คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Re-Chapter 3 ใกล้อีกนิด 100%
Chapter 3 ใกล้อีกนิด
“จะมาทำไมไม่โทรบอกก่อนล่ะ
แล้วมาถึงนานยัง” แบมแบมหันไปถามแฟนหนุ่มที่เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ
“อือ ก็มาได้สักพักแล้วแหละ” ยูคยอมตอบยิ้มๆ สายตาแอบเหล่มองมาทางมาร์คกับแจ็คสันอย่างสงสัย
“จำได้ว่าวันนี้นายเลิกสี่โมงนิ
อย่าบอกนะว่าแอบโดดมา” เธอจำตารางเรียนของยูคยอมได้ว่าวันนี้เขาจะต้องเลิกช้ากว่าทุกวัน
นั้นก็ประมาณสี่โมงเย็น แต่ตอนนี้พึ่งจะสามโมงเอง
“ทำไงได้ คนมันคิดถึงแฟนนิครับ” พูดพร้อมกับเอนศีรษะลงไปซบไหล่คนตัวเล็กเหมือนลูกแมวขี้อ้อน
เธอพยายามเบี่ยงตัวหลีกหนี แต่ก็ไม่พ้น เลยใช้มือดันศีรษะยูคยอมออกไปแรงๆ
เพราะทุกสายตาตรงนี้ล้วนจับจ้องมาที่เธอ
มาร์คละลายสายจากภาพตรงหน้า
ทำเป็นหันไปมองอย่างอื่นแทน ถ้ามองนานเกินไป แผลในหัวใจคงจะบอบช้ำมากกว่านี้แน่….แค่นี้ก็เจ็บพอล่ะ
แจ็คสันมองดูอาการเพื่อนรักอย่างน่าเป็นห่วง
ทั้งภาพ ทั้งเสียงมาขนาดนี้ คงระทมน่าดู
จึงทำได้แค่ใช้ฝ่ามือลูบหลังปลอบเบาๆ ว่ามึงต้องทนไว้เพื่อน
“อะแฮ่ม! น้องผู้ชายคนนี้แฟนแบมแบมเหรอ?” แจ็คสันทำเสียงขึ้นมาขัดบรรยากาศ
“การกระทำขนาดนี้พี่ไม่น่าถามเนาะ” ยองแจตอบ
“ก็จริงฮ่าๆ
แฟนหล่อดีนะแบมแบม” แจ็คสันหันไปพูดชมยูคยอมแทน
และในประโยคหลังนั้นก็แอบมีความจริงปนอยู่เกือบแปดสิบเปอร์เซ็นว่ายูคยอมนั้นหน้าตาดี
ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยขี้หน้าไอ้นี่….แต่ก็ยอมรับว่ามันก็หล่อจริงๆนั่นแหละว่ะ
“เอ่อใช่…ตกลงพี่มาร์คเอารถไว้ไหนเนี่ย” ยองแจกลับมาทวนคำถามเดิมที่ยังไม่ได้ถามพี่ชายตัวเองให้จบ
“อยู่ที่คณะ
จะกลับด้วยก็ตามมาล่ะกัน” พูดจบมาร์คก็เดินหันหลังออกมาจากที่ตรงนั้นทันที
แจ็คสันก็มองตามมาร์คสลับกับยองแจอย่างงงๆ
เหมือนกับไม่เข้าใจในสิ่งที่เพื่อนตัวเองทำ
ก่อนจะรีบวิ่งตามไปถึงแม้จะยังไม่เข้าใจอะไรดีนัก
“เห้ย อะไรเนี่ย”
ยองแจยังคงยืนนิ่งมองตามแผ่นหลังมาร์คติดๆ ทำไมจู่ๆพี่เขาก็ดูเหวี่ยงๆอารมณ์ไม่ดีขึ้นมายังไงก็ไม่รู้
แปลกคนแหะพี่คนนี้ ผีเข้ารึไง
“ไปก่อนนะ บายแก” ยองแจบอกลากับเพื่อนๆทุกคน แล้วรีบเดินตามมาร์คมาให้ทัน
ในใจก็แอบด่าพี่ชายคนนี้ไปด้วยอย่างเคืองๆ
พี่บ้า เดินเร็วชะมัด ไม่รอกันเลยเว้ย….!!!
