คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตัวอย่างเรื่อง
ตัวอย่างเรื่อง
ตอนที่ 1
ณ ประตูผู้โดยสารขาออก สนามบินแห่งชาติ หญิงสาวร่างระหงเจ้าของโครง หน้าเรียวสวยรูปไข่รับกับผมยาวสีน้ำตาลอ่อนที่ดัดเป็นลอนกำลังเหลียวหาใครคน หนึ่ง ข้างกายมีเด็กชายวัยน่ารักเหลียวซ้ายแลขวาตามผู้เป็นมารดา ก่อนจะมีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้นทำให้เรียวปากเคลือบด้วยลิปสติกสีชมพูเข้มคลี่ยิ้มกว้าง “รัน ทางนี้!”
“โอย คิดถึงแกจังเลย” เกศยาพูดพลางโผกอดเพื่อนรัก
“ฉันก็คิดถึงแกเหมือนกัน” รติมากอดตอบเพื่อนสาวแล้วหันมาหาลูกชายตัวน้อย “รัฐครับ ธุป้าเขาสิลูก”
“บ้า ฉันยังไม่แก่ขนาดนั้นซะหน่อย” เพื่อนสาวทำตาโต จนคุณแม่ยังสาวหัวเราะกับท่าทางนั้น
“มารอนานมั้ยเกศ”
“ไม่นานหรอก ยังไม่ถึงยี่สิบนาทีเลย รถจอดอยู่ด้านนอกแน่ะ มา ฉันช่วยเข็นรถ”
นัยน์ตากลมโตของเด็กน้อยกวาดมองตามถนนที่รถราวิ่งกันขวักไขว่อย่างตื่นเต้น หากในใจของผู้เป็นแม่กลับคิดเพียงว่าทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือจิตใจของเธอที่ได้บทเรียนแห่งความเจ็บปวดไว้สอนตัวเองต่างหาก รวมไปถึงความแค้นที่ฝังแน่นในใจ ซึ่งวันนี้เธอได้พกพาความเข้มแข็งกลับมาเพื่อเผชิญหน้ากับคนที่ทำให้ตนต้องเจ็บช้ำ
คุณจะต้องเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป คุณ
“แกแน่ใจเหรอว่าแกกล้าเจอเขาน่ะ” เกศยาพูดขึ้นขณะพารถแล่นไปตามถนน
“แน่ใจสิ ทำไมแกคิดว่าฉันจะไม่กล้าเจอเขาล่ะ” รติมาหันมามองหน้าเพื่อนสาว ทั้งสองเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียน และจบปริญญาโทจากอังกฤษทั้งคู่ หากรติมาเรียนจบช้ากว่าเกศยาหนึ่งปีเนื่องจากต้องแบกรับสถานะของหญิงที่ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรไว้ด้วย แต่ตอนนี้เธอกำลังจะกลับมาทวงศักดิ์ศรีคืน...
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่มั่นใจจากอีกฝ่ายเกศยาก็คลายกังวล “แกแน่ใจอย่างนั้นก็ดี บอกตามตรงฉันไม่อยากเห็นแกน้ำตาร่วงเหมือนเมื่อคราวนั้นอีก”
รติมาหันมายิ้มที่มุมปาก ก่อนจะตอบเพื่อนสาว “หึ ไม่มีอีกแล้วล่ะเกศ ผู้หญิงที่โง่และอ่อนต่อโลกน่ะ” หญิงสาวหันไปมองบุตรชายของตนที่ละความสนใจจากความวุ่นวายบนท้องถนนมานั่งเล่นหุ่นยนต์อย่างเพลิดเพลินที่เบาะหลัง ก่อนยิ้มอย่างอ่อนโยน
ลูกที่เธออุ้มท้องมาอย่างยากลำบาก ลูกที่รักปานแก้วตาดวงใจ ถึงแม้ว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของเขาจะทำร้ายเธอไว้มาก แต่เธอก็รักลูกสุดดวงใจ
“แล้วนี่แกจะไปหาพ่อกับแม่แกก่อนเลยไหม หรือว่าจะไปคอนโดก่อนดี”
“ไปคอนโดเถอะ ฉันยังไม่พร้อมจะบอกเรื่องลูกกับพ่อแม่น่ะ”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น เกศยาจึงเลี้ยวซ้ายเพื่อไปทางคอนโดหรูกลางกรุง... ที่ซึ่งรติมาไม่ได้กลับมาเหยียบอีกเลยนับตั้งแต่วันที่เธอถูกผู้ชายที่เธอรักดูถูก
เมื่อถึงคอนโด รติมาก็ไม่รอช้า จัดการพาบุตรชายไปอาบน้ำปะแป้งจนหอมกรุ่น แล้วอุ้มเจ้าตัวน้อยในชุดนอนลายหมีสีสดใสเข้าไปกล่อมนอนในห้อง ก่อนออกมานั่งคุยกับเพื่อนสาวที่โซฟาด้านนอก
“นั่งสิรัน ฉันมีอะไรให้แกดู” รติมานั่งลงข้างๆ เกศยาที่ยื่นซองเอกสารให้
“อะไร” มือเรียวรับแฟ้มมา ก่อนจะหันไปมองหน้าเพื่อนสาวของตนด้วยความสงสัย
“ก็แกขอให้ฉันจัดการอะไร ฉันก็จัดการให้แล้วไง” รติมาได้ยินดังนั้นจึงเปิดแฟ้มเอกสารตรงหน้าดูทันที
ความเคลื่อนไหวของคุณโสฬสกับคู่ควงคนล่าสุด วงหน้านวลกวาดสายตาอ่านข้อความในนั้นด้วยจิตใจร้อนรุ่ม
“ขอบใจมากนะเกศ แล้วเรื่องงานล่ะ แกจัดการแล้วใช่ไหม” หญิงสาวเงยหน้ามองเพื่อนสนิท
“จัดการแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้แกไปหาคุณศักดิ์ดา หัวหน้าฝ่ายบุคคลของบริษัทตานั่นได้เลย”
“ขอบใจแกมากนะเกศ ถ้าไม่ได้แก ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไง”
“ไม่เป็นไรหรอก เพื่อนกัน อีกอย่าง ฉันก็อยากจะรู้นักว่านายนั้นจะเป็นยังไง ถ้าถูกปั่นหัว” ดวงตาของเกศยาแวววับ รติมาได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย เธอรอเวลานี้มานาน และเธอต้องทำให้ได้...
รติมาทอดสายตามองออกไปด้านนอก ภาพในอดีตเริ่มกระจ่างชัด คุณหนูรติมา นิสิตมหาวิทยาลัยชื่อดัง ถูกส่งตัวมาฝึกงานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการของรองประธานกรรมการสุดเนี้ยบ คุณโสฬส ธิติอนากรณ์ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวดที่สุดในชีวิต....
รุ่งเช้า รติมารวบรวมกำลังกายและใจ เดินทางไปหาบิดามารดาเพื่อบอกเรื่องลูกชายตัวน้อยของตน ตอนแรกเธอคิดว่าพ่อกับแม่จะรับไม่ได้ หากกลับผิดคาด พ่อกับแม่ไม่ว่าหรือโวยวายอะไรเลย ได้แต่ถามว่าใครเป็นพ่อของเด็ก ซึ่งเธอบอกได้เพียงประโยคเดียวเท่านั้น
รันไม่อยากรื้อฟื้นค่ะ... ลูกคนเดียวรันเลี้ยงได้ ซึ่งนับว่าเป็นความเมตตาของบิดามารดาที่ไม่ซักถามอะไรด้วยยังเชื่อมั่นในตัวลูกสาวว่าต้องมีเหตุผลบางอย่างเป็นแน่ แถมออกจะเห่อหลานชายตัวน้อยเสียมากกว่าด้วยซ้ำ
“เฮ้อ...” หญิงสาวถอนหายใจออกมาเมื่อผ่านด่านหินด่านแรก... โดยไม่ลืมว่ายังมีด่านที่หินกว่ารออยู่
ในตอนสายวันเดียวกันนั้น รถสปอร์ตสีดำคันหรูเคลื่อนตัวอย่างปราดเปรียวมายังบริษัท ธิติอนากรณ์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทนำเข้าและส่งออกสินค้ารายใหญ่ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางย่านธุรกิจ ล้อทั้งสี่ของพาหนะคันงามหยุดหมุน ก่อนที่ร่างบางจะก้าวลงมาแล้วเดินอย่างมั่นใจเข้าไปยังตึกสูงเสียดฟ้า... เธอรอวันนี้มานานเหลือเกิน ขาเพรียวยาวย่างก้าวเข้าไปจนถึงโต๊ะประชาสัมพันธ์ ซึ่งมีหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มอยู่ในชุดเครื่องแบบนั่งอยู่พร้อมกับเอ่ยทักทายรติมาทันที “สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าต้องการติดต่อฝ่ายไหนค่ะ”
“ดิฉันมาพบคุณศักดิ์ดา ฝ่ายบุคคล นัดไว้ตอนสิบโมงค่ะ”
“เชิญชั้นยี่สิบนะคะ” พนักงานสาวยิ้มหวานก่อนตอบ
“ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าวขอบคุณ ก่อนจะเดินไปยังลิฟต์ที่อยู่ไม่ไกล
ลับหลังรติ ก็มีเสียงหนึ่งถามขึ้นอย่างสงสัย
“ใครน่ะ... สวยจัง” หญิงสาวที่เป็นพนักงานแถวนั้น ถามเพื่อนประชาสัมพันธ์ทันที
“ไม่รู้สิ พนักงานใหม่มั้ง เห็นว่านัดคุณศักดิ์ดาไว้” เพื่อนๆ ที่ได้ฟังพากันพยักหน้า ก่อนจะมองตามหญิงสาวที่เดินไปยังลิฟต์
รติมาเดินขึ้นไปยังห้องของคุณศักดิ์ดาตามที่เพื่อนสนิทได้นัดหมายไว้ล่วงหน้า
“สวัสดีค่ะ คุณศักดิ์ดาใช่ไหมค่ะ” หญิงสาวเอ่ยถาม
“ใช่ครับ เอ่อ... คุณ...”
