ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Movies Fiction

    ลำดับตอนที่ #1 : [StevexStark] D Day

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ย. 57


    Fic : D Day

    Fandom : The Avengers

    Paring : Steve x Tony

    Rate : PG

    Genre : Short Fic

    *********************************

             ผม สตีฟ โรเจอร์ ผมเกิดปี 1917 บอกแบบนี้พวกคุณคงคิดว่าผมเป็นคุณตาอายุ90กว่าแล้ว แต่ไม่ใช่แบบนั้น ตอนนี้ผมยังดูเป็นชายหนุ่มอายุ25อยู่เลย ทำไมน่ะหรอ ก็เพราะตอนผมทำภารกิจเพื่อชาติ ผมโดนแช่แข็งไว้กับก้อนพลังงานที่เรียกว่า 'แทสซาแร็ค' ที่ใต้ทะเลลึก เวลาของผมหยุดอยู่แค่นั้น แต่เวลาของคนอื่นกลับยังเดินต่อไป จนเวลาผ่านมาถึง70ปี ผมถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้ง แล้วพบว่าทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป ทั้งตึกรามบ้านช่อง ทั้งผู้คน ทุกอย่างเปลี่ยนไปจนผมใจหาย.....

              ทุกครั้งที่ผมนึกย้อนไปถึงวันที่ผมวิ่งหนีฟิวรี่ออกมา แล้วผมเห็นตึกสูงระฟ้า บ้านเมืองสงบสุขอันไร้สงคราม ผู้คนแต่งตัวแปลกตา มันราวกับว่าผมได้มาอยู่ในมิติใหม่ มิติที่ต่างออกไปจากมิติเดิมที่ผมเคยอยู่ ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ที่ของผม ทำไมผมถึงต้องลืมตาขึ้นมาอีกด้วยนะ มาลืมตาเอาป่านนี้ จะได้อะไรขึ้นมาล่ะ ในเมื่อเพื่อนของผม คนที่ผมรู้จักก็คงตายหมดแล้ว ผู้หญิงที่ผมนัดเธอเต้นรำไว้ตอนนั้น ตอนนี้เธอก็คงเต้นรำกับผมไม่ไหวเสียแล้ว ทุกครั้งที่ผมนั่งอยู่คนเดียว ผมมักจะคิดว่าผมไม่น่าตื่นมาอีกเลย




              ปัง! ปัง! ปัง!

              เสียงเคาะประตูห้องของผมดังขึ้น เรียกสติของผมให้กลับมาจากภวังค์อีกครั้ง

              "เฮ้ พ่อฮีโร่หลงยุค นายอยู่รึเปล่า" เสียงเรียกของผู้มาเยือนดังขึ้น ทำให้ผมรู้ได้ทันทีเลยว่าใครมาหา ผมเดินไปที่ประตูด้วยอารมณ์เบื่อหน่ายไม่น้อย

              "สวัสดีครับ คุณสตาร์ค คุณมีธุระอะไรกับผมเหรอครับ" ผมทักทายเขาอย่างเอือมๆ

              "ไม่เอาน่า อย่าทำตัวห่างเหินแบบนั้นสิ วันนี้ฉันมาพานายไปเปิดหูเปิดตาสักหน่อย นายจะได้ไม่ต้องนั่งเหงาจมอดีตอยู่แบบนี้ไงเล่า" โทนี่พูดอย่างอารมณ์ดี แต่นั่นไม่ทำให้ผมอารมณ์ดีไปด้วยเลยสักนิด

              "คุณไม่ต้องลำบากขนา..."

              "ไม่ต้องเกรงใจๆ เอ้ารีบไปกันเถอะ มัวแต่พูดมากเสียเวลาเที่ยว" ยังไม่ทันที่ผมจะปฏิเสธเขาได้จบประโยค เขาก็กระชากผมออกมาจากห้อง ล็อคประตูให้เสร็จสรรพ แล้วก็ลากผมไปที่รถของเขาที่จอดรออยู่ด้านนอก

              "จาร์วิส วันนี้เรามีโปรแกรมไปไหนบ้างนะ" โทนี่พูดกับระบบการทำงานอัจฉริยะ ที่เป็นทั้งเลขา ทั้งบอดี้การ์ด และอะไรต่อมิอะไรมากมายสำหรับเขา ซึ่งจาร์วิสก็เป็นระบบที่เขาสร้างขึ้นนั่นแหละ

