Fic Touken ranbu วันน่าเบื่อของนายกระเรียน
เห็นว่าช่วงนี้ป่วยดาบกันจังแต่ตัวเองไม่ได้เล่นแต่ชอบเพราะผช.555 //ขาวดำบันไซ!!!
ผู้เข้าชมรวม
1,117
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Fic: Touken ranbu
Story: วันน่าเบื่อของนายกระเรียน
Pairing: มิกะซึกิ x ทสึรุมารุ
Rate 15+ PG
วันหนึ่งของวันที่แสนจะธรรมดาในฤดูร้อน ข้าผู้เป็นซานิวะนามว่า นางิสะ นาคิ กำลังนั่งหน้าบูดแผ่รังสีหดหู่หน้าโต๊ะทำงานที่มีหนังสือไว้จดบันทึกประจำวันซึ่งยังเขียนไม่เสร็จเพราะเซ็งบางอย่าง
“อ่า...เซ็งชะมัด ไม่มีอะไรนอกเขียนไอ้นี่เลยหรอเนี่ย!!” นาคิร้องโอดครวญดังทั่วห้องจนออกหน้าระเบียงทางเดิน แล้วมีใครบางคนกำลังเดินมา
“มีอะไรขอรับท่านซานิวะ เสียงดังลั่นเชียว” ชายหนุ่มผมสีขาวปลายสยายลงมา ดวงตาสีเหลืองนามว่า ทสึรุมารุ คุนินากะ 1 ใน 5 ใต้หล้าที่งามที่สุด งามดั่งกระเรียนดังชื่อคือดาบที่ข้าถือครองอยู่ ณ ปัจจุบัน ทำหน้าแตกตื่นเพราะเสียงอันดังของข้า
“ไม่มีอะไรหรอก ทสึรุคุง ข้าเพียงรู้สึกเบื่อเท่านั้นเอง” ข้าบอกทสึรุมารุ
“เบื่องั้นรึขอรับ” พูดจบก่อนนั่งข้างๆ สีหน้าดูเพลียๆชอบกล “ข้าเองก็เบื่อเช่นกันขอรับ” พูดเสร็จพลางถอนหายใจดังเฮือกยื่นแขนนอนวางทาบโต๊ะแผ่รังสีเช่นเดียวกัน
“อ้าว ปกติเจ้าเป็นคนชอบกระโดดโลดเต้นทั้งวันไม่รู้จักเหนื่อยแท้ๆ ทำไมเบื่อซะล่ะ” นาคิถามทั้งหน้าเหนื่อยหน่ายพลางหัวเราะหน่อยๆ
“ก็คนอื่นพากันออกสำรวจกันหมดเลยไม่มีใครให้แหย่เล่นขอรับ” คนชอบแกล้งเป็นชีวิตประจำวันระบายให้ผู้เป็นนายฟัง สื่ออารมณ์เซ็งๆ ได้อย่างดีทีเดียว
“เจ้าเนี่ย ทำอะไรอย่างอื่นนอกจากแกล้งคนอื่นเป็นมั้ยเนี่ย” นาคิเหน็บอีกฝ่าย
“ก็แหม ก็ข้าชอบหาอะไรตื่นเต้นเร้าใจทำก็แค่นั้นเอง แล้วท่านซานิวะล่ะขอรับ” ทสึรุมารุแก้ตัวหน้าเบื่อก่อนถามกลับ
“ข้าไม่ได้เป็นคนกระตือรือร้นเหมือนเจ้า ข้าแค่ชอบความสงบเท่านั้นเอง”
“ดูเหมือนว่าเจ้ากับข้ามีอะไรเหมือนๆ อยู่นะ” ข้าหัวเราะนิดๆ
“หืม อะไรหรือขอรับ” อีกฝ่ายเบิกตาทำหน้าตื่นเต้นทันที
