คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Poster :: 09 100%
[พาร์ทหนูยองแจเล่าขวัญ]
เวลา 21.35 นาที
ผมนอนก่ายขาอย่างสบายใจ นิ้วโป้งเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ดูความเคลื่อนไหวต่างๆในโลกเฟสบุ๊ค
แต่แล้วเมสเสจเจอร์ก็เด้งลูกๆกลมหน้าพี่แจ็คสันขึ้นมา
เรียกความสนใจให้ผมกดเข้าไปอ่านข้อความนั้น
พี่แจ็คสันเองนะยองแจ
อ่อ
พี่รัวไลค์ขนาดนี้ไปส่องเฟสผมมาใช่ป่ะ
แฮร่ นิดหน่อย
ก็ตะกี้มีการแจ้งเตือนขึ้นเป็นร้อย
ผมเห็นละสะดุ้งแรง เกิดมาไม่เคยมีการแจ้งเตือนบ้าระห่ำขนาดนี้
เต็มที่สุดๆก็แค่สิบกว่าเอง และพอรู้ตัวบุคคลที่ทำให้การแจ้งเตือนผมเยอะแบบนี้ผมก็ยิ่งงงเข้าไปอีก
ไม่นิดหน่อยละมั้ง
102ไลค์
รูปสมัยไหนก็ไม่รู้ยังมาไลค์อีก
อายนะพี่
น่ารักจะตาย
แล้วยองแจชอบนักร้องเกาหลีหรอ
พี่เห็นโพสเกี่ยวกับเกาหลีเต็มเลย
ตามนั้นครับ
การโพสของผม 98% เรื่องเกาหลี 2% บ่นเรื่องทั่วไปสาระไม่ได้รวมถึงเรื่องที่อาจารย์สั่งงาน
ขยันนัดสอบบลาๆ อีกนิดหน่อย นิดหน่อยจริงๆ แต่แอบเขินนะที่มาบอกว่าผมน่ารัก งิ
ผู้ชายรูปโปรของยองแจชื่อเจบีเปล่า
แม่นนน
รู้ได้ไงครับ
เห้ยยยยยยย อย่าบอกนะว่าหน้าหล่อๆอย่างพี่แจ็คสันจะเป็นติ่งเกาหลีด้วยอะ
ก็มันเต็มเฟสยองแจเลยนิ
อะไรๆพี่บี เจบี ปู่ สักอย่างนี่แหละ
โอ้ววว
สงสัยผมต้องไล่ลบแล้วล่ะ
55555 แล้วตอนนี้ทำไรอยู่
ห้ามตอบว่าหายใจ หรือคุยกับพี่อยู่
อ้าว
ก็คนมันทำงั้นจริงๆอ่ะ
แล้วตอนนี้ผมคุยกับใครละเนี่ยถ้าไม่ใช่พี่แจ็คสัน
โอเค ยอมแพ้
แล้วยองแจไม่มาทำงานร้านพี่กับแบมหรอ
งานอะไรอ่ะ
แบมทำด้วยหรอ
ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย
เห็นแบมบอกจะทำกับเพื่อน
คนอย่างไอ่แบมเนี่ยนะทำงาน!! หน้าตาและนิสัยไม่เอื้ออย่างแรง แต่ก็ได้ยินผ่านๆจากป้าจุ๋มนะว่าพี่แจ็คสันเขาจะเปิดร้านเบเกอรี่อ่ะ
แล้วก็เห็นรูปร้านพี่เขาโพสลงเฟสเมื่อเช้าด้วย ว่าอีกไม่กี่วันพร้อมให้บริการ แล้วอะไรดนจิตดนใจให้คนขี้เกียจอย่างไอ่แบมทำงานวะ?
[จบพาร์ทหนูยองแจเล่าขวัญ]
[พาร์ทแจ็คจั๋นเล่าขวัญ]
JB
(Im JaeBum)
เจบี (อิม แจบอม)
วันเกิด : 6 มกราคม 1994
ส่วนสูง : 179 ซม.