“หนูต้องนั่งควบบิ๊กไบค์ของพี่อีกใช่ป่ะ?” ยองแจทำหน้าเอ๋อ มือเรียวชี้ไปยังมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันใหญ่
สีดำมันวาววับตรงหน้า
และมองหน้าพี่ชายตัวเองกำลังเดินไปหยิบหมวกกันน็อกในกล่องหลังท้ายรถตาปริบๆ
คราวก่อนแม่ยองแจฝากให้มาร์คมาส่งยองแจที่บ้าน
หลังจากที่เธอไปโรงพยาบาลตามที่หมอนัด
เขาก็พาซิ่งซะจนผมที่เซตทรงสวยมาอย่างดี กลับต้องพังเป็นรังนก
ถ้าวันนั้นมาร์คไม่ลืมหมวกกันน็อกอีกอันไว้ที่บ้านและพาซิ่งได้อย่างน่าหวาดเสียว
เธอคงจะไม่มีความทรงจำอันเลวร้ายกับบิ๊กไบค์ราคาแพงนี้แน่…!
“ตามใจ ไม่อยากนั่งก็ขอให้แจ็คสันมันไปส่งเองล่ะกัน” คนเป็นพี่บอกอย่างไม่สนใจ
“คนนั่งข้างๆพี่ยังว่างนะจ๊ะยองแจ” แจ็คสันส่งสายปิ๊งปั้งใส่ ทำเอาขนแขนเธอลุกซู่ไปตามๆกัน
“โหย ไม่เอาอ่ะ” ยองแจส่ายหน้าแรง ก่อนจะหันไปถามมาร์ค “พี่มีหมวกกันน็อกอีกอันไหมล่ะ”
“ไม่มี”
“หะ!!!” ยองแจถึงกับหน้าเหวอสุดๆ “งั้นหนูจะใส่ของพี่เอง
เสียสละให้น้องเลยนะ!” ว่าแล้วก็เดินเข้าไปแย่งหมวกกันน็อกในมือมาร์คมา
คราวนี้จะไม่ยอมให้ทรงผมอันเลอค่าต้องมาเสียทรงอีกแล้ว! ฮึ่ยย
คนถูกแย่งไม่ทันตั้งตัวเลยมองน้องสาวตัวเองอย่างซึนๆ
เขาขี้เกียจไปแย่งมาล่ะ เอาให้น้องมันใส่ไปดีกว่า
ปกติเขาก็พกหมวกกันน็อกอันเดียวอยู่แล้ว
ขับคนเดียว ไม่มีใครซ้อนนิ อีกอย่างนานๆทีจะได้พายองแจกลับบ้านแบบนี้
เวลาแม่ของน้องโทรหาก็เท่านั้น
รู้สึกแบบ…หมดแรง อยากอยู่นิ่งๆ
แล้วหายใจเล่นไปวันๆ มันเป็นผลข้างเคียงจากการเห็นภาพบาดตาบาดใจระดับคมชัดเกินไปปะวะ
“มึงจะไปบ้านกูไหม” มาร์คถามแจ็คสัน
แต่สายตากลับมองไปยังพื้นถนนที่มีเศษหินและใบไม้อยู่อย่างเหม่อลอย
“บายว่ะ กูมีนัดออกกำลังกาย” ได้ยินแบบนั้นมาร์คก็พอเข้าใจว่า ออกกำลังกาย ของแจ็คสันมีความหมายว่ายังไง
ไม่ใช่ออกกำลังกายธรรมดาซะด้วย
แจ็คสันโบกมือลามาร์ค ก่อนจะเดินไปยังลานสำหรับจอดรถยนต์ มาร์คเดินขึ้นไปนั่งควบบิ๊กไบค์ของตัวเอง
พลางถอนหายใจ กับเรื่องในสมองที่ฉายเข้ามาเดิมๆซ้ำๆ วนไปวนมา
“อย่าขับเร็วนะพี่ หนูขอล่ะ….” ยองแจกุมมือสองข้างขึ้น ทำหน้าจะร้องไห้ ไม่สิ…ถ้ามาร์คไม่ทำตามคำขอมีหวังเธอได้ร้องไห้จริงแน่ๆ
ฮืออ
แต่มาร์คนั้นไม่ได้ฟังที่ยองแจพูดเลยสักนิด
เหมือนกับเข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา เพราะในหัวเขามีเรื่องแบมแบมๆ เต็มไปหมด
เขาควรทำยังไงดีนะ….
