ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผลิกล็อกหัวใจ ยัยวุ่นวายกับนายจอมโหด

    ลำดับตอนที่ #3 : oh!!!...นรกบนดิน

    • อัปเดตล่าสุด 6 ธ.ค. 55



    สายแน่!!! สายแน่ฉัน
    ฉันวิ่งด้วยความเร็วสามร้อยล้านกิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อจะเข้าเรียนให้ทันวิชาอาจารย์ทองเปลวครูสอน วิชาภาษาไทยสุดโหด ไม่เข้าใจเลยทำไมอาจารย์วิชาภาษาไทยต้องโหดทุกคนด้วย แต่นี่ไม่ใช่เวลามายืนวิเคราะห์ หรือสงสัยอะไร เพราะถ้าฉันเข้าเรียนไม่ทันคาบนี้ ฉันก็เตรียมตัวเก็บกระเป๋าพับผ้า แล้วย้ายหลืบก้นมานั่งเสนอหน้า เรียนซ้ำกับรุ่นน้องปีต่อไปได้เลย ซึ่งฉันไม่อยากเรียนซ้ำ แง้งงงงงงT___T
    ฉันเลยต้องสวมวิญาณม้ามืด แล้วหลับหูหลับตาวิ่งลูกเดียว จะชนคน ชนควาย รึชนหมาฉันก็ไม่หยุด
    โครม ครุ ครุ
    ว้าก...เอาแล้วไง ปากพาซวยไม่น่าพูดเล้ยว่า ชนคน ชนควาย เห็น ม๊ะชนจนได้แถมยังชนแบบปฏิกิริยานิวเคลียสด้วย-..-; แบบต่างฝ่ายต่างกระเด็น ง่ะ...อีตานั่นที่ถูกฉันชนเขากลิ้ง หลุนหลุนลงเนินไปแล้วง่า ทำไงดีฉัน แล้วคนที่เดินผ่านไปมาก็ใจดำกันจริ๊ง ไม่มีใครคิดจะช่วยเขาเลยเหรอ ฉันหันไปมองผู้คนที่เดินผ่านไปมาด้วยสายตาตำหนิ พอหันไปมองตานั่นอีกทีฉันก็ต้องกรีดแตก
    “ไม่น้า...กี๊สสสส”
    อีตานั่นกลิ้งลงเนิน หัวไปกระแทกกับฟุตบาล เลือดไหลเป็นทางเลย นี่ฉันจะถูกตำรวจจับโทษฐานเจตนาฆ่าคนรึเปล่าเนี้ย ไม่น้าชีวิตวัยรุ่นของช้านนนน
     “นาย”
    ฉันเดินไปแล้วอาไม้เขี่ยๆดู เออ คงไม่ตายหรอกมั้ง
    ...
    เงียบกิมกี่ ได้ยินแต่เสียงแมลงหวี่บินผ่านหน้า
    “นาย”
    ...
    คราวนี้เงียบขนาดได้ยินเสียงแมลงวันร้องเพลงชาติเลย=,.=(มันร้องได้เรอะ)
    ฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ว่าจะพาเขาไปโรงพยาบาล รึว่าจะปล่อยไห้นอนตายขึ้นอืดอยู่ตรงนี้ดี ช่วยดีกว่าอย่างน้อยก็เป็นการรับผิดชอบ ที่ฉันทำไห้เขาต้องเป็นแบบนี้ ฉันอุ้มนายนั่นขึ้นมาไว้ก่อนที่จะ
    ครืด ครืด
    “ป้าบ”
    “โอ้ย...เจ็บ”
    ฉันทิ้งตัวนายนั่นลงอย่างรวดเร็ว แล้วรีบกดรับโทรศัพท์ ลืมไปเลยว่านายนั่นเจ็บเจียนตายอยู่ นายนั่นส่งเสียงโอดควญออกมาเบาๆ แต่มันก็ทำไห้ฉันยิ้มได้ ฮี่ฮี่...อย่างน้อยนายก็ยังไม่ตาย
    “ว่าไง”
    “ว่างง ว่าไงอะไรเล่า นี่สนุกแกอยู่ไหนรีบมาเลย อาจารย์ทองเปลวจะเช็คชื่อแล้ว เออ แค่นี่นะเปลืองเงินวะ”
    “อะ เออ”
    ฉันได้แต่ติดอ่างพูดค้างอยู่แบบนั้น มาเร็ว ไปเร็วจริงๆเพื่อนฉัน กะจะบอกว่าฉันไม่ไปได้ไหมจะพานายนี่ไปโรงพยาบาล แต่รู้สึกลางๆว่า ถ้าฉันไม่รีบไปไห้ทันเช็คชื่อมีหวัง ได้เรียนซ้ำกับรุ่นน้องแหมๆ
    “นายนอนชมวิว รอฉันอยู่นี่ก่อนนะเดียวฉันมา”
    ฉันหันไปคุยกับร่าง ที่สภาพไม่ต่างจากศพ แต่พอเห็นว่านายนั่น ไม่ตอบอะไรกลับมาฉันก็รีบวิ่งไปเข้าเรียนทันที...เดี๋ยวพอนายนั่นฟื้น เขาคงลุกออกจากตรงนั้นไปเองแหละ
     