น้ำหนัก : 66 กก.
การศึกษา : Konkuk
University's Film Department
กรุ๊ปเลือด : A
งานอดิเรก : ท่องเที่ยวด้วยรถบัส, ดูหนัง, สูดอากาศบริสุทธิ์, มองหาร้านอาหาร, ถ่ายรูป
ความสามารถพิเศษ : บีบอย
ผู้หญิงในอุดมคติ : คนที่ดึงดูดสายตาและกุมหัวใจเขาได้
“นายคนนี้สินะ อิม-แจ-แบม”
ผมมองรูปผู้ชายหน้าตาดีเกาหลีคิ้วเข้มคนหนึ่งแนบมาพร้อมประวัติส่วนตัวบนหน้าจอคอมพิวเตอร์
ไม่ใช่ว่าชอบหรอกนะ แต่คนที่ผมชอบต่างหากที่ชอบหมอนี้
เลยต้องไปนั่งหาประวัติมาอ่าน ถามว่าหล่อไหม ตอบว่าไม่ สู้ผมก็ไม่ได้
เจบมเจบีนี่ต้องหลีกทางไปให้ไกลเลย ไม่แน่ถ้าผมไปออดิชั่นที่เกาหลีอาจจะกลายเป็นดารานักร้องดังนะ
อะจ๊ะ หน้าตาผมนี่ไม่ใช่เล่นๆ
แต่ว่าเขาเป็นติ่งเกาหลีจะจีบยากไหมวะ
ทำยังไงถึงจะได้เขามาเป็นแฟนอ่ะ ทำยังไงเขาถึงจะหันมากรี๊ดเราแทนไอ่เจบีนั่นอะ
หรือผมต้องไปอัพหน้าใหม่เหมือนเจบี เขาถึงจะสนใจผม
ในเมื่อหาทางออกไม่เจอ
ผมก็ต้องพึ่งที่ปรึกษาจากคนอื่น โดยเข้ากลูเกิ้ลพิมพ์คำว่าพันทิป
แล้วตั้งหัวข้อกระทู้ว่า
‘ทำไงถึงจะได้เมียเป็นติ่งเกาหลี’
คือตอนนี้ผมแอบชอบคนๆหนึ่งอยู่ แล้วเขาเป็นติ่งเกาหลีชอบศิลปินเกาหลีมากกก แล้วบ้านผมกับเขาก็อยู่ไม่ไกลกันด้วย อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันครับ แต่ผมพึ่งย้ายมาได้ไม่นานพอจะวิธีหรือคำแนะนำบ้างไหมครับ
[จบพาร์ทแจ็คจั๋นเล่าขวัญ]
25%
วันต่อมา
ทันทีที่เดินลงบันไดบ้านมาก็จ๊ะเอ๋กับพี่แจ็คสันรูปหล่อของเรานั่งรออยู่หน้าทีวี
วันนี้พี่เขาจะพาไปดูร้านแหละ ก็ไม่เข้าใจทำไมต้องดูด้วย พี่เขาบอกให้ไปก็ไป
ไม่สามารถขัดคำสั่งอะไรได้
“รอนานไหมพี่แจ็คสัน”
“เกือบหลับอ่ะ นั่นเพื่อนแบมหรอ”
มองไปทางพี่มาร์คที่ยืนอยู่ข้างหลังผม
“อ่าใช่ครับ
คือเขาเป็นคนเกาหลีนะพี่”
“หะ??”