30%
“โอ้เย้ ในที่สุด….ก็ถึง” ยองแจเดินโซเซเข้ามาในบ้าน
นำพาสังขารอันอ่อนแรงของตัวเองไปนั่งตรงชุดโซฟาสีเทากลางบ้าน
นึกว่าจะไม่มีชีวิตกลับมาซะแล้ว ฮือออ
พี่มาร์คมันแกล้งหนู
ตอนจะออกรถเธอก็พึ่งบอกพี่ชายตัวเองไปว่าอย่าขี่เร็วนัก
แรกๆก็ดูเหมือนจะดี ทุกอย่างกำลังไปได้สวย
กำลังจะฟินกับการซ้อนท้ายบิ๊กไบค์อยู่แล้วเชียว
แต่พอบนถนนไม่ค่อยมีรถแล่นเท่านั้นแหละ พี่คนนี้บิดเกียร์ซะมิด
จอดหยุดไฟแดงทีหน้าแทบพุ่งไปชนแผ่นหลังคนขับเข้าเต็มๆไปไม่รู้กี่รอบ
ที่ขอไปเนี่ย ไม่คิดจะฟังกันเลยใช่ไหม ห๊ะ!!
ร่างสูงเดินมานั่งลงข้างๆยองแจ
สายตาเหม่อสอยมองออกไปข้างนอกกระจกที่เป็นสระน้ำขนาดไม่ใหญ่มาก
ในหัวสมองเขาตอนนี้มันว่างเปล่า….ไม่มีความคิดอะไรทั้งนั้น
ยกเว้นภาพใบหน้าของน้องแบมแบมที่ล่องลอยในหัวไปมา
ยองแจหันมามองพี่ชายตัวเองที่กำลังทำหน้ามุ่ย และกล้ามานั่งเฉยๆ โดยไม่สนใจสภาพน้องสาวคนนี้สักนิด มันน่าโมโหนัก!
“อ้าว เด็กๆมากันแล้วเหรอ
ไปช่วยกันล้างผักในครัวหน่อยเร็ว แม่จะออกไปซื้อของข้างนอกเพิ่ม
พอกลับแล้วมาทุกอย่างต้องเรียบร้อยนะ”
แม่ของยองแจในวัยห้าสิบต้นๆ เดินออกมาจากห้องครัว เห็นเด็กๆมากันพอดีเลยใช้ให้ไปล้างผักที่ยังล้างไม่เสร็จ ปฏิกิริยาของมาร์คและยองแจนั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจนหลังจากที่โดนถูกใช้งาน ยองแจเบ้นั้นปากแรง เธอรู้สึกเบื่อหน่ายสุดๆกับการที่พึ่งเข้าบ้านมาแล้วต้องถูกใช้ทำนู่นนี่นั้น แต่มาร์คกลับทำหน้านิ่งเฉย เขาได้ยินสิ่งที่น้าพูด และมันก็ผ่านทะลุหูอีกข้างหนึ่งไปราวกับสายลม ฟิ้ววว
“มาล้างผักดิ ลุกๆ” บอกกับพี่ชายตัวเองพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มส่วนสูง
ใช่ว่ายองแจเต็มใจจะทำ แต่ถ้าไม่ทำแล้วพอแม่กลับมา คงได้ยินคำบ่นจนหูชาแน่ๆ เพราะฉะนั้นรีบทำให้เสร็จ แล้วมานั่งเล่นโทรศัพท์อย่างสบายใจดีกว่า แต่ดูเหมือนเสียงของน้องสาวคนนี้จะไม่มีผลต่อมาร์คสักนิด เขายังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างกับรูปปั้น จนเธอคิดว่าวิญญาณพี่ชายตัวเองออกจากร่างไปแล้วซะอีก และอยู่ๆเหมือนเธอจะคิดอะไรสนุกๆออก ค่อยๆเดินเข้าไปหามาร์คและยื่นใบหน้าเข้าไปข้างหูอีกคน แล้วใช้น้ำเสียงอันทรงพลังของตัวเองตะโกนดังลั่นข้างหู
“เฮ้ๆ พี่มาร์ค!!!!!!!!!!!!” คนถูกแกล้งถึงกับสะดุ้งโหยง รีบถอยตัวห่างออกมา เอามือขึ้นปิดหูข้างที่ถูกตะโกนใส่ไว้ เพราะเมื่อกี้มันแสบแก้วหูโคตรๆ เสียงยองแจนะ ได้ยินไกลๆว่าดังแล้ว พอมาแบบนี้มันทำเอาหูหนวกได้นะเว้ย
คนเป็นพี่มองไปยังยัยน้องสาวตัวแสบอย่างไม่พอใจ
ถ้าคิดจะแกล้งกันแบบนี้นะ….คอยดูเถอะ จะแกล้งกลับให้สาสมเลย!!!!