“ก็เบื่อเหมือนกันไงล่ะทสึรุคุง ไม่น่าเจ้าถึงได้มาเป็นดาบคู่ใจข้าเพราะความเบื่อแบบสุดๆ นี้เอง” ข้าพูดเหมือนประชดตัวเองกับทสึรุมารุยังไงไม่รู้ แต่ข้ากับเขาก็หัวเราะอย่างไม่ติดใจกัน
“ฮ่ะๆ แล้วนายหญิงล่ะขอรับ เหตุใดท่านถึงได้เบื่อเช่นนี้” ทสึรุมารุหัวเราะเสร็จก่อนถาม
“ก็แต่ละวันที่ข้าว่างจากการทำศึก ข้าจะเขียนบันทึกประจำวันเอาไว้ ไม่ก็วาดรูปล่ะนะ เพียงแต่ข้าอยากหาอะไรทำนอกจากนี้มากกว่า” นาคิตอบพร้อมหลบสายตา
“หืม ข้าไม่เคยรู้ว่าท่านซานิวะจะวาดรูปด้วย จะเป็นไรหรือไม่ที่ข้าอยากจะเห็นฝีมือท่าน” อีกฝ่ายลุกจากโต๊ะก่อนเข้าท่านั่งสุภาพก่อนส่งยิ้มให้
“เอ่อ ข้าก็ไม่ได้วาดเก่งอะไรนักหรอก เพียงแค่มีคนคอยเป็นแบบให้เท่านั้นเอง”
“ฮะๆ แบบนั้นข้าก็ยิ่งอยากเห็นนะขอรับ” ทสึรุมารุหัวเราะ
“เอ่อ...คือ...ก็ได้อยู่ แต่ข้าออกจะอายหน่อยๆ” ข้าตัวบิดเขินอายไปหมดแล้วววว “ไม่เป็นไรขอรับ” แล้วข้าส่งยื่นสมุดวาดรูปที่วางข้างโต๊ะให้ทสึรุคุง
“อื้ม สวยจังขอรับ ท่านไม่น่าถ่อมตัวเลย” อย่าชมข้าแบบนี้สิทสึรุคุง ข้านี่หน้าแดงไปหมดแล้วนะ
“อะฮ่ะๆ” ข้าพยายามคุมอารมณ์ร้อนๆ บนหน้าให้ปกติ
ทสึรุมารุนั่งดูสมุดวาดภาพไปจนไปสะดุดกับรูปหนึ่งอยู่นาน แล้วเปิดจบเล่มก่อนเงยถาม สีหน้าอีกฝ่ายดูราวจับผิด
“ก็สวยดีนะขอรับนายหญิง แต่ทำไมถึงมีแต่รูปมิกะซึกิล่ะท่าน”
“เอ่อ ก็ท่านปู่มาเป็นแบบให้ข้าน่ะ”
“เยอะขนาดนี้เชียวรึขอรับ” ทสึรุคุงถามโทนเสียงเดิม
“จ้า ก็ปู่ไม่ค่อยได้ออกไปไหนนี่ เอาแต่นั่งจิบชาอย่างเดียว” นาคิตอบ
“ก็คนๆ นั้นเฉื่อยจะตายขอรับ” อีกฝ่ายตอบหน้าเบื่อประชันใส่บุคคลที่3
“น่า...ก็มีรูปคนอื่นๆ บ้าง มันอยู่อีกเล่มนึงที่ข้าแยกไว้” นาคิลุกเดินไปที่หีบเก็บของ “แปปเดี๋ยวนะ”
หาสักพัก นาคิได้หอบกองสมุดให้ทสึรุมารุประมาณสิบกว่าเล่มมาวางตรงหน้า
“น...นายหญิงขอรับ นี่อย่าบอกนะว่านี่คือทั้งหมดขอรับ” เจ้าของดวงตาสีเหลืองแทบจะเป็นลม ไม่อยากเชื่อว่าผู้เป็นนายจะวาดรูปเยอะขนาดนี้ แถมยังนึกว่าไปเอาเวลาไหนไปวาดขนาดนั้น
“ฮิฮิ ก็มันเพลินนี่นา งั้นเอาแค่เล่มนี้แล้วกัน เป็นเล่มที่แล้วนะ” นาคิยื่นสมุดเล่มนึงให้อีกฝ่าย