“ดิฉัน รวิยา อาทิตยกุล มาติดต่อเรื่องสมัครงานค่ะ” รติมาตอบกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“อ๋อ ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก เชิญนั่งก่อนครับ” ชายสูงวัยผายมือให้หญิงสาวรุ่นลูกนั่งลงตรงหน้า
“ไม่ทราบว่าคุณรวิยาจะเริ่มงานได้วันไหนครับ ผมจะได้เตรียมที่ทางไว้” ชายสูงวัยถามขึ้น นี่ถ้าไม่ใช่เพราะบุญคุณของพ่อคุณเกศยา เขาคงไม่ยอมทำผิดกฎของบริษัทเด็ดขาด จบคำถาม รติมาก็ตอบ
“ดิฉันพร้อมเสมอค่ะ” หญิงสาวตอบอย่างมาดมั่น
ชายสูงวัยหัวเราะออกมาก่อนจะบอกกับหญิงสาว “งั้นเอาเป็นว่าวันพรุ่งนี้คุณมาเริ่มงานเลยแล้วกัน”
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวรับคำและเอ่ยลาทันที “ถ้าอย่างนั้นเจอกันพรุ่งนี้นะคะคุณศักดิ์ดา”
“ครับ” ว่าจบร่างเล็กก็สะพายกระเป๋าเดินจากไปด้วยท่าทางราวพญาหงส์
รติมาเดินมายังรถส่วนตัวอย่างสบายใจ แผนการที่เธอวางไว้กำลังจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้แล้ว ขณะอยู่ในรถเสียงโทรศัพท์ส่วนตัวก็ดังขึ้น เพียงได้ยินเสียงเรียกเข้าก็รู้ว่าเป็นสายจากเพื่อนสนิท
“ฮัลโหล ว่าไงเกศ”
“นี่รัน ฉันกำลังจะพาตารัฐไปห้างแถวสีลมนะ แกตามมาสิ จะได้มาหาอะไรทานกันด้วย”
ได้ยินดังนั้นก็รีบตอบรับ “ได้ๆ เดี๋ยวจะไปเลย”
รติมาวางสายแล้วเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าตามเดิม จากนั้นจึงหันไปสตาร์ตรถและเหยียบคันเร่งบึ่งพาหนะคันงามทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว
รติมาเดินดูข้าวของอย่างเพลิดเพลิน ขณะรอลูกชายสุดที่รักกับเพื่อนสาวที่กำลังจะมาถึง ในมือหญิงสาวมีถุงเต็มมือ เพราะอดใจไม่ไหว เลือกซื้อเสื้อผ้าตัวโน้นตัวนี้เพื่อใส่ไปทำงานตำแหน่งเลขาของคนที่เคยทำร้ายเธอ ยามนี้เธอมั่นใจเหลือเกินว่าจะทำให้ ‘เขา’ หลงเธอจนหัวปักหัวปำให้ได้! หากหญิงสาวไม่รู้สักนิดว่าชายหนุ่มที่อยู่ในห้วงความคิดอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี่เอง
“รัน!”
หญิงสาวชะงักและหันควับไปตามเสียงเรียกทันที ก่อนที่รอยยิ้มแห่งความยินดีจะมาเยือนบนใบหน้า
“โอ๊ย กว่าจะหาที่จอดรถได้ ฉันแทบบ้า” แม่เพื่อนสาวตัวดีเริ่มบ่นทันทีที่มาถึง
“พอๆๆ ไม่ต้องบ่นเลย ไปหาอะไรกินกันดีกว่า หิวไหมครับรัฐ” หญิงสาวย่อตัวลงพูดกับลูกชายสุดที่รัก
“หิวแล้วครับ” เด็กชายตอบก่อนโผเข้ากอดหญิงสาว โดยที่สองแม่ลูกไม่รู้สักนิดว่า ขณะนั้นมีสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองเธออย่างตกตะลึง
สราลีเห็นว่าที่คู่หมั้นหนุ่มชะงักงันราวกับเจอของแข็งฟาดที่ศีรษะจึงรีบเขย่าร่างหนา “เป็นอะไรไปคะ โสฬส”
โสฬสได้สติ จึงหันไปส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ “ไม่มีอะไรครับ แค่คิดว่าเห็นเพื่อนเก่าน่ะ”
สราลีทำหน้างอนๆ ก่อนจะเชิดหน้าขึ้น “เพื่อนหรือกิ๊กเก่ากันแน่ค่ะ” เท่านั้นล่ะ โสฬสถึงกับสะดุ้ง
“ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่เพื่อนธรรมดา ผมว่าเราไปทานข้าวในร้านที่เพิ่งเดินผ่านมาเมื่อกี้กันดีกว่า”
โสฬสโอบคู่หมั้นสาวไฮโซแล้วพาเดินย้อนกลับทางเดิมอย่างไม่ให้มีพิรุธ
ชาย หนุ่มนั่งทำหน้าเคร่งเครียดอยู่ริมหน้าต่าง ดวงตาฉายแววครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า เขาไม่แน่ใจว่าเขาแค่ตาฝาดไปหรือเปล่า เพราะไม่อยากเชื่อว่าหญิงสาวที่อ่อนต่อโลกคนนั้นจะมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีก ครั้ง
โสฬสนึกย้อนไปเมื่อสี่ปีก่อน วันที่สาวน้อยนามว่า ‘รติมา เอกอนันต์’ เข้า มาฝึกงานตำแหน่งผู้ช่วยเลขาของเขา ตอนนั้นตัวเขาเองก็ได้ชื่อว่าเป็นเสือผู้หญิง เมื่อเห็นว่ามีสาวสวยหน้าตาจิ้มลิ้มมาเยือนบริษัทของบิดา ชายหนุ่มก็พร้อมที่จะหว่านเสน่ห์ใส่ทันที และก็เป็นจริงดังคาด ไม่นานนักเด็กสาวคนนั้นก็หลงเสน่ห์อันเย้ายวน และยังปล่อยตัวปล่อยใจให้เขาเต็มที่
หาก ต่อมาไม่นานนัก เด็กสาวไร้เดียงสากลับพยายามทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขาจนไม่เหลือเค้าความ เป็นคุณหนู อีกทั้งตัวเขาเองก็เริ่มจะเบื่อๆ จึงบอกเลิกอย่างไม่ใยดี พร้อมด้วยเงินอีกจำนวนหนึ่งที่มากพอดู หากสิ่งที่เขาทำกลายเป็นความผิดมหันต์ เพราะไม่เพียงเธอจะไม่รับเช็กใบนั้น หญิงสาวยังเอามันไปบริจาคให้บ้านเด็กกำพร้าในนามเธอเอง และจู่ๆ วันหนึ่งเขาก็ได้รับจดหมายที่มีเนื้อความสั้นๆ ว่า
‘คุณจะต้องเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป คุณโสฬส วันที่ฉันกลับมา คือวันที่คุณจะต้องก้มหัวขอโทษฉัน’
ซึ่งเขาเองไม่ใส่ใจสักนิด โยนมันทิ้งลงถังขยะก่อนจะแล่นรถออกไประเริงสวาทกับหญิงสาวคนใหม่ที่เพิ่งพบได้เพียงไม่กี่วัน
วันเวลาล่วงเลยมาจนบัดนี้ ถ้าเขาไม่เห็นใบหน้าหวานๆ ของรติมาอีกครั้ง เขาก็คงจะลืมไปแล้วว่ามีเธออยู่บนโลกใบนี้
ชายหนุ่มสลัดความคิดออกจากหัว จะมีประโยชน์อะไรที่จะมาคิดถึงอดีต อีกทั้งตอนนี้เขาเองก็มี ‘สราลี’ หญิง สาวไฮโซที่พ่วงดีกรีความร้อนแรงโดยเฉพาะลีลาบนเตียงอยู่ข้างๆ ทั้งคน มันทำให้ตัวเขาแทบจะร้อนระอุด้วยไฟแห่งราคะที่พร้อมจะแผดเผาตนเองให้เป็นจุน
...หากชายหนุ่มไม่ฉุกคิดเลยว่า ไฟแห่งความแค้นกำลังรอคอยที่จะเผาผลาญเขาเช่นกัน...