              "ไปชมวิวที่ยอดตึกเอ็มไพร์สเตท ต่อด้วยเดินเล่นที่เกาะโคนี่ย์ จากนั้นช็อปปิ้งและทานอาหารที่ไทม์สแควร์จนถึงเย็นก่อนจะกลับไปดินเนอร์ที่สตาร์ค ทาน์วเวอร์ครับเจ้านาย"

              "ดี! เอาตามโปรแกรมนั้นแหละ ว่าแต่...นายน่ะจะไปเที่ยวทั้งทีทำไมแต่งตัวเชยสะบัดแบบนี้ล่ะเนี่ย" โทนี่หันมาพิจารณาผมที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาในชุดเสื้อยืดสีขาวกัยกางเกงขายาวธรรมดาๆ บนรถลีมูซีนคันสวยที่ขับเคลื่อนด้วยระบบอัตโนมัติ

              'ก็คุณลากผมออกมาแบบไม่ได้ตั้งตัวแล้วจะให้ผมอยู่ในชุดเก่งได้ยังไงเล่า คุณสตาร์ค!!' ผมได้แต่คิดในใจอย่างหงุดหงิด

              "จาร์วิส นายพอจะหาชุดให้เขาเปลี่ยนได้มั้ย" โทนี่หันไปถามระบบปฏิบัติการอัจฉริยะของเขา

              "เจ้านายไม่ได้ให้ผมเตรียมไว้นี่ครับ" จาร์วิสตอบอย่างตรงไปตรงมา

              "นายนี่ไม่ได้เรื่องเลยนะ งั้นแวะห้างเมซีย์ก่อนแล้วกัน" โทนี่ว่าจบรถอัจฉริยะก็มุ่งหน้าไปยังห้ามสรรพสินค้าเก่าแก่ของนิวยอร์ก พอได้ที่จอดเสร็จสรรพ โทนี่ก็ลากผมไปยังร้านขายเสื้อราคาแพง ก่อนจะหาเสื้อผ้ามายัดๆใส่มือผม ให้ผมเอาไปลองใส่ พอได้ชุดที่เขาถูกใจ เขาก็สั่งให้พนักงานสาวคิดเงินพร้อมยื่นบัตรเครดิตแพตตินั่มวงเงินหลายล้านให้เจ้าหล่อน แล้วก็ลากผมกลับมาที่รถก่อนเราจะไปเดินทางไปต่อกันที่ตึกเอ็มไพร์สเตท

              ที่ชั้นบนสุดของตึกอันเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ของนิวยอร์กที่ดีที่สุด โทนี่พาผมมามายืนมองวิวอันกว้างไกลของเมืองที่เป็นไปด้วยความศิวิไลซ์อย่างนิวยอร์ก แม้ว่ามันจะเป็นภาพที่งดงาม แต่มันก็ไม่ได้ำทให้ผมรู้สึกดีเท่าไหร่ มันยิ่งทำให้ผมเห็นเด่นชัดมากขึ้นว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ของผม ผมไม่ใช่คนของยุคนี้ ผมช่างไม่เหมาะกับที่นี่......

              "คุณไม่น่าเอาผมขึ้นมาจากก้นทะเลนั่นเลยคุณสตาร์ค คุณน่าจะปล่อยผมไว้อย่างนั้น....." ผมพูดขึ้นมาลอยๆ

              "ห๊า!! ทำไมนายถึงพูดอย่างนั้นเล่า นายน่าจะดีใจนะ ที่ยังมีโอกาสได้ลืมตาขึ้นมามองดลกนี้อีกครั้ง มองเห็นอเมริกาที่เจริญรุ่งเรืองขึ้นจากความช่วยเหลือของนายเมื่อหลายปีก่อนน่ะ" โทนี่ทำหน้ามุ่ยในครั้งแรกที่ได้ยินผมพูด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มในท้ายประโยค

              "ถึงคุณจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่คุณจะไปเข้าใจอะไรผมล่ะ คุณไม่ได้หลับยาวไป70ปี แล้วตื่นมาในยุคที่ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไปแล้วเหมือนผมนี่ ไม่มีทั้งเพื่อนหรือคนรู้จักแล้วทั้งนั้น...." ผมได้แต่พูดออกมาลอยๆอีกครั้ง