“โห๋! มีแต่รูปสวยๆ ทั้งนั้นเลยขอรับ ทั้งโฮตารุมารุ ซาโยะซามอนจิ โกโคไท โฮริคาวะ โคกิทสึเนะและหลายๆ คนด้วย แต่ทำไมถึงไม่มีรูปข้าเลยขอรับ” ทสึรุคุงถามเพราะความสงสัย
“ก็เจ้าไม่เคยอยู่ให้ข้าเป็นแบบไงล่ะ เล่นเที่ยวเดินทั่วปราสาทหาคนโน้นทีนั้นทีแบบเนี่ย ข้าเลยเหนื่อยตามเจ้าไงล่ะ” ข้าพูดพร้อมถอนหายใจเอือมระอากับดาบจอมเกรียนสมชื่อที่ชอบป่วนไปทั่วเพราะความเบื่อของตัวเอง
“ที่ท่านพูดแบบนี้ ท่านโกรธข้าหรือขอรับ” ทสึรุมารุคาดกลัวถูกคาดโทษด้วยแววตาสีเหลืองสั่นหวั่นกลัวทั้งตัว
“เฮ้อ ก็นะ แต่ข้าไม่ติดใจเจ้าหรอก ทสึรุคุง” นาคิถอนหายใจอีกรอบ
“จริงนะขอรับ ท่านซานิวะ” อีกฝ่ายยังไม่ไว้ใจ
“อื้อ เพื่อเป็นการตอบแทนที่เจ้าอยู่เป็นเพื่อนคุยให้ข้า ข้าจะวาดรูปให้เจ้ารูปนึง”
“อ่ะ จริงรึขอรับ” ดวงตาสีเหลืองฉายแววปิติดีใจ
“ข้าเคยผิดคำพูดที่ไหนกันล่ะ หืม”
“ขขข...ขอบพระคุณมากเลยขอรับท่านซานิวะ” ทสึรุมารุก้มขอบคุณก่อนเงยหน้ายิ้มบานแฉ่ง
“ฮะๆ เอาล่ะๆ งั้นทสึรุคุงช่วยนั่งท่านี้นิ่งๆ นะห้ามขยับ ข้าจะวาดแล้ว” ข้าบอก
“ทำไมต้องอยู่นิ่งๆ ด้วยขอรับ” เจ้าตัวสงสัย
“ก็เวลาเจ้าขยับเนี่ยข้าจะวาดไม่ได้ รูปจะผิดเพี้ยนไปหมดเลยต้องให้อยู่นิ่งๆ ไง” นาคิตอบคลายสงสัย “อ๋อ เข้าใจแล้วขอรับ”
ขณะที่นาคิกำลังวาดนายแบบทสึรุมารุที่อยู่สงบๆ ไม่เป็น ดิ้นคลายความเกร็งจนนาคิออกปากบ่นห้ามเป็นระยะ ทีมที่ออกไปสำรวจก็ได้กลับมา ทุกคนได้นำทรัพยากรที่ได้มาไปเก็บที่โรงตีดาบก่อนแยกย้ายไปพักผ่อนกัน บางคนก็เล่นน้ำคลายร้อนบ้าง ซึ่งมีแต่ดาบเด็กๆ อย่าง ฮตจัง โกโคไท ซาโยะจังและดาบผู้ใหญ่อย่าง โคกิทสึเนะมารุ ร่วมกลางวงดาบเด็กๆ และ นาคิกิทสึเนะ นั่งมองคนเล่นน้ำอย่างจดจ่อข้างๆ สระ
อีกด้านที่คนๆ หนึ่งเดินรอบปราสาทหาใครบางคน หนุ่มร่างสูงสง่าสมชายชาตรี มิกะซึกิ มุเนะจิกะ 1 ใน 5 ดาบใต้หล้าที่มีอายุมากและสวยงามราวพระจันทร์เสี้ยวยามราตรีสมชื่อกับดวงตาสีครามยามรัตติกาลที่ว่ากันว่ามีจันทร์เสี้ยวชวนหลงใหลแฝงภายในนั้น เดินไปจนถึงห้องท่านซานิวะแล้วได้พบคนที่ตนกำลังตามหาแอบขำเบาๆ ก่อนเข้าไปทักทาย
