ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    endless miles(การเดินทางไร้ที่สิ้นสุด/IRC project)

    ลำดับตอนที่ #4 : จุดหมายที่3 นางไม้กับสายเถาวัลย์

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ย. 52


    จุดหมายที่3

    นางไม้กับสายเถาวัลย์

     

                    เป็นเวลาบ่ายแล้วที่นักเดินทางทั้งสอง เดินทางออกห่างจากเมืองเพชรธานีมามากพอสมควร แต่ก็ยังไปได้ไม่เท่าไหร่หากวัดระยะทางจากเพชรธานีไปจนถึงนาคราธานี กระนั้นอนัตตะก็มิได้สนใจอะไรนอกจากร้องเพลงคลอไปตามเพลงที่ฟังจากหูฟังอยู่ เด็กหนุ่มผมหยักศกที่รวบมัดแล้วแต่เหลือปอยหน้าไว้พอสมควร เดินนำหน้าเด็กหนุ่มหน้าหวานอีกคนหนึ่ง ที่มีทรงผมประหลาดพอควร ศิลามองเจ้านายตัวเองอย่างปรารถนาที่จะคุยด้วย แต่การที่อีกฝ่ายเสียบหูฟังอยู่นั้น แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ต้องการที่จะสุงสิงกับใคร ขออยู่ในโลกส่วนตัวจะดีกว่า...

                    ศิลา จู่ๆ อนัตตะก็เรียกขึ้น

              ครับ เด็กหนุ่มรับคำ

              นายผ่ากระบอกไม้ไผ่ฉันตอนไหนน่ะ? อนัตตะถามเสียงเรียบๆ ราวกับเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ทำเอาคนถูกถามมองด้านหลังนายตนอย่างตื่นตระหนก

                    ...เอ่อ...คือว่า... อยากจะหลีกเลี่ยงการตอบเป็นยิ่งนัก แต่ก็ไม่อาจทำได้ เมื่ออีกฝ่ายหันมามองด้วยหางตาอย่างเอาเรื่อง

                    ทำไมคุณถึงคิดว่าเป็นผมล่ะครับ? อยากจะกัดลิ้นตัวเอง ถามอะไรงี่เง่าออกไปเนี่ย อย่างกับขุดหลุมฝังตัวเองไม่มีผิด

                    ไม่ใช่นายแล้วจะใครวะ... อีกอย่างรอยแตกของกระบอก ฉันสำรวจดูแล้ว มันไม่ใช่รอยแตกตามธรรมชาติ แต่มันเรียบเหมือนรอยตัดด้วยของมีคมที่คมมากๆ (เหลือบสายตามามองคนทำ) ซึ่งฉันก็ไม่มีอาวุธอะไรที่จะทำแบบนั้นได้ซะด้วยสิ เว้นเสียแต่ว่าอาวุธนั่นมันทำเอง

                    ขอโทษครับ!” ศิลาตะโกนลั่นพร้อมโค้งตัวเพื่อขอโทษและรับสารภาพกลายๆ อนัตตะหยุดเดินหน้าตื่นๆ เด็กหนุ่มไม่คุ้นชินกับการที่จะมีใครมาทำตัวมีมารยาทใส่สักเท่าไหร่

                    ฮะ...เฮ้ย! ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็ไม่ได้ถือสาอะไรซะหน่อย แต่ว่า...ทำไมนายถึงต้องทำอย่างนั้นล่ะ อนัตตะรีบพูด ศิลาที่โค้งอยู่ค่อยๆ ยืดตัวขึ้นมามองเจ้านายด้วยความสำนึกผิด

                    เจ้านายหลายคนใช้วิธีการเดียวกันแบบนั้นในการให้อาหารผมน่ะครับ เมื่อคืนผมก็เลยถือวิสาสะค้นกระเป๋าเป้ แล้วเจอของที่ใช้ได้ก็เลยทำให้ชำรุดน่ะครับ

