คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : บทที่ 4 ทัณฑ์ซาตาน (3)
บทที่ 4
ทัณฑ์ซาตาน (3)
และใช่มีเพียงหญิงสาวสองคนเท่านั้นที่กำลังตกตะลึงกับคำพูดของเขา ผู้ก้าวมาใหม่อย่างพราวรุ้งก็ทันได้ยินประโยคคล้าย ‘คำสารภาพ’ ความรู้สึก มือบางขาวผ่องกำเข้าหากันแน่น ดวงตาคู่เฉี่ยวสั่นระริกอย่างหวั่นใจแต่เพียงเสี้ยววินาทีก็กลับมาประกายมั่นใจเช่นเดิม
“เกิดอะไรขึ้นคะ” เสียงหวานเอ่ยถามพร้อมทั้งปรายตามองไปยังแม่น้องสาวจอมอ่อนแออย่างขวางหูขวางตา “แล้วอย่าบอกนะว่าเธอปั่นจักรยานล้ม”
“ค่ะพี่รุ้ง” ทอฝันตอบเสียงแผ่วพลางก้มหน้างุดซ่อนร่องรอยน้ำตาด้วยรู้ดีว่าพราวรุ้งมักแสดงท่าทีหงุดหงิดและไม่พอใจทุกครั้งยามที่เห็นเธอร้องไห้
“แล้วพี่เดือนละคะ” ดวงตาคู่เฉี่ยวหรี่ลงคาดคั้นเอาคำตอบจากพี่สาว
“เอ่อ...” ร่างอรชรขยับตัวถอยห่างจากกายแกร่งที่ให้ความอบอุ่นกับหัวใจเธอเมื่อครู่ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบเสียงเบา “พี่มาหาฝันจ้ะ”
“ค่อยยังชั่ว...” มือบางยกขึ้นทาบอก สีหน้าผ่อนคลายพลางเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ “รุ้งก็นึกว่ามารอดักเจอพี่ดิศของรุ้งเสียอีก”
ปานเดือนหน้าเสีย กลืนอาการเจ็บแปลบลงไปในอกเมื่อน้องสาวคนสวยของเธอเอ่ยเน้นท้ายประโยคด้วยน้ำเสียงหนัก ๆ พร้อมทั้งเดินมาคล้องแขนชายหนุ่มอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ
“รุ้งเคยบอกพี่เดือนแล้วนะคะว่าพี่ดิศเป็นของรุ้ง” ไม่ว่าเปล่าร่างระหงยังเขย่งปลายเท้าแล้วหอมเร็ว ๆ ที่แก้มสากก่อนจะยิ้มกว้างอย่างคนเหนือกว่า “รุ้งหวงมาก”
“พี่...”
“เล่นอะไรของเราฮึ” มือหนายกขึ้นยีผมสั้นประบ่าซอยเก๋เข้ารูปหน้า “เป็นสาวเป็นนางมาหอมแก้มผู้ชายได้ยังไง”
“ก็เพื่อประกาศให้ผู้หญิง ‘ที่คิด’ อะไรกับพี่ดิศให้ ‘เจียมตัว’ ไงคะว่าพี่เป็นของรุ้ง”
คนเจียมตัวอย่างทอฝันได้แต่ก้มหน้างุด ขณะที่ปานเดือนหน้าซีดลง เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้หัวใจของเธอพองโตจนหลงลืมสิ้นแม้แต่ความละอายใจ ลืมไปว่าภูดิศเป็นพ่อของหลานซึ่งมีศักดิ์เป็น ‘น้องเขย’ ของเธอแม้จะเป็นเพียง ‘อดีต’ ก็ตาม
“เลอะเทอะใหญ่แล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะลดความตึงเครียดของบรรยากาศแต่ก็อดสะใจไม่ได้ที่เห็นใบหน้าหมองเศร้าของผู้หญิงซึ่ง ‘เคย’ เป็นเจ้าของหัวใจของเขา
