คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 1 ใต้ปีกซาตาน (4)
บทที่ 1
ใต้ปีกซาตาน (4)
‘ต่อไปนี้พี่จะดูแลฝันเอง’
ร่างสูงใหญ่ใต้เสื้อคลุมสีขาวสะอาดยืนทอดหายใจบริเวณระเบียงห้องพักหรูของโรงแรม ‘บริรักษ์ รอยอล’ ซึ่งชายหนุ่มเปิดมันเอาไว้สำหรับ ‘ปลดปล่อย’ ความต้องการในแบบผู้ชายตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา
ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววเคร่งเครียดเมื่อกระหวัดไปถึงคำพูดซึ่งเขาเคยให้คำมั่นแก่เด็กสาวคนหนึ่ง ดวงตากลมโตที่อาบไปด้วยน้ำตาและเต็มไปด้วยความหวาดกลัวของเจ้าหล่อนในวันนั้นเรียกความต้องการปกป้องจนทำให้เขาต้องยื่นมือออกไปคว้าเธอมาอยู่ ‘ใต้ปีก’
ชายหนุ่มจำมันได้ดี วันนั้นเป็นวันแรกที่เขากลับมาประเทศไทยหลังเรียนจบปริญญาโทจากอเมริกา ชายหนุ่มในวัยยี่สิบห้าปีตั้งใจจะมาดูแลธุรกิจโรงแรมและไร่พิทักษ์บริรักษ์ไพศาลที่เชียงใหม่อย่างถาวรหลังจากปล่อยให้มารดาและน้องชายฝาแฝดอย่าง ภูผา ต้องดูแลมานับตั้งแต่บิดาผู้เป็นหัวเรือใหญ่เสียชีวิตลงเมื่อหลายปีก่อน ทว่าการกลับมาของเขาในครั้งนั้นถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตอีกหลายเรื่อง
ภูดิศไม่เคยเชื่อเรื่องความรัก แม้ตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่มเขาจะมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมากหน้าหลายตาแต่นั่นก็เป็นไปตามสัญชาตญาณของร่างกายเท่านั้น ไม่มีใครทำให้เขาอยากดูแลปกป้องหรือเอ่ยคำว่ารักออกไปได้จนกระทั่งได้พบกับสาวน้อยอย่างทอฝัน
ชายหนุ่มทำตามคำพูดได้ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เขากางปีกปกป้องทอฝันพร้อมกันนั้นหัวใจดวงแกร่งก็ค่อย ๆ เปิดรับเธอเข้ามาจนเต็มดวง ความรักสุกงอมจนเขาไม่อาจห้ามใจ ‘เชยชิม’ แม่น้องน้อยแสนหวานได้ งานแต่งงานถูกวาดฝันเอาไว้พร้อมคำว่า ‘ครอบครัว’ ทว่าสุดท้ายมันกลับไม่สมบูรณ์อย่างที่คิดเมื่อเจ้าหล่อนเป็นคนฉีกกระชากและทำลาย ‘หัวใจ’ ของเขาผ่านหน้ากากใบหน้าใสซื่อ!
ภูดิศยอมรับว่าผิดหวังกับ ‘รักแรก’ ของตน เขาไม่ใช่คนที่จะรักใครง่าย ๆ พอ ๆ กับที่ไม่อาจเชื่อใจและให้อภัยใครได้ง่าย ๆ เช่นกันโดยเฉพาะเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้เขาต้องสูญเสียมารดาผู้เป็นกำลังหลักสำคัญของหัวใจไปอีกคน!
“ดิศขา...” เสียงหวานออดอ้อนดังขึ้นพร้อมกับท่อนแขนเรียวเสลาสอดเข้ามากอดร่างแกร่งเอาไว้จากทางด้านหลังฉุดกระชากภวังค์ที่ทิ้งดิ่งกลับไปยังอดีตให้คืนมา “คิดอะไรอยู่คะ”
แพรชมพูแนบใบหน้างามจากมีดหมอเข้ากับแผ่นหลังกระด้าง มือนุ่มนิ่มลากไล้แผงอกแกร่งสะกิดตุ่มไตแข็งขันบนหน้าอกอย่างต้องการปลุกเร้าอารมณ์ที่เพิ่งมอดลงเมื่อครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาให้ลุกฮือขึ้นอีกครั้ง
“ก็เรื่อยเปื่อย”
มันคงไม่แปลกหากคืนนี้สมองของเขาจะวิ่งวนโดยมีเรื่องของทอฝันเป็นสาเหตุ เพราะตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาหลังจากที่เจ้าหล่อนถูกลดฐานะเหลือเพียงคนงานในไร่ชายหนุ่มก็แทบไม่เคยเห็นหน้าอีกฝ่ายเลยด้วยเคยสั่งห้ามเด็ดขาดแล้วว่าไม่ให้หล่อนเข้าใกล้ลูกหากยังอยากอยู่ที่ไร่ต่อไป
ทอฝันทำมันได้ดีข้อนี้เขายอมรับ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นเจ้าหล่อนมาด้อม ๆ มอง ๆ ใกล้เรือนใหญ่เสียทีเดียว มีอยู่บ้างไม่กี่ครั้งหากแต่ชายหนุ่มก็ทำทีเป็นไม่เห็น เพราะอะไรนะเหรอ?