“อะไรของแกหะ มาตะโกนใส่หูทำไม”
“หยุดพูด แล้วมาช่วยล้างผัก ลุก!!” คนน้องทำท่าสั่งเด็ดขาดเหมือนอาจารย์ใหญ่ในโรงเรียน
ก่อนจะหันหลังเดินเข้าห้องครัวไปตามาด้วยมาร์ค ที่ตอนนี้เขาก็ยังคงแสบแก้วหูไม่หาย
สงสัยคงได้ไปตรวจหูแน่ๆ หูจะหนวกไหมวะเนี่ย
ตอนเด็กๆ มาร์คชอบแกล้งยองแจเพราะน้องมันน่ารัก
แต่พอโตขึ้นกลับเป็นเขาที่ต้องถูกยองแจแกล้งแทน… ชีวิตพลิกผันสุดๆว่าไหม
ทั้งสองช่วยกันล้างผักตามที่แม่ยองแจสั่ง
ไม่มีใครปริปากพูดอะไรสักคำ
แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้รู้สึกอัดอัดเพราะชินและเหมือนเป็นเรื่องปกติแล้วเวลาต้องอยู่กับมาร์คสองคน
ยองแจพึ่งนึกได้ว่ามีเรื่องจะถามมาร์ค
คือเรื่องนี้กะว่าจะถามนานล่ะ แต่ก็ไม่ได้เจอกันสักที ว่าจะโทรถามก็ลืมตลอด
ไหนๆตอนนี้ก็นึกได้ ถามไปเลยดีกว่า
"พี่มาร์ค
ได้ข่าวว่าแอบไปคณะแจบ่อยๆหราาาา" หันไปมองพี่ชายตัวเองอย่างมีเลศนัย คนถูกถามพอที่เจอคำถามนี้เข้าไปในใจแทบเต้นระรัว
ใครจะไปคิดว่าอยู่ๆจะเจอคำถามแบบนี้วะ
"หือ ว่าไปเรื่อย"
แต่เขาก็ยังแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ล้างผักในกะละมังต่อไป กลบเกลือนข้อหาที่ยองแจโยงถึง
"หนูได้ยินคนในคณะเขาเล่ากัน
พี่มาแอบส่องสาวคณะแจจริงดิ ใครอ่ะๆ บอกได้นะ เดี๋ยวหนูช่วยเป็นแม่สื่อให้"
เรื่องยุให้คนอื่นได้กันขอให้บอกยองแจ…งานแบบนี้เธอถนัดเชียวล่ะ
"ไม่มีเว้ยย ข่าวมั่ว"
เร่งมือล้างผักในกะละมังให้ไว้ขึ้น
จะได้ออกไปจากตรงนี้เร็วๆขืนอยู่ต่อให้ยองแจถามมีหวังความลับได้แตกแน่!!
