คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : แฟรี่ภูตตัวน้อย -3- 100%
-3-
กล้ามแขน
แผ่นหลังที่กว้าง และเซ็กซี่
แค่ส่วนบนของร่างกาย ก็แบบว่า…
อาบน้ำในที่แบบนี้จะใส่กางเกง หรือผ้าอะไรไหมนะ
เราสามารถสัมผัสความหื่นของเธอได้ ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ....
จู่ๆผู้ชายคนนั้นก็หันหลังมองมาที่แบมโบล่า เธอตกใจมากที่จู่ๆเขาก็หันมา จึงรีบแปลงกายเป็นภูตตัวจิ๋ว บินออกไปจากที่ตรงนี้ทันที
จะเห็นไหมเนี่ย ไม่น่าเลยเรา><
แบมโบล่าบินกลับมาทางระเบียงห้องนอน พอบินมาถึง ก็แปลงกายเป็นกลับมาเป็นร่างใหญ่เท่ามนุษย์เหมือนเดิม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตู ทำให้แบมโบล่าต้องถอนหายใจออกมาเบื่อหน่าย สงสัยคงต้องมาทำอะไรแบบนั้นอีกแล้ว...
เวลาที่เธอจะต้องลงไปแช่ในอ่างน้ำ แล้วมีข้ารับใช้มาขัดตัวนู่นนี่นั้น…นั้นคือสิ่งที่แบมโบล่าเกลียดที่สุด!
“เข้ามาได้” เธอตะโกนออกไป แล้วประตูก็ถูกเปิดออกด้วยข้ารับใช้ส่วนตัวของแบมโบล่า และก็ตามด้วยข้ารับใช้คนอื่นๆอีกประมาณ อืม….ก็เยอะอยู่ เดินเรียงราย กันเข้ามา ในมือถือถาดที่ใส่น้ำอบน้ำหอมต่างๆมากมาย
“ได้เวลาแล้วค่ะ องค์หญิง”
ว่าแล้วสินะ ชอบทำอะไรโอเวอร์จริงๆพวกนี้ นี่มันยังบ่ายอยู่นะ จะให้แช่จนตัวเปื่อยเลยรึไงห้ะ!!!
แน่นอนว่าเธอไม่ได้พูดมันออกไป ได้แต่เก็บมันไว้ในใจเท่านั้น
“ไม่ต้องเข้ามาเยอะละ เข้าใจไหม”
“ค่ะ” ข้ารับใช้ทุกคนตอบโดยพร้อมเพียงแล้วก้มหัวลง ก่อนที่แบมโบล่าจะเดินกระแทกเท้าเดินเข้าไปในห้องน้ำที่แสนจะหรูหรา
แบมโบล่ามองดูตัวเองในกระจก เธอสวมใส่ชุดราตรียาวเกาะอกสีชมพูอ่อน ปักเหลื่อมทรงหางนางเงือก ทรงผมเกล้ามวยผมไว้ด้านหลัง และประดับกิ๊บขนนก
สวย>< ทำไมสวยอย่างนี้เนี่ย ทำไมผู้หญิงที่ชื่อ แบมโบล่า จะสวยขนาดนี้เนี่ย
นั้นคือความคิดของเธอตอนนี้ ไม่ค่อยเลยเนาะ…
แบมโบล่าหันตัวซ้ายที ขวาที แล้วค่อยๆเอาใบหน้าเข้าไปใกล้กระจก ทำแก้มป่องแบบเด็กๆ
“องค์หญิง สวมใส่ชุดนี้แล้วสวยมากค่ะ” ข้ารับใช้ส่วนตัวเอ่ยชื่นชมแบมโบล่า องค์หญิงที่เธอคอยดูแลมาตั้งแต่เด็กๆ บัดนี้ได้เติบโตเป็นหญิงสาวงาม และอาจกำลังจะได้เป็น ราชินี องค์ต่อไปที่จะปกครองดินแดนแห่งนี้
“ฉันรู้น่า ไม่ต้องชมหรอก”
แบมโบล่าตอบกลับมาอย่างเขินอาย จนบรรดาข้ารับใช้ทั้งหลายต่างหัวเราะคิกคักในความมั่นใจที่เต็มร้อยของเธอ
“องค์หญิงต้องไปพบกับองค์ราชินีก่อนที่จะลงไปในงานนะค่ะ”
“ตอนนี้หรอ?” เธอหันกลับมาคุยกับข้ารับใช้
“ค่ะ”
“งั้นก็ไปสิ”