              ".....แต่ก็มีคนที่รู้จักนายนี่....." โทนี่พูดขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนเราสองคนจะตกอยู่ในความเงียบ ต่างคนต่างตกอยู่ในความคิดของตัวเองก่อนโทนี่จะพูดทำลายความเงียบ
     

              "เราไปที่อื่นกันต่อเถอะ เดี๋ยวจะเที่ยวได้ไม่ครบนะ" ว่าจบโทนี่ก็เดินกลับไปที่รถโดยมีผมเดินตามไปไม่ห่างกัน





             ณ เกาะโคนี่ย์

             โทนนี่จอดรถใกล้กับสวนสนุกที่อยู่ใกล้ๆชายหาด ก่อนเขาจะลากผมไปดูตามซุ้มเกมส์ต่างๆทั้งยิงปืน ปาลูกบอล ก่อนจะท้าให้ผมชนะเขาให้ได้ เราสองคนเลยแข่งกัน พลัดกันทำแจ็คพอตจนของราวัลหมดซุ้ม เดือดร้อนเจ้าของซุ้มต้องมาขอให้พวกเราไม่เอาของรางวัลไปทั้งหมด โทนี่เลยคืนของรางวัลไป เหลือไว้แค่ตุ๊กตากัปตันอเมริกา กับตุ๊กตาไอรอนที่เราสองคนได้มาในตาแรกที่ชนะ
     

             แล้วโทนี่ก็ลากผมไปขึ้นรถไฟเหาะ และเครื่องเล่นหวาดเสียวอีกมากมาย ที่ทำเอาท้องไส้ของผมบิดม้วนไปหมด นี่ดีนะที่ผมยังไม่กินข้าวเข้าไป ไม่งั้นผมต้องคายมันออกมาหมดแน่ๆ ผิดกับคนข้างๆผมที่เขาดูจะสนุกไม่น้อยเลยทีเดียว ก็นะ เขาเป็นไอรอนแมนนี่ ปกติก็บินเล่นอยู่บนท้องฟ้าอยู่แล้วนี่นา ต่างกับผมที่สู้อยู่บนพื้นดิน

             หลังจากตบท้ายสวนสนุกด้วยชิงช้าสวรรค์ ชายหนุ่มสองคนที่อุ้มตุก๊ตากันคนละตัวก็มานั่งพักหาอะไรกิน ให้หายเหนื่อย โดยมีโทนี่แนะนำ ฮอตด็อก ชื่อดัง อย่าง เนธาน ฮอตด็อก ซึ่งรสชาติก็อร่อยสมคำร่ำลือจริงๆ ก่อนที่เราสองคนจะกลับไปที่รถเพื่อไปยังสถานที่ต่อไป โดยมีตุ๊กตาฮีโร่สองตัวเข้ามานั่งเพิ่มในรถ





            ณ ไทม์สแควร์
            เวลาล่วงเลยมาจนถึงบ่ายแก่ๆแล้ว บนถนนไทม์สแควร์ที่เต็มไปด้วยแสงสี และผู้คนเดินจับจ่ายช็้อปปิ้งของแบรนด์เนมราคาแพง โทนี่พาผมไปดูหนังแอคชั่นไซไฟที่เพิ่งจะเข้าโรงหมาดๆ ก่อนจะพาผมเดินชมบรรยากาศแสงสีของถนนไทม์สแควร์ไปเรื่อยๆ แวะเข้าร้านดังทุกร้าน แถมยังซื้อของไฮเทคๆทุกอย่างที่ผมดูจะสนใจให้ผมอีกต่างหาก ผมไม่ได้อยากได้มันนะ ก็แค่สงสัยเฉยๆว่ามันทำงานยังไงก็เลยเผลอมองมันนานไปหน่อยเท่านั้นเอง จริงๆนะ

            เวลาผ่านไปจนฟ้าเริ่มมืด โทนี่เลยพาผมไปยังสตาร์ค ทาวน์เวอร์ ตามกำหนดการ์ณที่จาร์วิสวางไว้ในตอนแรก ที่บาร์ชั้นเกือบบนสุดของสตาร์ค ทาน์วเวอร์ ขณะที่ผมกำลังมองทิวทัศน์ของนิวยอร์กในยามกลางคืน โทนี่ก็ยื่นแก้วเหล้าให้ผม ซึ่งในมือของเขาก็มีอีกแก้วนึง ผมหยิบมาถือ ก่อนจะจิบเข้าไปนิดหน่อย แล้วก็ว่ามันไว้บนบาร์เหมือนเดิม