“พรูด!!!!! มิ มิกะซึกิ” ทันทีที่เห็น ทสึรุมารุตกใจเผลอพ่นน้ำชาในถ้วย
“ท่านซานิวะ ข้าน้อย มิกะซึกิ มุเนะจิกะ กลับมาแล้วขอรับ” ร่างสูงกล่าวทักทายผู้เป็นนายกำลังดื่มชาอยู่ “อ่ะปู่ ยินดีต้อนรับกลับค่ะ แล้วคนอื่นๆ ล่ะ” นาคิตอบกลับ ไม่สนคนเสียมารยาทเมื่อครู่
“พักผ่อนขอรับ ส่วนเด็กๆ ก็เล่นน้ำกันขอรับ” มิกะซึกิตอบกลับ “อ่อ คงจะเหนื่อยกันมากสินะ ขอโทษทีต้องให้พวกเจ้าออกไปทั้งกลางวันแสกๆ แบบนี้”
“มิเป็นไรขอรับ” อีกฝ่ายไม่ถือสากับผู้เป็นนาย
“ไง ทสึรุมารุ วันนี้เจ้าป่วนอะไรมาบ้างล่ะ” มิกะซึกิถามทั้งยิ้มให้
“พูดมากน่า กำลังอารมณ์ดีอยู่แท้ๆ เจ้าจะพาทำข้าอารมณ์เสียแทน” ทสึรุมารุประชดเบ้หน้าไม่พอใจหันไปทางอื่น
“อะฮะๆ ขอโทษๆ วันนี้เจ้าทำอะไรอยู่รึ”
“ทสึรุคุงเป็นแบบวาดรูปให้ข้านะ คุณปู่มิกะ” ข้าตอบแทน
“อ๋อ แล้วเป็นแบบได้ดีเปล่าขอรับนายหญิง” ถามพลางแอบเหน็บอีกฝ่าย “เอาตามจริง กว่าจะได้โครงคร่าวๆ ทำเอาข้าบ่นไปหลายรอบเลยล่ะ”
“โอ้! ขนาดนั้นเชียวรึขอรับ” มิกะซึกิตะลึง
“น นายหญิงขอรับ” ทสึรุมารุร้องลั่น “อ่ะ ขอโทษๆ มันจริงนี่นา เจ้าเป็นแบบที่ข้าเหนื่อยที่สุดเลยล่ะ” ขอโทษนะทสึรุคุง
“ไม่ต้องหมดเปลือกขนาดนั้นก็ได้ขอรับนายหญิง!!” ทนไม่ไหว ทสึรุมารุยกมือปิดหน้าซ่อนความอายฉ่าๆ ของตน “ส ทสึรุคุง”
“แล้วตอนนี้ท่านซานิวะได้โครงแล้วใช่มั้ยขอรับ” มิกะซึกิแทรก “อื้อ จ่ะ”
“ห หวา!?” จู่ๆ ก็โดนใครช้อนอุ้มทั้งๆ ยังไม่หายอาย
“งั้น ข้าน้อยขอตัวทสึรุมารุไปก่อนขอรับ”
“น นี้เจ้าจะพาข้าไปไหน ปล่อยข้านะ นี่มันต่อหน้าท่านซานิวะนะ” คนโดนอุ้มหน้าแดงโวยวายดิ้นไปมาหมายหลุดจากร่างสูง นาคิไม่ตกใจกับสิ่งที่เห็น
“ข้ามีธุระกับเจ้า อย่าถามอะไรมาก” มิกะซึกิกระซิบเบาๆ พร้อมเลียใบหูหมายให้คนตรงหน้าหยุดดิ้นเสียทีก่อนส่งสายตาชวนต้องสะกดกับรอยยิ้มแสนเสน่ห์ “อ๊ะ!?” ได้ผลอีกฝ่ายนิ่งค้างแต่แก้มกลับไม่หยุดแดงซะงั้น
“ขอตัวนะขอรับ” เสร็จขอตัวออกจากห้องไป “นี่ อย่ามาทำเป็น... ปล่อยข้ามิกะซึกิ จะพาไปไหน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้......!!!”