ตอนที่ 2
ในที่สุด วันที่รติมารอคอยก็มาถึง... หญิงสาวมองตัวเองในกระจกบานใหญ่ โดยมีเพื่อนสาวนั่งเอาใจช่วยอยู่ข้างๆ บนเตียง เธอเลือกใส่ชุดแส็กแบบรัดรูปแขนกุดสีขาวและสวมสูทพอดีตัวสีดำทับ ชายกระโปรงของชุดสวยอยู่เหนือเข่า ทั้งยังผ่าข้างอวดเรียวขางาม เข็มขัดสีเงินเส้นจิ๋วถูกคาดอย่างเก๋ไก๋รอบเอวคอด ใบหน้าหวานใสที่ปกติไม่ค่อยอยากจะยุ่งเกี่ยวกับเครื่องสำอาง ใดๆ นอกจากแป้งฝุ่น ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจัดจ้าน ผมสีน้ำตาลอ่อนที่ถูกดัดเป็นลอนสลวยถูกเกล้าสูงทิ้งปอยล้อมวงหน้าเล็กน้อย หญิงสาวหยิบนาฬิการูปหยดน้ำมาสวมและคว้ากระเป๋าใบเก๋สะพายไหล่เตรียมออกศึก โดยไม่ลืมสำรวจตัวเองในกระจกอีกครั้ง (เอ่อ... ตรงนี้ถ้าเป็น แบบเดิมที่ว่ารติมาเปลี่ยนไปจากเดิมมากๆ มันจะขัดแย้งกับรายละเอียดตอนก่อนหน้าน่ะค่ะ ว่าอย่างนี้โสฬสจำรติมาตั้งแต่แรกเห็นได้ยังไง อีกทั้งเหตุผลของโสฬสก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าเบื่อที่รติมาทำตัวเป็นเจ้าข้าว เจ้าของ จึงขอตัดตรงที่บรรยายว่าเคยอ้วน เชย และใส่แว่นออกไปนะคะ)
“แกไหวแน่นะ รัน” เพื่อนสาวเอ่ยปากถามอย่างเป็นห่วง รติมาดูออกว่าเกศยาคิดอะไรอยู่ จึงตอบกลับอย่างมาดมั่น
“ถ้าแกคิดว่าฉันจะกลับไปหลงเสน่ห์ของเก่าละก็ แกเลิกคิดซะ เพราะฉันเป็นประเภทเจ็บแล้วจำ แกไม่ต้องห่วง ฉันไม่ลืมหรอกนะ วันที่ฉันรู้ว่าต้องอุ้มท้อง วันที่โลกทั้งใบแทบจะดับสลาย มันเป็นยังไง ฉันจะไม่มีวันเสียน้ำตาให้กับผู้ชายคนนั้นอีก แกเชื่อใจฉันได้” เกศยาบอกด้วยความมั่นใจก่อนจะบอกลาเพื่อนแล้วเดินออกจากห้องไป
รถคันหรูแล่นเข้ามาจอดหน้าบริษัท ธิติอนากรณ์ กรุ๊ป มือเรียวดึงแว่นสีชาทรงทันสมัยออกจากใบหน้านวลแล้วเก็บมันใส่กล่องเก็บของใต้คอนโซลรถ มองสำรวจความเรียบร้อยของตนเองในกระจกด้านหน้าและพูดกับเงาที่สะท้อนว่า
“ต่อแต่นี้ไป เธอคือ นางสาว รวิยา อาทิตยกุล...”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น หากชายหนุ่มเจ้าของห้องยังคงก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารต่อไป ทำเพียงร้องบอกคนข้างนอกให้เข้ามาได้ เพราะรู้อยู่แล้วว่าคนที่กำลังจะเข้ามาคือเลขาคนใหม่ที่จะมาทำหน้าที่แทนคนเก่าที่เพิ่งลาออกไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ... ก็แน่ล่ะ รติมาเสียอย่าง ย่อมทำทุกอย่างบรรลุผลตามแผน เพราะตอนนี้เลขาคนเก่าของชายหนุ่มได้เข้าไปทำงานตำแหน่งเลขาส่วนตัวของเพื่อนสาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมด้วยเงินพิเศษอีกก้อนหนึ่งด้วย
เลขาคนใหม่เดินตามคุณศักดิ์ดาเข้ามาในห้อง นัยน์ตากลมโตสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มที่เคยทำให้เธอเจ็บยังคงก้มหน้าก้มตาทำงาน
“คุณโสฬสครับ ผมพาเลขาคนใหม่มาแล้วนะครับ”
“อื้ม... ขอบคุณมาก ไปทำงานต่อเถอะครับคุณศักดิ์ดา เดี๋ยวทางนี้ผมดูแลเอง” โสฬสรับคำแบบขอไปที
เมื่อคุณศักดิ์ดาออกไปจากห้องเรียบร้อยแล้ว โสฬสก็เอ่ยปากขอกาแฟไม่ใส่น้ำตาลกับเลขาสาวทันที โดยที่ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองด้วยซ้ำ หญิงสาวขัดใจเล็กน้อยเมื่อไม่ได้เห็นแววตาที่มองมาด้วยความตกตะลึงของอีกฝ่ายอย่างที่หมายมั่น จึงเดินไปชงกาแฟตามคำขออย่างหงุดหงิด ก่อนจะกลับเข้ามาพร้อมแก้วกาแฟ
“กาแฟได้แล้วค่ะ” เสียงหวานใสที่เคยคุ้นหูเมื่อนานมาแล้ว ทำให้โสฬสเงยหน้าขึ้นมามอง เขาถึงกับอึ้งไปเมื่อเห็นหญิงสาวที่มีนามว่ารติมากำลังยืนตรงหน้า แม้ว่าความสวยหวานของเธอจะคงเดิม แต่ท่วงท่าและความสาวสะพรั่งที่เปล่งปลั่งออกมาทำให้เขาถึงกับตะลึง ทั้งใบหน้าและรูปร่างที่อวบอิ่ม เอวบางเล็ก ร่างระหงที่สูงเพรียว กับเรียวขาที่เปิดเผยอวดให้เห็นยามสวมกระโปรงผ่าข้าง และริมฝีปากรูปกระจับที่เคลือบด้วยลิปสติกสีสดนั้น น่าสัมผัสและลิ้มลองความหอมหวานเหลือเกิน หญิงสาวเอียงคอมองอย่างน่ารักด้วยนัยน์ตาใสที่มองมาด้วยความสนเท่ห์ หากแต่ในแววตานั้นฉายแววสะใจอยู่เพียงครู่ก่อนจะหายไปในพริบตา
“มีอะไรติดที่หน้าดิฉันหรือคะ” รติมาเอ่ยถามอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“รัน... รันใช่ไหม” ร่างสูงลุกขึ้นคว้ามือบางไว้ หากหญิงสาวตรงหน้ากลับแสดงท่าทีตกใจอย่างมีจริต
“ขอประทานโทษค่ะ ดิฉันชื่อรวิยา อาทิตยกุล ค่ะ”
“คุณอย่าโกหกผมเลย คุณ
คู่ขาเรอะ เรียกฉันว่าคู่ขาอย่างนั้นเรอะ!