                    แล้วนายกินแบบนั้นไม่ได้รึไง? อนัตตะหันกลับไปเดินต่อ ศิลาก็เริ่มสาวเท้าตามมา

                    เปล่าครับ... ศิลาพูดเพียงแค่นั้นและไม่มีการอธิบายเพิ่มเติมใดๆ อีก ซึ่งอนัตตะก็ไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืดอะไรอีกเช่นกัน หากอีกฝ่ายไม่อยากตอบก็ไม่จำเป็นต้องเซ้าซี้

     

                    ทั้งคู่ใช้เวลาเดินทางสามวันในการเป็นเมืองนาครา เมื่อไปถึงที่นั่นอนัตตะก็จัดการขายเหล่าหินสีทั้งหมดไป และได้เงินมามากจนไม่น่าเชื่อ ซึ่งศิลาก็แอบสงสัยในใจว่าอนัตตะอาจจะใช้กลโกงอะไรสักอย่างในการขายหินสีธรรมดาเหล่านั้น หลังจากเจรจาค้าขายเป็นอันเสร็จ อนัตตะก็ได้ใบปลิวโฆษณาสถานที่ของเมืองมา และสะดุดเข้ากับน้ำตก ไม้ใหญ่ อนัตตะจึงตัดสินใจลากศิลาไปเที่ยวน้ำตกที่ว่าด้วยกัน

                    น้ำตกที่ทั้งคู่ไปนั้นเป็นน้ำตกที่ขึ้นชื่อที่สุดในนาครา น้ำตกไม้ใหญ่ เหตุที่ชื่อนี้นั้นเพราะมันตกลงมาจากรูบนต้นไม้ขนาดใหญ่ ซึ่งใหญ่มาก ใหญ่จนเหมือนกับหน้าผาขนาดย่อมๆ ในน้ำตกสูงๆ นั่นแหละ เพียงแต่มันเป็นต้นไม้เท่านั้นเอง และมีรูขนาดใหญ่กลางลำต้นซึ่งเป็นจุดที่น้ำตกลงมา ถึงแม้ว่าน้ำตกไม้ใหญ่จะเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ แต่ทางไปของมันก็ลำบากขึ้นชื่อพอกัน ทำให้มีนักท่องเที่ยวขึ้นไปกันน้อย เว้นเสียแต่ว่าคุณเป็นคนชอบความสนุก ตื่นเต้น และระทึกขวัญตลอดทางการไปน้ำตก

                   

    เมื่อมาถึงทีหมาย ทั้งสองก็ต้องอึ้งกับความเงียบสงบไร้ผู้คน แต่บรรยากาศรอบข้างที่มีแต่ความร่มรื่นซึ่งได้จากไม้ใหญ่ก็ทำให้ทั้งสองหนุ่มเลิกสนใจเรื่องจำนวนคนไปเลย เมื่อมองไปรอบๆ นอกจากไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงาแล้ว ก็ยังมีพุ่มไม้ขนาดกลางและเล็ก บางพุ่มก็มีดอกไม้ผลิบานอวดโฉมงดงาม หมุ่มวลภมรและผีเสื้อหลากสีก็บินกันให้ว่อน แลดูเป็นทิพวิมานที่ผู้คนใฝ่ฝันยิ่งนัก

                    เพราะมีกันแค่สองคน คำว่าทิพวิมานที่ใฝ่ฝันก็เลยเป็นจริง อนัตตะซึ่งขี้เกียจจะลงเล่นน้ำ เลือกที่จะนอนพักบนก้อนหินขนาดใหญ่ที่อยู่ริมน้ำแทน ส่วนศิลาก็เปลื้องเสื้อผ้าจนหมด หมดจดจริงๆ ชนิดไม่เหลือติดกายสักชิ้น ก่อนจะเดินลงน้ำไปช้าๆ ผมสีดำสนิทที่คลายจากการถักเปียถูกน้ำที่สาดกระเซ็นชโลมเสียชุ่ม

                   