“ไม่ต้องแล้วล่ะ”
ขณะที่แบมโบล่ากำลังจะเดินออกไปนั้น ผู้เป็นแม่ของเธอก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับพี่ชายสุดหล่อนามว่า คริส
ทั้งสองเดินมาหยุดหน้าแบมโบล่า องค์ราชินีในตอนนี้สวยสง่า เธอสวมชุดราตรียาวสีขาว เกาะอกสีขาวคอรูปหัวใจ ลูกไม้ผ้าปักลาย เอวติดคริสตัน ผมสีน้ำตาลทองถูกเกลียวไปด้านข้าง มีมงกุฎประดับตำแหน่งเพื่อบ่งบอกว่าคือราชินี และมีปีกสีขาวบริสุทธิ์
ส่วนคริส แต่งตัวแบบนี้ทำผมแบบนี้ หน้าตาแบบนี้ ขอซะเถอะแบมโบล่า-..-
ปีกของคริสเป็นสีขาวใสๆ พอคืนพระจันทร์เต็มดวง จะเปล่งประกายวิบวับเหมือนเพชร
แต่ปีกของแบมโบล่านั้นจะแตกต่าง ไม่เหมือนกับสีปีกแฟรี่ของแม่และพี่ชายที่มีโทนสีเดียวกัน สีปีกของแบมโบล่านั้นมีสีรุ้งตั้งแต่เธอคลอดออกมา แต่ความแปลกและแตกต่างก็แฝงไปด้วยความสวยงามอยู่เสมอ เมื่อปีกของเธอโดนแสงจันทร์สาดส่องลงมา จะสีที่สวยงามและโดดเด่น บางครั้งปีกของเธอก็จะมีแสงออร่าเปร่งประกายออกมา
“ท่านแม่มีอะไรหรอค่ะ?”
“เปล่าจ๊ะ แม่แค่มีบางอย่างจะมาเซอร์ไพรลูก^^”
“เซอร์ไพรหรอค่ะ?” แบมโบล่าทำหน้างง
“ถ้าแบมโบล่ารู้แล้วจะต้องดีใจแน่ๆ” คริสที่ยืนอยู่ข้างๆองค์ราชินีพูดขึ้น
“อะไรคะพูดจนแบมอยากรู้แล้วนะเนี่ย><”
“เอาไว้แม่จะบอกลูกในงานล่ะกัน แล้วจำได้ไหมที่แม่บอกว่าลูกมีคนสำคัญต้องเจอ”
“จำได้คะ ท่านแม่คงไม่ได้ให้แบมจับคู่อะไรทำนองนั้นใช่ไหมค่ะ- -”
“อืม ไม่รู้สิ แล้วแต่ลูกจะคิดละกัน^3^”
“ท่านแม่อะT^T”
“รีบลงไปในงานดีกว่า คืนพระจันทร์เต็มดวงทั้งทีอย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ไปกันเถอะลูก”
ว่าแล้วองค์ราชินีก็เดินไปคล้องแขนแบมโบล่าและคริส โดยที่แบมโบล่าอยู่ทางขวา คริสอยู่ทางซ้าย แล้วก็พากันเดินลงไปในงานโดยที่ผู้รับใช้เดินตามข้างหลัง
ภายในงานมีแฟรี่มาร่วมงานมากมาย ไม่ว่าเป็นแฟรี่ที่มีศักดิ์หรือธรรมดาทั่วไป ดอกไม้ในงานเรืองแสงให้ความสว่างแก่ภายในงาน ตรงกลางมีเวทีสำหรับการแสดงรื่นเริงต่างๆ ด้านหน้าเวทีมีที่นั่งสำหรับราชินีและเหล่าราชวงศ์
ที่นั่งของราชินีนั้นเป็นเก้าอี้ตัวใหญ่ วางอยู่ตรงกลางตกแต่งด้วยดอกไม้นานาชนิดที่คุณจะสามารถหามันได้จากโลกของแฟรี่เท่านั้น ทั้งสองข้างมีเก้าขนาดเล็กกว่าข้างละหนึ่งตัว และที่นั่งทางด้านซ้าย ก็มีเก้าอี้พิเศษสำคนสำคัญที่องค์ราชินีพูดถึง ด้านหน้ามีโต๊ะยาววางเป็นแนวนอน บนโต๊ะมีอาหารหลากหลายชนิด แต่ที่พิเศษที่สุดของจะเป็นน้ำจากเกสรดอกไม้ ที่มีอายุหลายหมื่นปี รสชาติแบบว่าอร่อยเวอร์ จะมีแค่เหล่าราชวงศ์และราชินีเท่านั้นที่จะได้ลิ้มรสชาติของมัน