“ทำไมอ่ะ”
“คนเกาหลี? แล้ว…แล้วจะทำงานยังไง”
“ให้เขาเป็นคนเสริฟ์อย่างเดียวก็ได้นิครับ
หรือไม่ก็พนักงานต้อนรับ ฉีกยิ้มอย่างเดียว”
“จะบ้าหรอ มันร้านเบเกอรี่นะแบมไม่ใช่โรงแรมห้าดาว”
ก็ร้านเบเกอรี่ห้าดาวไงเล่า พี่แจ็คสันไม่เป็นผู้นำเทรนเลยอ่ะ
โด่ววววว
พี่แจ็คสันขมวดคิ้วมองหน้าพี่มาร์คด้วยสายตาแปลกๆ
โดยที่ผมก็ไม่อาจเดาได้ว่าสายตาแบบนั้นหมายความไง
“ไปถึงร้านแล้วค่อยว่าละกัน”
ร้าน SwJack
ว้าววววววววว
ร้านนี้มันดีจริงๆ มองไปรอบๆร้านพี่แจ็คสันอย่างตกตะลึง
การตกแต่งสีทั้งหมดเน้นพาสเทลฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมว โต๊ะนั่งอยู่ตามมุมต่างๆของร้าน
โคมไฟเป็นรูปดอกไม้บานน่ารักสุดๆ บางส่วนก็ยังทำการตกแต่งไม่เสร็จดี แต่เหมาะกับการเป็นร้านเบเกอรี่และนั่งกินขนมกาแฟชิวๆได้เยี่ยมยอด
“พี่จะเป็นคนทำขนมน้ำทุกอย่างเอง
ส่วนแบมกับเพื่อนแบม ชื่ออะไรนะ”
ถ้ากูบอกว่าชื่อมาร์คได้ชิบหายกันพอดี
กลัวเวลาทำงานกันอยู่แล้วจู่ๆพี่แจ็คสันเรียกหาพี่มาร์คลั่นร้าน ขณะที่มีคนอยู่เต็มและอาจมีติ่งJYM4ปะปนอยู่ แบบนั้นมันเป็นอันตรายอย่างแรง
แอบเหลือบหันไปมองพี่มาร์คใส่แมสปิดปากยืนอยู่ข้างๆผมก่อนจะนึกชื่ออันไพเราะขึ้นได้
“ชื่อ…แม็คครับ”
“ออ แบมกับแม็ค จะเสริฟ์ขนมนะ
แม็คทำอย่างเดียวพอส่วนแบมต้องเป็นคนรับออเดอร์ด้วย”
“ผมคนเดียว?” มองตาหลวงชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
ทำไมพี่กันต์ถึงได้งานหนักคนเดียวกันอ่า
“ใช่ไง ลูกค้ายังไม่เยอะหรอกหน่า
แล้วจะให้ทำไงได้ เพื่อนนายเป็นคนต่างชาติหนิ ก็ไม่บอกพี่ตั้งแต่แรก”
เควุ้ย ความผิดอิแบมคนนี้ล้วนๆ
เลยต้องน้อมรับคำสั่งอย่างเด็กดี
“คร้าบบ”
“หรือไม่งั้นนายก็รับออเดอร์อย่างเดียว
แปลให้แม็คฟังด้วยล่ะกัน”
พูดแค่นั้นพี่แจ็คสันก็เดินหายไปหลังร้าน
เหลือเพียงผมกับพี่มาร์คสองคน พี่มาร์คก็เปิดปากพูดทันทีเลยจ้า
“พวกนายคุยอะไร? แล้วอะไรคือแม็ค”
“ชื่อใหม่ของพี่มาร์คครับ
ชื่อแม็ค”
“แล้วทำไมไม่มาร์ค”
นี่แหละน่าความฝักทองอเมริกัน -___-
“แฟนคลับจะจำได้ไงครับ
เอาชื่อแม็คไปใช้ก่อน”
และนางก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรผมกลับ งั้นหน้าที่พวกผมก็หมดแล้วดิ
รู้หน้าที่งานตัวเองแล้วนี่หน่า อย่าบอกนะว่าพี่แจ็คสันมีเรื่องบอกแค่นี้อ่ะ ต้องมาพูดถึงร้านเลยหรอวะ
แต่เล่าขวัญไม่เท่าไหร่ เสียงพี่แจ็คสันก็ดันเรียกชื่อผมพร้อมกับโพล่หน้าออกมาจากหลังร้าน
ในมือถือผ้าขี้ริ้วสีแดงพร้อมยกมือขึ้นกอดอก
“แบมแบม พี่ลืมไปว่ายังขาดอีกตำแหน่งหนึ่ง”
“อะไรครับ”
“แคชเชียร์” พี่เขาเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง “พี่จ้างยองแจได้ไหมอ่ะ”
“ห๊ะ!!! พี่ยองแจ!!!”