    แสงแดดที่ส่องลอดลงมาจากช่องใบไม้ กระทบกับผิวขาวนวล เมื่อมองจากระยะไกลทำให้เหมือนศิลาจะเรืองแสงได้หน่อยๆ คล้ายนางฟ้า ผมสีดำสนิทที่ชุ่มน้ำเปียกลู่ไปตามเรือนร่าง สองมือวักน้ำขึ้นมาประพรมตามใบหน้า ยามเมื่อร่างกายเปียกปอนแล้ว ดูจะมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นหลายเท่านัก อนัตตะที่มองอาวุธตนอาบน้ำอยู่ด้วยอารมณ์ประมาณมองดอกไม้ชายป่า ก็ค่อยๆ เลื่อนสายตาลงไปมองด้านล่าง แต่ทว่าสายน้ำที่ไหลรินก็มีความสูงมากพอที่จะปิดเอาไว้ได้แถวช่วงเอวพอดิบพอดี หลังจากนิ่งไปครู่ใหญ่ เด็กหนุ่มก็ได้สติและตบหน้าผากฉาดจนศิลาหันมามองด้วยความตกใจระคนสงสัย

    ...ตูคิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย หมอนั่นน่ะผู้ชายนะ ถ้าเป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่างสิ ถ้าเป็นผู้หญิงล่ะก็นะ...แล้วทำไมมันถึงเป็นผู้ชายด้วยเล่า! ตูอยากได้สาวเว้ย!!... เด็กหนุ่มกรีดร้องโอดครวญอยู่ในใจ

                    ไม่อยากเชื่อเลยว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย เพราะมันดูจะโหดร้ายไปหน่อย หากคนที่จัดว่าสวยจนน่าหลงใหลนั้นเป็นผู้ชายแทนที่จะเป็นผู้หญิงอย่างที่ควรจะเป็น

                   

    ตูม!

                    ศิลาหันขวับไปมองอย่างตกใจ เห็นแต่เสื้อผ้าของอนัตตะวางกองอยู่บนก้อนหินริมน้ำ ส่วนร่างของเจ้าตัวก็... ไปยืนอยู่ใต้สายน้ำตกแล้ว ศิลารีบตามเข้าไปหาทันที

                    เฮ้อ...น้ำเย็นสบายดีจัง อนัตตะว่าพลางกางแขนรับสายน้ำรุนแรงที่ถาโถมลงมาบนร่างเล็ก ศิลาที่ยืนอยู่นอกสายน้ำที่ตกลงมาแต่อยู่ในรัศมีการกระเด็นยืนมองเจ้านายตัวเองอย่างไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี อนัตตะรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองอยู่ก็หันมามองเจ้าของสายตา แล้วยิ้มน้อยๆ

                    ไง ยืนบื้ออยู่ได้ จะเล่นก็เล่นไปสิ รอยยิ้มที่อบอุ่นนั้นทำเอาศิลารู้สึกได้ว่าหัวใจตนพองโต

                    ครับ เด็กหนุ่มรับคำพร้อมยิ้มหวานตอบ

                    อนัตตะเบือนหน้าหนีทันที

                    ...ซาตาน! ทำไมความสวยงามแบบหาจับได้ยากถึงเป็นสมบัติของไอ้หมอนี่กันนะ เป็นผู้หญิงไม่ได้เร้อ! ขอร้องเถอะ...

                    ขณะที่อนัตตะกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย และศิลาก็จ้องฝูงปลาในน้ำตาเป็นมันอยู่นั้น...

    เฟี้ยว!  ควับ!  เฮ้ย!!”

     เถาวัลย์จำนวนหนึ่งก็พุ่งลงมาจากยอดไม้ของต้นไม้ใหญ่ผู้ให้น้ำตก อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย มันตรงมาตวัดรัดเกี่ยวร่างของอนัตตะไว้แล้วกระชากขึ้นไปอย่างเร็วจนศิลาช่วยไม่ทัน เมื่อขึ้นมาถึงยอดสุดซึ่งเป็นจุดกำเนิดของเหล่าเถาวัลย์ เด็กหนุ่มก็ถูกคลายพันธนาการตามร่างกายออก แต่ที่มือทั้งสองข้างยังถูกมัดเอาไว้ และถูกตรึงไว้เหนือศีรษะ กลายเป็นว่าอนัตตะถูกห้อยอยู่กลางอากาศ