“ถ้าคุณโสฬสไม่เชื่อ จะดูสูติบัตรหรือเอกสารประกอบการสมัครงานของดิฉันไหมคะ” หญิงสาวสะกดกลั้นความโกรธพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น จนโสฬสจำต้องปล่อยมือของหญิงสาว
“ผมต้องขอโทษคุณด้วยนะครับที่เสียมารยาท”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ดิฉันเริ่มชินซะแล้ว วันนี้มีคนมาทักดิฉันอย่างนี้สามคนแล้วค่ะ” ก็จะไม่ให้เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ในเมื่อเธอเองเคยมาฝึกงานอยู่ที่นี่เป็นเดือนๆ
“ว่าแต่ คนชื่อรติมาเป็นใครกันหรือคะ” รติมาถามขึ้นอย่างใคร่รู้ว่าชายหนุ่มจะตอบเธออย่างไร หากแต่คำตอบของเขาทำให้ความแค้นเพิ่มมากขึ้นเป็นสิบเท่า
“ก็แค่คนเคยมีอะไรกันน่ะ แต่เลิกกันไปนานแล้ว” พูดจบก็หยิบกระดาษที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา “นี่คืองานที่คุณต้องทำให้เสร็จภายในวันนี้นะครับ ผมต้องการด่วน”
ชายหนุ่มรีบยื่นเอกสารมาให้โดยทำเหมือนว่าไม่อยากพูดถึงคนชื่อรติมาอย่างไรอย่างนั้น จนหญิงสาวสาบานกับตัวเองว่า ถ้าทำให้นายคนนี้มาก้มหัวขอโทษเธอไม่ได้ เธอก็จะไม่ยกโทษให้ตัวเองเช่นกัน
หญิงสาวนั่งแปลเอกสารอย่างเงียบๆ หากแต่ต่างคนก็ต่างแอบเหลือบมองกันโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ มือเรียวสวยรัวแป้นพิมพ์อย่างชำนาญ ไม่ถึงชั่วโมงเธอก็นำเอกสารที่พิมพ์เสร็จสมบูรณ์เดินตรงไปยังโต๊ะของชายเจ้าของห้อง
โสฬสทำหน้าแปลกใจไม่น้อย ก็เอกสารที่เขาให้ไปนั้นมีแต่ศัพท์ทางธุรกิจ แต่เธอคนนี้กลับทำเสร็จภายในเวลาไม่นาน ชายหนุ่มรีบตรวจดูเอกสารที่หญิงสาวพิมพ์ออกมาอย่างรู้สึกทึ่ง เธอแปลเอกสารได้ดีจนแทบไม่มีที่ติ รติมาเห็นท่าทีของผู้ชายที่เคยทำร้ายเธอก็แทบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่ จึงเสเดินออกไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้โสฬสมองตามร่างระหงจนลับสายตา
หญิงสาวกลับมาถึงบ้านด้วยรอยยิ้มสะใจ ถือว่าวันนี้ทำสำเร็จไปอีกหนึ่งก้าว
“หึๆ แค่นี้ยังน้อยไปคุณโสฬส ฉันจะทำให้คุณได้เห็นนรก นรกที่ฉันเคยพบมาแล้ว”
รติมานั่งคิดถึงสภาพที่เธอต้องอุ้มท้องไม่มีพ่อ ทั้งยังต้องอาศัยอยู่ในต่างแดนอย่างยากลำบาก จนเคยคิดจะทำอะไรโง่ๆ ถ้าไม่ได้เพื่อนของเธอพูดเตือนไว้ ป่านนี้เธอคงต้องมานั่งเสียใจที่ไม่ยอมให้เขาเกิดมาบนโลกใบนี้
“แม่คร้าบ” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยวัยสี่ขวบเศษดังขึ้นขณะเจ้าตัววิ่งเข้ามาในห้องพร้อมด้วยเพื่อนสาวของเธอที่ส่งยิ้มมาแต่ไกล รติมาส่งยิ้มหวานกลับไปให้ลูกน้อย ก่อนจะย่อตัวลงหอมแก้มเด็กชายรัฐ
“กลับมาแล้วเหรอครับ... ไปโรงเรียนสนุกไหมวันนี้”
“สนุกครับ แต่รัฐฮิ้ว... หิว”
รติมาอมยิ้มก่อนจะตอบ “แม่ทำข้าวต้มกุ้ง ของโปรดรัฐไว้ให้ด้วยนะครับ” เด็กชายรัฐทำตาเป็นประกายเมื่อได้ยินชื่ออาหารโปรด
“แต่แม่ว่ารัฐไปอาบน้ำก่อนดีกว่านะ ป่ะ เดี๋ยวแม่พาไป” เด็กชายทำท่าสลดลงเล็กน้อยก่อนจะเดินตามรติมาไปอย่างว่าง่าย
“เป็นไงมั่ง รัน ไหวไหม” เกศยารีบยิงคำถามใส่เพื่อนสาวทันทีที่เห็นเธอเสร็จภารกิจต่างๆ ทั้งจัดอาหาร เก็บล้าง และปิดท้ายด้วยกล่อมเจ้าตัวดีเข้านอน
รติมาหันมามองเพื่อนสาวก่อนจะยิ้มเยาะ “ทำไมจะไม่ไหว อย่าลืมสิ ฉันรอมาตั้งห้าปีเชียวนะ”
“แต่ฉันอยากเตือนแกเรื่องคู่ควงคนล่าสุดของนายนั่น ไม่ใช่กล้วยๆ เลยนะ ได้ข่าวมาว่าแม่นี่จัดการคู่ขาคนเก่าของนายนั่นซะเรียบวุธ” รติมาทำตาโตราวกับตกใจเสียเต็มประดา ก่อนจะแสยะยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น
“ฉันไม่ใช่รติมาคนเก่าที่ไร้เดียงสาเชื่อว่าโลกนี้เป็นสีชมพูหรอกนะ ฉันจะไม่ปล่อยให้ใครมาทำอะไรฉันได้หรอก ตาต่อตาฟันต่อฟัน”
เกศยาพยักหน้าอย่างเข้าใจ เธอรู้ว่าหลังจากที่หญิงสาวคลอดลูกก็ทำงานหนักและเรียนหนักมาโดยตลอด แถมยังเข้าคอร์สศิลปะป้องกันตัวหลายแขนงเพื่อทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น แต่ความแข็งแกร่งของร่างกายจะช่วยทำให้จิตใจเข้มแข็งขึ้นได้อย่างไรเล่า
วันนี้รติมาเดินทางมาทำงานแต่เช้าตรู่ หลังจากที่ส่งเด็กชายรัฐลูกตัวน้อยถึงโรงเรียนแล้ว ก็จัดการบึ่งรถมายังตึกที่ทำงานทันที เมื่อจอดรถเรียบร้อยสายตาก็พลันสังเกตเห็นรถสีดำมันวับที่เข้าจอดเทียบรถของเธอ
รติมายิ้มกริ่ม ก่อนจะจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้ดูดีที่สุด พร้อมกับก้าวลงมาจากรถด้วยความมั่นใจในชุดสูทสีดำเข้ารูป ซึ่งกระโปรงยังคงผ่าข้างขึ้นมาจนเห็นต้นขาขาวเนียน ผมที่เรียบตึงกับใบหน้าซึ่งฉาบไปด้วยสีสันอ่อนๆ ทำให้โสฬสตกตะลึงตาแทบค้าง หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้ชายหนุ่มอย่างอ่อนน้อม โดยที่เขายกมือขึ้นรับไหว้แทบไม่ทัน
“สวัสดีค่ะ บอส”
“สวัสดีครับ คุณรวิยา มาทำงานเร็วดีนะครับ” โสฬสพูดพลางส่งยิ้มกระชากใจสาวให้ หากเป็นแต่ก่อน เธอคงแทบจะละลายไปกับรอยยิ้มนั้น แต่เดี๋ยวนี้ภูมิต้านทานของเธอมีเกินกว่าจะหลงเสน่ห์จอมปลอมนั้นอีกต่อไป
หนุ่มเจ้าเสน่ห์เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อไม่เห็นปฏิกิริยาตอบสนองจากหญิงสาวตรงหน้า ทั้งๆ ที่ปกติ รอยยิ้มกระชากใจสาวของเขามักจะใช้ได้ผลเสมอมา
“บอสก็มาไวเหมือนกันนะคะ”
“อ้อ ครับ ผมอยากเป็นตัวอย่างที่ดีกับลูกน้องน่ะครับ”
รติมาพยักหน้าเชิงรับรู้
“ถ้าอย่างนั้น ดิฉันขอตัวขึ้นไปทำงานก่อนนะคะ บอส” กล่าวแค่นั้นก็เดินเชิดไปยังลิฟต์ของพนักงานทันที หากชายหนุ่มร่างสูงรีบพูดขึ้น
