คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 1 ใต้ปีกซาตาน (3)
บทที่ 1
ใต้ปีกซาตาน (3)
“ฮื่อๆ แม่ดาวอย่าตีฝันเลยนะ” เด็กสาวในชุดนักเรียนมัธยมต้นยืนตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัวจับจิต สองแก้มอาบน้ำตา สองมือสั่นระริกยกขึ้นพนมไหว้หญิงวัยกลางคนที่ยืนเท้าสะเอวหนึ่งข้างส่วนอีกข้างถือไม้เรียวที่ทำจากไม้ไผ่เอาไว้มั่น
“ก็มึงชอบขัดคำสั่งกูนัก กูบอกว่าไม่ให้เรียน หนอย...มึงยังแอบไปสมัครเรียนจนได้นะอีฝัน” ดวงดาวแผดเสียงดังลั่น ใบหน้าโกรธเกรี้ยวน่ากลัวไม่ต่างจากนางยักษ์ในวรรณคดี “ใครจะส่งมึงเรียนฮึ”
“ฝันจะรับจ้างส่งตัวเองเรียนเองจ้ะแม่ดาวจ๋า”
“ชิชะ มึงคิดจะสบายคนเดียว หาเงินเรียนเอง แล้วค่าใช้จ่ายในบ้านไม่คิดจะช่วยกูมั่งหรือไง ก็รู้อยู่ว่าลูกกูเรียนอยู่”
ดวงดาวอ้างไปถึงลูกสาวทั้งสองคนของนาง พราวรุ้งกำลังจะเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีส่วนคนโตอย่างปานเดือนนั้นกำลังเรียนอยู่ปีสุดท้ายแต่ก็มีโครงการจะเรียนต่อปริญญาโท แม้แท้จริงแล้วค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แม่เลี้ยงมณีฉายจะเป็นผู้จัดการให้มาตลอดนับตั้งแต่อาคมพ่อของทอฝันหรือก็คือสามีใหม่ของนางเสียชีวิตจากอุบัติเหตุไปพร้อมกับนายใหญ่เมื่อหกปีก่อนก็ตาม แต่นางก็ไม่ต้องการให้นังลูกกาฝากคนนี้ได้ดีทัดเทียมลูกสาวของตน!
“แต่ฝันอยากเรียน”
“เรียนไปก็ร่านเหมือนแม่ของมึง” ริมฝีปากสีแดงบิดยิ้มเยาะลูกติดสามี “แม่ที่มึงรักนักรักหนามันกล้าทิ้งมึงแล้วหนีไปกับชู้รู้เอาไว้ด้วย”
“แม่ดาวอย่าว่าแม่ของฝันนะ”
“ทำไมกูจะว่าไม่ได้ ก็แม่มึงมันมีชู้ ทิ้งพ่อของมึงไป”
“แม่ดาวอย่าว่าแม่ของฝัน ฮือ ๆ” สาวน้อยร้องไห้โฮ เธอไม่รู้ว่าเพราะอะไรแม่ถึงทิ้งเธอไป ตอนนั้นครอบครัวของเธอเป็นคนงานที่ไร่ ‘ภูผาดิศ’ แต่แล้ววันหนึ่งพ่อก็พาย้ายมาอยู่เชียงใหม่โดยที่ไม่มีแม่มาด้วย เด็กหญิงวัยเจ็ดขวบยังอ่อนเดียงสาเกินกว่าจะรู้ถึงสาเหตุของการเลิกรา แต่หญิงสาวมั่นใจว่าแม่ไม่เคยคิดจะทิ้งเธอ
“มึงมันก็เหมือนแม่ของมึง ร่านผู้ชาย”
“อย่าว่าแม่ของฝัน อย่าว่า...” สาวน้อยสติขาดผึงด้วยความโกรธ ร่างเล็กเดินตรงเข้าไปหมายจะยื้อไม้เรียวที่ชี้หน้ากล่าวหาแม่ของเธอ