"โอเค
หนูเชื่อก็ได้ถึงแม้แววตาพี่จะฟ้องว่าโกหกอยู่ก็เถอะ
แต่ถ้ามีเรื่องอะไรให้ช่วยรีบบอกแจนะ หนูจะช่วยให้พี่สมหวังเองพี่ชาย" คนเป็นน้องพูดพร้อมกับใช้ข้อศอกขวากระทุ้งแขนมาร์ค
เขาได้ยินที่ยองแจพูดแบบนั้นถึงกับนิ่งไป ก่อนจะทำเหมือนไม่สนใจที่ยองแจพูด
คิดหรอว่าพูดแบบนี้ยองแจจะเชื่อ แค่มองจากท่าทาง และแววตาของพี่ชายตัวเอง
ก็พอจะรู้แล้วว่าต้องมีอะไรอยู่ในใจแน่ๆ
…เรื่องบางเรื่องที่ไม่อยากให้น้องสาวคนนี้รู้
แววตาพี่นี่…โกหกไม่เนียนเลยจริงๆ
มาร์คปิดก๊อกน้ำ
ยกกะละมังที่มีผักสดสะอาดอยู่ข้างในขึ้นวางบนเคาน์เตอร์ และเดินออกมาจากห้องครัวอย่างเงียบๆ
ปล่อยให้ยองแจต้องล้างผักอีกชามที่เหลือคนเดียวต่อไป
เธอหันไปมองตามหลังพี่ชาย ตาปริบๆ
พลางขมวดคิ้วเครียด…อาการของมาร์คแปลกๆจนเธออดสงสัยไม่ได้ว่าเขาเป็นอะไรกันแน่
ทั้งเหม่อ หน้าบูด ตาเศร้าๆ เอาแต่ถอนหายใจ
พูดอะไรก็ไม่เข้าหู อารมณ์ขึ้นๆลงๆอย่างกับประจำเดือนมา
ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้เป็นผู้หญิงสักหน่อย…
“หรือว่า…พี่มาร์คอกหัก??”
เวลา 18.25 นาที
“เมื่อไหร่มันจะสุกอ่ะ หิวแล้วเนี่ย” สายตายองแจจ้องเขมือบเนื้อวัวสีแดงและบาบีคิวบนเตาย่างที่ไฟกำลังลุกโชน
ทั้งสีและกลิ่นหอมของเนื้อเรียกความหิวของกระเพาะได้เป็นอย่างดี
“อะ กินผักเข้าไปแทนละกัน
กินแต่เนื้อเหนียงโพล่เป็นชั้นแล้ว” มาร์คจัดการยัดผักกาดขาวคำโตเข้าปากยองแจที่เกลียดการกินผักยิ่งกว่าอะไร
“อื้อ อี้อ้ากอ่ะ! (พี่มาร์คอ่ะ!)” คนถูกแกล้งพูดไม่เป็นภาษา
เพราะผักกาดขาวคำโตที่ยัดอยู่ข้างในปาก รสชาติมันไม่อร่อยที่สุดในโลก
จึงรีบวิ่งไปหาถังขยะแถวนั้นแล้วคายมันทิ้งอย่างกระอักกระอวน
ที่แม่ยองแจจัดปาร์ตี้บาร์บีคิววันนี้
เป็นการฉลองวันเกิดล่วงหน้าให้กับพ่อของยองแจที่อายุท่านได้ห้าสิบปลายๆแล้ว
เพราะในวันจริงนั้น ท่านต้องบินไปดูงานที่ต่างประเทศ
โดยจะออกเดินทางวันพรุ่งนี้ตอนเย็น
เป็นการจัดงานเล็กๆ มีแค่คนในครอบครัวเท่านั้น
อีกอย่างทั้งสองครอบครัวก็ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนัก เพราะทุกคนต่างก็ทำงานของตนเอง
จะมีบ้างที่เจอกันในช่วงเทศกาลสำคัญๆ หรืองานวันเกิดของคนในครอบครัว
เพราะไอ้การไม่เจอกันบ่อย
และมาร์คก็ไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของใคร ทำให้เขาพลาดโอกาสสำคัญไปอย่างแรง!!
ตอนเด็กมาร์ครู้แค่ว่ายองแจมีเพื่อนชื่อแบมแบม ทั้งสองสนิทกันมาตั้งนานสมัยประถมจนถึงปัจจุบันนี้ พูดถึงเพื่อนทีไรก็มีชื่อแบมแบม ถามทำรายงานคู่กับใครก็บอกแบมแบม คุยโทรศัพท์กับใครก็บอกว่าแบมแบม จะออกไปเที่ยวข้างนอกกับใครก็บอกว่าแบมแบม ใครให้ของขวัญสุดพิเศษมาก็แบมแบม
เห็นไหมว่าแบมแบมอยู่ใกล้ตัวแต่เขาไม่เคยเห็นหน้าเธอเลย…!!!
