หนึ่งราตรีมืดมิด กับปีศาจน้อยผู้รอดชีวิต
หนึ่งค่ำคืนแห่งความเจ็บปวด เรื่องราวที่เกิดขึ้นช่างมากมายเหลือเกิน สำหรับเด็กคนหนึ่ง...
ผู้เข้าชมรวม
529
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
เรื่องสั้นเรื่องนี้ ถือกำเนิดขึ้นเพราะความอยากลองเขียน อาจจะเขียนเรื่องสั้นได้ไม่เก่งนัก แต่ก็สร้างมันขึ้นมาแล้ว
ถือเป็นลูกอีกคนหนึ่งที่รักมาก อีกอย่าง เรื่องสั้นเรื่องนี้ ไม่ได้มีการรีไรท์ขัดเกลาใหม่แต่ประการใด เขียนเสร็จสดๆ ฉันใด ก็ทิ้งมันไว้ฉันนั้น(?) เชิญลองอ่าน เมนท์ไม่เมนท์ก็ได้ แต่อ่านๆ ไปเถอะ
หนึ่งราตรีที่มืดมิด แต่กลับมีกองเพลิงที่ลุกโชติ ในกองเพลิงนั้น...มีบ้านหลังน้อยที่กำลังมอดไหม้ และหน้าบ้านหลังนั้น เด็กน้อยคนหนึ่งกำลัง...ถือดาบคู่ที่เปื้อนเลือด ...แววตาของเขาช่างมืดมนเหลือเกิน...
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ยามราตรีที่มืดสนิทไร้ซึ่งดวงดาวเพราะหมู่เมฆาบดบัง สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาของเด็กชายคนหนึ่ง คือบ้านอันเป็นที่รักยิ่งของตนกำลังมอดไหม้อยู่กองเพลิงซึ่งปะทุลุกโชนอย่างบ้าคลั่ง
ข้างในยังมี พ่อ แม่และน้องสาวติดอยู่ แต่บัดนี้คงไม่เหลือใครสักคนเป็นแน่แท้ เมื่อเป็นเช่นนี้...เด็กชายหันหลังให้กับบ้านของตนที่กำลังจะกลายเป็นเถ้าถ่าน นั่งคุกเข่าลง แล้วยกดาบเล่มยาวที่ใหญ่เกินตัวเองทั้งสองเล่มขึ้นมา หันคมดาบใส่คอแบบพาดเฉียงเตรียมบั่น หากได้ลงมือปลิดชีพตนด้วยท่านี้ ไม่แคล้วคอคงหลุดจากบ่าด้วยมือตน
...แต่ก็ดี...
“อย่าทำอย่างนั้น!” เสียงหนึ่งของสตรีดังห้ามขึ้น
ทำให้เด็กชายต้องหยุดมืออย่างเสียมิได้ แต่เลือดก็ไหลซึมจากบาดแผลแล้ว เบื้องหน้าของเด็กชายผู้สิ้นหวัง คือหญิงสาวคนหนึ่ง ในชุดเดรสสีดำสนิท ข้างเอวคาดซองปืนไว้ มือข้างหนึ่งแบออกมาข้างหน้าโดยมีวงเวทย์หมุนวนอยู่เหนือมือข้างนั้น ดวงตาสีรัตติกาลลึกล้ำแต่อ่อนโยนมองมาที่เด็กชาย
“หากทำเช่นนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการหนีความจริง และอีกอย่าง ในลิสต์รายชื่อของข้าก็ไม่มีชื่อของเจ้าอยู่ด้วย” ยมทูตสาวกล่าวบอก
“แล้วไง” แต่เด็กชายก้าวร้าวใส่ ยมทูตสาวถอนหายใจ
“สู้มีชีวิตอยู่ต่ออย่างภาคภูมิไม่ดีกว่าหรือ”
“คนที่ได้ชื่อว่าปีศาจอย่างข้า ทั้งยังสังหารครอบครัวตน ไม่มีวันได้มีชีวิตอยู่อย่างภาคภูมิหรอก” เด็กชายตอบฉาดฉาน ผิดอายุที่ดูก็ไม่เกินแปดขวบแต่อย่างใด ยมทูตสาวถอนหายใจอย่างระอากับความดื้อรั้นของเด็กชาย
