คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Poster :: 02 100%
02
ผมรีบเอาผ้าห่มคลุมโปงทันที
เหงื่อนี่ไหลออกมาเป็นหยดๆขนาดเปิดแอร์ 22 องศาละนะ
ไม่นาเชื่อ
เป็นครั้งแรกเลยที่รู้สึกหัวใจเต้นแรงมากขนาดนี้…นอกจากเวลาครูสุ่มเลขที่และเจอศิลปินตัวเป็นๆ
หัวใจของผมก็ไม่เคยเต้นเร็วและถี่แบบนี้มาก่อน…
ถุ้ย!!! ก็แน่สิมึง เจอผีตัวเป็นๆแบบนี้จะให้กูทำหน้าเฉยๆแล้วเดินเข้าไปทักทายมันรึไง สัส มาก ตอนนี้กูจะเป็นลมละเนี่ย ฮือออออออ ตัวสั่นไปหมด หัวใจจะวายละดอกกกกกกกก มึงรีบไปเถอะ อย่ามารับกวนเวลานอนกูเลย กูขอละ
แต่ก็นะ…ว่าแล้วว กูว่าแล้ว ตั้งแต่ดาวเต็มท้องฟ้านั้นแล้ว ไม่น่าเลยกูวววววว
พ่อจ๋ามารับแบมไปนอนด้วยหน่อยยยย ขี้จะแตกอยู่แล้ววววจ้า
เอ่อ นี่ก็พึ่งนึกได้ เคยได้ยินเขาว่ามา
เขาคนไหนก็ไม่รู้เหมือนกันนะ เวลาเจอผีแบบเนี่ย เราต้องด่าหรือแช่งมันเว้ย
ปกติเวลาเราจะสวดมนต์แผ่เมตตาใช่ป่ะ แต่กรณีถ้ามันไม่ยอมไปจริงๆเนี่ยเราก็พูด ด่า
แช่งไปเลย แต่อย่าไปแช่งจริงๆนะ เดี๋ยวเขาจะโกรธเราเอา ประมาณว่าขู่ให้กลัวอ่ะ
เดี่ยวมันก็จะไปเอง
อย่างนี้ก็จัดเลยสิครับ
“เฮ้ยๆ
แกไอ่ที่ยืนอยู่หน้าประตูนั้นน่ะ ออกจากห้องนี้ไปเลย!!! ถ้าไม่ออกไปดีๆจะด่าจะแช่งละนะ
ออกปายยยย!!” ผมตะเบ็งเสียงออกไปน้ำเสียงสั่นนิดๆ โดยที่ยังคลุมโปงอยู่ในสภาพเดิม
ก็มันกลัวนิ
แล้วถ้าจู่ๆมันมาหักคอจะทำไงนิ
บรึ๋ยยยยยย
ผมนิ่งตัวแข็งไปสักพัก แล้วถ้ายังคลุมอยู่อย่างนี้จะรู้ไหมวะว่ามันไปรึยัง นี่กูต้องเอาผ้าห่มออกใช่ป่ะ แต่ก่อนจะเอาออก ขอสาธุให้มันไปแล้วจริงๆเถอะ นี่กราบละ สภาพจิตใจตอนนี้ย่ำแย่มาก
ฮึบ!!
ผมสูดลมหายใจเข้าสุดปอดเรียกขวัญและกำลังใจให้ตัวเอง
ว่ามึงต้องสู้ แค่นี้มึงห้ามกลัว มึงต้องทำได้ เพื่อสวรรค์ชั้นเจ็ด
มึงต้องไฟว์เว้ยแบมแบม !!!! แล้วสองมือค่อยๆเลื่อนผ้าห่มลงอย่างช้าๆ หรี่ตามองไปยังหน้าประตู
ที่ตอนนี้…ดอกกกกกกกกก
สิ่งที่ผมเห็นมันยังไม่ขยับเขยื้อนไปไหน สาสสสสสสสสสส รีบหัวผ้าห่มคลุมโปงเหมือนเดิม ผีนั้นยังคงยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน มึงไปเถอะ กูจะตายแล้ววววว หัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลักออกมาจากอกเพราะมึงเนี่ยละ ถ้ากูหัวใจวายตายจริงจะทำไงหะ มารับผิดชอบชีวิตกูเลยยยยยยยย
อีกอย่างนะมึงเป็นผีที่มารยาททรามมาก
กูไล่ให้ตายยังไงมึงก็ยังไม่ไป กลับไปอบรมเรื่องมารยาทซะไป!! ยังหน้าด้านอยู่ต่ออีกเนอะ
ถ้ากูเป็นมึงนะกูจะไปตั้งแต่เขาออกปากไล่คำแรกแล้ว นี่ชักและเริ่มทนไม่ไหวละนะ
กูเริ่มจะรำคราญละ คนจะหลับจะนอน มายืนมองอยู่ได้ ไม่เมื่อยบ้างหรือไงหะ
เมื่อกี้ยังถือผมพูดดีนะ สงสัยขอบความรุนแรง จะด่าเอาให้เจ็บๆไปเลย ไม่รู้อะ
ไม่สนแล้ว เป็นผีก็อยู่ส่วนผีดิ มายุ่งกับคนหล่อๆทำไม
พรึบ !!
เอาผ้าห่มออกอย่างรำคราญ
กำลังจะลุกขึ้นนั่งไล่ไอ่ผีตัวนี้ให้ไปไกลๆ แต่ขุนพระ…!!!!