“นี่ก็สายมากแล้วเดือนขอตัวไปดูบัญชีก่อนนะคะใกล้สิ้นเดือนแล้ว” ปานเดือนเอ่ยขอตัวออกไปจากสถานการณ์ชวนอึดอัดใจ “พี่ไปก่อนนะรุ้ง”
“อย่างนั้นรุ้งก็ขอตัวเช่นกันนะคะพี่ดิศ” พราวรุ้งเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงรัวเร็วอย่างมีพิรุธ “พอดีมีเรื่องจะปรึกษาพี่เดือนน่ะค่ะ”
พูดจบก็ก้าวฉับ ๆ ตามพี่สาวของตนออกไป ทิ้งให้ภูดิศได้แต่โคลงศีรษะอย่างนึกระอากับอารมณ์แปรปรวนของคนที่ตนรักเสมือนน้องสาวคนหนึ่งเพราะตอนเด็ก ๆ พราวรุ้งติดเขามาก มาห่างกันก็ตอนที่เขาไปเรียนต่อที่ต่างประเทศและหลังจากวันที่เขาเปิดตัวว่าคบหาดูใจกับทอฝันนั่นแหละที่เจ้าหล่อนออกอาการมึนตึง
ดวงหน้าหล่อเหลาหันกลับมาก่อนที่ดวงตาคมซึ่งเต็มไปด้วยความเอ็นดูพราวรุ้งเมื่อครู่จะกลับมาขุ่นขวางอีกครั้งเพียงเพราะเห็น ‘หญิงสาวจอมมารยา’ ยังคงนั่งจุ้มปุกอยู่ที่เดิม
“จะนั่งให้รากงอกเลยหรือไง”
น้ำเสียงห้วนจัดเอ่ยค่อนขอดทำให้ร่างบางสะดุ้ง ทอฝันนิ่วหน้าขณะยันกายลุกขึ้นแต่แม้จะเจ็บแผลที่หัวเข่าเพียงใดก็ยังข่มใจซ่อนความเจ็บปวดนั้นไว้เพราะไม่อยากเห็นสายตาเยาะหยันจากเขา
“ไม่มีรถใช้ก็เดินไปสิ”
คำพูดไร้จิตสำนึกเล็ดลอดออกจากกลีบปากหยักได้รูปที่บิดหยันขึ้นเมื่อเหลือบเห็นดวงหน้าหวานซีดเผือดหลังจากคว้าจักรยานคันเก่าขึ้นมาแล้วพบว่าคอมันหักพับ ล้อบิดเบี้ยวเสียจนใช้การไม่ได้แล้ว
ทอฝันยอบตัวลงไปเก็บกล่องอาหารที่เตรียมไว้สำหรับมื้อกลางวันขึ้นมา เห็นมันหกจนไม่เหลืออาหารข้างในก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า วันนี้เธอคงต้องบากหน้าไปทานอาหารกลางวันที่โรงครัวของไร่เสียแล้ว
“ฉันให้เวลาห้านาทีเธอต้องไปถึงไร่ ไม่อย่างนั้นฉันไม่รับประกันคำขอของปานเดือนแน่”
ท่าทีไม่สนใจของคนมีคดีติดตัวทำให้ภูดิศได้แต่ขบกรามแน่นจนเป็นสันนูนด้วยความไม่พอใจ ร่างสูงใหญ่เดินลิ่วตรงไปยังรถที่จอดอยู่ เปิดและปิดประตูรถเสียงดังปังแล้วขับฉิวออกไปจนฝุ่นตลบด้วยใจหมายมาดถึง ‘โทษทัณฑ์’ ที่เตรียมรอไว้จัดการสั่งสอนผู้หญิงอวดดีคนนี้
“จะทันได้ยังไง”
พึมพำกับตัวเองเบา ๆ หากเป็นช่วงที่ร่างกายปกติเธอคงวิ่งไปแล้วแต่นี่...ดวงตาคู่เศร้าหลุบมองที่หัวเข่าของตัวเองเห็นมีเลือดไหลซึมจนเปื้อนกางเกงก็ได้แต่สูดลมหายใจลึก กัดฟันสู้