    “สาวิตรี”
    “มาค้า”
    เยสสสสสสสสส ในที่สุดฉันก็ทำสำเร็จ มาทันเช็คชื่อจนได้ ยาฮู้โอ้เย้โอ้เย้โอ้โอ้เย้
    “สาวิตรีเป็นอะไรรึเปล่า”
    เสียงเรียกของอาจารย์ทองเปลว ทำไห้ฉันหลุดจากความคิดต๊องส์ๆ ฉันหันไปยิ้มแห้งๆไห้อาจารย์ทองเปลว แล้วรีบเดินก้มหน้ามานั่งเก้าอี้ข้างๆแยมโรลทันที อายวุ้ย-/////-
    “แหมมาทันเช็คชื่อแค่เนี้ย ดีใจยังกับได้รางวัลโอลิมปิคเชียวนะแก”
    แกจะกระแหนะกระแหนฉันทำไมเนี้ยแยมโรล ฉันมาทันเช็คชื่อมันไม่ได้สร้างความปราบปลื้มให้แกเลยใช่ไหม
    “โอ๊ย...แกช่วยดีใจเป็นเพื่อนฉันหน่อยเหอะ สักนิดก็ยังดี นี่ฉันอุตส่าทิ้ง เออ อุตส่าวิ่งมาอย่างเร็วเลยน้าส์”
    ฉันหันไปบอกแยมโรล เกือบไปแล้ว เกือบหลุดปากเล่าวีรกรรมความชั่วที่ตัวเองไปทำมา จะว่าไปแล้วก็สงสารนายนั่น ป่านนี้จะเป็นยังไงน้า ศพจะเริ่มขึ้นอืดหรือยัง แมลงวันหัวเขียวตัวโต้โต จะบินมาตอมรึเปล่า เฮ้ย...ไม่ใช่สิเราต้องคิดว่า นายนั่นจะฟื้นแล้วลากสังขารตัวเอง ไปโรงพยาบาลบ้ารึยัง
    “ฮือๆๆ กระซิก กระซิก”
    เสียงผีเป้าตนไหน มันมาร้องไห้ขอส่วนบุญอยู่แถวนี่หว่า
    “แกร้องไห้ทำไมวะกระดิ่ง”
    อ๋อ...ที่แท้กระดิ่งมันก็เป็นผีเป้า มิน่าละพักนี้เห็นจมูกมันดำๆ แล้วก็ชอบออกไปหาอะไรกินในห้องน้ำตอนดึกๆ เฮ้ยไม่ใช่แระ เออว่าแต่กระดิ่งมันจะมาดราม่าอะไรตอนนี้หวะ เป็นทอมที่เข้าใจอยากจริงๆ
    “ฉันปราบปลื้มใจ ที่สนุกมันมาทันเช็คชื่อนะ”
    โอ้วจอท...การมาทันเช็คชื่อของฉันวันนี้ ถึงกับทำให้เพื่อนที่รักยิ่งถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความ สมเพช เอ้ย ปราบปลื้มเลยเหรอ ช่างน่าภูมิใจแท้ ซะที่ไหนละ -*-นี่แกกะจะบอกฉัน เป็นนัยๆใช่ไหม ว่าฉันมันคุณนายสายเสมอเป็นไปได้น้อยมาก ที่สุดสายอย่างฉันจะมาทันเช็คชื่อ โด่...ด่าต่อหน้ายังเจ็บน้อยกว่าเล้ยยยยยย
    “อย่าประชดขอร้อง”
    “แกจะร้องเพลงไรละ”
    “เอาของน้ำชาละกัน ตลกพอยังตรูจริงจังว้อยยยยยย”
    ม่าง...คนเขากำลังซีเรียสเครียดจัด ยัง ยังจะมีหน้ามาเล่นมุกอีก เออ...แล้วฉันจะไปตอบมุกมันทำแป๊บอะไรวะ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
    “โต๊ะหลังเลิกคุยกันได้รึยังจะเรียนไหม”
    “เรียนค้าเรียน”
    เสียงสุดโหดของอาจารย์ทองเปลว เป็นกรรมการตัดสินการเถียงกันครั้งนี้ของพวกเรา เหอะ...ลองไม่หยุดดูสิได้โดนถีบกระเด็นออกจากห้องแน่
     