องค์ราชินี แบมโบล่าและคริส เมื่อเดินมาถึงก็แยกย้ายไปนั่งเก้าอี้ของตัวเอง องค์ราชินีเดินไปนั่งเก้าอี้ตรงกลางอย่างสง่า แบมโบล่าเดินไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ทางซ้าย แต่เธอก็ต้องแปลกใจเมื่อข้างๆของเธอมีเก้าเพิ่มมาหนึ่งตัว และคริสเดินไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ทางขวา พอนั่งลงดอกไม้ที่ประดับอยู่บนเก้าก็เรืองแสงออกมา แฟรี่ทุกตนที่มาในงานก็เริ่มเบาเสียงพูดลง
“ไม่ต้องเงียบกันหรอก เชิญสนทนากันตามสบาย^^”
เมื่อองค์ราชินีพูดจบในงานก็เริ่มพูดคุยกัน นั้นทำให้องค์ราชินีอดยิ้มและหัวเราะไม่ได้
“องค์ราชินี คน ที่องค์ราชินีต้องการพบมาแล้วคะ”
แบมโบล่าได้ยินดังนั้นก็ตกใจเล็กน้อย เธอยกมือทั้งสองข้างมาปิดหน้าตัวเองเอาไว้
มาแล้วอะ ทำไงดีT^T เป็นผู้หญิง ขอให้เป็นผู้หญิงๆ
“ขอโทษที่ผมมาช้านะครับ”
แต่ทุกอย่างก็ต้องพังสลายเมื่อเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงผู้ชาย
โนววววววววววววววววว!!!!!!!!!!!! ม่ายนะT^T
“แบมโบล่า ลุกขึ้นมาทักทายสิลูก”
พอได้ยินแบมโบล่าก็อยากจะร้องไห้หนักเข้าอีก เธอเอามือที่ปิดหน้าลงแล้วค่อยลุกขึ้น หันไปทักทายผู้ชายที่ไม่อยากทักทาย
“สวัสดีคะ^^”
เธอฉีกปากยิ้มเต็มที่ แต่พอเธอเห็นหน้าของผู้ชายคนนั้นแล้วเธอก็รู้สึกว่าเหมือนเธอเคยเจอที่ไหนมาก่อน
คุ้น…คุ้นมากจริงๆ
แต่จะว่าไปแล้ว…เดี่ยวนะ…!!!!!!!!!
นะ…นั้น…คือ…ผู้ชายที่เธอ…เจอในป่า
ผู้ชายคนนั้นไง….ผู้ชายที่อาบน้ำในป่า…ที่น้ำตกนั้น…!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
OMG เป็นไปไม่ได้ กรี๊ดดดดดดดดดดด
“สวัสดีครับ ผมชื่อ ยูคยอม ครับ^^”
เขายื่นขวาออกมาข้างหน้า ตอนนี้สติของแบมโบล่ากำลังเตลิดไปไกลแว๊ว เธอยังคงยืนนิ่งเป็นรูปปั้น
ใครก็ได้บอกแบมทีว่ามันไม่จริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!!!!!!!!!!TTOTT
ตอนนี้ยูคยอมกับกำลังนั่งอยู่ข้างๆแบมโบล่า ยูคยอมที่มีอารมณ์สนุกสนานกับการแสดงตรงหน้า ผิดกับแบมโบล่าที่ได้แต่นั่งเงียบ ถ้าจะให้มีอารมณ์สนุกตอนนี้คงไม่ได้หรอกนะ ก็พึ่งเจอผู้ชายที่ตัวไปแอบดูเขาอาบน้ำเมื่อเช้า ไม่สิ! แค่เห็นโดยบังเอิญต่างหาก แต่ใครที่ไหนจะมาอาบน้ำกลางแจ้งแบบนั้นกันเล่า บ้านไม่มีห้องน้ำรึไงห๊ะ หรือเป็นพวกชอบโชว์ แต่สิ่งที่เห็นก็สมควรโชว์อยู่นะเออ-///-(กรี๊สสส นางใช่เล่นๆที่ไหน)
“ทำไมถึงนั่งเงียบอย่างนั้นละ การแสดงไม่สนุกงั้นหรอ” ยูคยอมเอ่ยถามแบมโบล่าเพราะเห็นว่าเธอนั่งเงียบมาตั้งนานแล้ว