                    ต๊าย! ตกได้หนุ่มหล่อ เสียงฟังดูดัดจริตพูดขึ้น แต่ที่อนัตตะเห็นมันมีแค่กิ่งไม้ขนาดใหญ่เท่าบ้านเล็กๆ สักหลังที่พาดกันไปมา ซึ่งแตกแขนงออกไปพร้อมออกใบรมครึ้ม ไม่น่าจะมีใครอยู่สักคน แต่แล้วที่กิ่งไม้เบื้องหน้าของเด็กหนุ่มก็มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น เมื่อเปลือกไม้ปริแตกออก พร้อมกับเนื้อไม้ที่ดันตัวขึ้นมา ระหว่างนั้นมันก็เปลี่ยนรูปร่างไปจนเหมือนคนเรื่อยๆ และในที่สุด ก็กลายเป็นหญิงสาวเปลือยกายคนหนึ่งที่ยืนอยู่บนกิ่งไม้ขนาดใหญ่นั้น ผิวพรรณของเธอเป็นสีเขียวอ่อนดูลึกลับและเยือกเย็น บนเรือนร่างของเธอมีลวดลายคล้ายลายเพ้นท์เถาวัลย์พาดไปมาดูงดงามอย่างประหลาด สรุปก็คือ...หญิงสาวคนนี้เป็นนางไม้นั่นเอง

                    มีธุระอะไรกับผมเหรอครับคุณผู้หญิง? อนัตตะเอ่ยถามอย่างสงบ ติดจะเบื่อๆ ด้วยซ้ำ

                    บ็อกเซอร์น่ารักดีนี่ เธอพูดพลางไล่สายตาลงมองบ็อกเซอร์สีชมพูลายดอกของเด็กหนุ่ม ที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำ

                    ขอบคุณครับ อนัตตะข่มความอับอายอย่างใหญ่หลวง แล้วตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างเสแสร้ง

                    คุณผู้หญิงต้องการอะไรจากผมงั้นเหรอครับ? เด็กหนุ่มเข้าเรื่องอีกครั้ง

                    อ๋อ...ก็เปล่าหรอก แบบว่านานๆ ทีจะมีคนกล้าขึ้นมาถึงบนนี้น่ะ... นางไม้สาวว่า พร้อมส่งยิ้มพราวเสน่ห์มาให้

                    ....ยอมรับว่าสวย...แต่ไม่อยากได้สาวอายุมากกว่าอ่ะ...

                    อนัตตะยิ้มเล็กน้อย

                    ไม่มีธุระกับผมงั้นหรือครับ คุณผู้หญิง ถ้าเช่นนั้นช่วยปล่อยผมลงจะได้ไหม ผมชักเมื่อยแล้วล่ะ อนัตตะเจรจาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล นางไม้สาวทำท่านึกขึ้นได้ เธอบังคับให้เถาวัลย์ดึงอนัตตะเข้ามา จากนั้นก็ปล่อยให้เด็กหนุ่มยืนอยู่บนกิ่งไม้เดียวกัน

                    อนัตตะ วายุ หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงพราวเสน่ห์ เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อหันไปมอง

                    นายท่านต้องการให้คุณหนูกลับบ้านค่ะ หญิงสาวหันมาบอก เธอมอง คุณหนูดวงตาเป็นประกาย

                    ถ้าผมไม่กลับล่ะ อนัตตะพูดเสียงนุ่ม ส่งสายตาแบบโฮสต์ให้นางไม้สาว

                    นายท่านได้ออกคำสั่งแล้วเผื่อกรณีนี้... พูดพลางยกมือขวาขึ้น เล็บของเธองอกยาวขึ้นมา แหลมคมและแข็งแกร่งดูอันตราย ว่าถ้าท่านไม่ยอมทำตามคำสั่งของคุณท่าน ก็ให้ฆ่าได้เลย

