ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผลิกล็อกหัวใจ ยัยวุ่นวายกับนายจอมโหด

    ลำดับตอนที่ #4 : นัดสำคัญ(มั้ง)

    • อัปเดตล่าสุด 6 ธ.ค. 55


    “เดี๋ยวนี้แกญาติดีกับยัยพวกนั้นแล้วเหรอ เห็นคุยกันซะสนิทสนม”
    กระดิ่งโผล่หัวเข้ามาถามฉัน
    มันเอาอะไรคิดหวะ ง่ามก้นช้างแมมมอธรึไงถึงได้คิดว่าฉันจะไปญาติดี กับยัยผีเปรตสองตนนั้น
    “เปล๊า...ฉันก็แค่คุยด้วยตามประสาเพื่อนร่วมโลก”
    ฉันตอบแบบไม่หยีหระ
    “โหย...แกนี่ใจบุญเนอะสู้ยังอุตส่านับ ยัยพวกนั้นเป็นเพื่อนร่วมโลก ขนาดฉันนะแค่คิดว่ายัยพวกนั้นเป็นมนุษย์เหมือนกัน ยังลำบากใจเลยหวะ”
    ก๊ากๆๆๆๆสะจ้ายสะจาย นับเป็นคำพูดที่ฟังแล้วรื่นหูที่สุดในรอบปีไม่นึกเลยว่าบทกระดิ่งจะกวนโอ้ย ก็กวนซะจนคันง่ามเท้า(ขอใช้ภาษาสุภาพนะขร๊า)
    แต่รู้สึกว่ายัยพวกนั้นจะได้ยิน
    “เหอะ...ฉันก็ลำบากใจเหมือนกันแหละที่ต้อง ทนใช้ออกซิเจนแบบเดียวกับหล่อน”
    งั้นหล่อนก็ฆ่าตัวตายแล้วไปเกิดใหม่เป็นปลากระโห้สิย่ะ จะได้หายใจทางเหงือก แต่ปลาก็ยังต้องใช้ออกจิเจนในการหายใจอยู่ดี
    แต่...ถ้าหล่อนไปเกิดเป็นมนุษย์ดาวอังคารหรือดาวพุธมันก็ไม่แน่ เพราะฉันก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่ามนุษย์ต่างดาวใช้อะไรหายใจ อาจเป็นคาร์บอนไดร์ออกไซร์หรือก๊าซมีเทนก็เป็นได้
    “งั้นเธอก็กลั้นหายใจเอาสิ”
    “บ้า...ทำแบบนั้นฉันก็ตายพอดี”
    “ก็นับว่าเธอฉลาดใช้ได้ที่รู้ว่าถ้ากลั้นหายใจแล้วจะต้องตาย”
    โอ้ว...วันนี้กระดิ่งมันไปกินอะไรผิดสำแดงมารึเปล่าทำไมปากร้ายแบบนี้ ไม่แน่มันอาจไปกินไส้คางคก รกตุ๊กแก กระเพาะปลาอายุเก่าแก่ที่เก็บได้จากน่านน้ำอะเมซอน ตาปลาช่อน หรือระท้อนเน่า เออ...ฉันควรจะพอใช่ไหม
    “ฉันคงต้องเปลี่ยนทัศนคติในการมองพวกเธอใหม่แล้วแหละ”
    ...