“อ่อ ใช่ๆ”แบมโบล่าตอบไปอย่างนั้น แต่จริงๆแล้วเป็นเพราะเขานั้นแหละ ที่แบมโบล่านั่งเงียบอย่างนี้
“โกหก^^”
รู้แล้วยังจะมาถามอีก
“คุณ! แอบดูผมอาบน้ำเมื่อเช้า^^”
ควับ! แบมโบล่ารีบหันหน้าไปหาเขาด้วยความเร็วแสง
“ฉันไม่ได้แอบดูนะ ฉันแค่อยู่แถวนั้นพอดี!” แบมโบล่าเถียงกลับน้ำลายแทบกระเด็น
“ก็เลยดูผมอาบน้ำ^^”
“หยุดพูดเรื่องนี้เถอะนะ=_=^^”
“โอเค แต่ก็ต้องขอบคุณสีปีกของคุณนะ ที่ทำให้ผมจำได้ว่าที่นี้มีคุณเท่านั้นที่มีปีกสีรุ้ง”
รู้สึกอยากจะย้อมสีปีกตัวเองตอนนี้ทันไหม?(มันย้อมได้ด้วยหรอแบม- -^^)
แปะๆๆๆ
หลังจากที่การแสดงจบลงก็ได้รับเสียงปรบมือ และเสียงชื่นชมจากแฟรี่ทั้งหลายที่มาร่วมงาน
“จบการแสดงไปแล้วนะครับ ต่อไปนี้เราจะให้ทุกท่านได้ร่วมกับเต้นรำนะครับ ใครที่อยากเต้นรำเชิญออกมาเลยครับ^^”
พิธีกรประกาศออกไมค์ แล้วดนตรีก็เริ่มบรรเลงขึ้นจากแฟรี่ที่ไปเป็นนักดนตรีในโลกมนุษย์ แบมโบล่ามองไปยังด้านหน้า แฟรี่แต่ละตนเริ่มจับคู่และทยอยกันเข้ามาเต้นรำ จู่ๆยูคยอมก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินออกมาด้านหน้าโต๊ะอาหาร พร้อมกับโค้งคำนับ แบมโบล่าได้แต่มองการกระทำนั้นอย่างงุนงง
“องค์ราชินี ได้โปรดเต้นรำกับผม”พูดพร้อมยื่นมือขวาออกมา
“ฉันหรอ?”มองสลับแบมโบล่าและยูคยอม“ต้องขอโทษด้วยนะ พอดีฉันถูกลูกชายจองไว้ก่อนแล้ว ถ้างั้น…เต้นรำกับลูกสาวแสนสวยของฉันแทนจะได้ไหม^^”
แบมโบล่าได้ยินก็รับหันหน้ามาทันทีรวมถึงคริสด้วย เมื่อกี้เธอได้ยินไม่ผิดใช่ไหม…เธอต้องเต้นรำกับยูคยอม! แต่เธอไม่เต้นรำด้วยซะอย่าง…ชิ
“งั้นหรอครับ ว่าแต่คุณแบมโบล่ายินดีไหมละครับ^^”หันมาพูดส่งยิ้มให้แบมโบล่า
“มะ…”
“แน่นอนสิ แบมโบล่าชอบแต้นรำมากรู้ไหม ออกไปสิลูก^^+”ผู้เป็นแม่พูดขัดขึ้นมา ถึงแม่ของเธอจะยิ้มมาให้แต่รอยยิ้มนั้นมันอาบไปด้วยยาพิษ
“แต่แบม…”
ชิ้ง!
“^^+”
“ท่านแม่อะT^T”
และแล้วแบมโบล่าก็ต้องเต้นนำกับยูคยอมตามคำสั่งของแม่เธอจนได้ ทั้งสองเต้นรำอย่างช้าๆตามเสียงดนตรี ตอนนั้นเองที่แบมโบล่าพึ่งสังเกตเห็น(ย้ำมาพึ่งเห็น)ว่าแผ่นหลังของยูคยอมไม่มีปีกแฟรี่
ปีกเขาใสขนาดนั้นเลยหรอ ทำไมถึงไม่เห็นปีกของเขาละ=_=? หรือว่าเขาจะไม่ใช่แฟรี่!?
“เสียใจที่ได้เต้นรำกับผมหรอ” เขาถามในขณะที่กำลังเต้นรำไปด้วย
“เปล่า”
“แล้วทำไมถึงทำหน้าบูดอย่างนี้ละ ผมเสียใจนะ”เขาพูดเสียงเนือยๆ
“หน้าฉันก็เป็นอย่างนี้แหละ ว่าแต่…ขอถามอะไรหน่อยสิ”เธอมองหน้ายูคยอม
“หือ?”
“นายเป็นแฟรี่หรือเปล่า?”