                    อนัตตะกระโดดหงายหลังลงมาจากกิ่งไม้พร้อมกับหลบคมเล็บของนางไม้สาวไปด้วย

                    ศิลา!” เด็กหนุ่มตะโกนเรียก

                    ร่างบางที่คอยท่าอยู่แล้วที่ด้านล่างน้ำตก รีบถีบตัวขึ้นไปกลางเวหา โดยใช้ทั้งยอดไม้ กิ่งไม้ และลำต้นเป็นฐานกระโดด เมื่อขึ้นมาถึงจุดที่อนัตตะร่วงลงมาพอดี เด็กหนุ่มก็พุ่งตัวเข้าหาพร้อมดึงเถาวัลย์ไปด้วยเส้นหนึ่ง แขนข้างหนึ่งวาดออกไปคว้าร่างเจ้านายไว้ ส่วนแขนอีกข้างก็จับแน่นอยู่ที่เถาวัลย์ พอรับร่างอนัตตะได้มั่นคงแล้ว เด็กหนุ่มก็กำเถาวัลย์หลวมๆ ทิ้งตัวลงมาอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนมือเล็กที่เสียดสีจนน่าหวั่นว่าจะเกิดแผลถลอกพุพอง

                    ตูม!

    ทั้งคู่ตกลงถึงพื้นน้ำอย่างแรงจนน้ำกระจายเหมือนระเบิดลง แล้วศิลาที่ใส่กางเกงแล้วก็ทะยานตัวตรงไปยังก้อนหินใหญ่ที่วางสัมภาระทิ้งไว้ โดยยังคงอุ้มเจ้านายอยู่ และมีเถาวัลย์นับสิบพุ่งตามมาข้างหลังอย่างจองเวรจองกรรม ศิลาหันไปมองข้างหลังแวบหนึ่ง

                    อย่าตอบโต้!” อนัตตะตะโกนสั่ง อาวุธหนุ่มก้มมองเจ้านายในอ้อมแขนอย่างงงๆ

                    เมื่อมาถึงทั้งคู่ก็คว้าสัมภาระและเสื้อผ้าของตนขึ้นมาหอบไว้ แล้วออกวิ่งต่อ

                    แต่... ศิลาหันไปมองข้างหลัง พบนางไม้สาวกำลังเดินมาตามบรรดาเถาวัลย์ที่กำลังไล่จับคนทั้งสอง

                    ไม่มีแต่ อนัตตะพูดเสียงเฉียบขาด ฝีเท้าเริ่มวิ่งช้าลง ศิลาอ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึง เด็กหนุ่มที่เร่งความเร็วจนแซงเจ้านายไปแล้วจำต้องเบรกเท้าแล้วหันตัวกลับมาเพื่อที่จะช่วย

                    ไม่ต้อง!” อนัตตะตะโกน

                    ไม่ได้หรอกครับ ศิลาตะโกนตอบ เด็กหนุ่มทิ้งเสื้อผ้าลงกับพื้น แปลงแขนทั้งสองข้างให้กลายอาวุธมีดสั้นที่มีลักษณะใหญ่กว่าจนเหมือนดาบ แล้วเด็กหนุ่มก็พุ่งทะยานเข้าหานางไม้สาวที่กำลังจะทะลวงเถาวัลย์ใสร่างที่กำลังวิ่งอยู่

                   

    หยุด! ทั้งคู่นั่นแหละ!!!”

                   

    ปลายแหลมของเถาวัลย์อยู่ห่างจากตัวอนัตตะเพียงไม่กี่เซน มีอยู่เส้นหนึ่งจิ้มหลังของเด็กหนุ่มไปแล้ว เลือดสีแดงค่อนดำค่อยๆ ซึมออกมา ส่วนศิลาก็ต้องแยกขาออก พร้อมทิ้งน้ำหนักตัวลงบนขาทั้งสองเพื่อเบรก เพราะเด็กหนุ่มกำลังจะกระโดด