ถ้าเขารู้ก่อนหน้านี้….รับรองไอ้ยูคยอมไม่มีทางได้แบมแบมไปเป็นของมันแน่!! แต่ที่ทุกอย่างต้องกลายเป็นเรื่องยุ่งยากแบบนี้
เพราะคนมันไม่รู้ไงโวยยยยยย !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“ยองแจ แบมแบมโทรมาแหนะลูก” แม่ของมาร์ค หรือในนาม คุณป้าของยองแจ
เยื่นโทรศัพท์ที่กำลังส่งเสียงดังให้หลานตัวเอง
และทันทีที่มาร์คได้ยินคำว่า แบมแบม
ใบหน้าของเขาก็หันขวับมองตามต้นเสียงทันทีทันใด
มองการกระทำทุกอย่างของยองแจไม่ให้พลาดสายตา
ยองแจรับโทรศัพท์จากป้าของเธอและกล่าวขอบคุณ
มองหน้าจอเครื่องสี่เหลี่ยมให้แน่ใจว่าแบมแบมยังไม่ได้ตัดสายไป
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังอยู่ มือเรียวก็เลื่อนหน้าจอรับสาย
“มีไรอะ”
เดินเท้าสะเอวเดินมาหยุดหน้าเตาย่างข้างๆมาร์ค
เธอมาดูว่าอาหารพวกนี้เมื่อไหร่จะได้กินซักที คนมันหิวทำไงได้ล่ะ….มาร์คเลยใช้โอกาสนี้แอบฟังบทสนทนาไปเนียนๆ
“อันนั้นฉันจดไม่ทันอะ
ลองถามจูเนียร์แล้วบอกให้ถ่ายรูปส่งให้ในกลุ่มด้วย อืม โอเคๆ”
เหมือนทั้งสองคนจะคุยกันเรื่องงานอะไรสักอย่าง
พอพูดเสร็จเรียบร้อยยองแจก็วางสาย ไม่ละสายตาไปจากเตาย่างตรงหน้า
มาร์คมองโทรศัพท์ราคาแพงในมือยองแจ
พลางคิดหนักว่าต้องทำยังไงถึงจะได้เบอร์แบมแบมมาแล้วยองแจไม่สงสัยอะไรในตัวเขา
การจะได้เบอร์น้องแบมแบมอยู่แค่เอื้อม
เขาต้องเอามันมาให้ได้!!
“แจๆ พี่ยืมโทรศัพท์หน่อย” มาร์คใช้มือสะกิดที่ไหล่น้องสาว เธอหันมามองพร้อมตั้งคำถาม
“เอาไปทำไม”
“โทรหาไอ้แจ็ค
พอดีเงินโทรศัพท์พี่หมด”
….แหลได้อีก
“พี่ก็แชทหาเอาสิ” ยุคนี้มันมีหลายช่องทางไว้ติดต่อกันจะตายใช่ไหมล่ะ
“ไอ้นั่นมันไม่ค่อยเล่นเว้ย
วันๆคลุกอยู่แต่กับสาว ส่งข้อความให้มันวันนี้ปีหน้านู่นมั้งกว่ามันจะเปิดอ่าน”
ยองแจได้ยินแบบนั้นเลยใจอ่อนให้มาร์คยืมโทรศัพท์
จะไม่ให้ยืมก็ดูจะใจดำยังไงอยู่ มาร์ครับโทรศัพท์มาจากยองแจ และหาวิธีแอบไปที่อื่น
ไม่ให้น้องสาวรู้ทัน
“เอาไปคุยในห้องน้ำนะ”
“อย่าทำตกส้วมก็แล้วกัน”
เมื่อเจ้าของเครื่องอนุญาต
มาร์คก็รีบถือโทรศัพท์แล้วเผ่นออกมา ตรงไปยังห้องน้ำชั้นล่างทันที
จัดการล็อกประตูให้เสร็จสรรพ
พับฝากชักโครกที่เปิดลงและนั่งมองโทรศัพท์ยองแจในมืออย่างตื่นเต้น
แล้วใช้มืออีกข้างล้วงโทรศัพท์ของเขาในกระเป๋ากางเกงออกมาปลดล็อกหน้าจอ
ดีที่หน้าจอโทรศัพท์ยองแจยังไม่ดับ
มาร์คเข้าไปยังเบอร์โทรล่าสุดเห็นเบอร์หนึ่งที่ชื่อถูกเมมไว้ว่า แบมแบม
เป็นภาษาอังกฤษ ไม่รอช้าเขารีบกดเบอร์ของแบมแบมลงไปในเครื่องทันที
และเมมชื่อนี้ไว้ว่า
BABY
มาร์คมองชื่อที่เขาเมมไว้จนแก้มแทบปริ
แค่เบอร์ทำไมเขาถึงเขินหนักขนาดนี้นะ
ร่างสูงเดินหน้าบานชื่นออกมาข้างนอก
ยื่นโทรศัพท์คืนให้ยองแจ แต่คนน้องก็แอบสังเกตเห็นอาการบางอย่างที่ผิดปกติของพี่คนนี้….