“ฮ่าๆ ที่คุณเงียบๆเนี่ย กำลังสงสัยเรื่องนี้อยู่งั้นหรอ”
“เปล่า กำลังสงสัยเมื่อกี้ก็เลยถามไง”
“อืม…จริงๆแล้วผมเป็นลูกครึ่งน่ะ”
“หะ ลูกครึ่ง!”แบมโบล่าตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่เธอได้ยิน
“ใช่ ผมเป็นลูกครึ่งแฟรี่กับมนุษย์ พ่อของผมเป็นมนุษย์ ส่วนแม่ของผมเป็นแฟรี่ เพราะเชื้อพ่อผมแรงน่ะ ทำให้ผมไม่มีปีก แต่ผมหน่ะมีเวทย์มนต์นะ บางทีผมก็เกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าตัวเองก็มีเชื้อสายแฟรี่ด้วยเหมือนกัน”
แบมโบล่าตั้งใจฟังเรื่องของยูคยอม ถึงจะรู้ว่าแฟรี่มักจะออกไปอาศัยในโลกมนุษย์ แต่ก็ไม่เคยได้ยินว่าจะมีแฟรี่ตนไหนแต่งงานกับมนุษย์และมีลูกด้วยกัน เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะสามารถก้าวผ่านความแตกต่างของหลายๆสิ่งไปได้ เธออิจฉาในความรักของพ่อแม่ยูคยอมจริงๆ เพราะ ความรัก คือสิ่งที่นำพาและช่วยทุกอย่างให้ผ่านพ้นไปด้วยดี
“ฟังเรื่องของผมแล้วอึ่งเลยละสิ”
“ใช่ พ่อกับแม่นายเจ๋งมากอะ แล้วพ่อแม่ของนายเป็นอะไรกับแม่ฉันหรือเปล่า?”
“จริงๆแล้วแม่ผมเป็นเพื่อนสนิทกับแม่ของคุณ แต่ก่อนน่ะแม่ผมอยู่ในราชวงศ์นะแต่อยู่อีกดินแดนหนึ่ง แม่ผมเกือบจะได้เป็นราชินีแล้วนะ แต่ก็ดันมาตกหลุมรักพ่อซะก่อน แม่จึงยอมสละทุกอย่างแล้วมาอยู่ในโลกมนุษย์ ใช้ชีวิตเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ไม่ใช้เวทย์มนต์ทำอะไรสักอย่าง อยู่เหมือนมนุษย์ทุกอย่าง”
“…”
ยูคยอมเหลือบมองแบมโบล่า ที่กำลังฟังเรื่องราวที่เขาเล่าอย่างตั้งใจ เขาอมยิ้มเล็กๆออกมาในความน่ารักของเธอ ก่อนจะเล่าเรื่องต่อ
“พอมาอยู่ในโลกมนุษย์แม่ผมก็เป็นแม่บ้าน ไม่ได้ทำงานอะไร ส่วนพ่อผมก็ทำงานปกติ จนไม่นานก็มีผม ที่แม่ไม่เดือดร้อนอะไรเพราะพ่อผมรวยหน่ะ^^”
พอยูคยอมพูดถึงประโยคสุดท้ายจบแบมโบล่าก็อดทำตาขวางใส่ไม่ได้ หมั่นไส้! ต้องการบอกว่าตัวเองรวยว่างั้นเถอะ แต่ยูคยอมก็ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มที่กวนประสาทใส่แบมโบล่า
งานดำเนินมาใกล้จะจบแล้ว ตอนนี้องค์ราชินี คริส แบมโบล่าและยูคยอมนั่งอยู่ประจำเก้าอี้ของตัวเอง จู่ๆองค์ราชินีก็ลุกขึ้นยืนแล้วบอกให้แบมโบล่าลุกขึ้นด้วย
“ลุกขึ้นก่อนแบมโบล่า”
“คะ ทำไมคะ?” เมื่อได้ยินดังนั้นเธอก็ลุกขึ้นตามที่ผู้เป็นแม่บอกอย่างงุนงง
องค์ราชินีจูงมือแบมโบล่ามาหน้าเวที ทุกสายตาต่างจับจ้องการกระทำขององค์ราชินีด้วยความสงสัย เมื่อเดินมาถึงก็ขอไมค์จากพิธีกรชาย เขาก้มหัวลงแล้วยื่นไมค์ให้ องค์ราชินีรับไมค์มา แล้วประกาศออกทางไมค์ด้วยน้ำเสียงก้องกังวาน
“ตอนนี้ก็ถึงเวลาซะที ทุกคนคงจะสงสัยใช่ไหมว่าฉันกำลังทำอะไร วันนี้ฉันมีข่าวที่แจ้งให้กับทุกท่านทราบและฉันคิดว่าทุกท่านจะร่วมยินดีกับสิ่งที่ฉันกำลังจะบอกต่อไปนี้”
แบมโบล่ามองการกระทำของผู้เป็นแม่ และกำลังคิดว่านี่คง เซอไพร์ ที่ผู้เป็นแม่พูดถึงเมื่อเช้า แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีแปลกๆ…
“ท่านแม่จะทำอะไรค่ะ”เธอถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
“ลูกต้องรอฟังที่แม่กำลังจะพูดต่อไปนี้จ๊ะ” เมื่อคุยกับลูกสาวเสร็จองค์ราชีก็หันไปพูดใส่ไมค์ต่อ “เอาละ เรื่องที่ฉันกำลังจะบอกต่อไปนี้คือ…แบมโบล่า…ลูกสาวของฉัน…จะได้เป็นราชินีต่อจากฉัน ที่จะปกครองดินแดนแฟรี่แห่งนี้!”
