คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : EP1
ปี 2005
ข้างบ้านที่กำลังส่งเสียงดังตะโกนเรียกเป็นว่าเล่น โดยที่เขาก็ฟังไม่ออกเหมือนกันว่าใครพูดอะไรกันบ้าง มันเสียงดังจนเขาไม่สามารถข่มตานอนต่อได้อีกต่อไป เด็กหนุ่มงัดตัวเองขึ้นมาจากที่นอนนุ่ม บิดขี้เกียจพอให้ตื่นตัว ใช้เท้าทั้งสองถีบผ้าห่มให้พ้นตัวจนมันไปกองอยู่ตรงปลายเตียง แบคฮยอนเดินลงบันไดอย่างเอื่อยเฉื่อย เดินลากเท้าไปหาหญิงสาวที่กำลังหัวเราะปากกว้างอยู่หน้าบ้าน
“โอ้ยยย เสียงดังอ่ะแม่!!” ร่างบางยืนพิงกับขอบประตูบ้านตะโกนเรียกคนเป็นแม่ที่ยืนท้าวเอวเมื่อได้ยินประโยคนี้จากลูกชายของเธอเอง
“อะไรไอแบค แกด่าฉันว่าหัวเราะเสียงดังหรอหะ?”
“ไม่ใช่แม่ ผมหมายถึงข้างบ้าน”
“อ่อ ต้องขอโทษด้วยนะจ้ะ พอดีน้าเพิ่งย้ายมาจากฉงชิ่งน่ะจ่ะ” หญิงสาวอีกคนชะโงกหน้าออกมาขอโทษเขา
“โอ้ยแม่เหมยฮัวไม่ต้องไปขอโทษมันหรอก ตะวันตรงหัวขนาดนี้แล้วมันยังไม่ตื่นเลย”
“อ้าวแม่ ไหงงั้นอ่ะ แล้วน้าคนนั้นเป็นใครอ่ะ?”
“แกก็ออกมาจากบ้านแล้วเดินมาสังเคราะห์แสงหน่อยได้ไหม แกจะได้รู้ว่าข้างบ้านเรามีคนย้ายมา”
แบคฮยอนเดินออกมาจากบ้าน เอามือป้องปากหาว ก้มหัวทำความเคารพคนตรงหน้าเขา คุณน้าตรงหน้าก็ก้มหัวรับการทำความเคารพของเขา ใบหน้าเรียวส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มข้างบ้านอย่างจริงใจ
“สวัสดีครับ ผมบยอน แบคฮยอนครับ”
“น้าชื่อ หวง เหยมฮัวนะจ๊ะ...เทา! ออกมานี่หน่อยลูก!” ประโยคแรกเธอพูดด้วยภาษาเกาหลีที่แข็งแรง ส่วนประโยคหลังก็กลายเป็นภาษาต่างถิ่นที่เขาพอจะเดาได้ว่าเป็นภาษาจีน
“ครับแม่ แปปนึงนะครับ!!” เสียงเด็กผู้ชายตะโกนออกมาจากภายในบ้าน ไม่ปล่อยให้แม่ต้องรอนาน ร่างของเด็กผู้ชายคนนั้นก็วิ่งมาหาทันที
“มีอะไรครับแม่?”
“นี่พี่แบคฮยอนรู้จักกันเอาไว้สิ”
“นี่พี่หรอแม่? ทำไมตัวเล็กจัง ผมก็นึกว่าเป็นรุ่นน้องผมซะอีก..” เด็กชายวัย 13 มองรุ่นพี่ที่มีส่วนสูงมากกว่าเขานิดหน่อย “สวัสดีครับ ผมชื่อหวง จื่อเทาครับ อายุ 13”
“ตายแล้ว นี่อายุ13 หรอลูก ป้าก็นึกว่าจะโตกว่านี้ ไอแบคแกดูน้องเขาสิเนี่ย ตอนแกอายุ13 แกสูงได้เท่านี้ไหมหะ?”