“ขอบใจมากน้องรัก กินโคล่าไหมๆ
เดี๋ยวพี่ไปเอามาให้”
ไม่ทันได้ตอบ มาร์คก็จัดการทำทุกอย่าง
จนยองแจต้องหันไปมองตามแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
ว่าพี่ชายจอมแกล้งจะมาปรนนิบัติเอาน้ำโคล่าให้ ทั้งที่ปกติสั่งแค่หยิบแก้ว ก็ยังไม่คิดจะหยิบให้เล๊ย
“แม่น้ำแข็งอยู่ไหนอะ” ถามแม่ตัวเองที่นั่งรวมอยู่กับผู้ใหญ่คนอื่นๆ
“ถังขาวๆนั้นไงมาร์ค” มาร์คมองตามนิ้วที่แม่เขาชี้ เห็นถังทรงสูงสีขาวตั้งอยู่ด้านล่าง
เขาเปิดฝาออก หยิบน้ำแข็งใส่ในแก้วทั้งสองใบ และเทน้ำใส่แก้ว
ก่อนจะเดินไปยื่นให้ยองแจ
เธอเลยรับมันมาโดยที่ยังสงสัยไม่หายว่าทำไมจู่ๆเขาถึงกลายเป็นคนดีแบบนี้
.
ถึงแม้วันนี้จะเป็นวันศุกร์และเขาไม่มีเรียนในวันนี้
มาร์คก็ขยันที่จะมหาลัยเหมือนกับทุกๆวัน
แน่นอนเหตุผลเดียวที่เขามานั้นได้อยู่ที่นี่แล้ว….
มาร์คซุ้มมองแบมแบมจากที่เดิมหลังต้นไม้ใหญ่
เพื่อเป็นการไม่ให้เป็นที่จับตาของคนในมหาลัยอีก
เขาเลยเลือกใส่ฮู๊ด เอาหมวกสวมไว้
และถ้ามองเผินๆจากที่ไกลๆมันเหมือนกับพวกโรคจิตเลยล่ะ
รอไม่นานแบมแบมก็เดินลงบันไดมากับพวกยองแจและจูเนียร์เหมือนเดิม
ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับ
ยกเว้นแบมแบมที่เธอยังยืนอยู่ที่เดิมและกวาดสายตามองไปรอบๆ
ถ้าให้ทาย แบมแบมกำลังยืนรอไอ้ยูคยอมมารับแน่ๆ!!
วินาทีนั้นเองที่แบมแบมทำท่าเหมือนจะเดินมายังที่ที่มาร์คหลบอยู่
ใจของเขาแทบหล่นไปอยู่ตาตุ่ม รีบวิ่งไปนั่งก้มหน้าก้มตาตรงม้าหินอ่อนใกล้ๆทันที
พร้อมกับหัวใจที่เต้นโครมครามกลัวแบมแบมจะมาเห็นว่าเขาอยู่ตรงนี้
“พี่มาร์ค” เสียงใสดังขึ้นจากข้างๆ
ทำเอามาร์คนิ่งอ้าปากค้างทันที
แม้จะไม่เห็นหน้าแต่เขาก็จำได้ว่าเจ้าของเสียงนี้เป็นใคร
เสียงที่เขาจำมันแม่นตั้งแต่ได้ยินเสียงนั้นเป็นครั้งแรก…
ใบหน้ามาร์คค่อยๆเงยหน้าหันไปมองด้านข้างตามเสียงเรียก
และหัวใจของเขาก็ต้องพองโตมากขึ้น
เมื่อเห็นแบมแบมยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับส่งรอยยิ้มเล็กๆให้
“พี่มาร์คจริงๆด้วยแหะ”
(-////-)
#ficmyladyMB
_____________________________
ช้าๆได้แบมแบมคนงาม...
ความคิดเห็น