                    เสียงของน้ำตกดังแว่วเข้ามาคั่นระหว่างคนทั้งสาม

                    อนัตตะเดินห่างออกมาจากเถาวัลย์สังหารนิดหนึ่ง แล้วหันกลับไปเผชิญหน้ากับนางไม้สาว

                    เอเลน่า กลับไปบอกพ่อซะว่าฉันจะไม่มีวันกลับไปเหยียบที่นั่นอีก อนัตตะพูดเสียงเรียบ ดวงตาสีดำนิลสบกับดวงตาสีมรกตของนางไม้สาว ถ้ายังตามรังควานกันแบบนี้ ฉันฆ่าจริงๆ ด้วย เด็กหนุ่มเสริม พลางสะบัดเสื้อพาดบ่า และสะบัดกางเกงออกเพื่อที่จะสวมใส่

                    แต่...นายท่านอยากให้คุณหนูกลับไปสืบทอดกิจการต่อนะคะ นางไม้สาวเอเลน่าทักท้วง

                    ไม่ก็คือไม่ อนัตตะพูดอย่างหนักแน่นพลางรูดซิปกางเกง แล้วตามด้วยการใส่เข็มขัด

                    เมื่อเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปแบบนั้น ศิลาก็ได้แต่ยืนงงปนอึ้ง จับต้นชนปลายไม่ถูก ตอนแรกนางไม้สาวคนนั้นปรากฏตัวมาเหมือนจะเป็นศัตรู แต่ไปๆ มาๆ กลับกลายเป็นคนรู้จักของเจ้านายซะอย่างนั้น แถมทั้งๆ ที่รอบตัวเต็มไปด้วยเถาวัลย์สังหาร เจ้านายกลับกำลังแต่ตัวอยู่อย่างสบายอกสาบายใจ ราวกับไม่เกรงกลัวต่ออันตรายถึงชีวิตที่อยู่รายรอบตัว

                    ไม่อย่างนั้นฉันต้องฆ่าคุณหนูจริงๆ นะคะ เอเลน่าร้อนรน

                    ...คุณหนู?... ศิลามองอนัตตะอย่างงุนงง

                    อนัตตะจัดการรวบผมตัวเองแล้วปล่อยปอยหน้าให้ปรกใบหน้าเอาไว้ เสร็จแล้วก็หยิบเป้ขึ้นมาสะพาย ก่อนจะหันไปหาศิลาที่ยืนอยู่ข้างหลัง

                    แต่งตัวสิวะ เดี๋ยวจะเดินทางต่อแล้ว อนัตตะพูดอย่างหงุดหงิด ศิลากะพริบตาปริบๆ มองเอเลน่าทีอนัตตะทีอย่างไม่ไว้วางใจในสถารการณ์ เร็วสิ!” อนัตตะเร่ง

                    ครับ ศิลาเปลี่ยนแขนกลับสู่สภาพเดิม แล้วเริ่มแต่งตัวตามคำสั่ง อนัตตะเดินลอดออกมาจากเถาวัลย์สังหารตรงไปหาศิลา หยุดยืนอยู่ข้างๆ เด็กหนุ่มที่กำลังแต่งตัวอยู่อย่างงุนงง แล้วหมุนเท้าหันไปหาเอเลน่า

    เด็กหนุ่มมองหญิงสาวด้วยแววตาเย็นชา เป็นสายตาที่แห้งแล้งและเลือดเย็น คมกริบเสียดแทงเข้าไปในจิตใจ

     ศิลาที่กำลังใส่รองเท้าบู๊ตอยู่แอบลอบมองจากด้านล่าง พอเห็นสายตานั้นมือเรียวก็หยุดชะงัก ดวงตาเบิกกว้าง ความพรั่นพรึงปรากฏอยู่ในนั้น

                    แม้แต่เอเลน่าเองก็ยังตกใจกับสายตานั้นเช่นกัน

                    อนัตตะผู้ที่ดูร่าเริงและออกจะไม่ปกติสักหน่อย กำลังใช้สายตาสังหารมองนางไม้สาวอยู่ ไม่บ่งบอกอารมณ์ไม่บ่งบอกความคิด ไม่มีการแสดงออกใดๆ เลย นอกจากความเย็นชานั้น