“เอ้าแม่ ละทำไมถึงพูดเรื่องนี้ต่อหน้าคนอื่นเนี่ย..ขำไรไอจีนแดง!!” คนตัวเล็กหันไปตัดพ้อกับแม่ตัวเอง แล้วหันมาเอาเรื่องกับไอ้เด็กจีนแดงที่ทำท่ากลั้นขำเต็มที่..เดี๋ยวก่อนนะมึง
แบคฮยอนยอมรับว่าเขาไม่ใช่เด็กดีสักเท่าไหร่ ครั้งแรกที่เห็นหน้าไอ้เด็กนี่เขาก็อยากจะแกล้งมัน รู้สึกคันไม้คันมือแบบบอกไม่ถูก นี่ไม่ได้อยากแกล้งมันเพราะเอ็นดูหรืออะไรหรอกนะ กูหมันไส้ ไม่มีอะไรมากเลยครับ วันไหนที่แม่มึงกับแม่กูไม่อยู่ มึงตายคาตีนกูแน่ไอ้จีนแดง
“แล้ว แบคฮยอนอายุเท่าไหร่หรอลูก?” เหมยฮัวหันไปถามลูกชายของเพื่อนข้างบ้าน
“ปีนี้ 18 แล้วครับน้า”
“อ่อ ตั้งใจนะลูกเก็บคะแนนไว้เยอะๆ จะได้เลือกมหาวิทยาลัยที่อยากเรียนนะ”
“ขอบคุณครับน้า..ไง สนใจทัวร์แถวนี้ไหมล่ะ เดี๋ยวฉันจะพาไปเอง”
“จริงหรอครับ? แม่ครับผมไปกับพี่แบคฮยอนได้ไหมครับ?”
“ไปสิลูก แบคฮยอน น้าฝากเทาด้วยนะลูก”
“ได้เลยครับน้าเหมยฮัว ผมจะดูแลลูกชายหน้าเป็นอย่างดี”
หึ...เสร็จโจร
เวลาประมาณ 5 โมงกว่าๆ พระอาทิตย์ก็เริ่มลับขอบฟ้า ผู้คนเริ่มบางตา แต่ก็ยังพอมีอยู่ประปรายดูไม่เงียบเหงาจนเกินไป แบคฮยอนปั่นจักรยานคู่ใจโดยมีลูกชายของน้าข้างบ้านนั่งซ้อนท้ายมาด้วย คนเป็นพี่ปั่นจักรยานเร็วขึ้นเพื่อให้ลมเย็นๆตีหน้าเขา ความรู้สึกตอนลมปะทะกับหน้านี่มันดีจริงๆเลยนะ ส่วนคนน้องที่มัวแต่กางแขนชื่นชมบรรยากาศรอบทางก็ไม่ทันได้ระวังตัวเมื่อคนที่บอกว่าจะพาเขาทัวร์รอบๆเพิ่มความเร็วมากขึ้น ทำให้เขาต้องหาที่ยึดตัวเองเพื่อไม่ให้หล่นจากจักรยาน มือทั้งข้างเลยรั้งชายเสื้อของรุ่นพี่อย่างลืมตัว แบคฮยอนหันมามองนิดหน่อย แล้วกลับไปมองทางข้างหน้า ก่อนเพิ่มความเร็วอีกครั้ง
“พี่แบคฮยอน ปั่นช้าๆหน่อยสิครับ!!”
“อะไรวะไอจีนแดง ความเร็วระดับมันธรรมดาเลยนะ”
“ถ้าพี่พลาดขึ้นมามันก็ทำให้เราทั้งคู่หน้าทิ่มได้เหมือนกันแหละครับ”
“อ่อนว่ะ”
“เขาเรียกว่าปลอดภัยไว้ก่อนครับ”
หลังจากที่ปั่นจักรยานไปได้สักพัก ทั้งสองก็มาหยุดพักกันอยู่ที่สวนสาธารณะในหมู่บ้าน ที่แห่งนี้มีขนาดไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป ภายในมีเครื่องเล่นสำหรับเด็ก และเครื่องออกกำลังกายสำหรับผู้ใหญ่ มีบ่อน้ำใสขนาดกลาง รอบๆบ่อมีทางให้วิ่งออกกำลัง รอบสวนมีที่นั่งให้พักผ่อนหย่อนใจ เวลาพลบค่ำแบบนี้ทำให้ที่นี่ดูสงบมากยิ่งขึ้น
“นี่พี่แบค”
“แบคฮยอน”
“เออนั่นแหละ พี่แบคฮยอน ก็มันออกเสียงยากอ่ะ”
“ออกเสียงยากก็ไม่ต้องออก”
“เอ้า เออพี่ พอเปิดเทอมแล้วเราไปโรงเรียนพร้อมกันนะ”
“เหอะไม่เอาอ่ะ นายอยากโดนคนอื่นมองว่าติดพี่หรอ”
“พี่ต่างหาก ถ้าถึงตอนนั้นพี่ต่างหากที่จะโดนมองว่าเป็นน้อง”
“ไอ้จีนแดง!! นี่นายมีปัญหาอะไรกับส่วนสูงของฉันมากไหม?”
“ไม่มีอะไรหรอกพี่ แต่พี่อายุ 18 แล้วนะ ผู้ชายเขาหยุดสูงกันตอนอายุเท่าไหร่นะ..”