โนวววววววววววววว ไม่ได้โนๆ
พี่ยองแจนี่โคตรตัวอันตรายเลยพี่น้อง
ถ้าพี่ยองแจรู้เรื่องพี่มาร์ครับรองโลกทั้งใบจะต้องรู้ว่าพี่มาร์คอยู่ที่นี้แน่ๆ
“อือ ลองถามดูก่อนดีกว่า” ว่าแล้วก็ทำท่าหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง
กูรอช้าอยู่ไยรีบเข้าไปห้ามพี่แจ็คสันไว้สุดชีวิต
“อย่าๆนะครับ อย่าจ้างพี่ยองแจ ม่ายยยยย!!!!”
กูนี่ตะโกนร้องคร่ำครวญเสียงดังลั่นร้าน
ทุ้มสุดตัวขนาดนี้ไม่อยากให้พี่ยองแจมาจริงๆนะโว้ยยยยยยยย ถ้าพี่แจ็คสันยืนยันจะจ้างพี่ยองแจ
ผมนี่จะขอลาออกเลยไม่ทำมันแล้ว หางานใหม่เอาก็ได้ ยอมไปนั่งล้างจานร้านส้มตำหน้าปากซอยเลยอ่ะ
จะว่าไปชีวิตอิแบมคนนี้แมร่งอยู่ยากขึ้นทุกวันจริงๆว่ะ
ฮรืออออออ
“ทำไม มันหาคนไม่ทันแล้ว”
“เดี๋ยวผมดูแลแคชเชียร์เอง”
“นายจะวิ่งไปวิ่งมาไม่ได้นะ”
“งั้นก็จ้างคนอื่นสิครับ
ยังไงต้องมีคนมาสมัคร ช่วงนี้คนตกงานเยอะจะตาย”
ผมพยายามโน้มน้าวใจพี่แจ็คสันเต็มที่
ไม่ว่าจะยังไงพี่ยองแจก็ห้ามมาทำงานร้านนี้เด็ดขาด!!! ที่สำคัญคือพี่ยองแจจะเห็นหน้าพี่มาร์คไม่ได้ด้วย
พี่แจ็คสันจ้องเขม็งมองมาที่ผมอย่างจับผิด
ก็ท่าทางก็บ้าขนาดนี้ใครไม่คิดว่าแปลกบ้างเล่า
แต่ทีทำไปผมต้องปกป้องพี่มาร์คล้วนๆเลยนะเว้ย
“ท่าทางนายแปลกๆนะแบมแบม”
“…” เงียบครับเงียบ
“นายมีเรื่องอะไรกับยองแจรึเปล่า
ถึงไม่อยากให้พี่จ้างยองแจ”
ชิ้งงงงงงงง
สายตาจับผิดแบบนี้กูเคยเจอตอนเข้าห้องปกครองสมัยอยู่ม.2 เว้ยย คิดถึงภาพวันวานแล้วยังรู้สึกขนลุกและแสบรูตูดมาจนถึงวันนี้
“ผมงอนพี่ยองแจอยู่ครับ ไม่อยากเห็นหน้า!”
ว่าแล้วก็แสดงละครสิ กูว่าตายไปกูได้ตกนรกแน่นอนอ่ะ
สรรหาคำโกหกมาไม่รู้กี่ครั้งละ
“ฮ่าๆ งอนเป็นเด็กๆไปได้ งั้นพี่ไม่จ้างยองแจแล้วก็ได้”
โอะ
พี่แจ็คสันช่างเป็นบุคคลที่ประเสริฐเลิศเลอ แบมแบมคนนี้จะอยู่เป็นข้ารับใช้เลยครับ
บอกเลยได้ยินแบบนี้ดีใจกว่าตอนรู้เกรดอีกว่ะ
“เย้ๆ”
“แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนิดหน่อย”
มองหน้าผมอย่างมีเลศนัย
“หือ ข้อแลกเปลี่ยนอะไรครับ”
ผมทำหน้างง พี่แจ็คสันยิ้มมุมปากกระดิกนิ้วให้ผมเข้าไปหาใกล้ แล้วกระซิบเสียงแผ่วเบาข้างหูผม
O_O!!!!!!!!