“ดูเหมือนว่าจะมีอะไรแก้เบื่อสำหรับข้าแล้วล่ะ หึหึ”
หลักจากที่มิกะซึกิอุ้มจอมป่วนทสึรุมารุไปที่ใดไม่รู้ ดวงตาสีเหลืองตะโกนโมโหลั่นทั่วปราสาท มิกะซึกิไม่สะทกสะท้านใดๆ กับกิริยาอีกฝ่ายเดินยิ้มร่าสบายๆ แอบซ่อนความคิดบางอย่างภายใต้รอยยิ้มนั้น หนุ่มผมยาวสยายพยายามสลัดอีกฝ่ายอีกมาตลอดทางจนอีกฝ่ายปล่อยเมื่อถึงห้องๆ นึง นั้นคือห้อง มิกะซึกิ เอง
“เอ้า เข้ามาสิ” ร่างสูงเชิญ “ทำไมพาข้ามาที่นี่” ตาสีเหลืองไม่ไว้ใจ
“ข้าไม่มีจุดประสงค์ใดแอบแฝงหรอก ข้าแค่ชวนเจ้ามาดื่มชาเป็นเพื่อนข้าแค่นั้นเอง” ร่างสูงตอบ
“แค่ดื่มชาเฉยๆ เนี่ยนะ” เจ้าตัวข่อน
“อืม ใช่”
“......” ทสึรุมารุไม่มีทางเลือกยอมเข้าไปแต่โดยดี
แล้วก็เป็นดังที่มิกะซึกิว่าจริงๆ ตรงหน้าพร้อมสรรพด้วยกาน้ำชา ถ้วยชา ขนมดังโงะ ที่ห้องรับรองดื่มอย่างสบายใจ ขณะที่ ทสึรุมารุ คุนินากะ ยังนั่งนิ่งมองของตรงหน้ากังวลว่าอีกฝ่ายจะวางยาสลบในนั้นเพื่อทำมิดีมิร้ายตนหรือเปล่า
“เจ้าวางใจได้ ทสึรุมารุ”
“อึก!!” ทสึรุมารุสะดุ้ง
“ข้าไม่ได้วางยาสลบในนั้นแน่นอนอย่างที่เจ้าคิดหรอก” ยกดื่มชาเสร็จก่อนเอ่ยกับอีกฝ่ายราวกับอ่านใจได้
“ข้ายังไม่เอ่ยสักคำว่าเจ้าวางยาสลบข้า อย่าร้อนตัวนักสิ” ดวงตาสีเหลืองพูดเหน็บใส่
“ข้าไม่ได้ร้อนตัว ถึงเจ้าไม่เอ่ย ข้าก็รู้ว่าเจ้าคิดอะไร” ร่างสูงพูดอย่างสงบไม่ร้อนรน “ข้าเดาใจเจ้าไม่ออกจริงๆ มิกะซึกิ”
“อะฮะๆๆ...” มิกะซึกิหัวเราะ
ระหว่างที่ทั้ง 2 พูดคุยกันมีใครบางคนแอบฟังอยู่หน้าบานประตู ไม่ใช่ใครที่ไหนคงรู้กันดีกำลังแอบยิ้มร้ายๆ บางอย่าง
“ข้าเชื่อใจเจ้า ได้ใช่มั้ย” ทสึรุมารุกำลังยกถ้วยชาดื่มถามเจ้าของดวงตาสีครามรัตติกาลแฝงจันทร์เสี้ยวเพื่อความแน่ใจ
“อืม...” ร่างสูงยิ้มตอบ
หลังจากที่ทสึรุมารุดื่มชากับขนมดังโงะไปไม่นาน หนุ่มผมขาวสยายเคลียคอเริ่มรู้สึกมึน ตาพร่ามัว สติเลือนรางเรื่อยๆ ก่อนสิ้นสติเขาเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าผู้อาวุโสกว่าในวินาทีสุดท้ายแล้วเอ่ยชื่ออีกฝ่ายก่อนเปลือกตาปิดสนิท...