“สนิทกันมากหรอ ฉันอายุเท่าไหร่ แล้วนายอายุเท่าไหร่”
“แล้วพี่สูงเท่าไหร่แล้วอ่ะ?” แหน่ะ..มันยังไม่เลิก
“ฉันคิดว่าส่วนสูงของฉันมันคงไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับชีวิตของนายหรอกมั้งเนอะ”
“.....”
มันเงียบแล้ว เยส!!
“พี่แบคฮยอน..”
“อะไรวะ เรียกอยู่ได้”
“ผมเป็นลูกคนเดียว..”
“เออ ฉันก็เป็นลูกคนเดียว”
“พี่เคยเหงาบ้างไหม..”
“ไม่อ่ะ เพื่อนฉันเยอะ”
“ผมย้ายบ้านบ่อย..แล้วผมก็ต้องทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่บ่อย..”
“....”
“ผมไม่อยากย้ายบ้านอีกแล้ว..”
“อะไรวะ อย่าดราม่าดิ” แบคฮยอนเห็นเด็กน้อยที่กำลังก้มหน้าซ่อนน้ำตาเอาไว้ มันทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก มือบางวางลงบนหัวเด็กน้อยเบาๆ
เมื่อจื่อเทารู้สึกถึงสัมผัสของคนข้างๆ ความอบอุ่นจากมือบางนั่นก็แผ่ซ่านทั่วร่างกายของเขา น้ำตาที่ตั้งใจว่าจะกลั้นเอาไว้ เพราะไม่อยากให้เพื่อนใหม่ของเขาต้องรู้สึกไม่สบายใจไปด้วย มันกลับพรั่งพรูออกมาเมื่ออีกคนปลอบใจเขา ความรู้สึกของเขามันบอกว่ามันไม่ต้องที่จะสูญเสียมิตรภาพไปอีกแล้ว และต้องรักษาคนๆนี้ไว้ให้นานที่สุด มีความรู้สึกที่ไม่ต้องการจะเสียเพื่อนใหม่คนนี้ไป เขาไม่อยากเสียพี่แบคฮยอนไป
“เพราฉะนั้น..พี่ต้องอยู่กับผมไปนานๆนะ..”
“....”
“ถึงแม้ว่าผมต้องย้ายบ้านอีกครั้ง พี่ห้ามลืมผมนะ..เราจะต้องไม่ลืมกัน จนถึงวันที่เราเจอกันอีกครั้ง”
“ถ้าไม่อยากย้ายบ้านขนานนั้น นายก็บอกแม่นายสิ ไม่เห็นจะยาก”
“ไม่ได้หรอก...พ่อผมท่านทำงานแบบลาดตระเวนน่ะ...เราต้องย้ายบ้านตามที่ทำงานของพ่อ”
“....”
“แล้วซักวันผมก็ต้องย้ายออกไป..จะเร็วจะช้าก็ขึ้นอยู่กับพ่อ..”
“แต่นายก็คงไม่ย้ายออกวันพรุ่งนี้เลยใช่ไหมล่ะ?”
“...?”
“ไม่ต้องเศร้าไปหรอกหน่า เอาเป็นว่าฉันสัญญาว่าฉันจะไปส่งนายตอนวันที่นายย้ายออกจากที่นี่ แล้วเราก็จะติดต่อกัน ฉันจะไม่ลืมนายแน่นอน โอเคไหมไอหนู?”
“จริงๆนะ?” เด็กน้อยรีบเช็ดน้ำตา แล้วเงยหน้ามองพี่ด้วยความดีใจ
“ถ้าฉันหลอกแล้วฉันได้อะไรหรอ?”
“พี่แบคฮยอนใจดีที่สุดเลย!!” จื่อเทาโผเข้ากอดรุ่นพี่ตัวเล็กจนอีกคนเกือบหงายหลังเพราะแรงกอดของเด็กน้อย ร่างบางยิ้มเบาๆให้กับความเป็นเด็กขี้เหงาของจื่อเทา แบคฮยอนกอดอีกคนหลวมๆและลูบหลังไปพลาง
เอาเป็นว่าวันนี้จะไม่แกล้งละกันนะ ขอผลัดไปวันอื่น เห็นวันนี้ดราม่าหรอก เลยไม่อยากทำให้เสียความรู้สึก ค่อยหาโอกาสแกล้งตอนอารมณ์ดีๆดีกว่า ถึงแบคฮยอนจะเป็นเด็กเหี้ยมเกรียมแต่แบคฮยอนไม่ชอบทำร้ายจิตใจใครหรอกนะครับ บอกไว้ก่อน
“ฉันก็ไม่ใช่คนดีอะไรมากมายอย่างที่นายคิดหรอกนะ..”