“!!!”
ดวงตาของผมเบิกกว้างทันใด เมื่อ…เมื่อ…ฮือออออออ หน้าของมันอยู่ใกล้ผมมาก
ถึงห้องมันมืดแต่ผมก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่าย #พ่องง
มันใช่เวลาโรแมนติกไหมเนี่ย ชัดเลยๆ ภาพโครงหน้าเหมือนคนลางๆมันใกล้มาก
บอกเลยตอนนี้เหมือนกูเป็นอัมพาต กูช็อกมากกกก
โคตรของโคตร หัวใจนี่เต้นถี่รัว ความกลัวคืบคลานเข้ามามากขึ้น ความเก่งกล้าเมื่อกี้หายไปในพริบตา
เฮือกกกกกกก !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
และผีตัวนี้มันก็ทำกูช็อกอีกครั้ง
เมื่อใบหน้าเรียบเฉยนั้น ปรากฎรอยยิ้มกว้างขึ้นมา โอ้วว มึงอยากเป็นมิตรกับกูหรอ???
แต่กูไม่อยากเป็นมิตรกับมึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
และทุกอย่างก็มืดดับไป…
ไม่ไหวละ ขอสลบแปบนะ ค่อก
บ่ายวันต่อมา
“แบมแบม ตื่นได้แล้ว จะบ่ายละนะ”
ครอกกกฟี้ Zzzzz
“แบม ถ้าไม่ตื่นแม่จะเผาโปสเตอร์ในห้องทิ้ง”
“ฮะๆ อะไรแม่ เกิดไรขึ้น” น้ำเสียงเด็ดขาดของแม่ที่บอกว่าจะเผาโปสเตอร์ทำให้ผมรีบสะดุ้งตื่นทันใด หืมม คนกำลังง่วงๆอยู่
“อาบน้ำแล้วลงไปกินข้าว แม่เคยบอกแล้วไงว่าอย่าเปิดแอร์ทิ้งไว้ถึงเช้า
ช่วยกันประหยัดบ้างสิ ค่าไฟบ้านเดือนที่แล้วขึ้นหลายบาทแล้วรู้ไหม”
ไม่รู้อ่ะ
“ถ้าไม่รีบลงมานะ แม่จะเผาโปสเตอร์แล้วก็แผ่นซีดีในห้องทิ้งจริงๆด้วย”
ก่อนจะออกจากห้องไป
แม่ก็ไม่ลืมขู่เรื่องเผาโปสเตอร์เพื่อจะให้ผมลงไปด้านล่างไวๆ
แต่ก็เหอะมันไม่ได้มีผลอะไรต่อผมสักนิด และนางก็ปิดประตูห้องลงเสียงดัง ปัง! ถ้าประตูห้องเสียก็โทษแม่คนเดียวนั้นแหละ
เดี๋ยวนะ…พูดถึงประตูห้องแล้ว…มันทำให้ผมนึกถึงเรื่องเมื่อคืน อะเฮือกกก
ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองตรงประตูด้วยใจลุ้นระทึก ไม่อยากจะเชื่อว่าในชีวิตนี้ผมจะเจอผีอ่ะตัวเป็นๆอย่างนี้ตอนอายุสิบแปด!!! ถ้าเจอข้างนอกยังพอไหวนะ
แต่นี่คืออะไรเจอผีในห้องนอนตัวเอง แล้วคืนนี้ผมกล้านอนห้องนี้ไหมเล่า!!!
มองไปยังประตูห้องนอนที่ปิดสนิท พบความว่างเปล่า ไม่มีเงาคนเหมือนเมื่อคืน ทำให้ผมถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แต่เจอกับโปสเตอร์หน้าพี่มาร์คแทน ตายละ ตื่นมาก็เจอหน้าพี่มาร์คเป็นคนแรก ถึงมันจะเป็นโปสเตอร์แผ่นกระดาษธรรมดาๆก็เถอะ แค่นี้เราก็ฟินได้
แล้วเห็นสีผมใหม่พี่เขายัง
สีทองๆอ่ะสีทองออกขาวๆหน่อย คือพึ่งเห็นตอนส่องทวิตเมื่อวาน ตอนแรกเคยคิดนะว่าพี่มาร์คทำผมสีทองเหมือนจะไม่เข้าสักเท่าไหร่
แต่พอเอาเข้าจริงๆนี่แมร่งโคตรหล่อเลย คือพี่เขาเป็นคนเบ้าหน้าดีไง
ทำสีหัวอะไรก็หล่อไปหมด แล้วแอบสังเกตุเห็นเหมือนกล้ามแขนพี่เขาจะใหญ่ขึ้นป่ะวะ
ยิ่งตอนใส่เสื้อกล้ามนี่นะ โหมึง เลือดกำดำกูจะไหล อยากได้หุ่นแซ่บๆแบบนั้นบ้าง
คนอย่างแบมต้องใช่เวลาอีกนานแค่ไหน
เอาแต่นอนตีพุงอยู่บ้านชาติหน้าก็คงไม่มีหรอกมึง
เอ๊ะ ลืมตัวไปว่าตัวเองเมนยูคยอมไม่ใช่
ทำไมถึงหลงพี่มาร์ค 55555555555