ว่าไงนะ…!!!!
เมื่อองค์ราชินีพูดจบก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นมา แบมโบล่าตกใจมากกับสิ่งที่ได้ยิน เธอหันไปมองหน้าผู้เป็นแม่เหมือนต้องการคำอธิบายกับเรื่องทุกอย่าง
“นี่มันอะไรกันค่ะ?!”
“แม่คิดว่าถึงเวลาของลูกที่จะต้องทำหน้าที่นี้แทนแม่ซะที”
“แต่มันไม่ถูกต้องนะค่ะ พี่คริสต่างหากที่สมควรได้ ไม่ใช่แบม”
แบมโบล่าหันไปมองพี่ชายของเธอที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ คริสส่งยิ้มให้ มันเป็นรอยยิ้มที่จริงใจที่ผู้เป็นพี่มอบให้ ไม่ใช่การเสแสร้งแต่อย่างใด
แต่ตำแหน่งราชินีเป็นตำแหน่งที่เธอไม่เคยต้องการ ตำแหน่งนั้นไม่สมควรที่จะเป็นของเธอเลยด้วยซ้ำ มันต้องมีอะไรบางอย่างแน่ๆ…! ดิฉันสัมผัสได้
“และนี่คือเครื่องหมายว่าแบมโบล่าจะต้องเป็นราชินีต่อจากฉัน เอามงกุฎมา”
องค์ราชินีส่งไมค์ให้พิธีกร เธอต้องการที่จะสวมมงกุฎนี้ให้กับแบมโบล่า…เพราะถ้าสวมมงกุฎนี้แล้วจะเป็นเครื่องบ่งบอกว่าคือ ว่าที่ ราชินี
ข้ารับใช้ส่วนตัวขององค์ราชินีเดินออกมาในมือถือกล่องรูปสี่เหลี่ยม ขนาดไม่ใหญ่มาก เดินมาหยุดข้างๆองค์ราชินี เธอเปิดกล่องนั้นออก ปรากฏให้เห็นมงกุฎที่สวยงาม
องค์ราชินีหยิบมงกุฎนั้นขึ้นมา แล้วหันไปหาแบมโบล่า แต่เธอกลับถอยห่างออกไปเล็กน้อย
“ขยับเข้ามาใกล้ๆสิลูก”
“แต่แบม…”
“แบมก็รู้ว่าถ้าแม่จะทำอะไรแม่มักจะมี เหตุผล เสมอ ที่แม่ทำแบบนี้แม่ก็มี เหตุผล เหมือนกัน”องค์ราชินีพูดด้วยน้ำเสียงและสายตาที่จริงจัง
“…”
“แม่ขอร้อง”
มาร์คมองวิวรอบกรุงโซลที่ระเบียงห้อง เขากวาดสายตามองไปรอบๆเมือง ยิ่งดึกแสงไฟก็ยิ่งสว่างในความมืด โดยเฉพาะคืนนี้ที่พระจันทร์เต็มดวง ทำให้วิวยิ่งสวยขึ้นไปอีก มาร์คแหงนมองดูพระจันทร์ที่ลอยอยู่บนฝากฟ้า เขาหลับตาลงและตั้งจิตอธิฐาน ขอในสิ่งที่เขาต้องการและหวังว่าคำขอของเขาจะเป็นจริงในสักวัน…
หลายวันต่อมา วันศุกร์หรรษา
“อยู่กับพี่เขาแล้วห้ามดื้อละ โดยเฉพาะลูกนั้นแหละ เซฮุน”
“รู้แล้วน่าแม่ ผมออกจะเชื่อฟังพี่”
“งั้นแม่กับพ่อไปละนะ เชื่อฟังพี่เขาด้วยนะจ๊ะลอเรน เซฮุนด้วย”
“ครับ”
“บ๊ายบายคะ หม่ามี้ แด๊ดดี้^^”ลอเรนโบกมือให้แม่และพ่อตัวเอง
“เดินทางปลอดภัยนะครับ”
เมื่อน้าและสามีของเธอไปแล้ว มาร์คก็ปิดประตูห้อง เขาเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานบนโต๊ะมีเอกสารมากมายก่ายกองที่เขาจะต้องเคลียร์ ถึงเขาจะทำธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออกไม้ดอกไม้ประดับ แต่ก็ไม่รู้ทำไมเอกสารมันจะเยอะขนาดนี้ อย่างกับประธานCEO
ส่วนเซฮุนเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อที่จะเอาของไปเก็บ เด็กน้อยลอเรนเดินไปนั่งที่โซฟาหน้าทีวี สักพักก็ลุกขึ้นเดินตรงมาหามาร์คที่โต๊ะทำงาน
“พี่มาร์ค”
“ว่าไงลอเรน”เขาละสายตาจากเอกสารหันไปหาลอเรน
“หนูปวดฉี่”