“เราต้องทำงานชั้นเดียวกัน ผมว่าคุณไปขึ้นลิฟต์กับผมดีกว่า” รติมาทำท่าลังเลอย่างไว้เชิง จนชายหนุ่มต้องเอ่ยซ้ำ “มาเถอะครับ เช้าๆ อย่างนี้ยังไม่มีใครมา ถ้าเราขึ้นลิฟต์หลายตัวพร้อมกัน สิ้นเปลืองพลังงานเปล่าๆ นะครับ”
“ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบก่อนเดินตามชายหนุ่มไปแต่โดยดี”
ภายในลิฟต์ความเงียบเริ่มปกคลุม รติมายังคงยืนนิ่งแสดงอาการไม่สนใจชายหนุ่มอย่างเห็นได้ชัด จนโสฬสที่เคยทะนงตนว่าไม่ว่าผู้หญิงคนไหนที่เข้าใกล้เขาจะต้องตกในบ่วงเสน่ห์ทุกรายไป ถึงกับฮึดฮัดอย่างไม่สบอารมณ์
คอยดูนะ ผมจะต้องทำให้คุณมาสยบแทบเท้าของผมให้ได้
ราวกับว่าหญิงสาวตรงหน้าจะรับรู้ถึงความคิดของชายหนุ่ม รติมาขยับยิ้มที่มุมปาก ก่อนดวงตาจะฉายแวววิบวับออกมาอย่างน่ากลัว เสียงลิฟต์บอกชั้นที่ต้องการดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มร่างสูงสะดุ้งนิดหนึ่ง ก่อนที่จะทำท่าผายมือให้หญิงสาวร่างระหงเดินนำออกไปก่อน รติมาก้าวออกไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง หากไม่วายเหลียวหลังมาส่งยิ้มหวานให้โสฬสอย่างมีจริต ทำเอาชายหนุ่มถึงกับชะงักไปชั่วขณะเลยทีเดียว
ขณะนั่งทำงานสักพักเสียงโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะทำงานก็ดังขึ้น รติมาเอื้อมไปรับพร้อมกับกรอกเสียงหวานใส่
“สวัสดีค่ะ”
“นั่นใครน่ะ” เสียงแหลมๆ ของหญิงสาวที่ดังลอดออกมาทำให้รติมาที่รับสายถึงกับเลิกคิ้ว หากสมองอันเฉียบคมพลันนึกขึ้นได้ว่าเธอกำลังปะทะกับใคร จึงตอบอีกฝ่ายกลับไป
“ดิฉันเป็นเลขาคุณโสฬสค่ะ ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรเหรอคะ”
“อย่ามาโกหก เสียงเลขาโสฬสไม่ใช่แบบนี้”
“ดิฉันเพิ่งเข้ามาใหม่ค่ะ เอ่อ ไม่ทราบคุณมีธุระสำคัญนอกเหนือจากถามว่าดิฉันเป็นใครรึเปล่าคะ”
“หน็อย! แกกล้าพูดแบบนี้กับฉันเหรอ ไม่รู้หรือไงยะว่าฉันเป็นใคร” รติมากระตุกยิ้ม ก่อนจะหันไปมองเจ้านายหนุ่มที่ทำท่าสงสัยในทีว่าเธอกำลังคุยกับใคร
“เฮอะ... ขนาดคุณยังไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แล้วดิฉันจะไปตรัสรู้ได้ยังไงล่ะคะว่าคุณเป็นใคร ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรดิฉันขออนุญาตวาง” หญิงสาวไม่พูดเปล่าจัดการวางโทรศัพท์เสร็จสรรพอย่างไม่ใยดีจนชายหนุ่มร่างสูงต้องเอ่ยถามขึ้น
“ใครโทรมาครับ คุณวิว”
“ไม่ทราบค่ะ พูดจาไม่รู้เรื่อง วิวเลยขออนุญาตวางสายไปก่อน” หญิงสาวตอบด้วยสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ
เหตุการณ์ดำเนินไปอย่างปกติจนเกือบถึงเวลาพักเที่ยง โดยที่รติมาเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานหากก็ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ จนโสฬสอดแปลกใจไม่ได้ เขามักคิดอยู่ในใจเสมอว่า หญิงสาวคนนี้จะใช่คนเดียวกับคนที่เขาเคยทำร้ายไว้หรือไม่ ถ้าใช่ทำไมนิสัยช่างผิดกันอย่างเห็นได้ชัด เธอคนนี้ดูลึกลับ น่าค้นหา แต่ชายหนุ่มต้องรีบสลัดความคิดดังกล่าวออกไป เพราะเสียงแหลมราวพายุทอร์นาโดที่เตรียมจะกระชากร่างของชายหนุ่มดังขึ้น พร้อมกับประตูที่เปิดออก
ร่างบางระหงราวนางแบบของสราลี ไฮโซสาว ยืนจังก้ากวาดตามองไปทั่ว จนพบกับคนที่คาดว่าเพิ่งวางหูโทรศัพท์ใส่ “แกใช่ไหม ที่กล้าวางหูใส่ฉัน”
รติมายืนขึ้นมองร่างบางของผู้มาเยือนอย่างท้าทาย ดวงตาของหญิงสาวส่งยิ้มหยันให้ ซึ่งกระตุกต่อมโมโหของหญิงสาวที่มาใหม่ได้เป็นอย่างดี ไฮโซสาวไม่พูดพล่ามทำเพลง ปรี่เข้ามากระชากร่างหญิงสาวที่ทำเป็นตกใจกับการกระทำนั้น ก่อนฟาดมือเข้าไปที่ใบหน้านวลอย่างแรง จนรติมาเซไปปะทะกับโต๊ะ สราลียังไม่พอใจจะเข้าไปซ้ำ หากชายหนุ่มที่ยืนตะลึงงันรีบรี่เข้าไปขวาง ก่อนจะตวาดใส่คู่ควงคนล่าสุดทันที
“หยุดนะ สราลี คุณไม่มีสิทธิ์มาทำก้าวร้าวที่นี่”
รติมาแอบยิ้มกับสถานการณ์ตรงหน้า เพราะมันเคยเกิดมาแล้ว โดยที่เธอเคยรับบทเป็นสราลี หากตอนนี้เธอรู้ดีว่าคนอย่างโสฬสที่มักจะทะนงตัวว่าไม่มีอะไรที่เขาควบคุมไม่ได้ จะอารมณ์เสียมากหากมีใครมาทำก้าวร้าวในสถานการณ์เยี่ยงนี้
“คุณเข้าข้างมันเหรอคะ โสฬส” สราลีชี้นิ้วไปยังหญิงสาวที่ใช้ร่างของชายหนุ่มเป็นโล่กำบังราวกับกลัวว่าสราลีจะเข้ามาทำร้ายเสียเต็มประดา รติมาส่งยิ้มหวานให้หญิงสาวที่กำลังชี้มาทางเธอหนึ่งที ซึ่งโสฬสไม่มีทางที่จะได้เห็น
“ผมไม่ได้เข้าข้างใคร ใครผิดก็ว่าไปตามผิด สราลี ผมว่าคุณกลับไปก่อนดีกว่านะ” โสฬสเริ่มฟิวส์ขาดเมื่อเห็นคู่ควงคนล่าสุดไม่ยอมหยุด
“คุณกล้าไล่ลีเหรอคะ ได้ ถ้าคุณต้องการอย่างนั้น ลีไม่หน้าด้านอยู่หรอก แต่แกก็จำเอาไว้นะว่า ครั้งนี้ฉันจะปล่อยไปเพราะเห็นแก่หน้าโสฬสเขา แต่อย่าให้ฉันเห็นว่าแกเสนอหน้าวิ่งแร่จับโสฬสนะ ฉันไม่เอาไว้แน่” สราลีกล่าวอาฆาตไว้
หึๆ ก็แค่ต่อหน้าคนคนนี้เท่านั้นล่ะ เพราะฉันก็จะไม่ปล่อยให้เธอทำอะไรฉันได้เหมือนกัน สราลี
“เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ คุณวิว” รติมาหันมามองหน้าโสฬสราวกับเพิ่งนึกได้ก่อนจะแสร้งบีบน้ำตาทันที
“เจ็บสิคะ ทำไมเขาถึงต้องตามมาตบวิวด้วย ในเมื่อเขานั่นแหละพูดจาไม่รู้เรื่องใส่วิวก่อน แล้ววิวก็เพิ่งมาทำงานได้สองวัน จะไปทราบได้ยังไงคะว่าเขาเป็นใคร” รติมาเอามือแตะที่ใบหน้าของตัวเองที่ยังชาและมีรอยนิ้วแดงอยู่
“ไม่เป็นอะไรนะครับ เดี๋ยวผมเอาน้ำแข็งมาประคบให้ คุณวิวนั่งก่อนนะครับ” ร่างสูงเอ่ยปลอบโยน
รติมาพยักหน้าพร้อมกับนั่งลงโดยมีโสฬสคอยประคองไปนั่งที่โซฟา เหตุการณ์นี้ก็เหมือนกับเมื่อห้าปีก่อนไม่มีผิด เพียงแต่คนที่ถูกไล่น่ะเป็นเธอ แถมยังโดนชายตรงหน้าตบเข้าให้อีกด้วย
คิดแล้วก็ยิ่งแค้น ฉันจะทำให้คุณเจ็บจนไม่อยากจะมีชีวิตต่อไป คอยดู!