เปลี่ยนเมนดีไหมวะ? ไม่รู้ดิ ช่วงนี้ไม่ค่อยจะอวยเมนตัวเองเลย
หันไปกรี๊ดแต่พี่มาร์ค สงสารยูคยอมเขานะ โทษทีนะยูค สีผมใหม่นายก็หล่อเหมือนกัน
แต่เค้าชอบกล้ามพี่มาร์คมากกว่า ถ้านายโชว์สักนิด
เราอาจจะหลงนายก็ได้นะ อย่าหวงเนื้อหวงตัวให้มากเซ่ แฟนคลับทั่วโลกเขาก็อยากเห็นเหมือนกันหน่า
ไม่แค่ผมคนเดียวสักหน่อย ใช่ป่ะละ (ตอบว่าใช่สิ)
พอละไปอาบน้ำดีกว่า เดี๋ยวลงไปช้า คุณแม่อาจได้เผาโปสเตอร์ในห้องจริงๆก็เป็นได้
“พ่อแม่ เมื่อคืนแบมเจอของดีด้วย”
ผมตัดสินใจจะเล่าเรื่องผีที่ผมเจอเมื่อคืนให้พ่อกับแม่ฟัง
ซึ่งพ่อกำลังนั่งรอดูมวยช่องสิบห้าอยู่หน้าทีวี
ส่วนแม่ก็สวมแว่นนั่งอ่านนวนิยายข้างๆพ่อ
แล้ววันนี้เป็นวันอาทิตย์พ่อกับแม่ก็ไม่ได้ไปทำงาน
หรือไม่แน่เย็นนี้พ่ออาจจะเข้าเวร นั้นคือเรื่องของผู้ใหญ่ ผมจะไม่ยุ่ง
แต่พวกท่านต้องยุ่งเรื่องที่ผมเจอผีเมื่อคืน -__-
“ของดีอะไรของแก” พ่อถามโดยไม่ละสายตาไปจากโฆษณาปุ๋ยคอกในทีวี
“ผมเจอผียืนอยู่ตรงประตูห้องอ่ะพ่อ”
“แล้วเขามาทำอะไรลูกรึเปล่า” ดูเหมือนแม่จะสนใจในสิ่งที่ผมพูด
ท่านปิดหนังสือนวนิยายวางลงบกตัก และหันมาถามคำถามกับผม
“ไม่อ่ะแม่ แค่มายืนเฉยๆ เอ่อแม่ๆ ตอนนั้นผมกลัวมากเลยเอาผ้าคลุมโปง
พอเปิดออกมาดูอีกทีนะ อยู่ๆหน้าผีนั้นก็มาใกล้ผมในระยะ3Dเลยอะ
ไม่พอยังมาฉีกยิ้มอันสยดสยองให้ผมอีก เจออย่างนี้ผมก็สลบไปเลยดิ” ผมเล่าประการณ์ขนหัวลุกให้ทั้งสองท่านฟัง ไม่ดิ เหมือนพ่อจะไม่ฟัง
เพราะมวยคู่ที่เท่าไหร่ไม่รู้เริ่มต่อยกันแล้ว
มีแค่แม่คนเดียวที่จะเป็นที่พึ่งให้แบม คุณพ่อช่างโหดร้ายยิ่งนัก
เห็นมวยดีกว่าลูกชายตัวเองที่พึ่งถูกผีหลอกมาหมาดๆ เชอะ !!
“เป็นเจ้าที่เจ้าทางบ้านเราหรือเปล่าลูก” แม่ออกความเห็น
“แล้วเจ้าที่บ้านจะมาหาผมทำไมอ่ะ”
นั้นดิ ถ้าจะมาแค่ยิ้มทักทายแบบนั้นเฉยๆ
ไม่ต้องมาก็ได้ม้างงงงงงงงงงงง
“แกแอบไปทำเรื่องอะไรไม่ดีมารึเปล่า
หรือว่าแอบมาขโมยตังค์ของพ่อกับแม่หะ!”
“ว่าไปเรื่อยน่ะพ่อ ถึงผมจะเคยคิดแต่ไม่ทำจริงๆหรอกหน่า
พ่อนี่ชอบมองผมในแง่ร้ายตลอดเลย”
ใช่สิ มีเรื่องร้ายๆทีไรนี่ชอบโยนมาให้ตลอดน่ะ ผมไม่ใช่ถังขยะนะพ่อ
“งั้นกินข้าวเสร็จแล้ว ไปซื้อผลไม้กับแม่
จะได้เอามาไหว้เจ้าที่
นี่แม่ก็พึ่งนึกได้ว่าอาทิตย์นี้แม่ยังไม่ได้เปลี่ยนเซ่นไหว้ให้ท่านเลย”
นั้นไง
ปกติบ้านผมจะเปลี่ยนเซ่นไหว้ให้เจ้าที่อาทิตย์ละครั้ง พ่อกับแม่เป็นคนจัดการ ผมไม่ยุ่งอีกเช่นเคย ที่ท่านมาปรากฏตัวให้ผมเห็นนี่จะมาทวงของกินสินะ เห็นแก่กินจังนะเรา อุ๊บ ปากน่ะปาก เดี๋ยวก็ได้เจอดีอีกหรอ ขอโทษก๊าบบบบ
แล้วงงคือทำไมไม่ไปหาพ่อวะ เมื่อคืนพ่อก็นอนยู่ที่ห้องนิ ทำไมต้องเป็นฉันต้องมากับเรื่องหลอนแบบนี้ อยากจะร้องไห้
เห้ย ปกติถ้าเป็นเจ้าที่บ้านดูแลบ้านเรา
จะต้องมาแบบหล่อๆป่ะ ถ้าเจ้าที่เป็นผู้หญิงก็มาแบบสวยๆงี้ สรุปก็คือมาแบบดีๆอ่ะ
ไม่ใช่ยืนตรงประตู เป็นเงามืดตะคุ่มๆ แถมยังมีการส่งยิ้มอันสยดสยองแลพิสมัยให้อีก(ยังไง?)