“หา จริงดิพี่!!! ผมว่าพี่ลองตรวจสายตานะ”
ผมบอกกับพี่เขาอย่างไม่น่าเชื่อ สิ่งที่พี่แจ็คสันบอกกับผมบอกเลยมันอะเมซิ่งมากๆ
ถึงกับเอามือทาบอก
พี่แจ็คสันชอบพี่ยองแจเว้ยแกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
!!!!!!!!!!!!!!!
ฉันอยากจะบ้าตาย
พี่เขาสายตาแบบเสียป่ะวะ ละไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างไอ่พี่ยองแจจะมีหนุ่มๆมาชอบ
พี่เขาทำบุญด้วยอัลไลลลลลลลลลลถึงมาคนหล่อมาชอบแบบนี้
ทีผมเข้าวัดเข้าวากับแม่ในวันสำคัญทางศาสนา
ไม่เห็นพระเจ้าจะส่งหนุ่มหล่อมาชอบผมบ้างเลย
“นะๆช่วยพี่หน่อยนะ
ถ้าช่วยแล้วพี่จะไม่จ้างยองแจจริงๆสาบานเลย” พี่เขาอ้อนผมเป็นลูกแมว
แถมยังชูสามนิ้วสาบานอย่างที่บอกจริงๆ
เอาอีกล่ะ
ภาระงานแมร่งมาตกที่กูอีกล่ะ ทั้งเรื่องมีสาระ ไม่มีสาระ ทำไมหล่นมาหาแบมแบมคนนี้หมดเลยโว้ยยยยยยยย!!
เพื่อความอยู่รอดของผมและพี่มาร์คเลยตกลงที่จะช่วยพี่แจ็คเรื่องพี่ยองแจให้
แม้จะไม่ค่อยเต็มใจก็เถอะ แต่ผมก็ต้องจำใจยอมทำ ฮือออออ
รับปากไปก่อนช่วยได้ไม่ได้ยังไงค่อยว่ากันทีหลัง
จีบพี่ยองแจไม่ติดก็ไม่ใช่ความผิดของแบมคนนี้แหละวะ
และขณะนี้นายแจ็คสันกำลังใช้แรงงานพวกผมอย่างคุ้มค่า
พี่มาร์ครายนั้นโดนสั่งให้ไปเช็ดกระจกหน้าร้าน ส่วนผมเช็ดโต๊ะกับเฟอร์นิเจอร์
ส่วนพี่แจ็คสันกวาดพื้น เช็ดพื้นแล้วก็จัดของในร้าน
ครืด ครืด
หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา
ระหว่างที่มือข้างหนึ่งก็เช็ดโต๊ะไปด้วย
แต่เบอร์ที่โชว์ขึ้นหน้าจอทำให้ผมไม่แปลกใจไม่น้อย
+82 10-65xx-xxxx
ทำไมเบอร์มันแปลกๆวะ
ไม่ใช่เบอร์ในไทยนิ หรือว่าเป็นเบอร์ต่างประเทศ แต่เดี๋ยวนะผมรู้สึกว่าเลขแปดสิบสองด้านหน้านี่คุ้นๆ
พอคิดไปคิดว่าแล้วมันเหมือน….