    “จากที่ตอนแรกคิดว่าพวกเธอจะเป็นประเภทโง่เง่าเต่าล้านปี คงต้องเปลี่ยนเป็นแค่โง่เฉยๆก็พอ”
    เออ...มันต่างกันมากไหมไอ้โง่เง่าเต่าล้านปีกับโง่เฉยๆเนี้ย แต่ฟังยังไงมันก็โง่อยู่ดีเปลี่ยนแค่คำต่อท้ายไม่ใช่รึไง
    “กรี๊ดดดดดดดด แกฉันเกลียดแกอีนังทอมแอ๊บหญิง”
    ยัยข้าวมันไก่กับยัยกูฟฟี้พากันลุกขึ้นยืนแล้วทำท่าชักดิ้นชักงอเหมือนไส้เดือนโดนน้ำร้อนสาด ขอบอกว่าภาพนี้เด็กและสตรีมีคัน(คันตามเนื้อตามตัว)ไม่ควรดูเพราะ...ทุเรศม่านตาม้ากกกก
    “โอ๊ย...กรี้ด...กรี้ด คิดว่า กรี้ดเป็นคนเดียวรึไงห๊ะ ฉันก็เกลียดเสียงหล่อนเหมือนกันแหละยะ”
    แยมโรลที่นั่งเงียบอยู่นานลุกขึ้นมาดีดดิ้นล้อเลียนยัยสองคนนั้น สงสัยมันคงรำคาญจนทนไม่ไหว
    “แกพวกแกมันหมาหมู่ รุมฉันสองคน”
    “หมามันก็ต้องไล่กัดตุ๊กแกเป็นธรรมดาอยู่แล้ว”
    กระดิ่งเถียงสุดชีวิต
    เออ...เคยได้ยินแต่ว่าหมาไม่ถูกกับแมวเจอแมวทีไรเป็นต้องวิ่งเข้าไปฟัด แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าหมาก็ไม่ชอบตุ๊กแก แต่...พูดยังไงพวกฉันก็เป็นหมาอยู่ดีนี่หว่าไม่ต่างจากเดิม-,.-
    “ทฤษฎีบ้าบออะไรของพวกแกเนี้ยห๊ะ”
    เห็นด้วยกับยัยกูฟฟี้อย่างแรง ทฤษฎีบ้าอะไรของแก๊กระดิ่งคิดได้ไงขอถาม
    “ทฤษฎีสีชมพูมั้ง ก๊ากๆๆๆ”
    เห๊อะ ทฤษฎีสีชมพู ตลกตายละมุกฟืดชะมัดยาก
    “พลั่ก”
    เฮือก
    พวกเราทั้งหมดนิ่งเงียบกันหมดเมื่อจู่ๆแปรงลบกระดานสมัยพระเจาเหา ดั๊นมีปีกบินลอยผ่านหน้าพวกเราไปอย่างช้าๆก่อนที่ มันจะถลาลมไปค้างเติ้งอยู่บน หัวของยัยกูฟฟี้
    อุ๊บ อยากระเบิดหัวเราะออกมาดังๆแต่ดูจากสถานการณ์แล้ว อั้นไว้น่าจะเป็นการดีที่สุด
    “กรี้ด ใครใครเอาแปรงลบกระดานโสโครกนี่ปาหัวช้านนนน”
    กูฟฟี้ปรี๊ดแตกจนพวกฉันต้องรีบเอานิ้วขึ้นมาอุดหู เสียงสิบแปดหลอดอย่างกูฟฟี้ถ้าไม่รีบอุดหูไว้มีหวังหูหนวกก่อนวัยอันควรแน่
    ชิ้ง
    ไม่มีเสียงตอบรับจากคำถามที่ท่านถาม สถานการณ์ตอนนี้เรียกได้ว่าอยู่ในสภาวะขับขันไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ อึดอัดว้อยยยยย
    “ฉันเอง”
    แทมแท้มคุณคือจุดอ่อน
    เย้ย...ไม่ใช่ ฉันและคนอื่นๆรีบหันไปดูต้นเสียงลึกลับนั่นทันทีแล้วก็ต้องตกใจเกือบผงะตีลังกาแปดสิบแปดตลบพร้อมลุกขึ้นเต้นท่าลิงกังแล้วร้องอุอุอุ(เวอร์) เมื่อรู้ว่าคนที่ลอบทำร้ายกูฟฟี้คือ
    “อาจารย์ทองเปลว”
    พวกเราประสานเสียงขึ้นพร้อมกัน เหมือนกับว่ากำลังฝึกร้องเพลงโอเปร่าอยู่ในชมรมแต่เสียยอย่างคือที่โรงเรียนฉันมีแต่ชมรมสุนทรพจน์เท่านั้น
     
       แสงแดดอ่อนๆยามเช้านี่ช่างทำให้ผิวอันบอบบางเหมือนก้นเด็กทารกที่นอนดีดดิ้นอยู่ในครรถ์มารดาของฉันสุกไหม้ดีแท้ คาดว่าอีกไม่เกินสิบนาทีผิวของฉันก็จะกลายเป็นสเต็กเนื้อชิ้นดีเลยละ
    ช่าย...ฉันและเพื่อนๆร่วมชะตากรรม กระดิ่ง แยมโรลและ ยัยสองหน่อนั่น ถูกอาจารย์ทองเปลวถีบส่งมาที่นี้ ให้มายืนตากแดดยามเช้าอยู่หน้าสนามหญ้า ขอบอกว่าร้อนตับแลบ
    “เพราะแกนังสนุกฉันสองคนเลยต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้”
    ...