หรือว่า…
“ถ้าผีตัวนั้นไม่ใช่เจ้าที่ละแม่…” ผมกำไม้หมูปิ้งไว้แน่น จ้องหน้าแม่นิ่ง
ท่านได้ยินถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ
“แกไปฆ่าคนมาหรอแบมแบม”
“พ่อ!!”
หน้าหล่อๆ นิสัยดี เท่ อย่างผมนี่นะ จะไปฆ่าคน
“จะใช่หรือไม่ใช่ลูกก็ต้องได้ไปทำบุญแล้วละ จะได้สบายใจ
แล้วลูกแน่ใจหรอว่าที่ลูกเห็นไม่ใช่ความฝัน”
“ถ้าผมฝันจริงๆคงมีผีมาเข้าฝันอ่ะแม่
มันก็เจอผีเหมือนกันแหละ เหมือนจริงซะขนาดนั้น…”
…ยังเรียกว่าเป็นความฝันได้อีกหรอ
ครืด ครืด
ผมลากประตูหน้ารั่วบ้านเปิดออกจนสุด ให้รถยนต์ที่แม่จะเป็นคนขับออกไปได้ ส่วนพ่อน่ะหรอ รายนั้นยังนั่งดูมวยในบ้าน ส่งเสียงเชียร์ดังลั่นบ้าคลั่งสุดๆ
พอกินข้าวเสร็จ
แม่ก็บอกให้ผมรีบไปซื้อของมาทำบุญเลย ชักช้าไม่ได้
ถ้าปล่อยไว้นานอาจจะมีเรื่องไม่ดีอะไรตามมาทีหลัง
ที่จริงแม่จะเอารถมอเตอร์ไซน์ออกละนะ แต่นี่ก็บ่ายแล้วไง
ตลาดแถวบ้านก็เก็บของกันหมดแล้ว แถมอากาศก็ร้อนอีก ซื้อของที่ร้านเสร็จก็ตรงดิ่งไปที่วัดเลย
แล้วแต่แม่จะพาไป วัดไหนก็ได้เถอะ ขอแค่คุณผีอย่ามาหลอกหลอนผมอีกตลอดไป
นั้นก็ปริ่มสุดๆ
“แบมจะไปไหนอ่ะ”
ระหว่างที่รอแม่เข้าห้องน้ำ
ผมก็หันไปมองตามเสียงเรียกเห็นพี่ยองแจเดินกางร่มสีชมพูมาหยุดคุยกับผม บอกเลยสีร่มพี่มันแสบตามาก
“ไปทำบุญน่ะพี่ ไปด้วยกันเปล่า”
“ไม่อ่ะ ออกไปซื้อส้มตำหน้าปากซอยก่อนนะ”
“โอเค พี่”
พี่ยองแจเดินมาแตะไหล่ผมสองสามครั้ง เดินออกไปได้สองสามก้าว
ก็ถอยหลังกลับมาคุยกับผมต่อ อะไรของพี่คนนี้นิ?
“เออๆ รู้ยังบ้านตรงเนี๊ยมีคนมาซื้อแล้วนะเว้ย
ป้าจุ๋มนางมาเล่าให้ฟัง บอกว่าอีกสองสามวันคนที่ซื้อบ้านหลังนี้จะย้ายมา แถมหน้าตาเจ้าของบ้านใหม่นี่นำเข้าจากเกาหลีเลยอ่ะ
เป็นผู้ชายซะด้วย หล่อล้ำสุดๆ”
ผมมองไปยังบ้านปูนสีขาวสองชั้นออกสไตล์โมเดิลๆตั้งตระง่านอยู่หน้าบ้านผม มันแบบว่า...โคตรแย่งซีนบ้านผมเลยอ่ะ ซึ่งตรงประตูหน้าที่เคยมีป้ายประกาศขายไว้ บัดนี้มันได้หายไปแล้ว
คือเจ้าของเก่าบ้านหลังนี้ย้ายไปอยู่อเมริกากันยกครัวเลยจ้า ด้วยเหตุผลอันใดก็ไม่ทราบเหมือนกัน
แต่ถ้าไปถามป้าจุ๋มนางน่าจะรู้ดี และดูเหมือนว่าเจ้าของบ้านเก่าคงจะไปอยู่ตลอดอเมริกาชีวิตมั้ง
เลยประกาศขายบ้านที่อยู่ในสภาพดีสุดๆ
เห้ยยยย
หรือว่าเอ็กโซจะย้ายมาวะ !!!!!!!!!!!!!!!!!!