                    เสร็จแล้วครับ ศิลาเอ่ยเสียงเบา ความขลาดกลัวเจือปนในน้ำเสียงด้วย อนัตตะละสายตาจากเอเลน่ามามองศิลา ทันใดแววตาของเด็กหนุ่มก็เปลี่ยนไป

                    กว่าจะเสร็จ อนัตตะต่อว่า แล้วเขกหัวเด็กหนุ่มหน้าหวานหนึ่งที

                    ...กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว!... ทั้งศิลาและเอเลน่าประสานเสียงในใจพร้อมกัน

                    ไปกันเถอะ อนัตตะบอก แล้วหันกายเดินจากไปโดยไม่มีการกล่าวลาเอเลน่าเลยแม้แต่น้อย ศิลาหันไปมองนางไม้สาวซึ่งเธอก็มองตอบ ครู่หนึ่งที่ทั้งคู่สบตากัน แล้วศิลาก็หลบสายตาเดินตามอนัตตะไป

                    ขอโทษด้วยนะคะนายท่าน ที่ไม่สามารถพาคุณหนูกลับบ้านได้ เอเลน่าพึมพำกับตัวเองแผ่วเบา มองส่งนายน้อยของตนไปจนลับสายตา

     

    เมื่อเดินทางออกมาจากนาคราธานีด้วยการโดยสารถไฟไปเมืองหลวงแล้ว ทั้งสองก็ใช้เวลาบนรถไฟทั้งสิ้นสิบห้าวันในการเดินทาง มีการเปลี่ยนสายอยู่สามครั้งตามสถานีใหญ่ในเมืองต่างๆ จากใต้สุดซึ่งมีสภาพอากาศอบอุ่น ก็เริ่มเข้าสู่ความหนาวเย็นในฤดูหนาวของทางภาคกลาง ในที่สุดนักเดินทางทั้งสองก็มาถึงจุดหมายปลายทางเสียที

                   

    Travel center ศูนย์กลางการเดินทางของเมืองหลวงแดนเวทมนุษย์

     

                    เฮ้อ...! มาถึงก็เช้าแล้วรึนี่... อนัตตะบ่นพึมพำขณะที่เดินลงมาจากรถไฟ ตามด้วยศิลาที่มองไปรอบๆ สถานีรถไฟของเมืองหลวงอย่างตื่นตาตื่นใจ

                    สถาปัตยกรรมของสถานีรถไฟของเมืองหลวงนั้นเป็นแบบผสมผสาน จากสถาปัตยกรรมอันหลากหลาย ทั้งสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของแดนเวทมนุษย์ สถาปัตยกรรมไทยและยุโรป ไม่รวมของประดับตกแต่งที่ผสมผสานจากหลายๆ ที่อีกนะ แต่ทุกอย่างกลับออกมาได้ลงตัวพอดีอย่างน่าชื่นชม

                    ต่อไป...เราก็ต้องไปขอวีซ่าสินะ อนัตตะทบทวนเป้าหมาย ระหว่างนั้นศิลาก็กำลังมองผู้คนในสถานีรถไฟอย่างสนอกสนใจ แต่ก่อนอื่นเราต้องไปทำพาสปอร์ตให้นายก่อน อนัตตะหันมาพูดกับศิลา เด็กหนุ่มหันขวับมามองตาแป๋ว

                    ไม่ต้องก็ได้มั้งครับ อย่าลืมสิว่าผมเป็นอาวุธ เป็นกรณีพิเศษต่างจากคนทั่วไป เด็กหนุ่มเตือนความจำ

                    เออ จริงด้วย งั้นเรื่องก็ง่ายล่ะ ไปจัดการธุระกันเถอะ

     