    ขอเงียบไม่เถียงละกันเพราะมันคือความจริง
    “หยุดพูดได้ม๊ะเหม็นปาก”
    บอกแล้วว่าขอเงียบเพราะถึงฉันไม่พูด กระดิ่งมันก็พูดแทนอยู่ดี ก๊าก
    “แกมันจะมากไปแล้วนะ”
    ข้าวมันไก่ยืนดีดดิ้นแล้วเอามืออีกข้างขึ้นชี้หน้ากระดิ่ง
    “น้อยไปสิไม่ว่า...หุบปากซะก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน”
    “ความอดทนของฉันก็มีขีดจำกัดเหมือนกันย่ะ”
    พูดจบข้าวมันไก่ก็สะบัดบ๊อบใส่พวกฉันทันที แหวะ...รังแคจะกระเด็นมาติดหน้าฉันแล้วลุกลามกลายเป็นมะเร็งเส้นผมเปล่าเนี้ย แต่มันแค่มาเล็งนี่เนอะจะไปกลัวทำไมต้องมายิงสิถึงจะน่ากลัว
    “อย่าลืมที่นัดไว้ละ ยัยสนุก”
    “เก็บคำนี้ไว้ใช้กับตัวเองเถอะอย่าเปลี่ยนใจนึกกลัวฉันขึ้นมา แล้วเบี้ยวไม่ไปซะละ”
    ฉันตอบเสียงเย็นกลับไปเล่นเอาข้าวมันไก่ถึงกับหน้าซีดรอบสองแต่ก็ยังไม่วายปากเก่งเหมือนเดิม
    “คนอย่างฉันไม่เคยถอยไห้ใคร”
     
     
    โรงอาหารที่แสนหรู(มั้ง)
    “แกไปนัดอะไรกับยัยพวกนั้น”
    กระดิ่งยังคงเซ้าซี้ถามฉันเรื่องที่นัดแนะไม่หยุดไม่น่าให้มันได้ยินเล้ยขี้เกียจตอบ
    “เรื่องไร้สาระนะ”
    ไม่ใช่ฉันปกปิดอะไรนะ แต่ฉันคิดว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ฉันสามารถจัดการเองได้ไม่อยากขอความช่วยเหลือจาก ยัยพวกนี้
    “ถ้ามันไร้สาระจริงแกก็บอกฉันมาสิ”
    “แกไม่อยากรู้หรอกน้า”
    “สนุก แกก็รู้ว่าไม่มีเรื่องไหนที่ฉันไม่อยากรู้ยิ่งถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวของชาวบ้าน”
    เออเนอะ...ฉันก็ลืมไปว่าคุณสมบัติพิเศษของยัยนี่คือศึกษาข้อมูลส่วนตัวของชาวบ้านไม่น้าเลย ไม่น่าจริงๆฉันจะรอดไหมเนี้ย
    “ฉันแน่ใจว่าแกต้องไม่อยากรู้เรื่องนี้แน่”
    “บอกฉันหน่อยนะเพื่อนเลิฟฉันอยากรู้มากมาย”
    อะ ไอ้สายตาวิ้งๆกับน้ำเสียงออดอ้อนแบบนี้ถ้าไม่เห็นเองกับตาฉันก็ไม่อยากเชื่อนะเนี้ยว่ามันมาจาก กระดิ่งบุคคลที่เราทั้งหกต่างก็รู้กันว่ามันเป็น ทอม
    “แกก็บอกๆมันไปเหอะ รู้อยู่ว่าถ้ามันอยากรู้หรือต้องการสืบเรื่องอะไรไม่มีใครปิดมันได้”