ดวงตาที่แข็งกร้าวของรติมาทำให้โสฬสถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย หากก็ได้แต่คิดว่าเป็นเพราะหญิงสาวย่อมโกรธเป็นธรรมดาเมื่อเจอเหตุการณ์เช่นนี้ จึงจัดการกดอินเตอร์คอมให้แม่บ้านจัดการนำน้ำแข็งเข้ามาให้
ไม่ถึงห้านาที ในมือโสฬสก็มีน้ำแข็งที่ห่อด้วยผ้าก็มาประคบใบหน้าให้เธอ รติมาส่งเสียงครางออกมาด้วยความเจ็บและแสบ เพราะถึงจะเป็นการแสดง แต่ก็แลกมาด้วยความเจ็บปวด
แต่ก็คุ้มค่ากับการลงทุน
“ผมขอโทษแทนลีด้วยนะครับ คุณวิว” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาราวกับกระซิบ หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะละลายไปกับน้ำเสียงนั้นแล้ว แต่ตรงข้ามกัน ในตอนนี้เมื่อเธอได้ยินกลับรู้สึกเหมือนว่าของที่กินเข้าไปเมื่อเช้าจะขย้อนออกมาเสียอย่างนั้น หากรติมาก็ยังคงควบคุมอารมณ์ได้ดี เธอปั้นน้ำเสียงให้อ่อนหวานที่สุด
“เรียกวิวเฉยๆ ก็ได้ค่ะบอส ไม่ต้องเรียกคุณหรอกค่ะ” รติมาทำท่าเขินอายโดยที่โสฬสแอบยิ้มกริ่มในใจคิดแต่ว่า สงสัยเสน่ห์ของเราเพิ่งจะเริ่มทำงาน
“ครับ วิว ถ้ายังไงเดี๋ยวผมไปส่งคุณที่บ้านแล้วกันนะครับ กลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่า แล้วถ้าพรุ่งนี้ไม่ดีขึ้นผมอนุญาตให้คุณลาหยุด” รติมาพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าโดยมีโสฬสคอยประคองไปตลอด
ตอนที่ 3
รถเบนซ์สีดำมันปลาบแล่นเข้ามายังคอนโดมิเนียมใจกลางกรุง ทำให้โสฬสถึงกับเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจที่เลขาสาวมีรายได้พอที่จะอยู่อาศัยในที่แห่งนี้ ซึ่งก็ดูเหมือนรติมาจะอ่านใจชายหนุ่มออก
“วิวอยู่กับเพื่อนนะค่ะ บอส วิวไม่มีปัญญาซื้อเองหรอกค่ะ” รติมาตีหน้าเศร้าขณะที่โสฬสแอบยิ้ม เขาคิดว่าตนเองมีวิธีที่จะสยบหญิงสาวตรงหน้าแล้ว
เงินเท่านั้นก็สามารถซื้อผู้หญิงคนหนึ่งได้
“ถ้าอย่างนั้นวิวขอตัวก่อนนะคะบอส”
รติมายกมือขึ้นไหว้ลงตรงกลางอกของชายหนุ่มในรถอย่างอ่อนช้อย ก่อนจะช้อนตาขึ้นมามองชายหนุ่มอย่างเย้ายวน เธอส่งยิ้มหวานปานจะหยดให้ก่อนจะขยับตัวห่างออกมาแล้วเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ หากแต่ชายหนุ่มในรถกลับดึงมือเธอเอาไว้ก่อน ซึ่งก็เข้าล็อกหญิงสาวพอดี
“ผมขอไปดื่มกาแฟบนห้องได้ไหมครับ” ชายหนุ่มส่งยิ้มทรงเสน่ห์ให้ก่อนจะเอ่ยถาม
“ไม่ดีมั้งคะ ตอนนี้เพื่อนวิวไม่อยู่ด้วย” รติมารีบปฎิเสธ
“คุณไม่ไว้ใจผมหรือครับ วิว” น้ำเสียงที่ทอดออกมาแผ่วเบาชวนให้ใจละลาย แต่ก็อย่างว่า เธอไม่มีวันหลงของเก่าอีกแน่
ใช่... ไม่ไว้ใจ
“ไม่ใช่ไม่ไว้ใจค่ะ แต่วิวเป็นผู้หญิงนะคะ จะให้ชวนผู้ชายขึ้นห้องได้ยังไงกัน” รติมาทำเสียงอุบอิบ ก่อนจะทำหน้าเจื่อนๆ ราวกับว่ากลัวชายหนุ่มจะโกรธ
“อื้ม จริงสิครับ ผมก็ลืมไป ถ้าอย่างงั้นก็พักผ่อนเยอะๆ นะครับ”
โสฬสเอ่ยขึ้นก่อนจะปล่อยมือหญิงสาวออกแล้วส่งยิ้มให้อีกครั้ง รติมาส่งยิ้มหวานตอบก่อนจะก้าวลงจากรถ รอจนรถของชายหนุ่มที่เคยทำร้ายเธอแล่นออกไป รอยยิ้มอ่อนหวานชวนให้รัญจวนใจเมื่อครู่จึงค่อยๆ กลับกลายเป็นรอยยิ้มที่แสยะออกมาอย่างน่ากลัว
“นี่คุณยังคิดว่าเงินซื้อฉันได้เหรอ โสฬส”
รติมายืนนิ่งอยู่สักพัก ก่อนจะเดินกลับขึ้นไปยังห้องพัก แม้ว่าอาการเจ็บปวดที่ใบหน้าจะยังไม่ทุเลา หากความแค้นเจ็บปวดยิ่งกว่า หญิงสาวกระตุกยิ้มขึ้นมาทันทีเมื่อนึกสงสัยว่าเหตุการณ์วันพรุ่งนี้จะเป็นไปอย่างที่เธอคาดไว้หรือเปล่า เธอไม่ได้อยากดึงสราลีเข้ามาเกี่ยวด้วยหรอกนะ แต่สาวไฮโซดันเข้ามายุ่งกับคนเลวๆ นั่นเอง ถือว่าฉันช่วยสงเคราะห์ไม่ให้เธอได้คู่กับคนเลวๆ ก็แล้วกัน
และก็เป็นจริงดังคาด สราลีตามมาเฝ้าชายหนุ่มถึงออฟฟิศจริงๆ มันเป็นเหมือนดั่งภาพซ้อนกับวันวานที่เธอเคยประสบพบมา หากแต่ในตอนนั้นหญิงสาวที่มาเฝ้าหนุ่มเจ้าเสน่ห์คนนี้คือเธอเอง... สาวน้อยที่เห็นโลกนี้เป็นสีชมพู รติมาแสยะยิ้มออกมาก่อนจะก้าวเดินไปด้วยท่าทีที่มาดมั่น วางกระเป๋าราคาแพงลงบนโต๊ะทำงาน จากนั้นก็นั่งทำงานที่ได้รับมอบหมาย จนกระทั่งร่างสูงเดินออกไปเข้าประชุม เสียงแหลมเล็กก็ดังขึ้น หากมือเรียวยังรัวแป้นพิมพ์ไม่หยุด
“มาทำงานไวเหมือนกันนะยะ คุ้มค่าจ้างดีนี่” รติมากระตุกยิ้มที่มุมปาก รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้พูดกับตนอย่างนี้ ก็เพราะชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องไม่อยู่ยังไงล่ะ ไม่อย่างนั้น แม่สาวไฮโซที่นั่งอยู่นี่คงไม่กล้าพูดแบบนี้แน่
“ค่ะ ก็เงินเดือนแพง ก็ต้องทำงานให้สมกับค่าจ้างสิคะ” หญิงสาวโต้ตอบอย่างฉะฉาน ไม่เหลือคราบหญิงสาวผู้อ่อนแออย่างเมื่อวาน
