ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    close my eyes สัมผัสรัก fic markbam

    ลำดับตอนที่ #3 : สัมผัสรัก 3

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ค. 58





     เสียงของแมลงตัวเล็กที่ร้องระงมอยู่นอกบ้าน พร้อมกับอากาศที่เย็นลง บ่งบอกว่าตอนนี้ ด้านนอกอาจจะเกิดฝนตกในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้   ร่างเล็กที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่อยู่บริเวณริมหน้าต่างห้องนอนยกแขนขึ้นมาลูบแขนตัวเองเบาๆเมื่อลมฝนที่พัดผ่านหน้าต่างเข้ามาต้องผิวกาย   ดวงตากลมโตที่มองเห็นเพียงแต่ความมืดมิดเหม่อมองไปทิศทางเบื้องหน้าอย่างคนใจลอย

     

    “แบม ทำใมไปนั่งอยู่ตรงนั้นละ ยูคยอมไปไหน”เสียงอ่อนโยนที่แสนจะคุ้นเคยของพี่ชายคนที่สองของบ้านเรียกให้คนใจลอยกับมามีสติอีกครั้ง  เสียงเดินแผ่วเบาเดินตรงมาหยุดข้างกาย ก่อนสัมผัสอบอุ่นจะถูกวางลงบนหัวทุยก่อนจะลูบไปมา

     

    “เนียร์  ฝนกำลังจะตก”เสียงหวานเอ่ยบอกพี่ชายเบาๆพร้อมกับมือเล็กหันกลับมาโอบกอดเอวของ      ปาร์ค  จินยอง พี่ชายคนรองไว้แน่น  แบมแบมไม่ชอบหน้าฝนคนทั้งบ้านรู้ดี  เพราะคนตัวเล็กเกลียดและกลัวเสียฟ้าผ่าที่ดังสนั่น  รวมถึงเกลียดเสียงของฝนที่มักจะทำให้การได้ยินของตัวเองลดน้อยลงไป

     

    “งั้น แบมแบมก็ต้องไปนอนได้แล้วนะ  ถ้าขืนยังนั่งอยู่ตรงนี้เดี๋ยวไม่สบายเอานะ ถูกบีจับไปหาหมอฉีดยาเนียร์ไม่รู้ด้วยนะ”จินยองบอกน้องชายตัวน้อย ก่อนอ้อมแขนแข็งแรงจะฉุดคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นยืนแล้วพาไปยังเตียงนอนของเจ้าตัว

     

    “เนียร์  พรุ่งนี้วันเสาร์แบมให้ยูคยอมพาไปเล่นที่สวนสาธาระณะได้ใหมแบมอยากไปเล่นชิงช้า”เสียงหวานเอ่ยอ้อนพี่ชายที่กำลังห่มผ้าให้เค้าเหมือนทุกทีที่ส่งเข้านอน

     

    “หืม ให้ยูคยอมพาไปดีใหมน่ะ”

     

    “งื้อ เนียร์ไม่แกล้งแบมนะไม่งั้นแบมโกรธจริงๆด้วย”น้ำเสียงเง้างอนจากคนบนเตียงทำให้จูเนียร์อดไม่ได้ที่จะก้มลงไปฟัดแก้มป่องๆนั้น จนคนตัวเล็กโวยวายเสียงลั่น

     

    “ไว้พรุ่งนี้เนียร์จะขอบีให้นะ  แต่แบมรู้ใช่ใหม....”

     

    “ถ้าแบมออกไปข้างนอก แบมต้องดูแลตัวเองดีๆ ห้ามห่างจากยูคยอมเด็ดขาด แล้วก็อะไรอีกนะ  อ่อๆรู้ใช่ใหมว่าเนียร์ห่วงแบม  โธ่เนียร์บอกแบมเป็นสิบๆรอบทุกครั้งที่แบมจะไปข้างนอกแบมจำได้น่า”ไม่ทันที่คนเป็นพี่จะพูดจบ เสียงเล็กๆจากคนที่นอนอยู่บนเตียงก็แทรกขี้นมาเสียก่อน  จูเนียร์อมยิ้มกับท่าทีเหล่านั้น โดยไม่คิดจะโกรธเคืองซักนิดที่คนอีกคนพูดแทรกขึ้นมา  ก่อนคนเป็นพี่จะก้มลงไปฝัดแก้มกลมๆนั้นอีกครั้งอย่างทนไม่ไว้ในความน่ารักของน้องชาย