หันไปเก็บจักรยานที่พังไม่ต่างจากเศษเหล็กขึ้นพิงไว้กับต้นไม้ข้างทางเผื่อมันมีโอกาสซ่อมได้ หลังจากนั้นก็เดินกระเพลก ๆ มุ่งหน้าไปยังไร่กุหลาบซึ่งเหลือระยะทางอยู่ราวหนึ่งกิโลเมตร
ปี้น ปี้น
“คุณฝัน ทำไมวันนี้ถึงได้เดินไปครับ” ภากร ผู้จัดการไร่หนุ่มชะลอความเร็วของรถกระบะสี่ประตูพร้อมกับลดกระจกลงตะโกนถาม “ให้ผมไปส่งนะครับ”
เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบหรืออย่างไรเมื่อรถที่ชะลอหยุดลงพร้อมกับร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อเชิ้ตลายทางคู่กับกางเกงยีนสีเข้มก้าวลงมาทันที
“แล้วขาไปโดนอะไรมาครับ ไปทำแผลก่อนไหม”
“ขอบคุณนะคะ แต่ฝันไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ”
“ไม่เป็นอะไรได้ยังไงครับเลือดซึมขนาดนั้น”
“ไม่เป็นอะไรจริง ๆ ค่ะ” ร่างสูงยอบตัวลงคล้ายจะดูแผลของเธอทำให้ทอฝันขยับถอยหนีจนชายหนุ่มได้แต่ยิ้มเก้อ “ฝันคงต้องขอรบกวนติดรถคุณภากรเข้าไร่แล้วค่ะ วันนี้ฝันสายจริง ๆ”
“ด้วยความยินดีครับ” ภากรคลี่ยิ้มจนตาหยี รู้สึกยินดียิ่งกว่าถูกรางวัลที่หนึ่งเสียอีกที่หญิงสาวหน้าหวานซึ่งเขาถูกตาต้องใจตั้งแต่แรกเห็นยอมรับความช่วยเหลือจากตน “และถ้าไม่รังเกียจหลังเลิกงานผมขอไปรับนะครับ”
แม้จะมีสัมพันธ์กับชายเพียงคนเดียวคือพ่อของลูกแต่ก็ใช่ว่าเธอจะไร้เดียงสาเสียจนไม่รู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้ากำลัง ‘เกี้ยว’ เธออยู่ซึ่งทอฝันไม่อาจตอบรับไมตรีที่ชายหนุ่มแสดงออกอย่างชัดเจนได้ แต่กระนั้นก็ไม่รู้ว่าจะตอบเช่นไรเมื่อเห็นแววตาจริงใจของเขาจนถูกชายหนุ่มสรุปเสร็จสรรพเอา
“ตกลงตามนี้นะครับ”
ไม่รู้สึก...
แม้บอกตัวเองเป็นครั้งที่ร้อยในช่วงเวลาเพียงแค่ห้านาทีหากแต่กลับทำไม่ได้อย่างที่ใจคิดเมื่อดวงตาคมเอาแต่เหลือบมองไปยังปากทางเข้าไร่แปลงกุหลาบละลานตาและกระหวัดไปถึงรอยเลือดที่เปื้อนซึมกางเกงบริเวณหัวเข่าที่เขาพยายามทำเป็นมองไม่เห็น
ด้วยพื้นฐานที่ไม่ใช่คนเหี้ยมโหดหรืออย่างไรถึงตัดความรู้สึก ‘ห่วงใย’ ไม่ได้ แม้ผู้หญิงคนนั้นจะเลวร้ายและมีส่วนทำให้มารดาของเขาตายแต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยคิดตั้งใจทำร้ายเจ้าหล่อนให้เลือดตกยางออกเลยสักที