“อีนังนี่” ดวงดาวสลัดร่างบอบบางอย่างกับลูกผู้ดีและผลักจนล้มลงกับพื้น “มึงกล้าทำร้ายกูเหรออีฝัน”
มืออวบทุบตีตามร่างเล็กแบบไม่ยั้งมือปากก็ร้องว่าเด็กสาวอกตัญญูคิดสู้ทำร้ายตน เสียงร้องไห้ของเด็กสาวไม่มีผลให้หล่อนหยุดการกระทำอันโหดร้ายลง คนงานข้างบ้านที่เห็นก็ได้แต่เวทนาหากแต่ไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้าไปช่วยเหลือด้วยรู้ดีว่าดวงดาวนั้นร้ายกาจเพียงใด อีกอย่างมันก็เป็นเรื่องของคนในครอบครัวหากเข้าไปช่วยก็มีแต่จะยุ่ง
“แม่ดาวอย่าตีฝัน ฝันเจ็บ”
“กูจะตีมึงให้ตายอีฝัน อีตัวซวย”
เพราะมีสามีขี้เหล้าชีวิตของหล่อนเลยยากลำบากมาตลอด เพิ่งจะลืมตาอ้าปากได้ก็ตอนที่มาอยู่กินกับอาคมซึ่งเป็นหัวหน้าคนงาน แต่อยู่กินกันได้แค่สองปีอีกฝ่ายก็ชิงเสียชีวิตลงซะงั้น หนำซ้ำยังทิ้งภาระเป็นนังเด็กที่หล่อนจงเกลียดจงชังตั้งแต่แรกเห็นเอาไว้ให้เลี้ยงดูอีกด้วย
“แม่ดาวจ๋า อย่าตีฝันเลย ฝันเจ็บ ฮือ ๆ”
เด็กสาวพยายามปัดป้องตัวเองหากแต่ก็ไม่อาจสู้แรงของผู้ใหญ่ได้ ร่างเล็กล้มลุกคลุกคลานไปกับพื้นแต่ก็ไม่วายถูกมืออวบกระชากผมจนหน้าหงายขึ้นมาตบอย่างสะใจ
“อีตัวซวย ร่านเหมือนแม่มึง เมื่อไหร่จะตายตามพ่อของมึงไปเสียทีอีเด็กหัวดื้อ!”
“ฝันเจ็บ ฝันไม่เรียนก็ได้จ้ะแม่ดาว ฮือ ๆ”
เสียงร้องไห้อย่างเจ็บปวดดังไปทั่วบริเวณ สร้างความเวทนาแก่คนงานหลายคนที่ต่างก็ละล้าละลังหมายจะเข้าไปช่วยเด็กสาวซึ่งเป็นลูกของอดีตหัวหน้าคนงานเมื่อเหตุการณ์ดูจะร้ายแรงกว่าทุกครั้งแต่ก็ไม่กล้าเมื่อเห็นแววตาโกรธเกรี้ยวเชิงข่มขู่ว่า ‘อย่าแส่’ ของดวงดาว
“เกิดอะไรขึ้น!”
ชายหนุ่มในวัยยี่สิบห้าเอ่ยถามเหล่าคนงานที่ยืนลอบมองอยู่ห่าง ๆ ด้วยน้ำเสียงห้วนจัดหากแต่ได้รับคำตอบเป็นการก้มหน้าเรียวขาแข็งแรงจึงวิ่งตรงดิ่งไปยังต้นเสียงที่ดวงตาคู่เรียวคมเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังถูกทำร้ายด้วยการทุบตี
“หยุด! ผมให้บอกให้หยุด” มือหนาผลักร่างอวบของผู้กระทำออกพร้อมทั้งเอาร่างไปกำบังร่างสั่นเทาของเด็กสาวเอาไว้ “นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“คุณภูดิศ...” ดวงดาวปากคอสั่นเมื่อสบเข้ากับดวงตาแข็งกร้าวของทายาทคนโตซึ่งปัจจุบันก็คือนายใหญ่ของตระกูล “คืออิฉัน...”