     

    “ในเมื่อรู้ว่าเนียร์เป็นห่วงแบมก็ต้องดูแลตัวเองเป็นสิบๆล้านๆเท่าเลยรู้ใหมมมม นี่แนะ”

     

    ภาพสองคนที่เล่นกันอย่างสนุกสนานทำให้พี่ชายคนโตของบ้านที่กำลังจะออกไปทำงานได้แต่ยืนยิ้มให้กับภาพตรงหน้าอย่างมีความสุข

     

    “อ้าวฮยอง จะไปแล้วหรอ อย่าลืมเอาร่มไปนะดูเหมือนวันนี้ฝนจะตกน่ะ”เสียงร้องทักจากน้องเล็กสุดของบ้านที่กำลังเดินขึ้นมา ทำให้แจบอมถอนสายตาออกจากภาพตรงหน้าแล้วหันมามองน้องชายแทน

     

    “การเรียนเป็นยังไงบ้างยูคยอม”

     

    “สบายบรึ่ยหายห่วงนะฮยอง  ไม่เกินปีหน้าผมจะคว้าเกียรตินิยมมาให้ฮยองเชยชมแน่นอน”น้ำเสียงที่แสนจะมั่นใจจากน้องชายทำให้แจบอมได้แต่ส่ายหัวไปมา

     

    “ปีที่แล้วก็เห็นแกพูดอย่างนี้เหละไอ้คยอม ฮยองยังไม่เห็นเกียรตินิยมจากแกซักวิชา”แจบอมบอกน้องชายก่อนจะปิดประตูห้องน้องชายอีกคนเบาๆ ก่อนจะหัวเราะให้กับความขี้อวดของยูคยอม

     

    “โฮ้ๆๆๆๆๆ ฮยองของแบบนี้เราต้องมีหวังดิ  เดี๋ยวซักวันมันก็เป็นจริงขึ้นมาเองละน่า”น้องเล็กที่ร่างกายไม่ได้เล็กตามบอกพี่ชายพร้อมกับเบี่ยงตัวให้อีกคนเดินลงบันไดไป

     

    “ฮยองไม่ไปหาแบมแบมก่อนหรอ  เดี๋ยวก็งอแงหรอก”เอ่ยถามพี่ชายเมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังจะออกไปทำงานโดยไม่ได้ไปหาอีกคนก่อนออกไปทำงานเช่นเคย

     

     

    “ไม่ละ  พรุ่งนี้ก็เจอกัน”บอกพร้อมกับยกมือให้น้องชายคนสุดท้อง  ก่อนจะเดินออกไป  ยูคยอมพ่นลมหายใจออกมาเบาๆก่อนจะแย้มยิ้มให้กับความชิคของพี่ชาย  ก่อนจะเดินตามลงไปเพื่อล็อคประตู นี่ก็อีกคน ทำใมถึงไม่ยอมดูแลตัวเองกันนะ บอกอยู่แท้ๆว่าฝนจะตกยังไม่เอาร่มออกไปอีก


     

    ผับ GOT  23:00

     

              แสงไฟสลัวๆพร้อมกับเสียงดนตรีที่ดังกระหึมเป็นจังหวะสนุกสนาน เรียกเหงือจากนักท่องราตรีที่ออกไปวาดรวดลายกลางฟลอร์ได้เป็นอย่างดี  ร่างสูงในชุดสูทสีดำสนิทที่เจ้าตัวสวมใส่เป็นเครื่องแบบประจำของการทำงานมองภาพตรงหน้าอย่างเคยชิน  การทำงานเป็นการ์ดให้กับสถานท่องเที่ยวยามค่ำคืนทำให้เขาเห็นโลกบิดเบี้ยวใบนี้ได้หลายๆด้าน

     