‘ไม่มีความเจ็บปวดใดจะมากมายเท่ากับการได้เห็นคนที่เรารักอยู่ใกล้ ๆ แต่ไม่มีสิทธิ์ได้แตะต้องหรอก’
ภูดิศบอกตัวเองอย่างนั้น แน่นอนว่าชายหนุ่มยังยืนยันว่ามันเป็นอย่างนั้น หาใช่ความสงสารเห็นใจ เพราะเขาไม่มีทางเห็นใจคนใจอำมหิตอย่างผู้หญิงคนนั้นแน่!
“ไม่เหมือนแพรเลยค่ะ” หญิงสาวเอ่ยอย่างออดอ้อนเสียงกระเส่า “แพรเอาแต่คิดถึง...คุณ”
“แพร...” น้ำเสียงของชายหนุ่มแหบพร่าเมื่อมือเล็กซุกซนลากต่ำลงไปเรื่อย ๆ จนถึงกลางลำตัวพลางลูบไล้สัดส่วนความอหังการเบา ๆ “มันดึกแล้วนะครับ”
“ดิศขา...” หญิงสาวหมุนร่างใหญ่ให้มาเผชิญหน้า “อยู่กับแพรนะคะ”
ร่างอวบอิ่มเต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งสตรีเพศยืดกายยกวงแขนเรียวเสลาคล้องลำคอหนาพลางประกบปากลงบนริมฝีปากหยักร้อนผ่าวของอีกฝ่าย เบียดเสียดร่างกายเข้าหาอย่างจงใจจนชายหนุ่มตื่นเพริดไปทั้งตัว
“แต่ผมต้องกลับไป อืม...”
ยังไม่ทันที่จะเอ่ยจบประโยคมือนุ่มนิ่มก็กุมหมับลงบนสัดส่วนร้อนผ่าวพร้อมทั้งรูดขึ้นรูดลงอย่างรู้งานจนชายหนุ่มครางพอใจ
“จะกลับก็ได้ค่ะ แพรไม่กวนแล้ว”
คนใจดีเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเซ็กซี่ยั่วยวน ดวงตากรุ้มกริ่มเผยยิ้มอย่างเป็นต่อ แน่นอนมันไม่ใช่เรื่องง่าย เขายังหนุ่มยังแน่น ความต้องการทางร่างกายยังมีอย่างเต็มเปี่ยมยิ่งถูกปลุกเร้าขนาดนี้ด้วยแล้วไม่มีทางที่ชายหนุ่มจะกลับออกไปง่าย ๆ
และก็จริงอย่างที่แพรชมพูคาดเมื่อร่างสูงใหญ่ช้อนอุ้มร่างอวบอิ่มของเธอขึ้นและเดินมุ่งหน้าตรงไปยังเตียงนอนกว้างที่ผ่านสังเวียนรักจนยับยู่ยี่ ก่อนเสียงครางหวานจะดังสอดประสานกับเสียงทุ้มแหบพร่าครั้งแล้ว...ครั้งเล่า
ทอฝันนอนไม่หลับทั้งคืนด้วยความตื่นเต้นกึ่งกังวลใจ เธอไม่รู้ว่าจะหาช่องทางไหนเพื่อที่จะแอบเอาของขวัญไปให้ลูกได้ ผุดลุกผุดนั่งอยู่หลายรอบจนไม่เป็นอันหลับอันนอนและในที่สุดก็ต้องยอมลุกอย่างสุดจะเลี่ยง
ดวงตาคู่หวานหลุบมองกล่องของขวัญใบใหญ่ที่ถูกห่อด้วยกระดาษลายน่ารักซึ่งวางเอาไว้บนฟูกหลังเก่า ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มขณะใช้มือบางลูบมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างมีความสุขก่อนจะตัดสินใจได้ในที่สุด เป็นตายร้ายดีอย่างไรเธอก็ต้องเอาของขวัญไปให้ลูกให้ได้!
ทอฝันออกจากบ้านพักเดินมุ่งหน้าไปยังเรือนใหญ่ท่ามกลางความมืดของรัตติกาลในช่วงตีสามเกือบจะตีสี่ของเช้าวันใหม่
“แม่ให้หนูนะลูก” คำพูดที่ไม่มีทางส่งไปถึงลูกดังมาจากริมฝีปากที่กำลังคลี่ยิ้ม การได้ทำอะไรเพื่อคนที่เรารักแม้เขาจะไม่รู้ก็ไม่เป็นไร ขอเพียงแค่ให้ได้ทำก็ดีที่สุดแล้ว “แม่รักหนู รักมากเหลือเกิน...”