EXO Next Door ไงมึง !!! อย่างนี้ต้องเตรียมกล้องส่องทางไกลให้พร้อม
ไว้รอส่องปู้จาย
“เออ บอกแค่นี้แหละ ไปละ”
แล้วนางก็เดินตรงไปยังหน้าปากซอย
ไปซื้อส้มตำตามที่ตั้งใจไว้…
ตกเย็น
หลังจากที่ผมกับแม่ไปทำบุญที่วัดเสร็จ ซึ่งก็เป็นวัดในกรุงเทพนี่แหละ
เราก็ไปตลาดต่อเพื่อซื้อกับข้าวเย็น แม่น่ะเป็นคนซื้อ ส่วนลูกคนเนี่ยเป็นคนหิ้ว แล้วแต่ละอย่างที่แม่ซื้อนี่ใช่จะเบาๆนะ
แบกถุงกับข้าวงี้ ผลไม้เอย มังคุด มะม่วง และขนุนที่ผ่านการชำและมาเรียบร้อยแล้ว
ดีหนาไม่ได้หิ้วลูกขนุนกลับบ้านมาด้วย ไม่งั้นจะฟ้องประยุทธ์
ว่าแม่ใช้แรงงานเด็กเกินจำเป็นแน่
เกือบชั่วโมงกว่าๆสำหรับการจับจ่ายใช้สอยในตลาด ผมเก็บของที่ซื้อไว้ตรงหลังรถ
ก่อนจะเดินเข้ามานั่งด้านใน และจัดการรัดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย
ผมแอบเหล่ตามองแม่ที่กำลังจะสตาร์ทรถ คือแบบว่า…มีเรื่องอยากจะบอกแม่อ่ะ
มันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรหรอกนะ แต่ถ้าพูดไปแล้ว
สำหรับแม่มันคือเรื่องไร้สาระมาก ตอนนี้เลยลังเลมากว่าจะบอกดีรึเปล่า
ซึ่งมันอาจมีผลต่อชีวิตและทรัพย์สินของผม #หรา
“แม่ เดี๋ยวแวะเซเว่นได้ป่ะ” ผมหันหน้าไปถามแม่ที่กำลังตั้งใจขับรถอยู่
พูดๆไปเถอะน่า ไม่โดนด่า ก็โดนเงียบใส่แหละหว่า
ไม่มีอะไรต้องกลั๊ววว
“จะซื้ออะไร”
“กระเป๋าผ้าJYM4” ตอบอย่างกระตือรือร้น
นี่พูดจริงนะ เดี๋ยวนี้เซเว่นเขามีขายด้วย
จริงๆเห็นข่าวตั้งนานแล้วแหละว่าจะมีขาย แต่ก็ต้องเก็บไว้ในใจไม่กล้าบอกแม่ จนวันนี้แหละครับ
กูจะต้องซื้อให้ได้ !!!!
“บ้านเราก็มีเยอะแยะจะซื้อไปทำไม” คุณแม่ตอบอย่างเรียบเฉยมาก จนผมแทบจะไม่สามารถสรรหาข้ออ้างใดๆมาพูดได้
เอาจริงๆบ้านผมก็มีกระเป๋าเยอะอยู่นะ
ถามว่าได้ใช้ไหม ตอบเลยว่า ไม่ ส่วนมากมันจะเป็นกระเป๋าผ้าที่พ่อกับแม่ได้มาฟรีอ่ะ
ได้มาก็เอามากองเต็มบ้านนั้นแหละ แต่กระเป๋าผ้าJYM4 นี่ผมอยากได้จริงๆนะโว้ยยย
นี่ถ้าได้จริงๆนะ ผมจะหิ้วกระเป๋าผ้าJYM4 ไปมหาลัยฯทุกวันเลยเอาะ
เอาจนกว่าผ้าจะขาดเลยคอยดูเส่!!!
“ก็ผมอยากได้อ่ะแม่” พยายามใช้น้ำเสียงออดอ้อนเต็มที่เผื่อนางจะใจอ่อน
คิคิ
“กี่บาทละ”
อั๊ยยะ .ยิ้มร้ายกาจ
“ห้าสิบ”
“….”
“กระเป๋าผ้าJYM4หมดรึยังครับ”
เอ่ยถามกับพนักงานสาวเซเว่นอายุเหมือนจะยี่สิบนิดๆสวมแว่มหนาเตอะคนหนึ่งอย่างสุภาพ
ขณะนี้กระผมยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์เซเว่นละครับ
วะฮ่าๆๆๆๆ ซึ่งตอนนี้ในเซเว่นคนก็ไม่เยอะเท่าไหร่ อีกอย่างไม่น่าเชื่อว่าแม่จะยอมให้ซื้อด้วย
555555555 ซึ่งปกตินะบอกอยากได้อะไรแม่จะตอบว่า
อยากได้ก็ใช้เงินตัวเองสิ…
แต่วันนี้นี่ให้มาตั้งร้อยหนึ่งก่อน ดีใจแปรบ เดี๋ยวเหลือก็ซื้อหนมต่อ
ช่วงนี้ชีวิตดี๊ดี เมื่อวานก็ได้โปสเตอร์ฟรี แถมวันนี้แม่ก็ยังยอมให้ซื้อของที่ไม่เคยจะยอมให้ซื้ออีก
ปริ่มอ่า
“พี่ๆกระเป๋าผ้าศิลปินเกาหลีนั้นหมดยัง” พี่เขาก้มถามพี่พนักงานอีกคน
เหมือนพี่คนนั้นกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่หลังเคาน์เตอร์
“เดี๋ยวก่อนนะ เหมือนจะหมดแล้วรึเปล่า พี่ไปหาก่อน”
พูดจบผมก็เห็นพี่พนักงานในชุดเซเว่นผู้หญิงคนหนึ่ง
ย้อมผมแดงตัดสั้นเหมือนทอมหน่อยๆ ลุกขึ้นยืนแล้ว เดินออกจากเคาน์เตอร์ไปหลังร้าน รออย่างใจจดใจจ่อไม่นานก็มีเสียงตะโกนออกมาว่า
“ของหมดแล้วๆ!”