            "อะไร นายไม่กินเหล้าหรอ นั่นยี่ห้อดีเลยนะ" โทนี่ทัก

            "ผมไม่ดื่มแอลกอฮอล์น่ะ"

            "อ่าา งั้นเดี๋ยวฉันหยิบน้ำอัดลมให้แล้วกัน" โทนี่ว่าก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นอีกรอบ

            "โทนี่ ขอบคุณนะ" ผมเอ่ย

            "อ่า ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็ผิดเองแหละที่ยื่นเหล้าให้นายทั้งที่นายไม่กิน" โทนี่ตอบทั้งๆที่ยังง่วนอยู่กับการหาน้ำอัดลมให้ผมกิน

            "ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น ผมหมายถึงเรื่องวันนี้ ขอบคุณนะที่พาผมไปเที่ยวน่ะ" ผมหันไปยิ้มให้เขา

            "หืม? แล้วนายรู้สึกดีขึ้นบ้างรึยังล่ะ" โทนี่เดินมานั่งข้างๆพร้อมกับยื่นแก้วน้ำอัดลมให้ผม

            "....ไม่รู้สิ ผมก็ยังคงคิดอยู่นะว่าตัวผมเอง จะตื่นมาอีกครั้งหลังจากผ่านไปตั้ง70ปีนี่เพื่ออะไร ไม่มีทั้งเพื่อน ทั้งสถานที่ที่เคยรู้จัก สิ่งที่อยากทำก็ดูจะไม่มีแล้ว ผมเคยอยากเป็นทหาร อยากช่วยเหลือประเทศชาติ แต่ตอนนี้อเมริกาก็สงบสุขดี คงไม่มีอะไรให้ฮีโร่หลงยุคอย่างผมต้องทำแล้วล่ะมั้ง งั้นผมจะอยู่แล้วทำอะไรต่อไปดีล่ะ" ผมพูดระบายออกมา

            "ประเทศนี้น่ะ ไม่สงบสุขอย่างนั้นหรอกน่า เดี๋ยวๆก็มีพวกบ้าออกอาละวาดอีกแล้ว ถึงต้องมีคนอย่างฉัน มีคนอย่างนายที่ต้องคอยปราบพวกมันยังไงล่ะ ใช่มั้ย? นายก็แค่ทำหน้าที่ฮีโร่ของนายให้ดีที่สุดก็พอแล้วล่ะน่า อย่าไปคิดมากเลย บางทีการที่นายได้ตื่นมาอีกครั้ง อาจเป็นเพราะพระเจ้าอยากให้เราเจอกันก็ได้นะ ฮ่าๆๆๆ" โทนี่พูด

            ผมอึ้งไปกับคำพูดที่ดูจะแปลกๆของโทนี่ ที่คิดว่าผู้ชายสองคนคงไม่พูดกัน แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับคำพูดนั้นหรอกนะ

            "อย่าทำหน้าอึ้งอย่างนั้นสิ ฉันแค่พูดเล่นให้นายสบายใจเท่านั้นเองน่า ฉันไม่อยากเห็นนายนั่งอมทุกข์อยู่กับอดีตแบบนั่นน่ะนะ มันดูน่าหดหู่จะตาย" โทนี่ตบบ่าผมเบาๆ

            "เอ้า มาชนแก้วกันเถอะ" โทนนี่พูดพร้อมยกแก้วเหล้าของเขามาชนกับแก้วน้ำอัดลมของผม ก่อนที่เราสองคนจะยกแก้วของตัวเองดื่มพร้อมๆกัน แล้วการนั่งดื่มชมวิวค่ำคืนของนิวยอร์กของฮีโร่หนุ่มทั้งสองก็ดำเนินไปเรื่อยๆ.........

             อาจจะเป็นอย่างที่โทนี่ว่า ที่ว่า การที่ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้ง คงเพื่อได้เจอกับเขา เพราะถ้าผมไม่เจอกับเขา ป่านนี้ผมอาจจะนอนแข็งอยู่ก้นทะเลลึก ไม่ก็ยังนั่งจมอยู่กับอดีต ไม่อาจลุกขึ้นมายืนหยัดอีกครั้งในฐานะ 'กัปตันอเมริกา' ฮีโร่ในตำนานอย่างทุกวันนี้
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×