“หลับไปก่อนนะ ทสึรุมารุ” พูดเสร็จพลางลูบผมสีขาวนวลสยายเคลียคอก่อนจูบลงไป
“ข้ารู้นะขอรับว่าท่านแอบฟังพวกข้า นายหญิงนาคิ” ทันใดประตูเปิดออกเผยหน้าผู้เป็นนายซานิวะ
“แล้วของที่ข้าขอให้ท่าน...”
“เอามาแล้วล่ะ เจ้าจะเอาไปทำแบบนั้นกับทสึรุคุงสินะ ปู่” ข้าพูดพลางเดาใจ
“อย่างที่ท่านคิดขอรับ”
“งั้นข้าปิดเงียบไว้เลยละกัน”
“ฝากด้วยขอรับ ท่านซานิวะ”
“อะ แล้วก็ ขอให้สนุกแล้วกันนะ ปู่มิกะ...” สิ้นสนทนาของซานิวะนาคิและมิกะซึกิ เหลือแต่ความเงียบเข้าครอบคลุมแทน
เวลาล่วงเลยเพลาเย็นจนดึก ทสึรุมารุ คุนินากะ ได้สติคืนแต่หัวยังมึนเพราะฤทธิ์ยาสลบก่อนเอามือกุมหัว แต่ยังไม่ทันได้กุม ทสึรุมรุรู้สึกหนักๆ ข้อมือแล้วได้ยินเสียงเหล็กกระทบกันราวกับถูกพันธนาการอยู่ ไม่สิ เขาถูกล็อคเอาไว้มากกว่าแล้วเจ้าตัวรู้สึกร่างกายเย็นๆ โหว่งๆ ชอบกล แต่เพราะห้องมืดเลยไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด อะไรยังไง แล้วได้ยินเสียงหัวเราะใกล้ๆนี้ ใกล้มากจนรู้สึกถึงลมหายใจ ก่อนจะร้องเสียงดังเพราะความรู้สึกชวนหวิวที่หน้าอกโดยมีอะไรที่เปียกชื้นนุ่มๆ วนอยู่รอบๆ แล้วค่อยๆ เลื่อนขึ้นไซ้รอบคอระหงสูดกลิ่นกายไปพลางเรียกเสียงครางหนุ่มกระเรียนได้อย่างดี
แสงจันทร์สาดส่องผ่านหน้าต่างมอบแสงสว่างทำให้ดวงตาสีเหลืองมองอะไรค่อยๆ ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะเงาปริศนาตรงหน้า ไม่นานทสึรุมารุแทบอยากจะอ้าปากลั่นกัดลิ้นตัวเองเสียเหลือเกิน เพราะไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่เสแสร้งปั้นหน้าเทวดาหลอกให้ดื่มชากับดังโงะคือ ตาเฒ่าบ้าชามิกะซึกิ เอง
“เห็นข้าแล้วสินะ ทสึรุมารุ” มิกะซึกิเอ่ยก่อนส่งยิ้มให้อย่างเคย “ม มิ มิกะซึกิ!?” หนุ่มกระเรียนตกใจทันทีทีมองเห็น
“ใช่ ข้าเอง มีอะไรรึ” อีกฝ่ายถามซ้ำ
“ไม่ต้องมาทำเป็นซื่อ บอกมานะ เจ้าทำอะไรข้า...!!” ทสึรุมารุโมโหลั่นก่อนถูกเรียวนิ้วอีกฝ่ายปิดปาก
“อย่าโวยวายนักสิ เดี๋ยวท่านซานิวะก็ได้ยินหรอก” ร่างสูงเตือน
“อุบ!! งั้น ก็บอกข้ามาว่าเจ้าทำอะไรข้า” คราวนี้ลดเสียงลงแต่ไม่ได้ลดความโกรธลงเลยซักนิด
”......” อีกฝ่ายเงียบ ดวงตาสะท้อนแสงจากดวงจันทร์ ยิ่งทำให้จันทร์เสี้ยวภายในถูกจับตามองยิ่งกว่าเดิม ทสึรุมารุเผลอมองจนนิ่งค้างก่อนสะบัดหัวคืนสติ
“ร หรือว่าเจ้า...” ดวงตาสั่นไหวเพราะอะไรบางอย่างที่คาดไม่ถึง
“ก็..อย่าง..ที่..เจ้า..คิด.. แหล่ะนะ ทสึรุมารุ คุนินากะ ทีรักของข้า...”