หะ…หมดแล้ว!?
“ของหมดแล้วคะน้อง เมื่อวานเขามาเหมากันเยอะเลย”
พี่พนักงานเซเว่นสวมแว่นบอกกับผม ได้ยินแล้วถึงกับเงิบ
เมื่อวานหรอ… กูพลาดสินะ
“ออ แล้วของจะมาอีกเมื่อไหร่ครับ”
“คือของแบบนี้มันมาไม่แน่นอนคะน้อง คงต้องรอหน่อย”
ฉีกยิ้มอย่างสุภาพ
“อ่าๆ ขอบคุณครับ” ว่าแล้วก็เดินห่อเหี่ยวออกมาจากเซเว่น
ทำไม…ทำไมของต้องหมดวันนี้
แล้ว…ทำไม…ทำไมผมไม่มาตั้งแต่เมื่อวาน
ทำมายยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ฮือ
ผมเดินดุ่มๆเข้าไปในรถ พอเข้าไปนั่งแม่ก็เอ่ยปากถามผมทันที
“แล้วไหนละกระเป๋าที่ลูกอยากได้”
“เขาบอกกระเป๋าหมด…”
“งั้นเอาตังค์ที่แม่ให้คืนมา” พูดอย่างเดียวไม่พอ
แม่ยังแบมือมาอีก
“คืนทำไมอ่า เผื่อผมมาซื้อวันอื่นอีกไงแม่”
“เอาคืนมาก่อน ไว้จะซื้อค่อยมาขอ”
“โห แม่อ่ะ” สุดท้ายผมก็ต้องจำนนท์
เอาแบงค์ร้อยคืนแม่แต่โดยดี
ฮือออ สงสัยวันนี้คงไม่มีอะไรดีๆแล้วละ
กระเป๋าผ้าJYM4
ก็หมด เฮ้อออออออออ ถอนหายใจออกมาดังๆให้โลกรู้
ว่าพี่กันต์คนนี้เซ็งนะโวยยยยยยยย
ผมนั่งจ้องอยู่หน้าจอโน้ตบุ๊กท่องโลกโซเชี่ยวไปเรื่อยอยู่ด้านล่างบนโต๊ะกินข้าว
ตามชีวิตกิจวัตรประจำของตัวเอง โน้ตบุ๊กอันนี้ของแม่นะ
พอดีไม่กล้าขึ้นไปนั่งเล่นบนห้องกลัวผีนั้นโพล่มาอีก ส่วนพ่อก็ขึ้นไปอาบน้ำ
แม่น่ะหรอนั่งดูละครตบจูบอยู่หน้าทีวีนู่น
บางทีตอนมหาลัยฯยังไม่เปิด อยู่บ้านเฉยๆแบบนี้มันก็เบื่อเหมือนกันนะ
ไม่รู้จะทำอะไร อยากปั่นฟิคแต่สมองตอนนี้ไม่แล่นจริงๆ เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์
ก็ไม่ค่อยมีข่าวอะไรให้กรี๊ดเลย แล้วข้าพเจ้าจะทำอะไรดีนิ? เห้ย…กี่ทุ่มละวะ
หันไปมองเวลามุมขวาล่างของหน้าจอโน้ตบุ๊กตอนนี้สามทุ่มแล้ว
ไม่ได้การละ อย่างนี้ต้องรีบปิดคอมและอาบน้ำโดยด่วน !!!
เพราะคืนนี้ผมไม่นอนที่ห้องตัวเองหรอก ไม่อยากเจออะไรดีๆอีกแล้ว T^T บรึ๋ยยย
“แม่ เดี๋ยวผมไปนอนด้วยดิ” ผมตะเบ็งเสียงถามแม่
แต่ก็ไม่ได้เสียงตอบรับอะไร เพราะเธอกำลังอินกับฉากนางร้ายตบนางเอกสุดๆ หรือเพราะแก่แล้วหูเริ่มตึงไม่ค่อยได้ยินก็ไม่รู้
“แม่ คร้าบบบบบบบบ” ผมตะเบ็งเรียกอีกรอบให้ดังกว่าเดิม
จนในที่สุดก็มีสัญญาณตอบรับจากคุณแม่ แค่เสียงพูด
เพราะคุณเธอไม่ยอมหันหน้ามาคุยดีๆ ดูละครอยู่นั้นแหละ
“เรียกทำไมแบม”
“ผมไปนอนที่ห้องด้วยนะ คืนนี้”
“แล้วทำไมลูกไม่นอนห้องตัวเองละ ทำไมโง่อย่างนี้เนี่ย
ไม่ได้ดั่งใจเลย!!”