เผลอแปปเดียวเวลาก็ล่วงเลยมาถึง 2 ทุ่ม ทั้งแบคฮยอนและจื่อเทาจึงต้องปั่นจักรยานกลับบ้าน โดยคราวนี้จื่อเทาเป็นฝ่ายอาสาที่จะปั่นจักรยานกลับเองโดยให้แบคฮยอนนั่งกลับบ้านแบบสบายๆ ก็ดีเหมือนกันไอ้เด็กจีนแดงนี่แมร่งตัวโคตรหนัก ออกแรงทีขรี้แทบเล็ด
“พี่แบค”
“แบคฮยอนเว้ย” ร่างเล็กผลักหัวเด็กน้อยอย่างแรง จนจักรยานเสียหลัก
“โถ่ ผมเรียกว่าพี่แบคไม่ได้หรอ ส่วนพี่ก็เรียกผมว่าเทาเฉยๆก็ได้นะ นี่ไงหยวนๆ”
“ไม่ แกต้องเรียกฉันว่าพี่แบคฮยอน อ่านปากนะคะ แ-บ-ค-ฮ-ย-อ-น”
“อ่านปากผมนะ ผ-ม-อ-อ-ก-เ-สี-ย-ง-ไ-ม่-ไ-ด้”
“เออ ตามใจ ว่าแต่เรียกฉันทำไมอีก?”
“ผมจะถามว่าตกลงพี่สูงเท่าไหร่กันแน่?”
“เอาอีกละ..นี้จะรู้ให้ได้เลย?”
“ใช่แล้ว”
“เฮอะ หนึ่งร้อยเจ็ดสิบหกเซนติเมตร”
“จริงดิ ผมสูง 168 แล้วนะพี่ ผมมั่นใจเลยว่าอีกไม่นานผมจะต้องสูงกว่าพี่แน่ๆ”
“ภูมิใจไปเถอะ ฉันจะสาปแช่งให้นายเตี้ยลง เผาพริกเผาเกลือไม่ให้สูง”
“ถึงผมจะสูงกว่าที่แต่ผมก็ยังเคารพพี่เหมือนเดิมน้า ♡”
“พูดมาก ตอนนี้นายมีหน้าที่ปั่นจักรยานและมุ่งกลับบ้าน ไม่ใช่มาทับถมคนอื่นเรื่องความสูง”
“คร้าบผ้ม”
ไอเด็กนี่ เดี๋ยวเถอะมึง!!
วันแรกของย้ายบ้านข้ามประเทศมานั่นก็ไม่ได้แย่ไปสักเท่าไหร่ ถึงพี่ชายข้างบ้านจะดูกรังๆหน่อยก็เถอะ ทำตัวไม่เหมือนหน้าตาเลย หน้าตาก็ออกจะน่ารัก ทำไมทำตัวเยี่ยงนี่ เทลมีวาย หลังจากที่เขาพยายามซักไซ้เรื่องความสูงของพี่แบคฮยอน ในที่สุดพี่เขาก็ยอมบอกสักที ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์เซ้าซี้ตั้งหลายรอบ แต่พี่แบคฮยอนนี่ตัวเบาเป็นบ้า มีคนซ้อนท้ายจักรยานก็เหมือนไม่มี จนเขาเริ่มไม่แน่ใจว่าพี่แบคฮยอนยังนั่งอยู่ที่เบาะหลังอยู่หรือเปล่า เขาต้องคอยหันหลังไปมองอยู่เรื่อย บ่อยจนพี่แบคฮยอนเริ่มส่งสายตารำคาญประมาณว่า ‘มึงขับต่อไปเถอะกูไม่ร่วงกลางทางหรอก’แต่เหมือนพี่ตัวเล็กจะรู้ เขาเลยใช้มือสองข้างจับชายเสื้อของรุ่นน้องแทนการปล่อยมือทิ้งตามแรงโน้มถ่วง จื่อเทาระบายยิ้มเล็กน้อย อย่างน้อยก็มั่นใจมากขึ้นล่ะนะว่าพี่ตัวเล็กที่อยู่ข้างหลังเขาคงจะไม่ร่วงจากเบาะหลังกลางทาง
“วันนี้สนุกมากเลยพี่แบค ขอบคุณนะครับ”
“พี่แบคอีกละ เออจะเรียกอะไรก็เรื่องของนายแล้วกัน ฉันขี้เกียจทวงละ”
“คร้าบบบ ผมเข้าบ้านก่อนน้า”
“เข้าบ้านรีบอาบน้ำขึ้นบ้านนอนเลยนะ อย่าอยู่ข้างล่างคนเดียว..”