…เชี่ย
ใช่หรอวะ
ไม่นะ ไม่
ความคิดกูนี่เริ่มน่ากลัวเกินไปล่ะนะ มองโทรศัพท์ที่ยังสั่นอยู่ในมือไม่หยุด ควรรับหรือปล่อยมันไว้อย่างนี้ดีวะ
แต่แล้วโทรศัพท์ที่ลั่นอย่างบ้าคลั่งก็สงบลงเพราะผมไม่ยอมรับสาย
ผมมีเหตุผลที่จะไม่รับเบอร์นี่ก็แล้วกัน แล้วสายตาดันไปเห็นการแจ้งเตือนข้อความเข้า
เลยกดเข้าไปอ่านดู
ปี้มัคคึ
010-92xx-xxxx สามารถติดต่อได้แล้วในขณะนี้
/ The number is now available.
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เห้ยยยยยยยย ต…ติดต่อได้แล้ว ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กูควรจะดีใจหรือเสียใจดีวะเนี่ยยยยย
รีบหันขวับไปมองพี่มาร์คที่เช็ดกระจกอยู่นอกร้านอย่างไว
พี่เขากำลังตังใจทำงานอยู่เชียว กูไม่ควรที่จะไปรบกวนอะไรทั้งนั้น
ไปๆมึงทำงานๆของมึงต่อไปอิแบม!!!
ครืด ครืด
โอ๊ะกะลังมังสังคังแตก !!!
ผมนี่ตกใจสะดุ้งโหยงเลยครับมึงเมื่อเสียงโทรศัพท์ลั่นสั่นขึ้นมาอีกครั้ง
และก็ต้องขวัญผวาเข้าไปอีกเมื่อเบอร์เดิมโทรมา
ผมเรียกสติให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว สูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึก
ก่อนจะขยับนิ้วชี้สั่นๆเลื่อนรับสายเบอร์นั้น
‘여보 세 요 (ยอโบเซโย้)’ ฮัลโหล…
ซีดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เจอคำทักทายภาษานี้เข้าไปกูนี่ยืนแช่แข็งเลยครับ
มันเป็นเสียงทุ้มๆจากผู้ชายคนหนึ่ง เป็นคนเกาหลีแน่แท้
ซึ่งไม่ใช่คนในสมาชิกJYM4แน่นอน ผมว่าน่าจะเป็นคนในบริษัทพี่มาร์คแน่ๆ
ลองคิดตามดูดิ ก่อนหน้านี้มีข้อความส่งมาว่าเบอร์พี่มาร์คติดต่อได้แล้ว
แล้วเบอร์นี่ยังโทรมาอีก มันจะไม่บังเอิญเกินไปป่ะวะ
และที่เขาเอาเบอร์นี้โทรมาคงปลอดภัยกว่าเอาเบอร์พี่เขา แล้วทีนี้กูควรทำไงดีอ่า TOT
‘여보 세 요 (ยอโบเซโย้) Hello’
ปลายสายก็ยังคงเรียกร้องหากูอยู่นั้น
พอแล้วไม่ต้องเรียกแล้ว เรียกเป็นร้อยครั้งตอนนี้กูยังไม่พร้อมมาตอบอะไรมึงหรอก บ๊ายยยยยย
ตู๊ดดดดดดดดด
ผมตัดสายทิ้งไปอย่างไม่ไยดี
ไว้ตอนกูพร้อมค่อยโทรมาใหม่นะ ตอนนี้กูคิดคำโกหกหรือความจริงอะไรไม่ออกแล้ว
“แบมแบม” เสียงพี่แจ็คสันดังขึ้นข้างหู
ผมเลยไปมองอย่างตกใจ
“ค…ครับ”
“เป็นอะไรรึเปล่า?”
“เออ…เปล่าครับ
ไม่ได้เป็นอะไร” พยามบอกสีหน้าและน้ำเสียงให้เป็นปกติ
พี่แจ็คสันก็พยักหน้าเข้าใจไปงั้น
แล้วหันไปตะโกนคุยเป็นภาษาอังกฤษกับพี่มาร์คข้างนอกร้าน
“Max finish?”