เขาได้แต่กระพริบตาปริบๆ ไม่คิดว่าเด็กน้อยจะเดินมาบอกเขาเรื่องนี้ แอบตกใจอึ้งนิดหน่อยนะครับ
“ออ ปวดฉี่ หนูเข้าห้องน้ำคนเดียวได้แล้วใช่ไหม”
“ค่ะ” เด็กน้อยพยักหน้าตอบ
เขายืนรอลอเรนอยู่หน้าห้องน้ำที่อยู่ในส่วนใกล้ๆห้องครัว ประตูห้องน้ำถูกเปิดออก ลอเรนเดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วชูมือทั้งสองข้างให้มาร์คดู เขาเห็นก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน ไม่เข้าใจการกระทำของลอเรน
“อะไรหรอจ๊ะ”เขาย่อตัวลงให้เท่ากับส่วนสูงของเด็ก
“หนูไม่ได้เช็ดมือ ทิชชู่มันหมด”
เมื่อลอเรนพูดจบเขาก็หัวเราะเบาๆออกมากับความน่ารักของเด็กน้อย เขาพึ่งนึกได้ว่าทิชชู่ในห้องน้ำหมดแต่เขายังไม่ได้ออกไปซื้อ เพราะเขาอยู่คนเดียวแล้วก็ไม่คิดว่าทิชชู่มันจะหมดเร็วขนาดนี้ เขาจึงลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบทิชชู่ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะกินข้าวฉีกออกมาสองสามแผ่น มาเช็ดมือให้ลอเรน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเขาก็กลับไปทำงานที่โต๊ะเพื่อที่จะทำงานต่อ ส่วนลอเรนก็เดินไปนั่งอยู่หน้าทีวี เล่นกับตุ๊กตาหมีน้อยที่พกมาด้วย
เขายกแขนขึ้นมาดูนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้เกือบจะทุ่มหนึ่ง แล้วช่วงนี้ก็อยู่ในช่วงฤดูหนาวด้วย
“ลอเรนจ๊ะ หนูอาบน้ำมารึยัง”ตะโกนถาม เพราะกลัวว่าถ้าให้ลอเรนอาบน้ำดึกๆจะทำให้ไม่สบายได้ง่าย ลอเรนหันมาตามเสียงแล้วพยักหน้าตอบ ส่วนเซฮุนไม่ใช่ว่าเขาไม่สนใจนะ แต่เด็กนั้นอยู่ในห้องนอนนู่น ไม่อยากจะตะโกน ไว้รอออกมาก่อนค่อยถาม เขาจึงหันไปสนใจเอกสารที่อยู่บนโต๊ะต่อ
“พี่มาร์ค พี่มาร์ค”
“อะไรเซฮุน”เขาตอบในขณะที่อ่านเอกสารไปด้วย
“มีคนโทรมา”
“แล้วใครโทรมาละ”เขาเงยหน้าขึ้น เซฮุนกำลังเดินเอาโทรศัพท์มาให้เขาที่โต๊ะ พอมาถึงก็ยื่นโทรศัพท์ให้
“แฟนพี่โทรมา กิ้วๆ หวานนะเนี่ย”เซฮุนส่งยิ้มร้ายกาจ แล้วแซวผู้เป็นพี่เล่นๆ
เขาได้ยินก็ตกใจเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์จากเซฮุน แล้วเซฮุนก็เดินไปนั่งข้างๆลอเรนหยิบรีโมทขึ้นมาเปิดทีวีดูไปพลางๆ
เขามองดูชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ เป็นเบอร์ซูจีที่โทรมาจริงๆ ได้แต่ลังเลว่าควรรับสายดีรึเปล่า สุดท้าย…เขาจึงตัดสินใจเลื่อนหน้าจอวางสาย แล้ววางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ
~ครืด ครืด~
ไม่นานเบอร์เดิมก็โทรเข้าอีกครั้ง เขาจ้องหน้าจอโทรศัพท์อยู่นาน จึงตัดสินใจรับสาย
‘นี่! เมื่อกี้โทรไปทำไมไม่รับละ’เมื่อเขากดรับสายเสียงของซูจีก็พูดขึ้นมาทันที
“กำลังทำงานน่ะ งานยุ่งมากเลย”
แค่นั่งอ่านตัวหนังสือในกระดาษ มันไม่ได้ยุ่งขนาดนั้นหรอก
มันแค่คำโกหก…เหมือนที่เธอเคยโกหกเขา