“ม ม่ายยยยยยยยย!!!!!!”
....................
“อา....ช่างเป็นเช้าที่สดใสจริงเลย ว่ามั้ยคะปู่ ทสึรุคุง”
“..อ...อ่า”
“ขอรับ เป็นเช้าที่สดใสจริงขอรับ”
“ว่ามั้ยทุกคน!!”
“ข ขอรับท่านซานิวะ”
....................
เบื้องหลังจดหมายเหตุของเรื่อง ระหว่าง นาคิ และ มิกะซึกิ มุเนะจิกะ
“ท่านซานิวะขอรับ”
“อะไรหรอคะ ปู่”
“ข้าน้อยอยากดัดไม้ดีดกะโหลกใครบางคนขอรับ”
“ใครคะ”
“ทสึรุมารุ คุนินากะ ขอรับ”
“อ้าว! ทำไมล่ะ”
“ก็ข้ารู้สึกลำบากใจขอรับ เพลาที่เขาอยู่กับใครมักจะมีเรื่องแกล้งกันเสมอ ไม่เว้นกระทั้งข้า”
“ก็นั้นมันเป็นนิสัยติดตัวนี่นา จะแก้คงยาก”
“ข้าน้อยทราบดี แต่อย่างน้อยให้เพลาๆ หน่อยก็ดีขอรับ”
“อืม แล้วเจ้าจะทำเช่นใดล่ะ”
“ข้าน้อยคิดแผนไว้แล้วขอรับ แต่ต้องให้ท่านซานิวะช่วยด้วยขอรับ”
“เอ๋ ข้าหรอ”
“เพราะ ทสึรุมารุ คุนินากะ จะไม่แกล้งผู้เป็นนายอย่างท่านซานิวะอย่างเด็ดขาด”
“อ๋อ อันนี้ก็ใช่นะ”
“แล้วจะให้ข้าช่วยอย่างไรล่ะ”
“ข้าขอยืมอุปกรณ์ซัก 2 อย่างได้มั้ยขอรับ”
“แล้วมันคืออะไรหรอ ที่ปู่อยากได้”
“กุญแจมือ กับ เจลเย็น ขอรับ”
“จะเอาไปทำอะไร เกี่ยวกับแผนรึเปล่า”
“คงไม่ได้เอาทำอะไรพิเรนท์หรอกนะ”
“ไม่หรอก ท่านซานิวะอาจจะชอบด้วยซ้ำขอรับ”
“หมายความว่ายังไง...”
“......”
“หืม...ปู่เนี่ยร้ายเหมือนกันนะเนี่ย ตกลงข้าร่วมด้วย”
“ขอบพระคุณขอรับ นายหญิง นาคิ”
....................
เรื่องแผนคิดกันเอาเองขอรับ เพื่อความฟินของแต่ละคน
ด้วยความหวังดีจากคนเขียน =3=
ผลงานอื่นๆ ของ shiro forest ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ shiro forest
ความคิดเห็น