“Yes” บอกแค่นั้นแล้วเดินกลับเข้ามาในร้านที่ผมกับพี่แจ็คสันยืนคุยกัน
“มาถ่ายรูปกันดีกว่าทุกคน Take
pictureๆ” หยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดกล้องหน้า
ผมมองหน้าตัวเองในโทรศัพท์แล้วแอบกลัวตัวเองเบาๆวะ
พี่แจ็คสันเล่นเอากล้องสดด้วย ไม่คาเมล่าสามร้อยหกสิบองศาเลย จะทำร้ายความดำของแบมไปไหนหะ!!!
ไม่ว่ากล้องมันจะทำร้ายเรายังไง
เราก็ต้องยิ้มให้หล่อ ผมยิ้มน้อยเอียงมุมหน่อยๆให้กล้อง
พี่แจ็คสันค้างไว้แบบนั้นประมาณห้าวิกแล้วกดถ่ายไปประมาณสองสามรูปรัวๆ
ไม่ปรึกษาใบหน้าแบมแบมสักคำ -_- ขนาดพี่มาร์คโพล่เห็นแค่ตายังหล่ออะมึง
พระเจ้าชักจะลำเอียงเกินไปแล้วนะ
“ขอบใจมากนะที่มาช่วย
กินก๋วยเตี๋ยวกันเดี๋ยวพี่เลี้ยง”
ชามไม่กี่บาทผมก็จ่ายเองได้ป่ะ
อีกอย่างแค่ก๋วยเตี๋ยวหากินไหนก็ได้มีหมดแหละรอบกรุงเทพ ไม่ใจป้ำเลยวะพี่แจ็คสัน
“โห อาหารอิตาลีจะไม่ว่าสักคำ
ก๋วยเตี๋ยวเองหรอ”
“อย่าบ่นหน่า จะกินไม่กิน”
“กิน!!”
ตราบใดที่มันเป็นของฟรี
แบมแบมคนนี้กินหมดครับ 555555
ที่บ้าน
13.50 นาที
“พี่มาร์ค”
ผมเรียกชื่อพี่เขาระหว่างที่อีกคนกำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ
พี่เขาจึงหันกลับมามองหน้าผมเชิงคำถาม
“หือ ว่าไง?”
“คือตะกี้…”
“???”
“ตะกี้…ผมลืมแล้วว่าจะพูดอะไร
แฮร่ นึกได้แล้วจะบอกนะครับ”
แต่แล้วผมก็ไม่มีความกล้าพอจะบอกเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ากับพี่เขา
ไม่รู้อะไรทำให้ผมรู้สึกกลัว ถ้าบอกพี่มาร์คไป… เลยเลี่ยงคำถามเป็นอย่างอื่นแทน
“พี่มาร์ค
อยากกลับเกาหลีอยู่ไหมครับ”
“อื้อ อยากกลับสิ”
“งั้นผมจะช่วยให้เต็มที่เลยครับ”
ผมฉีกยิ้มกว้าง แต่ทำไมผมรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกำลังฝืนทำอะไรบางอย่างอยู่
มันรู้สึกเคว้งๆในใจยังไงก็ไม่รู้แหะ
“ขอบใจนะ
ฉันดีใจจังที่มีนายเป็นแฟนคลับ^^”
พี่มาร์คส่งยิ้มต้องมนต์ที่ใครเห็นเป็นหลงให้ผม
แฟนคลับ เมนพี่มาร์คทุกคนต่างหลงใหลทุกอย่างที่เป็นตัวเขา ผมเองก็หลงรอยยิ้มนี้เหมือนกัน…
และรอยยิ้มของพี่เขาทำให้ผมรู้สึกผิดในตัวเอง
ผมไม่ใช่คนดี…
ผมก็เหมือนมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้
เมื่อได้อะไรมา ผมก็ไม่อยากเสียมันไป
ยิ่งเป็นสิ่งที่ได้มายากเท่าไหร่
ก็อยากยื้อและเก็บไว้นานเท่านั้น
ผมมันเห็นแก่ตัว…
นายมันเห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว…แบมแบม
ความคิดเห็น