    เออ...แล้ววันนี้มันวันซวยอะไรของฉันเนี้ย เพิ่งไปทำเขาสลบคาที่มาหมาดๆ พอมานั่งเรียนก็ดั๊นมาเจอ ยัยข้าวมันไก่คู่อริตัวฉกาจเสียได้ เซ็งเครียดอยากกินตับเด็ก
    “มองหน้าหาเรื่องเหรอแก”
    น่านไง พูดไม่ทันขาดคำยัยหมวกกันน็อกนี่ก็เริ่ม เปิดศึกปะทะฝีปากับฉันเข้าแล้ว ช่ายนังนี่มันมีฉายาว่าหมวกกันน็อก ไม่เชื่อให้มาดูหัวเธอได้เลยฟูซะปลาดุกฟูยังยกหนวดให้(แบบว่าปลาดุกไม่มีนิ้วมีแต่หนวด) แล้วอีกอย่างนะอายไรด์เนอร์นะ หล่อนจะกรีดหนาไปไหนโค้งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำแควเชียว  
    ...
    ฉันพยายามหลีเลี่ยงไม่ตอบคำถาม แต่รู้สึกว่าจะคิดผิด
    “ลืมเอาปากมารึไง ฉันถามแกแกก็ต้องตอบฉันสิ”
    เธอเป็นแม่ฉันเหรอ ฉันถึงต้องตอบคำถามเธอทุกบรรทัดคำพูด แต่ก็แค่คิดในใจอ่ะนะขี้เกียจมีเรื่อง
    “มันเงียบแบบนี้แสดงว่ามันอยากมีเรื่องกับเธอแน่เลยข้าวมันไก่”
    เสียงยัยกูฟฟี้พูดยุแยงตะแคงรั่ว หน่อยฉันเงียบแล้วมันไปกดทับเส้นประสาทความคิดที่มีเพียงน้อยนิดของเธอรึไงกัน นี่ฉันอุตส่าพยายามหลีเลี่ยงการมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งในช่วงเช้าแล้วนะ เพราะเห็นว่าเช้าๆอากาศดีๆแบบนี้ ไม่เหมาะเท่าไหรนักถ้าจะมีคนปากแตกเพราะแกมโบสีฟ้าสดใสคู่นี้ของฉัน แต่ถ้าช่วงบ่ายไม่แน่
    ...
    ฉันยังคงนิ่งเงียบแสร้งทำเป็นตั้งใจฟังสิ่งที่อาจารย์ทองเปลวกำลังสอน ทั้งๆที่เสียงอาจารย์ทองเปลวไม่ได้เรียกความสนใจจากฉันเลยสักนิด
    แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปส่งสายตากวนโอ้ยให้ ยัยสองคนนั่น
    ชิ หมั่นไส้
    “กูฟฟี้ดูสิดู ดูมันมองหน้าฉัน”
    พอยัยข้าวมันไก่สังเกตเห็นสีหน้ากวนโอ้ยที่ฉันส่งไปให้เป็นระยะๆ ก็รีบหันไปพูดจีบปากจีบคอกับยัยกูฟฟี้ทันที
    “ตบมันเลยไหมแก”
    ยัยข้าวมันไก่พูดพลางทำท่าง้างมือหมายจะตบฉันเสียให้ได้ ขอบอกว่ากลัวตายล่ะ
    “ยังค่อย ปล่อยมันไปก่อนไว้หมดชั่วโมงอาจารย์ทองเปลวเมื่อไหร่มันไม่รอดแน่”
    แกรึฉันกันแน่ที่จะไม่รอด
    ยัยพวกนี้คงไม่รู้สินะว่าฉันนะนักตีแบตมินตันมือหนึ่งเชียวแหละ ตบไม้ทีร่วงกราวตายหมู่เจ็ดศพ(ศพแมลงวัน)
    “อย่าเก่งแต่ปากก็แล้วกัน”
    ฉันพูดโดยไม่หันไปมองหน้า ยัยสองคนนั้น แต่ก็พอเห็นทางสายตาว่า ยัยพวกนั้นคลั่งแค่ไหน การกวนทีนชาวบ้านก็เป็นอีกหนึ่งความสามารถของฉันไม่งั้นฉันคงไม่ได้เป็นหนึ่งในก็อซซิล่า ชานมเย็นร้อก แถมการสะสมร้องเท้าที่ชาวบ้านเขาคว้างใส่ฉัน ยังเป็นงานอดิเรกที่ฉันโปรดปรานมิใช่น้อย
    “งั้นเที่ยงนี้แกกับฉันเจอกัน หลังตึกสี่”
    ยัยข้าวมันไก่พูดพร้อมกับแสยะยิ้ม เฮอะสงสัยคงจะมั่นใจมากว่าจะเอาชนะฉันได้ ช่างเถอะอยากยิ้มก็ยิ้มไป สำหรับฉันยิ้มทีหลังยั่งยืนกว่า
    “ตกลงฉันจะสอนให้เธอรู้จักคำว่านรกบนดินเอง”
    พูดจบฉันก็แสยะยิ้มบาง ยัยข้าวมันไก่หน้าซีดลงเล็กน้อยก่อนที่หล่อนจะปั้นหน้าปกติเหมือนไม่กลัวใส่ฉันเหมือนเดิม รู้หรอกน่าว่ากลัวก๊ากๆๆๆๆ(หัวเราะในใจ)
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×