“ฮึ... ฉันก็หวังว่าคงจะแค่ทำงาน ไม่ใช้เต้าไต่หรอกนะ”
“ไม่หรอกค่ะ ถ้าผู้ชายเขาไม่เล่นด้วย แต่ถ้าเล่นด้วยมันก็...” รติมาทำตาแพรวพราวราวกับว่าหลงในความร่ำรวยของชายหนุ่มเสียเต็มประดา
“ก็... ก็อะไร พูดให้มันจบๆ นะ” สราลีกราดเข้าไปทำท่าจะหาเรื่องหญิงสาวตรงหน้า
“ก็ไม่แน่น่ะสิคะ แหม รวยออกขนาดนี้ ใครบ้างไม่สนคะ คุณสราลี วิจิตรโสมม” รติมาแสร้งเอ่ยนามสกุลผิดๆ พร้อมกับส่งยิ้มหวานปานน้ำผึ้งหยดให้ ก่อนจะลุกขึ้นและกระดิกนิ้วชี้ไปมาเมื่อเห็นอีกฝ่ายตาลุกวาวเหมือนแม่เสือหวงลูกและกำลังจะตรงเข้ามาทำร้าย “อ๊ะๆ อย่านะคะ ตอนนี้คุณโสฬสไม่อยู่ ถ้าคุณตบฉัน ฉันก็จะเอาคืนเป็นสามเท่า ไม่เชื่อก็คอยดู”
รติมาทำตากร้าวใส่ ก่อนจะนั่งลงทำงานต่อราวกับว่าไม่มีหญิงสาวนามว่าสราลีอยู่ในห้อง ทิ้งให้หญิงสาวที่หาเรื่องตนฮึดฮัดแล้วคว้ากระเป๋าเดินออกไป รติมาเพียงมองตามประตูที่ปิดกระแทกเสียงดังแล้วอมยิ้มอย่างถูกใจ
วันนี้เลขาสาวทำงานอย่างมีความสุขกว่าทุกวัน เพราะเจ้านายตัวร้ายมีประชุมตลอดช่วงเช้า เธอจึงไม่ต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา จนกระทั่งถึงเวลาพักเที่ยงหญิงสาวก็หยิบ กระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มือถือก่อนจะเดินออกไปอย่างสบายใจจนไม่เห็นว่าช่วง ที่เธอดึงประตูเปิด ได้มีร่างหนาๆ กำลังจะเดินเข้าประตูมาพอดี จนร่างของเธอกระแทกเข้าอย่างจัง
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ บอส” รติมาอุทาน แต่เมื่อหายตกใจ เธอก็แกล้งทำท่าเซแซดๆ ราวกับจะล้มลงไปกองกับพื้น หากแต่ชายหนุ่มร่างสูงคว้าไว้ได้ก่อน
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ วิว”
เสียงทุ้มต่ำชวนให้ใจหวิว รติมาทำท่าเหนียมอายราวกับเด็กสาวริรัก ก่อนที่จะทรงตัวให้ยืนได้ ชายหนุ่มร่างสูงจำต้องปล่อยร่างบางด้วยความเสียดาย
“ขอบคุณค่ะ บอส”
รติมาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับปุยนุ่น ดวงตาของเจ้าหล่อนช้อนขึ้นเล็กน้อยยามเหลือบมอง ทำให้โสฬสรู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันที หากก็ต้องฝืนเอาไว้
“วิวทานข้าวรึยังครับ ผมว่าจะมาชวนคุณพอดี” โสฬสเอ่ย
“ยังเลยค่ะ วิวทำงานเพลิน” พูดพลางส่งยิ้มหวาน
“ถ้าอย่างงั้นไปทานกันเลยนะครับ มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง”
โสฬสไม่พูดเปล่า จัดการคว้ามือหญิงสาวจูงเดินออกจากห้องไป ท่ามกลางสายตาพนักงานที่มองมาอย่างใคร่รู้ หากแต่รติมามิได้สนใจอะไร เพราะอย่างน้อยเธอก็ได้ถึงสองเด้ง เด้งแรกแผนเป็นไปตามคาด เด้งที่สอง ซึ่งสำคัญมาก... เธอไม่ต้องเสียเงินค่าข้าวกลางวันเอง
“คุณวิวมีพี่น้องกี่คนเหรอครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นเพื่อทำลายความเงียบระหว่างรับประทานอาหารในร้านหรู และเพื่อหลอกถามเรื่องที่ข้องใจ
“วิวไม่มีพี่น้องหรอกค่ะบอส วิวเป็นลูกคนเดียว แล้วบอสล่ะคะ” รติมาตอบอย่างรู้ทัน แต่ก็ไม่วายส่งยิ้มเป็นประกาย โสฬสส่ายหน้ากับคำถามนั้น ก่อนจะหั่นสเต๊กเนื้อชิ้นโตเข้าปาก
“ไม่มีหรอกครับ ผมก็ลูกคนเดียว แต่ว่าคุณวิวไม่มีพี่น้องแบบว่าฝาแฝดบ้างหรือครับ”
รติมาทำท่าหัวเราะกับคำพูด เธอส่ายหน้า อย่างน้อยก็ไม่ได้โกหก ก็ตนเองไม่มีพี่น้องจริงๆ
“แหม มีก็ดีสิคะบอส เดี๋ยวนี้เขาฮิตแฝดกัน ว่าแต่ที่บอสถามเพราะสงสัยเรื่องคนที่หน้าเหมือนกับวิวหรือคะ” รติมาลองหยั่งเชิง
“ครับ คือเมื่อก่อนมีเด็กฝึกงานคนหนึ่งหน้าคล้ายคุณวิวมากชื่อรติมา แต่รายนั้นน่ะดูท่าทางไม่คล่องแคล่วอย่างคุณวิวหรอกครับ” รติมาพยักหน้าเชิงว่ารับรู้ จากนั้นก็ยิงคำถามเด็ดทันที
“มิน่าล่ะ ใครๆ ถึงได้ทักวิวผิดๆ ว่าแต่คนชื่อรติมานี่มีอะไรสำคัญกับบอสรึเปล่าคะ วิวเห็นบอสข้องใจเรื่องนี้จัง” โสฬสชะงักไปทันที ก่อนจะมองหน้าของหญิงสาวตรงหน้าราวกับจับผิด แต่เขาก็ไม่เห็นประกายอะไรจากดวงตานั้น
หรือเราจะคิดไปเอง ใช่ เราต้องคิดไปเองแน่...
“ก็ไม่หรอกครับ แค่คนเคยคบหา แล้วก็เลิกกันไปนานแล้ว”
“แค่นั้นจริงๆ เหรอคะ” รติมากระตุกยิ้มนิดๆ ดวงตาฉายแววแข็งกร้าว
“ครับ แค่นั้นจริงๆ ผมว่าเราเลิกพูดเถอะครับ คุณวิวลองชิมนี่สิครับ อร่อยมากเลยนะครับ” โสฬสตัดบท ก่อนจะหั่นสเต๊กเนื้ออีกชิ้นให้รติมาพร้อมกับวางลงในจานหญิงสาว ซึ่งรติมาก็ส่งยิ้มหวานให้แทนคำขอบคุณ หากแต่หัวใจของเธอตอนนี้กำลังสุมไปด้วยไฟแห่งความแค้น
ฉันไม่มีค่าให้คุณคิดถึงเลยหรือ คุณโสฬส ได้... จากนี้ไปฉันจะทำให้คุณเจ็บจนไม่มีวันไหนที่คุณจะไม่คิดถึงฉัน!