ปลายเสียงเบาหวิวและสั่นพร่าไม่ต่างจากดวงตาที่พร่าไปด้วยม่านน้ำตาที่รื้นขึ้นมาอย่างเกินห้าม อยากกอดอยากหอมลูกให้สมรักแต่ก็รู้ตัวดีว่าไม่มีสิทธิ์เพราะพ่อของลูกนั้นเกลียดชังเธอสุดใจ
“ไฟรถ...”
ร่างบางรีบหลบหลังพุ่มต้นข่อยที่ดัดเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ หลังจากที่ด้อม ๆ มอง ๆ หาป้าแก้วหัวหน้าแม่บ้านหรืออีกนัยน์หนึ่งก็คือแม่นมของภูดิศเมื่อมีแสงไฟของรถส่องสว่างเข้ามาจากทางหน้าบ้าน หัวใจดวงน้อยเจ็บร้าวขึ้นมาเพราะรู้ดีว่าเจ้าของรถนั้นเป็นใคร
ย่ำรุ่งขนาดนี้เขาเพิ่งกลับซึ่งไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเพราะอะไร ทั้งที่เตือนตัวเองอยู่เสมอว่าไม่มีสิทธิ์ บอกใจให้วางเฉยหากแต่ทำไม่ได้ ภาพที่เขาโอบกอดหญิงอื่นคล้ายเข็มแหลมคมนับพันลอยเข้ามาเสียดแทงหัวใจจนปวดหนึบไปทั้งดวง
“ไปพักได้แล้ว” เสียงเข้มเอ่ยบอกลูกน้องคนสนิททั้งสองคนที่มักทำตัวเหมือนเงาตามตัว ขนาดไล่ให้กลับไปพักก่อนเขาจะขับรถกลับบ้านเองทั้งสองก็ไม่ยอม
“ครับคุณดิศ”
สองหนุ่มค้อมศีรษะลงก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปทางเรือนพักของการ์ด ภูดิศจึงดึงสายตาจากแผ่นหลังของลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ทั้งสองกลับมาก่อนจะตวัดมองไปยังพุ่มต้นข่อยริมรั้ว
ดวงตาคมกริบดุจพญาเหยี่ยวมองเห็นความเคลื่อนไหวตั้งแต่รถเบี่ยงหัวเข้ามาตามทางหินอ่อนของเรือนแล้ว ร่างบางที่ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ นั้นทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเป็นใคร
ให้ตาย! ทำไมเขาต้องจดจำเธอได้ จำได้แม้กระทั่งเงา!
“ออกมาได้แล้ว”
เสียงเข้มห้วนจัดที่ดังขึ้นทำให้แข้งขาของหญิงสาวถึงกับสั่นผับ ๆ ทอฝันพยายามทำตัวให้นิ่งที่สุด แม้กระทั่งกลั้นลมหายใจเอาไว้เพื่อให้เขาล่าถอยออกไปหากแต่ไม่เป็นผล
“จะออกมาดี ๆ หรือจะออกจากไร่”
เหมือนเป็นคำต้องห้ามที่ทอฝันไม่อยากได้ยินมันเลย ร่างบางค่อย ๆ พาตัวเองออกมาจากที่ซ่อน มือบางซุกกล่องของขวัญใบโตเอาไว้ด้านหลังแม้รู้ว่าไม่มิดก็ตามที
“ขะ ขอโทษค่ะ”
“เธอมาทำอะไรที่นี่”
“คือ...”
ดวงตาเรียวคมลอบสังเกตคนที่เอาแต่ก้มหน้างุด ตัวสั่นน้อย ๆ อย่างหวาดหวั่นคล้ายกับครั้งแรกที่เจอกันพลันมุมปากได้รูปก็แสยะยิ้มหยันตัวเองที่เคยหลงเชื่อท่าทีน่าสงสารเช่นนี้มาก่อน
“ลืมสัญญา?”
“เปล่านะคะ” ใบหน้างามช้อนขึ้นมองพร้อมทั้งส่ายหวือ “ฝัน เอ่อฝันแค่...”
“แค่อะไร” น้ำเสียงของเขาเข้มขึ้นไม่ต่างจากสีหน้า “จะเข้ามาขโมยของ...”
“เปล่าค่ะ ฝันก็แค่จะเอาของขวัญมาให้ลูก” ทอฝันเอ่ยออกมารัวเร็วเพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ หากแต่คำตอบของเธอกลับเรียกรอยยิ้มเยาะจากริมฝีปากหยักได้มากกว่าเมื่อครู่เสียอีก
ภูดิศปรายตามองคนตรงหน้าอย่างนึกสมเพชก่อนจะเอ่ยถ้อยวาทีกรีดเฉือนหัวใจที่เต็มไปด้วยรอยแผลเหวอะหวะของหญิงสาวคล้ายต้องการตอกย้ำให้เธอจำเอาไว้
“ลูกใคร? เธอเคยมีลูกด้วยหรือทอฝัน”
@@@@@@@@@
ใจร้าย!!
มีใครให้มากกว่าพี่ดิศไหมคะ เสนอเลย
...นาฬิกาเวลา...
ขอฝากผลงานก่อนหน้าด้วยค่ะ
|
|
|
ความคิดเห็น