ปะการังสามารถอยู่ในสภาวะน้ำกรดได้ - ปะการังสามารถอยู่ในสภาวะน้ำกรดได้ นิยาย ปะการังสามารถอยู่ในสภาวะน้ำกรดได้ : Dek-D.com - Writer

    ปะการังสามารถอยู่ในสภาวะน้ำกรดได้

    เกี่ยวกับปะการังนะคะ

    ผู้เข้าชมรวม

    651

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    651

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  7 เม.ย. 50 / 19:49 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ปะการังที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้ถูกทำลายหลุดออก แต่ไม่ตาย

      เนื่องจากสภาวะของอากาศที่เปลี่ยนแปลง ปะการังที่สร้างขึ้นมาจนเป็นเหมือนโขดหินอาจฟื้นคืนกลับมาสู่สภาพเดิมดีกว่าที่คิดได้เมื่อสภาวะอากาศทีเปลี่ยนแปลงได้ทำลายมัน
      นักวิจัยได้ค้นพบว่า

      ปะการังบางสายพันธุ์สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้แม้ในสภาวะที่น้ำทะเลเป็นกรด ถึงแม้ว่าตัวของพวกมันจะหลุดลอกเป็นอันๆ เพราะสูญเสียโครงสร้างแข็ง แคลเซียมคาร์บอเนตที่ช่วยปกป้องตัวเอง นี่อาจเป็นข่าวดีสำหรับปะการังแต่ละตัว แต่มันไม่ทำให้ทัศนียภาพของระบบนิเวศน์ของปะการังสวยงามขึ้น
      จากการที่ระดับคาร์บอนไออกไซด์ในชั้นบรรยากาศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

      ดังนั้นระดับของคาร์บอนไดออกไซด์ที่ละลายในน้ำทะเลจึงเพิ่มสูงขึ้นด้วย ทำให้ระดับของกรดคาร์บอนิคในน้ำเพิ่มขึ้นด้วย Maoz Fine นักสัตววิทยาทางทะเลจาก Bar-Ilan University ในอิสราเอล กล่าวว่า นี่จะเป็นปัญหาหลักของปะการัง ความเป็นกรดของน้ำเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปะการังเป็นปะการังเปลือย
      นักวิจัยคาดการณ์ว่า

      ระดับ pH ของพื้นผิวมหาสมุทรจะลดลงจาก 8.2 ไปเป็น 7.8 ภายในสิ้นศตวรรษนี้ ซึ่งเป็นกรดมากที่สุดเท่าทีเคยเป็นมาในช่วง 20 ล้านปีที่ผ่านมาก (ref.1)
      Fine ได้ศึกษาถึง

      ผลของความเป็นกรดของมหาสมุทรต่อปะการังเมดิเตอร์เรเนียน 2 ชนิด ได้แก่ ปะการังสปรีชีร์ Oculina patagonica และ Madracis pharencis เขาได้ทำการใส่ตัวอย่างในห้องทดลองในสภาวะที่เป็นกรดเพิ่มขึ้น ภายใน 2-3 สัปดาห์โครงสร้างแคลเซียมคาร์บอเนตของมันเริ่มถูกทำลาย และตัวก็จะเหลือแต่ตัวของมัน เขารายงานไว้ในวารสาร Science (ref.2)
      เป็นที่น่าแปลกใจว่า

      ตัวของมันจะเจริญเติบโตได้ดีภายใต้สภาวะเช่นนี้ มันโตขึ้นถึง 3 เท่าของขนาดเดิม ไม่มีใครคาดคิดว่าปะการังจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ในสภาวะที่ pH ต่ำเช่นนี้ Fine กล่าว
      มันเหมือนกับว่าโคโลนีของปะการังพวกนี้ได้เปลี่ยนแปลงไป

      จากการที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่แบบพึ่งพาอาศัยกัน กลายเป็นแบบที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเองอย่างสมบูรณ์ ภายใต้สภาวะปกติตัวของปะการังจะเชื่อมต่อกันด้วยเนื้อเยื่อที่เรียกว่า "coenosarcs" ซึ่งสามารถทำให้พวกมันแบ่งปันสารอาหารกันได้และแพร่กระจายพลังงานที่ต้องการไปทั่วทั้งโคโลนี Fine อธิบายว่าสมาชิกทุกตัวจะมีความเท่าเทียมกันและแบ่งปันทุกสิ่งทุกอย่างร่วมกัน ถ้าตัวหนึ่งได้แพลงตอนค์ มันจะมีการแบ่งกันไปทั่วทั้งโคโลนี แต่ในสภาวะที่เป็นกรดมากๆ ตัวปะการังแต่ละตัวจะดึงเอาส่วนของ coenosarc ออก และดำเนินการปกป้องตัวของมันเอง
      ในครั้งแรกของการวิจัย

      นักวิจัยได้เห็นการตอบสนองชนิดนี้ Fine กล่าวว่า กรดเหนี่ยวนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอนุมูลอิสระ ซึ่งนักวิจัยไม่สามารถที่จะชี้เฉพาะลงไปได้ เมื่อระดับ pH กลับไปเป็นปกติ ตัวปะการังจะรีบกลับไปหาโคโลนีและกลับสู่สภาพเดิม สร้างโครงสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง และหดกลับสู่ขนาดเดิม กลายเป็นโคโลนีอีกครั้ง
      การสำรวจของ Fine ยังคลอบคลุมไปถึงร่องรอยฟอสซิลของปะการัง

      การสร้างโครงสร้างแข็งของปะการังดูเหมือนว่าปรากฏเห็นอย่างทันทีเป็นจำนวนมากระหว่างยุค Triassic (เมื่อประมาณ 237 ล้านปีมาแล้ว เป็นยุคที่มีภูเขาไฟระเบิดมาก) ซึ่งในยุคก่อนหน้านี้ไม่เคยปรากฏซากฟอสซิลมาก่อนเลยในช่วงระหว่างที่มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศสูง (ref.3) Daphne Fautin นักสัตววิทยาทางทะเลจาก University of Kansas กล่าวว่า โครงสร้างแคลเซียมคาร์บอเนตของปะการังที่เป็นตัวบ่งบอกถึงลักษณะของปะการังหินจริงๆ แล้วอาจเป็นลักษณะเพียงชั่วคราวที่เคลือบเอาไว้และจะค่อยๆ หายไปตามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป
      Fautin เตือนว่า

      การเปลี่ยนแปลงที่เกิดควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จะเป็นอัตราซึ่งสะสมระดับของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และสิ่งมีชีวิตต่างๆ อาจไม่สามารถจะทนเก็บมันไว้ การทำงานนี้ยังคงมีความหวัง Allen Collins นักสัตววิทยาของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง จาก US National Oceanic & Atmospheric Administration ในกรุงวอชิงตันดีซี กล่าวว่า มันง่ายที่จะคิดว่าปะการังจะไม่ตายทันทีทันใดแม้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงความเป็นกรดของน้ำทะเล แต่ยังมีปะการังชนิดอื่นอีกเป็นร้อยๆ สปีชีร์ และก็ยังไม่มีใครรู้ว่าความเป็นกรดของน้ำทะเลจะมีผลอย่างไรกับมัน
      Fine ชี้ว่า

      การค้นพบของเขาไม่เป็นผลดีต่อแนวปะการังในอนาคต รวมทั้งปลาที่อาศัยพวกมันในการหาอาหารและปกป้องตัวเอง เราต้องจำไว้ว่าแม้ว่าตัวปะการังจะยังมีชีวิตอยู่ได้ แต่แนวปะการังอยู่ไม่ได้

      ข้อมูลจาก www.teenee.com

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×