“ถึงอย่างไรข้าก็คงให้เจ้าตายไม่ได้อยู่ดี” สิ้นคำ สติของเด็กชายก็ดับวูบ แทนที่จะล้มหน้าคว่ำแต่เด็กชายกลับแอ่นตัวไปด้านหลัง มือคลายดาบทั้งสองเล่มให้ตกอยู่ข้างตัว แล้วล้มมาข้างหน้า ฟุบไปกับพื้นดิน ยมทูตสาวถอนหายใจ
“ถึงเจ้าจะมีปีศาจสถิตอยู่ในกาย แต่เจ้าก็ยังมีความเป็นมนุษย์อยู่นี่ จงใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็งเถิด” ว่าแล้วยมทูตสาวก็เดินเข้าไปในกองเพลิงเพื่อรับวิญญาณครอบครัวของเด็กชาย เมื่อยมทูตสาวจากไปแล้ว ก็เหลือเพียงกองเพลิงขนาดใหญ่ที่คุโชน และเด็กชายผู้รอดชีวิตอยู่อีกหนึ่งคน ในยามราตรีเช่นนี้...เหล่าผู้มีสายเลือดแห่งรัตติกาลกำลังออกท่องเที่ยว ฟากฟ้าบัดนี้กระจ่างแล้ว ดวงดาวดวงเล็กๆ จึงแข่งกันทอแสงอย่างแข็งขัน ผู้มีสายเลือดแห่งรัตติกาลคนหนึ่งซึ่งใช้ปีกสีดำในการเดินทาง สังเกตเห็นความผิดปกติ ณ ท้ายหมู่บ้านเบื้องล่าง เมื่อร่อนลงมายืนบนพื้นดินอย่างมั่นคงข้างๆ กองเพลิง จึงสังเกตเห็นเด็กชายคนหนึ่ง ที่นอนสลบอยู่กับดาบเล่มใหญ่สองเล่ม เช่นนั้น...ความรู้สึกของผู้ที่เคยสูญเสียครอบครัวอันเป็นที่รัก ก็หวนกลับมาเล่นงานอีกครั้ง และทำให้จิตใจของเขานั้นเกิดความสงสาร จนต้องเดินเข้าไปประคองร่างของเด็กชายอย่างทะนุถนอม ก่อนจะพาบินจากมา...และไม่ลืมดาบสองเล่มนั้นด้วย
เมื่อยามอรุณรุ่งมาเยือน ทุกสิ่งทุกอย่างก็เหลือเพียงเถ้าถ่าน
“จงใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็งเถิด” หญิงสาวคนหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด กล่าวกระซิบ ข้างๆ กันคือยมทูตสาวผู้เป็นเพื่อนสนิท
“เจ้ารู้เช่นนี้แล้วใยจึงไม่คิดช่วยพวกเขาเล่า แม่มดปริศนา”
“ข้าไม่อาจจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ได้ ทุกอย่างเป็นไปตามลิขิตฟ้า มีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่จะเปลี่ยนแปลงได้ ยมทูต แอนนา” แม่มดสาวกล่าว ก่อนจะหันหลังให้กับกองเถ้าถ่านเหล่านั้นเพื่อมุ่งหน้ากลับหมู่บ้าน ยมทูตสาวเพียงมองตาม ก่อนจะมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามอรุณที่สดใส
“จงใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็งเถิด เด็กน้อยผู้มีปีศาจสถิตกาย”
The end
ผลงานอื่นๆ ของ อนัตตะ วายุ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ อนัตตะ วายุ
ความคิดเห็น