‘ออ งั้นหรอ ขอโทษที่โทรมากวนนะ ฉันไม่กวนนายแล้วละแค่นี้นะ’เสียงของเธอเบาลงทันที
“เดี่ยวก่อน!”เขารีบพูดห้ามไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะกดวางสาย“เธอโทรมามีอะไรหรือเปล่า”
‘เออ…ก็ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้คุยกันเลยฉันก็เลยโทรมา’
“ใช่ ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้คุยกันจริงๆแหละ”
‘อือ ฉันคิดถึงนายนะ ทำงานต่อเถอะ แค่นี้ละ’แล้วเธอก็วางสายไป
มาร์ควางโทรศัพท์บนโต๊ะนั้น พิงตัวกับเก้าอี้ทำงาน เขาถอนหายใจออกมาอย่างแรง หลับตาลงเพื่อทำสมาธิให้กับตัวเอง
“ลอเรนจะดูการ์ตูน”
“ก็พี่จะดูหนังแหนะ”
“ม่ายเอา ม่ายเอา หนูจะดูการ์ตูน เปิดช่องการ์ตูนให้หนูดูเลยนะ”
“ไม่เปิด แบร่”เซฮุนแลบลิ้นใส่ลอเรน
มาร์คลืมตาขึ้นมา เพราะเขาได้ยินเสียงเด็กสองคนนั้นเหมือนจะทะเลาะกัน เรื่องทีวี
“พี่มาร์ค พี่เซฮุนไม่เปิดการ์ตูนให้หนู หนูอยากดูการ์ตูน”ลอเรนเดินมาฟ้องเขาถึงที่โต๊ะทำงาน เขามองไปที่เซฮุนแล้วส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่าย
นี่สิครับช่างเป็นศุกร์(สุขต์)หรรษาจริงๆ
เขาอุ้มลอเรนขึ้นมานั่งบนตัก ก่อนจะหยิบแท็บเล็ตที่อยู่ข้างๆมาเปิด การ์ตูนที่ลอเรนอยากดู
“หนูจะดูเรื่องอะไรจ๊ะ”
“หนูอยากดูบาร์บี้ ตอน…ตอนที่เป็นนางฟ้ามีปีกสวยๆ”
“แต่บาร์บี้ไม่ได้ออกทีวีไม่ใช่หรอจ๊ะ”
“ก็ตอนแรกหนูอยากดูอย่างอื่น แต่ตอนนี้หนูอยากดูบาร์บี้แล้วนิ”
ว่าแล้วเขาพิมพ์หาบาร์บี้ในกูเกิลตอนนางฟ้าให้ลอเรนดู เขากะว่าจะดูด้วยเหมือนเพราะไม่มีอารมณ์ทำงานตอนนี้เลยแม้แต่นิดเดียว การที่นั่งดูบาร์บี้กับลอเรนเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดแล้วละ
ภายในห้องนอนสี่เหลี่ยม แบมโบล่านอนอยู่หลับอยู่บนเตียง เธอนอนดิ้นไปมา ก่อนที่จะสะดุ้งตื่นขึ้นมา
เฮือก…
ใบหน้าของเธอเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เธอนั่งหอบหายใจอย่างแรงเหมือนกำลังเห็นกับอะไรบางอย่างที่มันร้ายแรง
“เมื่อกี้ มันคืออะไรกัน”
แบมโบล่ายกมือขึ้นมาลูบเหงื่อออก พยามตั้งสติกับสิ่งที่ได้เห็นเมื่อสักครู่นี้
เขามักว่ากันว่าถ้าเรา ฝัน แล้วเมื่อเราตื่นมาเรามักจะจำสิ่งที่เราฝันไม่ค่อยได้ แต่เมื่อกี้สิ่งที่เธอเห็นถึงมันจะไม่ได้ชัดเจนมาก แต่ทำไมตอนนี้ภาพนั้นมันยังคงติดตาเธออยู่ไม่หาย…
มันเหมือนจริงเกินไป…จนเธอกลัว
สำหรับใครที่อ่านมาแล้วแบบว่า…ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับแฟรี่เท่าไหร่ แล้วไรท์ก็ไม่ได้อธิบายหมดทุกอย่าง บางส่วนไรท์ก็ใช้จินตนาการของตัวเอง อย่างเช่นตอน คืนพระจันทร์เต็มดวงปีกแฟรี่จะเรืองแสงนั้นแหละ
เพราะงั้นไรท์แนะนำให้ไปดูบาร์บี้ที่มันเป็นตอนนางฟ้าทั้งหลายนั้นน่ะ หรือไม่ก็ทิงเกอร์เบลล์ ปีเตอร์แพน ทุกคนต้องเคยดูแหละเรื่องพวกนี้ หนึ่งในนั้นต้องมีบาร์บี้ใช่ม่ะ5555
ความคิดเห็น