เอิ่มม คือ…ประโยคแรกก็คุยกับผมอยู่นะ แต่อันข้างหลังน่ะ
แม่บอกกับละครในทีวีนู่นที่นางเอกถูกตบซะเลือดกบปาก
ยังมานั่งร้องห่มร้องไห้อยู่อีก ขนาดผมเห็นละยังหมั่นไส้แทน
“ไม่เอา ผมกลัวผีอ่ะแม่ นอนด้วยนะๆ”
“บ้านเราไม่มีอะไรต้องกลัวหรอกลูก”
“แต่ผมกลัวนิ”
“กลัวอะไรแบมแบม” ผมหันไปมองตามเสียง
พ่อกำลังเดินลงมาจากบันไดและตรงเข้ามาหาผมที่โต๊ะ
“ผี ผมกลัวว่าเขาจะมาหาผมอีก”
“จะไปกลัวทำไม
ก่อนเป็นผีก็เคยเป็นคนเหมือนๆเรามาก่อนแหละหน่า”
“พ่อไม่เจอแบบผมก็พูดได้สิ ลองมานอนห้องผมดูไหมละ”
“เรื่องไรพ่อจะนอน”
แหนะ เห็นมะ ขนาดพ่อยังไม่กล้ามานอนเลย ทำเป็นมาพูด
“แต่คืนนี้ผมขอไปนอนด้วยน๊าพ่อ ผมยอมนอนพื้นเลยอ่ะ”
“ไม่ นอนห้องลูกนั้นแหละ เชื่อพ่อดิมันไม่มีอะไรหรอก
แมนๆเลยลูก!!”
“ผมไม่ได้แมน ผมเป็นตุ๊ดอ่ะพ่อ”
“…ถ้างั้นแกก็นอนห้องแกต่อไป จนกว่าแกจะแมนละกัน”
พูดจบพ่อก็เดินกลับขึ้นห้องไป
นี่กูเล่นเอง โดนเองเลยใช่ป่ะ
“พ่ออออออออ!!!!!!!!! ผมพูดเล่นนนนนนนนนนนน”
ผมตะโกนครวญครางออกมาเสียงดังหวังว่าเสียงนี้จะส่งไปถึงพ่อให้เขาได้ยินบ้าง
อื้อหือ ไม่น่าเลยกู ไอ่เรากะเล่นขำๆ
แต่ทำไมพ่อถึงทำอย่างนี้ ฮืออออออออออ แต่เราจะยังสิ้นหวังไม่ได้
เพราะยังเหลือคุณแม่อยู่
“แม่คนสวยคร้าบบบบบบบบบ ผมนอนด้วยน๊า” หันไปอ้อนวอนต่อคุณแม่ผู้เป็นที่พึ่งสุดท้าย
ท่านลุกขึ้นปิดทีวีก่อนจะหันมายิ้มอย่างนางงามและพูดประโยคหนึ่งกับผม
“พ่อว่ายังไงแม่ก็ว่าอย่างนั้นแหละ ฝันดีนะแบม”
พูดจบก็เดินขึ้นห้องทันใด
ทิ้งให้พี่แบมนั่งอึ่งและโดดเดี่ยวอยู่ที่โต๊ะ
แดกจุดเลยกู
นี่ผมเป็นลูกพ่อกับแม่ป่ะเนี่ย เริ่มสงสัยแปลกๆละนะ
มีที่ไหนกีดกันลูกตัวเองไม่ให้นอนด้วย เก็บผมมาเลี้ยงกันหรอ ฮือออ
“อันเดววววววววววว ฮือออออ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
อืมมมม….ให้ตายดิ
ผมยืนนิ่งกอดอกแน่น มองประตูหน้าห้องตัวเองที่ไม่กล้าแม้จะบิดลูกเปิดเข้าไป
ก็ตอนนั้นผีมันมายืนอยู่ในห้องแถวๆตรงประตูใช่ป่ะ แล้วอย่างนี้ใครกล้าเปิดเข้าไปวะT^T จะนอนโซฟาข้างล่างก็ไม่กล้า
ฮือออออ พ่อกับแม่ก็ไม่ให้นอนด้วยอีก ชีวิตหนอชีวิต
“สาธุๆ ขอให้อย่าเจออะไรอีกเลยเถอะ เพี้ยง”
ผมยกมือขึ้นไหว้ ก่อนะจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ
เรียกขวัญและกำลังให้ตัวเองเต็มที่
มือขวาค่อยๆเอื้อมไปจับลูกบิดประตูอย่างกล้าๆกลัวๆ จนในที่สุดก็จับลูกบิดหมุน…
แอ๊ด…
“อ๊ากกกกก ฮือ”
วินาทีนี้ผมหลับตาปี๋
เมื่อรู้สึกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมก็ลืมตามองเข้าไปในห้องตัวเองที่มืดสนิท
รีบวิ่งเข้าไปในห้องและเปิดไฟให้สว่างทันใด
จัดการหยิบผ้าขนหนูที่พาดบนราวเข้าไปอาบน้ำ พร้อมกับเปิดเพลงในโทรศัพท์ดังลั่น
กันความเงียบ…
~Woo Gimme Gimme Gimme Your love พูทากียา Gimme Gimme Gimme Your love~
ใช้เวลากลับมาอาบน้ำอย่างรวดเร็ว
ยังดีที่ยังไม่เจออะไรในห้อง รู้สึกโล่งอกขึ้นมานิดหน่อย คืนนี้ผมจะเปิดไฟห้องสว่างไว้ทั้งคืน
เสียงเพลงจากต้องโทรศัพท์มาเต็ม !!
แอบมองไปยังประตู แต่มันก็ไม่วายเจอโปสเตอร์อิพี่มาร์คอยู่ดี มันก็ไม่ได้ช่วยให้ความกลัวลดลงสักนิด แต่ว่ารีบนอนดีกว่าๆ พอหลับไปแล้วจะได้ไม่ต้องรับรู้อะไรอีก
ผมเดินไปนอนลงบนเตียงห่มผ้าห่มให้ตัวเองโคตรจะมิดชิด
วางโทรศัพท์ที่เปิดเสียงเพลงไว้ข้างๆหมอน โอเคทีนี้ก็อย่าคิดมากมึง นอนหลับ!!!!!!!!!!!!