“ผมไม่คิดว่าในไร่นี้ยังมีการใช้ความรุนแรงในครอบครัวอยู่อีก”
“มันไม่ใช่ เอ่อ มันก็มีบ้างค่ะก็...” ดวงดาวพยายามนึกหาถ้อยคำที่ดีที่สุดมาตอบ “ก็เด็กนี่มันดื้อ ให้เรียนก็เกเร งานบ้านไม่เคยช่วยมันก็ต้องสั่งสอนกันบ้าง”
“แต่ก็ไม่เห็นต้องทำรุนแรงขนาดทุบตีกันแบบนี้ไม่ใช่เหรอ” ภูดิศไล่สำรวจไปตามเรียวแขนเล็กเห็นแต่รอยเขียวช้ำจนเกือบม่วงแล้วให้นึกเวทนาสาวน้อยในอ้อมแขนยิ่งนัก “และผมก็ไม่นิยมความรุนแรง”
“เอ่อ...คือ”
“ผมหวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก” ร่างสูงผุดกายลุกขึ้นพร้อมทั้งช้อนอุ้มร่างเล็กสั่นเทาขึ้นแนบอกอย่างทะนุถนอม “เพราะผมจะไม่เลี้ยงคนที่ชอบใช้กำลังความรุนแรงเอาไว้ในไร่แน่”
“ค่ะ อิฉันจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกค่ะ”
ภูดิศไม่รอฟังคำตอบ ชายหนุ่มก้าวเดินออกไปอย่างมั่นคงโดยที่ในวงแขนมีร่างเล็กของเด็กสาวไปด้วย ไม่มีเสียงถามนอกจากเสียงสะอื้นเบา ๆ ที่เจ้าตัวพยายามกลั้นเอาไว้สุดกำลังจนมาถึงเรือนใหญ่ร่างบอบช้ำก็ถูกวางลงบนเก้าอี้หวายตรงระเบียงด้านข้างของบ้านอย่างเบามือ
“เจ็บมากไหม”
ทอฝันเงยหน้าอาบน้ำตามอง ‘เทวดา’ ตรงหน้าก่อนจะยิ่งปล่อยโฮออกมาอย่างหนักหน่วงจนภูดิศหน้าเสียว่าเขาทำให้เจ้าหล่อนเจ็บตรงไหนหรือเปล่า
“ร้องไห้ทำไม เจ็บตรงไหนเหรอ”
เด็กสาวส่ายหน้าทั้งน้ำตา นานแค่ไหนแล้วที่ไม่มีใครถามไถ่เธอด้วยน้ำเสียงห่วงใยอย่างนี้ นานแค่ไหนแล้วที่ไม่มีอ้อมกอดอุ่นโอบกอดเธอในยามอ่อนล้าหรือเสียใจ นานแค่ไหน แค่ไหนกัน…
“อย่างนั้นก็หยุดร้องเสียเดี๋ยวพี่จะทายาให้นะ” ชายหนุ่มเอ่ยปลอบพลางใช้ปลายนิ้วกรีดหยาดน้ำตาออกจากใบหน้าของเด็กสาว “ร้องไห้มาก ๆ เดี๋ยวตาบวมแล้วไม่สวยนะ”
“ขอบคุณนะคะ”
ทอฝันช้อนใบหน้าที่หลงเหลือเพียงคราบน้ำตาขึ้นสบตาชายหนุ่มพลางส่งยิ้มหวานแทนคำขอบคุณ รอยยิ้มกระจ่างใสไร้จริตมารยาแต้มใบหน้าโศกของเด็กสาวนั้นทำให้ภูดิศถึงกับมองค้าง ลมหายใจสะดุดเอาเสียดื้อๆ เมื่อได้เห็นว่าใบหน้าเล็กที่เคยมอมแมมนั้นงดงามเพียงใด
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยหนู”
“เอ่อ...ครับ” ถึงกับเอ่ยตะกุกตะกักคล้ายคนถูกจับได้ว่าเผลอจ้องมองเด็กสาวนานเกินไปแถมกำลังคิดไม่ซื่อกับลูกนกปีกหักตรงหน้า “ว่าแต่เราชื่ออะไรฮะตัวเล็ก”
“ฝัน หนูชื่อทอฝันค่ะ”
“โอเค เดี๋ยวพี่ขอไปหยิบยาก่อนนะจะได้ทำแผลกัน”
ดวงตาคู่หวานมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินผลุบหายเข้าไปในตัวบ้านเพียงครู่ก็กลับออกมาพร้อมกับกระเป๋ายาซึ่งอัดแน่นไปด้วยยาสามัญประจำบ้าน