    “เฮ้ย เจบี เฮียเรียกน่ะ”เสียงเรียกจากเพื่อนร่วมงาน ทำให้เจ้าของชื่อที่ขึ้นมาสูดบุหรี่ที่บริเวณชั้นสองของร้านพยักหน้าเป็นเชิงรับทราบ  ก่อนจะกดม้วนบุหรี่ลงกับที่ทิ้งแล้วเดินไปทางด้านหลังของบาร์  ผับGOT นับว่าเป็นผับที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในหมู่ของนักเที่ยวราตรีค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะกับเหล่าลูกคุณหนูทั้งหลาย  เจบีคิดว่าเค้าโชคดีที่ได้รู้จักคนดีๆอย่างชานชองที่เจ้าของผับ คนที่คอยช่วยเหลือเค้าในหลายๆด้านมาตั้งแต่ต้น  ร่างสูงหยุดอยู่หน้าห้องทำงานของเจ้านายก่อนที่มือหนาจะเคาะห้องเป็นสัญญาบอกคนด้านในว่าเค้ามาถึงแล้ว

     

    “เข้ามา”สิ้นเสียงอนุญาต ชายหนุ่มก็เดินเปิดประตูด้านในก่อนจะพบกับเจ้าของผับที่นั่งอ่านบัญชีของผับอยู่ที่โต๊ะทำงาน  หากใครที่คิดว่าชายหนุ่มนามว่าชานชองจะเปิดเจ้าของกิจการที่อ้วนลงพุงเหมือนตาแกตัณหากลับที่ทำงานเกี่ยวกับผับกับบาร์ เจบีบอกได้คำเดียวว่าใช้ไม่ได้กับคนตรงหน้าของเค้า เพราะชานชองเป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าตรงข้ามกับที่พูดมาทั้งหมด

     

    “เฮียให้คนไปตามผมมา มีอะไรให้ผมไปทำรึเปล่า”คำถามที่ส่งมาจากลูกน้องคนสนิท ทำให้ชานชองหัวเราะในลำคอ เจบีนับเป็นลูกน้องที่รู้ใจเค้าที่สุดในบรรดาการ์ดทั้งหมด ทั้งมันสมองที่เฉลียวฉลาด ทั้งฝีมือการต่อสู้ที่เรียกได้ว่ายอดเยี่ยม จนหลายครั้งที่ชานชองอดไม่ได้ที่จะทาบทามให้ครตรงหน้าไปดูแลสาขาสองที่อยู่ในย่านอับกูจองแทนเค้าอยู่เรื่อยๆ แต่เจ้าของผับก็ต้องพบกับความผิดหวังอยู่ร่ำไป เมื่อลูกน้องคนสนิทยืนยันว่าต้องการเพียงต่ำแหน่งการ์ดที่คอยดูแลความเรียบร้อยในผับเท่านั้นก็พอ  แต่ถึงอย่างนั้นหลังจากที่ ที่นี่ปิดแล้ว เจบีมักจะขับรถไปตรวจบัญชีที่อับกูจองให้เค้าอยู่เสมอๆ

     

    “เมื่อไรแกจะไปดูแลสาขาที่อับกูจองให้เฮียเต็มตัวซะทีว่ะ  เฮียเพิ่มเงินให้แกเป็นสามเท่าเลยนะเว้ย”ชานชองยื่นข้อเสนอเดิมๆให้กับเจบีอีกครั้ง จนอีกคนได้แต่ถอนหายใจออกมา

     

    “ไม่เอานะเฮีย ผมบอกแล้วไงต่อให้ห้าเท่าผมก็ไม่ไปหรอก แค่ผมไปดูบัญชีให้เฮียทุกวันก็พอแล้วที่นั่นเฮียให้ดงอุลดูแลไปน่ะดีแล้ว”เจบียอมรับว่าครั้งหนึ่งเค้าเคยหวั่นไหวกับข้อเสนอของคนตรงหน้า เพราะเงินที่เพิ่มมากขึ้นมันจะทำให้เค้ารักษาแบมแบมให้หายเป็นปกติได้ไวขึ้น แต่ก็อีกนั่นเหละเมื่อเค้าปรึกษาหมอที่คอยดูแลแบมแบมแล้วเรื่องการรักษาดวงตา กลับได้คำตอบที่ว่าต่อให้มีเงินมาแค่ไหนก็ไม่อาจรักษาดวงตาของแบมแบมให้หายเป็นปกติได้ดั่งเดิม   เม็ดเงินที่เพิ่มขึ้นกับความปลอดภัยของครอบครัว เค้าเลือกอย่างหลังดีกว่า  อับกูจองสถานที่ที่บุคคลที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคนในครอบครัวอาศัยอยู่ก่อนที่จะพังทลายย่อยยับไปเพราะน้ำมือของคนที่เห็นแกตัวที่เลือกจะขายข้อมูลให้กับคนที่ทำลายพ่อแม่เค้าแบบนั้น ถ้าเลือกได้เค้าไม่อยากเฉียดเข้าไปใช้อากาศร่วมด้วยเลยซักนิด  