                    การจัดการธุระเกี่ยวกับอาวุธที่จะนำติดตัวไปยังต่างมิตินั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก แต่ง่ายสำหรับอนัตตะ เด็กหนุ่มเจ้าของอาวุธจะต้องพาศิลาไปจดทะเบียนให้เป็นอาวุธถูกกฎหมายก่อน แล้วค่อยไปยื่นคำร้องพกอาวุธติดตัวข้ามมิติ หลังจากรอใบอนุญาตอยู่สามวันก็ได้รับใบอนุญาตให้นำอาวุธไปได้ ศิลาแอบนึกสงสัยอยู่ว่าที่ได้ใบอนุญาตเร็วขนาดนี้และไม่ต้องผ่านขั้นตอนบางขั้นตอนนั้น เป็นเพราะพ่อของอนัตตะหรือเปล่า เพราะดูเหมือนว่า...อนัตตะจะเป็นลูกคนมีเงิน สังเกตได้จากภาษาที่เอเลน่าใช้เรียกเด็กหนุ่ม

                   

    หลังจากจัดการอะไรต่อมิอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว หนึ่งวันก่อนออกเดินทางข้ามมิติ อนัตตะก็พาศิลาไปเดินเที่ยวในเมืองหลวง ซื้อผ้าและของใช้สำหรับเด็กหนุ่มมามากมาย เงินส่วนใหญ่ก็ได้มาจากการขายเจ้าหินสีที่ได้มาจากเหมืองประจักษ์นั่นแหละ เสร็จแล้วก็เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งใกล้ๆ กันกับทราเวลเซ็นเตอร์

    โรงแรมที่ทั้งคู่เข้าพักนั้น เป็นเพียงโรงแรมเล็กๆ ชื่อว่า มาลี-มาลัย... ห้องที่พักเป็นห้องเตียงคู่ มีแค่ห้องน้ำและระเบียง กับโทรทัศน์หนึ่งเครื่อง แต่ความสะอาดนั้นต้องยกนิ้วให้ มิหนำซ้ำยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้อบอวลในอากาศด้วย  หลังจากเอาสัมภาระทั้งหมดยัดใส่ตู้เสื้อผ้าไม้ใบใหญ่แล้ว อนัตตะก็ไล่ให้ศิลาไปอาบเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อที่จะลงไปทานอาหารเย็นที่ห้องอาหารของโรงแรม

    อาหารเย็นที่ทั้งคู่ทานคือก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น ของหวานคือลอดช่องน้ำกะทิประดับด้วยดอกมะลิ ทำให้มีกลิ่นหอมหวานอ่อนๆ เมื่อทานเสร็จแล้ว อนัตตะก็พาศิลาออกมาเดินเที่ยวเมืองหลวงยามราตรี แวะย่านโน้นบ้างย่านนี้บ้าง ได้ของกินกับของฝากติดมือมานิดหน่อย เมื่อได้เวลาสามทุ่ม อนัตตะกับศิลาก็กลับห้องพัก

    รีบนอนซะพรุ่งนี้เราจะออกเดินทางแต่เช้า อนัตตะบอกพลางตรวจเช็กสัมภาระของตนว่าเรียบร้อยดีหรือไม่ อยู่ที่ปลายเตียง

    ครับ ศิลารับคำเบาๆ ก่อนจะคลานขึ้นเตียง แล้วสอดตัวเข้าไปในผ้าห่ม ก่อนจะพริ้มตาหลับลงเข้าสู่ห้วงนิทรา

    อนัตตะนั่งเช็กของจนถึงเวลาสี่ทุ่มครึ่ง เมื่อแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้ว เด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นพลางบิดขี้เกียจ แล้วอนัตตะก็เดินไปที่ประตูห้อง เด็กหนุ่มยื่นมือไปจับลูกบิดแล้วบิดเบาๆ ผลักประตูออกไปก่อนเล็กน้อยแล้วหันไปมองคนที่หลับสนิทอยู่บนเตียง

    นัยย์ตาสีนิลที่จับจ้องร่างบางที่นอนหลับอย่างเป็นสุขนั้น ไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆ ออกมาแม้แต่น้อย

    อย่าเป็นตัวถ่วงฉันก็แล้วกัน อนัตตะพูดเสียงเรียบ แล้วเดินออกจากห้องไป ก่อนจะปิดประตูตามหลังอย่างแผ่วเบา

    *************  ***************  **************  ***************


                                                                                                  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×