00:00
“ครอกฟี้ Zzzzz”
“ครอกกกกกกกกกก”
~ออนึอ นัล บัมฮานือเร จิงฮาโก กึมมี กา พยอรึน
ตอรอจอดซอ (วันหนึ่งท้องฟ้าก็สว่างวาบ แล้วดาวก็ตกลงมา)~
“ครอกกกกกกกกกกกกZzzzzzzzzz”
แกรก แกรก
“อืม งืมๆ”
โอ้ยยยย คันอีกละ
แกรก แกรก
อีกครั้งที่ผมเกาไปตามใบหน้า มันคันอีกแล้ววววว
ยิบๆๆเหมือนเมื่อวานอีกละ เป็นอะไรของมันวะ
ผมลุกขึ้นจากเตียงตรงเข้าไปยังห้องน้ำสภาพสะลึมสะลึกสุดๆ
ทำไมกูมาตื่นตอนกลางดึกแบบนี้ด้วยเนี่ย หลับสบายแล้วเชียว ผมมองกระจกสำรวจใบหน้าอันหล่อเหลาของตัวเอง
แต่ก็ไม่เห็นมีรอยแดงอะไร แต่ทำไมไม่รุ้มันคันจริง สงสัยแม่เปลี่ยนยี่ห้อผ้าปรับผ้าใหม่แน่เลย
มันเลยมีการตอบสนองนิดหน่อย
เดินออกมาจากห้องน้ำ
กำลังเดินไปที่เตียงแต่ผมก็ต้องชะงักเมื่อเห็นอะไรบางอย่างที่ตรงประตู
เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย แล้วมึงงงงงงงงงงงงงง !!!!!!!!!
ผมเหล่ตามองไปตรงประตู
แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นอย่างที่คิด มีเพียงแค่จ้ามากๆสะท้อนมาตรงโปสเตอร์อิพี่มาร์ค
โด่วววว แค่แสงสะท้อนทำกูตกใจหมด
หายใจโล่งอกสุดๆ
กลับมาที่เตียงกำลังจะเอียงตัวลงนอน
ผมก็ต้องหลับตาลงเมื่อมีแสงจากที่ไหนไม่รู้สะท้อนมาตรงโปสเตอร์พี่มาร์ค
แบบแมร่งโคตรจ้า มึงทำเอากุตาบอดเลยรึไงหะ!!!!
ตุบบบบบ!!
ผมถึงกับสะดุ้ง เมื่ออยู่ๆก็ได้ยินเสียงเหมือนอะไรบางอย่างตกลงมาอย่างหนัก
บอกเลยตอนนี้กูไม่กล้าลืมตาดูอะไรทั้งนั้น จะมีอะไรอีกวะ !!
ผ่านไปสิบวิ ผมก็ค่อยๆลืมมองดูสถานการณ์ในห้อง
กูคงไม่เจอดีอะไรอีกใช่ไหม ได้แต่ภวนาอยู่อย่างนั้น มองไปยังตรงประตูอีกครั้ง
เท่านั้นแหละ กูนี่อ้าปากตกใจยิ่งกว่าเจอผี
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เห้ยยยยยๆ มึงงงงงงงงงงงงงงง นี่กูฝันไปใช่ป่ะวะ
ใครก็ได้แมร่งช่วยปลุกกูที !!!!!!! มึง นี่มันเรื่องอะไรกันวะ
พี่มาร์คยืนอยู่หน้ากู ตัวเป็นๆ เลยเว้ยยยยยยยย
“อิแบม ตื่นมึงตื่นๆ” ผมตบหน้าตัวเองไปมาอย่างแรง
พลันสายตาก็มองไปยังตรงนั้นอีกครั้ง
พี่มาร์คผมทองออกขาวนิดๆ สวมชุดฮู้ดสีดำทั้งตัว มองมาที่ผม เรียกว่าจ้องเลยมึง และนั้นก็ยิ่งทำให้ผมช็อกเข้าไปอีก เมื่อเขามองมาที่ผมและเอ่ยประโยคเป็นภาษาเกาหลีขึ้น
“อ…อันยอง”
เชี่ยยยยยยยยย มาอันยงอันยองอะไรของมึงงงงง
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับกูกันแน่วะ ทำไมอิพี่มาร์คถึงมายืนในห้องกูได้!!!!!!!!
ทำไงถึงจะเจอแบบแบมบ้าง วิ่งไปซื้อส้มตำหน้าบ้านแปบ55555555
ช่วยกันโหวตและเม้นท์ จะสปีดมาอย่างไวเลย
เล่นแท็กในทวิตได้ #พี่มาร์คออกมาจากโปสเตอร์
เลื่อนลงมาสิ เอาคนหล่อมาฝาก
เราจะจัดธีมหนุ่มหล่อรอยยิ้มพิฆาตใจ มีผู้เข้าประกวด 3 คน 555555
ยิ้มหน่อยค่าาา
1.น้องวีวี่
2.น้องจูเนียร์ หน้าเอ๊าะ
และ 3. น้องเอินเอิน ค่าาาาา
ความคิดเห็น