     

    “ย่าห์ แกนี่มันใจแข็งจริงๆให้ตายเถอะ”

     

    “เฮียเรียกผมมาแค่นี้เหรอ”เอ่ยถามเมื่อเห็นเจ้านายเอาแต่หัวเราะ ให้กับตนเอง

     

    “เอ่อ  จะไปไหนก็ไปๆเบื่อขี้หน้าแกชะมัด ดื้อด้านไม่มีเปลี่ยน”บอกพร้อมกับโบกมือเป็นสัญญาณให้อีกคนออกไปจากห้องทำงานของตนได้แล้ว  เอาว่ะเต๊าะมันไปทุกวันเดี๊ยวมันก็คงใจอ่อนเองนั่นเหละ

     

    “ไอ้มาร์คคคคค กลับมาถึงก็ดริ๊งค์เลยนะถึง”เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มเจ้าของชื่อ ที่นั่งยกแก้ววอคก้าตั้งแต่มาถึงให้หันกลับไป  มาร์คส่งยิ้มให้เพื่อนสนิทที่บินมาเกาหลีพร้อมกันแต่เจ้าตัวขอตัวกลับบ้านไปหาครอบครัวก่อน  หวัง  แจ็คสัน ทายาทบริษัทซอฟแวร์อันดับตนๆของประเทศ แต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจธุรกิจของครอบครัวกลับเลือกที่จะมาเป็นหุ้นส่วนกับเค้าเสียมากกว่า  ทำงานกับมึงสนุกกว่าเหตุผลง่ายที่เจ้าตัวใช้เป็นเหตุผลที่ตัดสินใจซื้อหุ้นบริษัทเค้าที่อเมริกากว่า 50% 

     

    “มาทำใมกูแค่ชวนตามมารยาท”โธ่ไอ้หอยโข่ง  กูละอยากรู้นักว่าหมาตัวไหนที่โทรไปเร่งกูหยิกๆให้รีบแต่งตัวแล้วออกมาท่องราตรีเป็นเพื่อน  แทนที่กูจะได้นอนดูเทเลทับบี้อยู่ที่บ้าน ก็ต้องมาอดนอนให้ใต้ตาคล้ำเป็นเพื่อนมึง 

     

    “แล้วมึงนึกไงมาเที่ยวผับ ออนเดอะร็อค”ถามเพื่อนสนิทพร้อมกับหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเนอร์ที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่ด้านหน้า

     

    “เดี๋ยวกระเพาะก็พังหรอกมึง”มาร์คตอบอย่างไม่ได้สนใจในคำถามของเพื่อนซักนิด  ก่อนจะยกแก้วของตัวเองจรดริมฝีปาก  แต่ก็ถูกมือของเพื่อนสนิทยกห้ามไว้

     

    “มึงกี่แก้วแล้วเนี่ย เดี๋ยวก็เมาหรอก ห่านเมาที่ไรลำบากกูทุกที”แจ็คสันบ่นพร้อมกับดึงแก้วในมือเพื่อนออก เห็นมันหน้าแดงๆตั้งแต่เดินเข้ามาเหละ  แต่พอเข้ามานั่งใกล้ๆเท่านั้นเหละ หือ นี่มึงเอาน้ำแดงราดตัวเองหรือไง  เพราะวันนี้มาร์คใส่มาเพียงเสื้อกล้ามสีขาวตัวบางพร้อมกับคาดิแกนสีน้ำเงินเข้มคลุมทับไว้เท่านั้น ทำให้แจ็คสันสังเกตได้ง่ายๆว่าตอนนี้เพื่อนของเค้าคนนี้เมาเสียแล้ว   กูละหน่ายยยยเมาที่ไรลำบากกูคอยเก็บศพทุกที    