หลังจากทั้งคู่ทานอาหารเสร็จเรียบร้อย รติมาก็กลับมานั่งพิมพ์เอกสารที่คั่งค้างต่อ โดยระหว่างนั้นเธอเลือกที่จะไม่แม้แต่จะพูดคุยเรื่องอื่นที่นอกเหนือจากงานกับเจ้านายหนุ่ม เพราะรู้ดีว่าถ้าพูดอะไรออกไปตอนนี้ คงจะไม่ดีกับแผนการที่วางไว้เป็นแน่ ยิ่งในตอนนี้ จิตใจของเธอกำลังอัดแน่นไปด้วยไฟแค้นที่อาจจะปะทุออกมาได้ง่ายๆ เธอจึงต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นสองเท่า
โสฬสเห็นเลขาของเขาเงียบไป ก็ได้แต่แอบสงสัยอยู่ในใจ คิดว่าหญิงสาวคงต้องการสมาธิในการทำงาน หากอีกใจหนึ่งก็คิดแต่ว่าตัวเขาเองจะต้องพิชิตหญิงสาวแสนสวยที่หน้าตาเหมือนคู่ขาเก่าคนนี้ให้ได้
เงินเท่านั้นบันดาลสุข
โสฬสกระตุกยิ้ม ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป จนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน ชายหนุ่มจึงเอ่ยถามหญิงสาวที่กำลังเก็บข้าวของบนโต๊ะ
“วันนี้ไปดินเนอร์กันนะครับวิว”
“วันนี้ไม่ได้ค่ะ พอดีมีนัดกับทางบ้าน ไว้วันหลังดีกว่านะคะบอส” รติมาทำท่านิ่งคิดก่อนจะเอ่ยปฏิเสธ
“เหรอครับ เสียดายจัง ถ้าอย่างนั้นผมลงไปส่งที่รถนะครับ” รติมาพยักหน้ารับก่อนที่จะเดินเคียงคู่ชายหนุ่มร่างสูงไปยังลิฟต์ผู้บริหาร
“ขอบคุณบอสมากนะคะที่อุตสาห์เดินมาส่งวิวถึงลานจอดรถ” รติมาเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนหวานเมื่อเดินมาถึงรถตัวเอง พร้อมยกมือขึ้นไหว้อย่างอ่อนช้อย
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่นี้เอง เดี๋ยวนี้ภัยสังคมมันเยอะ”
รวมถึงคุณด้วยใช่ไหมล่ะคะ คุณโสฬส หญิงสาวต่อคำพูดในใจ
“ถึงอย่างไงวิวก็ต้องขอบคุณบอสอยู่ดีที่เมตตาวิวมากเหลือเกิน ไหนจะเลี้ยงข้าวอีก” หญิงสาวทำเสียงอ่อย
“ผมบอกว่าไม่เป็นไรไงครับ เอาเป็นว่าวิวขับรถดีๆ นะครับ ผมเป็นห่วง” โสฬสกระซิบคำว่าผมเป็นห่วงที่ริมใบหูของหญิงสาว ราวกับว่าจะให้เธอต้องมนต์อันแสนจะเย้ายวนนั้น หากแต่สาวร่างระหงกลับแอบยิ้มอย่างพอใจ
“ค่ะ วิวจะขับรถดีๆ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ บอสก็กลับบ้านดีๆ นะคะ บายค่ะ”
รติมาเขย่งร่างจูบประทับที่แก้มของชายหนุ่มอย่างช้าๆ นัยน์ตาเป็นประกาย ราวกับว่าหลงรักเขาเสียมากมาย หญิงสาวส่งยิ้มหวานให้ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วก้าวเข้าไปนั่งก่อนโบกมือทำท่าบ๊ายบายให้กับโสฬส จากนั้นก็แล่นรถออกไปทันที ทิ้งให้โสฬสมองตามรถหรูของเธอด้วยสายตาหมายมาด
คุณต้องเป็นของผมให้ได้ รวิยา
และแล้วแผน 'หลอกให้อยากแล้วจากไป' ของรติมาก็บรรลุผลสำเร็จ เพราะชายหนุ่มที่เดินมาส่งนั้นมองตามเธอด้วยสายตาราวกับราชสีห์ที่พร้อมจะกระโจนตะครุบเหยื่อก็ไม่ปาน...
วันหยุดสุดสัปดาห์นั้น รติมาพาเด็กชายรัฐไปส่งยังบ้านของพ่อแม่ ก่อนที่จะเดินทางออกไปทำธุระข้างนอกกับเกศยาที่กำลังนั่งหน้ามุ่ย
“ทำไมฉันต้องไปกับแกด้วยล่ะ” เกศ ยาถามอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะวันหยุดทั้งทีเธอก็อยากจะพักผ่อนอยู่กับบ้านมากกว่า แต่แม่เพื่อนสาวตัวดีกลับลากเธอออกมาด้วยแผนบางอย่าง
“ก็แกเป็นเพื่อนฉัน เพื่อนก็ต้องไปด้วยกัน” รติมาอมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ชิ... ฉันรู้นะว่าแกน่ะไม่ประสงค์ดี คิดจะทำร้ายคานน้อยๆ ที่ฉันก่อสร้างมาด้วยความยากลำบากล่ะสิ” รติมาพยักหน้าอย่างไม่ปิดบัง เธอรู้ว่ารุ่นพี่คนที่เธอกำลังจะจับคู่ให้เพื่อนรักเพียรขายขนมจีบให้เพื่อนสาวตั้งแต่ยังไม่จบปริญญาโท
“เอาน่า แค่ไปกินข้าว ไม่ตายหรอก ว่าแต่พรุ่งนี้แกไปบ้านแม่ฉันไหม”
เกศยาส่ายหน้าก่อนจะตอบ “ไม่ล่ะ ท่านพ่อท่านแม่ของฉันเขาบ่นเปรยๆ ว่าถ้าไม่โผล่ไปให้เห็นหน้า ไม่แน่ตำแหน่งรองประธานอาจจะโดนคนอื่นซิวไป”
รติมาหัวเราะร่วนเมื่อได้ยินคำตอบของเพื่อนสาว เพราะมันก็จริง แม่เพื่อนของเธอนับครั้งได้เลยที่จะเดินเข้าเขตบ้าน
“แกก็ พ่อกับแม่ก็แค่อยากเจอลูกสาวสุดสวยมากว่า”
“ฉันว่าไม่หรอก เพราะเจอกันทีไร ต้องถามถึงเรื่องแฟนทุกที เมื่อไหร่ลูกจะพาแฟนมา แม่รอจนรากจะงอกออกเป็นถั่วเขียวแล้วนะ” เกศยาพูดจบก็ยังคงนั่งหน้ามุ่ยต่อไป
ไม่ถึงชั่วโมงทั้งสองก็เดินเข้ามาในร้านอาหารสไตล์หรูหรานิดๆ ก่อนจะสอดส่ายสายตาจนพบเป้าหมาย
“สวัสดีค่ะ พี่กล”
รติมายกมือไหว้ ‘กลยุทธ์’ ก่อนจะยักคิ้วทำนองรู้กัน หากแต่เกศยากลับแยกเขี้ยวใส่ชายหนุ่มตรงหน้า ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่หล่อนะ หน้าตาออกจะดีเสียด้วยซ้ำ ประมาณว่าเป็นดาราได้สบายเลย แต่ไม่รู้ว่าทำไม เธอถึงไม่ชอบหน้าอีตานี่ หรือเพราะว่าเขาพยายามจะทลายคานทองที่เธอก่อสร้างมาอย่างยากลำบากก็ไม่รู้…
ทั้งสามนั่งทานอาหารกันไปอย่างครื้นเครง โดยเฉพาะรติมาที่ดูสนุกสนานเป็นพิเศษ จนกระทั่งเหลือบไปเห็นเป้าหมายนัมเบอร์วันที่กำลังเดินตรงเข้ามาในร้านกับคู่ควงที่ไม่ใช่แม่สราลีตัวร้าย
“โอ๊ย ประเทศไทยมีร้านอาหารร้านนี้ร้านเดียวหรือไงนะ”
รติมาบ่นอย่างหัวเสีย เธอไม่พร้อมที่จะให้แผนที่เธอวางไว้มาแตกตอนนี้ เพราะถ้าชายหนุ่มเจอเธออยู่กับเกศยามีหวังความลับแตกแน่ เพราะเขาเองรู้ดีว่าทั้งสองเป็นเพื่อนกัน
ไม่ได้ ต้องทำอะไรสักอย่าง
“พี่กลค่ะ รันไม่ไหวแล้ว ปวดท้องมากเลย ขอตัวก่อนนะคะ เกศ เราไปก่อนนะ” รติมาทำท่าลุก หากเกศยาคว้ามือไว้ก่อน
“เฮ้ย... ทำงี้ได้ไง ฉันกลับด้วยสิ” หญิงสาวรีบแอบกระซิบบอกว่าโสฬสกับแม่คู่ควงกำลังเดินเข้ามา เกศยาตาโตทันที
“อะไรมันจะกลมปานนั้น” เกศยาบ่นอุบ ก่อนจะรับปากว่าจะอยู่ต่อเพื่อดูสถานการณ์เอาไปวิเคราะห์ โดยที่กลยุทธ์มองตามร่างของแม่สื่อสาวที่เดินออกไปอย่างเร่งรีบ
“รันเขาเป็นอะไรหรือครับเกศ บอกว่าปวดท้อง แต่วิ่งเร็วเชียว”
เกศยาหันมามองหน้าคนอยากรู้อยากเห็นก่อนจะตอกกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์
“ไม่รู้สักเรื่องจะได้ไหมค่ะ ไอ้คุณพี่กล” เกศยาสะบัดหน้าพรืด เธอไม่อยากจะอยู่นักหรอกนะ เพราะแค่หายใจอากาศเดียวกับบุคคลที่ทำร้ายเพื่อนเธอก็แทบตายแล้ว ยังต้องมานั่งผจญเวรผจญกรรมกับอีตานี้อีก มีหวังกลับไปแย่แน่
ความคิดเห็น