
“ฉันจะเอาเบอร์นายโทรเข้าเครื่องฉัน ถ้าพวกนั้นหูดีคงได้ยิน”
“…”
ฮืออ ไม่เอานะ เจอกันแปบเดียวจะจากกันแล้วอ่ะ ยังไม่ได้กอดกันเลยนะ กระซิกๆ ใครก็ได้ช่วยแบมด้วย อ๊ากกกก
มันไม่จบแค่นี้หรอก
ความคิดเห็น