    ฉันยอมรับว่าความสามารในด้านนี้ของกระดิ่งเป็นประโยชน์ต่อแก๊งเราอย่างมากเพราะเวลามีเรื่องอะไรที่ทางรุ่นพี่ส่งมาไห้ทางเราสืบค้นก็จะได้ ยัยนี่เนี้ยแหละเป็นหน่วยซักไซ้เอาความจริง แต่ขอตำหนิหน่อยเหอะต่อมอยากรู้ของแกจะมาแตกพล่านอะไรเอาต้อนเน้
    “เออๆๆบอกก็ได้ฉันนัด ยัยสองตัวนั้นที่หลังตึกสี่”
    “นัดทำไมอย่าบอกนะว่า”
    พวกที่เหลือหันไปมองหน้ากันอย่ารู้ทันฉัน
    “ใช่...แกว่าฉันจะจัดให้ ยัยพวกนั้นแบบไหนดี”
    “หมดสวยกับเป็นง่อยแกเลือกเอา”
    แยมโรลเสนอความเห็น อืม หมดสวยกับเป็นง่อยเหรอความคิดดีนี่แต่มันจะดีกว่านั้นแน่ถ้าฉันจัดให้ ยัยพวกนั้นทั้งสองอย่าง
    “เด็กประถมไปเปล่า...อย่างพวกราต้องดักกระทืบปางตายพร้อมถ่ายวีดีโอไว้แล้วเอาไปลงยูตูบประจานในเน็ตสิมันถึงจะเวิร์ก”
    ไม้ม็อบบุคลซึ่งไม่ค่อยพูดเท่าไหรออกความเห็นบ้าง แต่...ก็ไม่แล้วนะความคิดนี้
     เรื่องทะเลาะเบาะแว้งหรือชกต่อยตบตีอะไรพวกนี้กลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพวกฉันไปเสียแล้ว เพราะตั้งแต่พวกฉันคิดที่จะมาสมัครเข้าก็อซซิล่า ชานมเย็นก็ต้องทำใจรับให้ได้กับการมีคนคิดปองร้ายหรือการมีเรื่องตบตี ก็อย่างว่าแหละมีคนรักก็ต้องมีคนเกลียดเลือกไม่ได้
    “ฉันขอตบปาก ยัยกูฟฟี่ละกันหมั่นไส้มานานแล้วหวะ ยกให้ฉันนะสนุก”
    แยมโรลเอ่ยปากขอจัดการกูฟฟี่ แต่ขอโทษนะเพื่อนฉันกะว่าเรื่องนี้ฉันจะลุยเดี่ยวหวะ
    “แกไม่ต้องยุ่งเลยคนอื่นด้วยเรื่องนี้ฉันจัดการเอง”
    กะอีแค่แมงเม่ามองตัว สะบัดมือทีเดียวมันก็ร่วงลงมาแล้ว
    “แต่ยังไงพวกฉันก็ต้องไปเฝ้าระวังอยู่ดี ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลฉันจะได้จัดการ”
    “กฎยังไงก็ต้องเป็นกฎแหกไม่ได้ ถ้าแกคิดจะแหกกฎแกก็เตรียมตัวกระเด็นออกจากแก๊งเราไปได้เลย”
    ขอบฟ้าคาสโนวี้ตัวแม่ แต่เจ้าระเบียบและรักการอยู่ในกฎเกณฑ์ที่สุดพูดขึ้น
    “ก็ได้แต่...ถ้าฉันยังไม่ขอไห้พวกแกช่วยห้ามยุ่งดูเฉยๆก็พอ”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×