     

    “เชี่ยมาร์คมึงเดินดีๆดิ”แจ็คสันบอกเพื่อนที่ตอนนี้เป็นเค้าที่ต้องรับผิดชอบพามันที่เดินยังไม่ตรงทางไปส่งที่คอนโดของมันเอง เป็นไปตามคาด เมาอย่างหมาเพื่อนกู  มีใครเคยบอกมึงใหมถึงหล่อให้ตายสภาพตอนเมามึงก็ไม่ได้หล่อตามน่ะครับ โดยเฉพาะตอนที่มึงเพ้ออยู่แบบนี้

     

    “คริสตัล ทำใมคุณต้องทิ้งผมไป กลับมาเถอะนะกลับมาซิ”เสียงคนเมา ที่พร่ำเพ้ออย่างไม่รู้ตัวทำให้แจ็คสันได้แต่หน่าย คริสตัล หญิงสาวที่มาร์คเคยคบหาอย่างจริงจังในช่วงที่พวกเค้าอยู่ที่อเมริกา คนที่มาร์คพร้อมที่จะจริงจังถึงขั้นแต่งงาน ผู้หญิงที่ทิ้งเพื่อนเค้าไปแต่งงานกับเศษฐีน้ำมันอย่างไม่ใยดี  มาร์คเสียหลักไปพักใหญ่จนเค้าต้องเข้ามาจัดการธุรกิจให้ จนกระทั่งมันเริ่มกลับเข้ามาทำงานนั่นเหละ  ในตอนนั้นแจ็คสันรู้สึกดีใจที่เห็นเพื่อนรักกลับมายืนได้ด้วยตัวเองอีกครั้ง แต่มันไม่ใช่แบบนั้นหลังจากมาร์คกลับเข้ามาทำงานเพื่อนเค้าคนนี้กลับใช้เวลาทั้งหมดไปงานเท่านั้น ไม่อย่างนั้น  ต้วน อินเตอร์กรุ๊ป คงไม่ทำรายได้อย่างถล่มทลายถึงเพียงนี้  ยอดกำไรที่พุ่งขึ้นสูงกว่า 10%  ภายในเวลาสามเดือนก็เป็นเครื่องการันตีได้อย่างดีว่าเพื่อนเค้าตรงนี้มีความสามารถเพียงใด  แต่มันก็ไม่ดีต่อสุขภาพมากนักเพราะมันเอาแต่ทำงานไม่หยุด

    ว่างปุ๊ปมันก็ลากเค้าเข้าหาสุราทันที  ถามร่างกายมึงบ้างใหมว่าไหวป่ะ เบ้เบ้ หวังละเพลีย

     

    “เดี๊ยวมึงขับรถมันกลับไปที่บ้านใหญ่ก่อนละกัน ส่วนตัวมันเดี๋ยวคืนนี้ให้ไปนอนกับกูก่อนแล้วกัน ขี้เกียจไปเช็ดอ้วกให้ที่คอนโดมัน”แจ็คสัน สั่งแทคยอนที่ยืนคอยเจ้านายอยู่ที่รถ พร้อมกับยื่นกุญแจให้อีกฝ่ายขับออกไป  ก่อนจะหันกลับไปมองคนเมาที่นอกหลับอยู่เบาะหลัง

     

    “ถ้ามึงอ้วกใส่รถกูนะเชี้ยมาร์คกูจะให้มึงซื้อรถคันใหม่ให้กู”บอกพร้อมกับส่ายหน้าให้เพื่อนสนิทของตัวเองก่อนจะขึ้นไปประจำด้านคนขับแล้วมุ่งหน้าสู่คอนโดตัวเอง

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    มาอีกตอนหนึ่งแล้ว  อย่าลืมติชมกันได้นะครับผมมมมมม ><


    รักกัซรักลีดนร้าาาาม้วฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×