“สายแล้ววันนี้ยังไม่เห็นคุณฝันเข้าไร่ไม่รู้เกิดเรื่องอะไรหรือเปล่านะครับ” นายชดเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นผู้เป็นนายที่ขับรถเข้ามาในไร่เมื่อห้านาทีที่แล้วเอาแต่สอดสายตาไปมาอย่างที่เขาแน่ใจว่าชายหนุ่มกำลังมองหาใคร
“ปกติเธอมาเช้าหรือครับ” ภุดิศละสายตาจากปากทางเข้าไร่ ทำทีถามแม้จะรู้ความเป็นไปของเจ้าหล่อนผ่านการทำงานนอกเหนือคำสั่งของปกป้องและก้องเกียรติอยู่เสมอ
“ต้องเรียกว่ามาตั้งแต่ไก่โห่ถึงจะถูกครับ” น้ำเสียงที่เอ่ยถึงมีแต่ความชื่นชม “แปลงกุหลาบที่คุณฝันดูแลอยู่ก็งามกว่าใคร ๆ เลยนะครับ”
“บังเอิญเลือกตรงดินดีหรือเปล่า” แม้จะเห็นกับตาว่ากุหลาบในพื้นที่สองไร่ที่หญิงสาวดูแลอยู่นั้นทั้งต้นและดอกล้วนเติบโตสมบูรณ์หากแต่ชายหนุ่มกลับไม่เชื่อ “มีใครช่วยหรือเปล่า ถนัดอยู่แล้วเรื่องนี้”
แม้จะเข้ามาทำงานในไร่นับปีหากแต่แสงแดดกลับไม่อาจทำร้ายผิวพรรณของเจ้าหล่อนได้เลย ใบหน้าหวานที่เคยเนียนใสอย่างไรก็ยังคงเป็นอย่างนั้นแม้จะคล้ำลงนิดหน่อยแต่ก็ยังโดดเด่นเกินกว่าจะเป็นคนงานในไร่อยู่ดี
“คนเสนอตัวอยากช่วยนะมีเป็นเบือครับ”
นายชดเอ่ยพลางหัวเราะชอบใจ แม้ไม่รู้อะไรมากนักหากแต่น้ำเสียงตอนท้ายที่พูดเหน็บคล้ายกลับมีความ ‘หึงหวง’ ซ่อนอยู่จนคนที่ผ่านโลกมามากกว่าจับได้
“แต่คุณฝันก็ไม่สนใจใครสักที ไอ้ผมนี่ก็ได้แต่ลุ้นอยากให้เธอมีคนดูแลเสียทีจะได้ไม่เหนื่อยเหมือนทุกวันนี้”
“ฮึ” เสียงหยันดังผ่านลำคอหนา สีหน้าราบเรียบก่อนหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมไม่พอใจเพียงแค่สายตาเหลือบไปเห็นรถคันหนึ่งแล่นเข้ามา “ลุงคงไม่เสียแรงลุ้นแล้วมั้งครับ”
สายตาที่พยักพเยิดไปทำให้นายชดมองตามแล้วก็ได้เห็นร่างบางของทอฝันก้าวลงมาจากรถของผู้จัดการไร่โดยฝ่ายชายนั้นกำลังยิ้มระรื่น มีความสุขอย่างออกหน้าออกตา
“ผมว่าคุณภากรก็ไม่เลวนะครับ” ได้ทีนายชดก็เอ่ยยั่วอีกฝ่ายเข้าให้ “เห็นเทียวไล้เทียวขื่อคุณฝันตั้งแต่เข้ามาทำงานที่ไร่ การศึกษารึก็จบจากนอก ฐานะทางบ้านก็จัดว่าร่ำรวยใช้ได้ แล้วการที่คุณฝันยอมมาด้วยแบบนี้ผมว่าชักจะยังไง ๆ แล้วนะครับ”
“หว่านเสน่ห์ไปทั่ว ไม่รู้ผัวหรือพ่อใครหรือเปล่า”
“โสดครับ” นายชดทำทีกระซิบขณะที่ผู้มาใหม่ทั้งสองกำลังเดินเข้ามา “ผมว่าคนนี้มาวินสุด คอนเฟิร์มเลย”
@@@@@@@@@
ลุงชดนี่ตัวชงอันดับ 1 เลยนะนี่
อิดิศจะรู้สึกไหม ลุ้นไปพร้อม ๆ กัน
ใครไม่อยากลุ้นแล้วกดโหลดอีบุ๊กได้เลย
...นาฬิกาเวลา...
|
|
|
ความคิดเห็น