“....?”
“..มีคนเขาเล่าต่อๆกันมาว่า..หมู่บ้านเราเคยมีลุงยามคนนึง เขาตั้งใจทำหน้าที่ขอเขามาก ทุกๆวันลุงแกจะปั่นจักรยานตรวจดูความเรียบร้อยภายในหมู่บ้าน มีอยู่วันนึงมันเป็นวันนี้อากาศร้อนมาก ด้วยความที่ลุงยามคนนั้นแกแก่มากแล้ว เลยงีบพักผ่อนตอนช่วงที่อากาศร้อน...” แบคฮยอนจงใจหยุดเล่าเพื่อดูอาการของเด็กตรงหน้า ซึ่งตอนนี้เด็กคนนี้กำลังกำชายเสื้อตัวเองไว้แน่น คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากัน นัยต์ตาสีดำกลอกไปมาไม่อยู่นิ่ง “แล้วหลังจากนั้น...”
“ห..หลังจากนั้น..ทำไมหรอครับ..?”
“ลุงคนนั้นแกก็หลับยาวเลย..หลับแบบไม่ตื่นขึ้นมาอีก นายเข้าใจใช่ไหม?”
“ห..หมายความว่า..”
“ลุงแกตายคาป้อมยามเลยน่ะสิ แล้วตอนกลางคืนเวลาแบบนี้น่ะ ก็จะมีคนได้ยินเสียงโซ่จักรยาน แล้วก็เสียงกระดิ่งแบบนี้..”
กริ๊ง!!!
“ย๊ากกกกกกกกกกกก!!!”
หลังจากที่ได้ยินเสียงกระดิ่งดังเด็กน้อยที่กลัวเรื่องผีแบบเข้าไส้ ก็ร้องเสียงหลงและรีบวิ่งเข้าบ้านทันทีจนลืมปิดประตูรั้วหน้าบ้าน ทำให้คนขี้แกล้งต้องปิดให้เสียเอง ใครจะไปคิดละว่า เด็กคนนั้นจะกลัวผีขนาดนี้ บอกไว้ก่อนเลยว่าเรื่องที่เขาเล่าไม่มีจริงหรอก เขาแต่งสดๆเมื่อกี๊นี่เอง แล้วป้อมยามหน้าหมู่บ้านน่ะก็ไม่มีด้วย แบคฮยอนหัวเราะเบาๆให้กับความขี้กลัวของเทา ร่างเล็กพาจักรยานคู่ใจเข้าไปเก็บไว้ในบ้าน อาบน้ำและตรวจดูความเรียบร้อยของบ้าน ก่อนจะขึ้นบ้านเข้านอน
ส่วนจื่อเทาที่พอเข้าวิ่งบ้านปุ๊ป ก็รีบเปิดไฟทั่วบ้านทันที แม่นะแม่ทำไมรีบขึ้นบ้านจัง ฮือออ แล้วก็เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองลืมปิดประตูบ้านเลยกลั้นใจจะเดินออกไปปิด แต่เขาก็มองเห็นว่าพี่ชายข้างบ้านกำลังปิดประตูให้ เด็กน้อยมองด้วยแววตาสงสัย ทั้งตัวเองเป็นคนบอกเองว่าหมู่บ้านมีสิ่งลี้ลับ แต่ตัวเองลับดูใจเย็นเดินฮัมเพลงเข้าบ้าน แถมยังใจดีปิดประตูให้เขาอีก.. แต่นี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาสงสัย เขาควรรีบอาบน้ำและขึ้นบ้านนอนได้แล้ว
ภายในเวลาไม่ถึง 20 นาที จื่อเทาก็สามารถทำธุระส่วนตัวให้เสร็จได้ จำได้ว่าตอนปิดไฟข้างล่างนี่ต้องรีบวิ่งไปที่บันได ตอนนั้นคิดได้อย่างเดียวว่าต้องขึ้นบ้านและนอนให้ไวที่สุด เมื่อแผ่นหลังของเขาสัมผัสกับที่นอน ความรู้สึกอุ่นใจ เปลือกตากำลังจะปิดแต่ก็ต้องเด้งตื่นขึ้นมา สายตาตวัดไปทางขวาและมองไปยังบ้านข้างๆ เขาเพิ่งนึกได้ว่า..
ตอนที่รถของเขาขับเข้ามานั้น ตรงทางเข้าหมู่บ้านมันไม่มีป้อมยาม!!
[TBC]
------------------------------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็น