ชายหนุ่มจัดการล้างแผลให้เด็กสาวพร้อมทั้งนึกชื่นชมแม่ตัวเล็กที่เม้มปากแน่นไม่มีเสียงร้องสักแอะขณะที่เขาใช้ไม้สำลีแอลกอฮอล์ล้างทำความสะอาดบาดแผลที่แตกจนมีเลือดซิบออกมา
“อยากร้องไห้ไหม”
“หนูทนได้ค่ะ เจ็บกว่านี้หนูก็เคยเจอ”
ชายหนุ่มทิ้งไม้สำลีลงด้วยความสะเทือนใจ ร่องรอยบาดแผลที่เขาเห็นในวันนี้นับว่าหนักหนาเหลือเกินสำหรับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ตรงหน้า แล้วคำว่า ‘เจ็บกว่านี้หนูก็เคยเจอ’ สำหรับเธอจะมากเพียงใดกัน
“ทำไมถึงถูกทำโทษ”
ชายหนุ่มเห็นความหนักอึ้ง สิ้นหวังในดวงตาคู่โศกของเด็กสาวทันทีที่สิ้นสุดคำถามของเขา ดวงหน้างามก้มงุดคล้ายไม่อยากพูดถึงแต่เขาต้องรู้ให้ได้ ปกติภูดิศไม่ใคร่จะสนใจใครแต่เหตุใดกับเด็กสาวคนนี้เขาถึงอยากรู้เรื่องราวของเจ้าหล่อนเหลือเกิน
“บอกพี่ได้ไหม พี่ช่วยได้นะ” ฟังดูคล้ายตะล่อมเด็กสามสี่ขวบ โหนกแก้มของชายหนุ่มซับสีเข้มขึ้นอย่างเก้อเขินกับการกระทำแปลกประหลาดของตน
“พี่ชื่ออะไรคะ”
ชายหนุ่มได้คำถามมาแทนคำตอบที่อยากรู้ ริมฝีปากได้รูปขยับยิ้มกว้างขณะไล้ปลายนิ้วทายาแก้ฟกช้ำตามท่อนแขนเรียวเสลาให้เด็กสาว
“ภูดิศ เรียกว่าพี่ดิศก็ได้”
มือหนาปิดฝาหลอดยาพลางเก็บกลับเข้าที่เดิมหลังจากที่จัดการกับรอยฟกช้ำจนเสร็จ ร่างใหญ่ทรุดกายลงนั่งข้างเด็กสาวก่อนจะประคองหัวไหล่กลมกลึงบังคับให้เธอมองสบตา
“ไม่ต้องบอกพี่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ได้หากไม่สะดวกใจที่จะบอก” ภูดิศเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แววตาที่มองประสานจริงจังและเต็มไปด้วยความจริงใจ “แต่แค่ให้รู้ไว้ว่าต่อไปนี้พี่จะดูแลฝันเอง”
ทันทีที่ประตูบ้านพักคนงานหลังเก่าปิดสนิทร่างบางก็ทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างอ่อนแรง น้ำตาที่พยายามสกัดกั้นไว้ไหลบ่าลงมาอาบสองแก้มอย่างสุดจะห้ามได้ ยิ่งยามเมื่อหวนนึกถึงการกระทำแสนอ่อนโยน แววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของเขาในวันแรกที่พบกัน คำมั่นที่เปรียบเสมือนแรงพลังให้กับเด็กสาวไร้ที่พึ่งคนหนึ่งอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป
ทว่าวันนี้มันไม่มี...อีกแล้ว
@@@@@@@@@
ขอฝากพี่ดิศ พระเอกผู้แสนใจร้ายไว้ในอ้อมกอดของทุกคนด้วยนะคะ
และหากใครอยากได้คุณดิศมากอดอย่างด่วน ๆ โหลดอีบุ๊กได้ที่เมพนะคะ
...นาฬิกาเวลา...
|
|
|
ความคิดเห็น