คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : การเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะมาถึง
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่อากาศดีสุดๆ ฉันตื่นแต่เช้า(ทั้งที่ไม่จำเป็น) นั่งฟังเพลงที่เปิดอยู่เบาๆบนเตียง(ต้องเปิดเบาเพราะว่ามันยังเช้าอยู่) วันนี้ฉันต้องออกไปข้างนอกกับแม่แน่นอนว่าโดนขอร้องแกมบังคับT^T แต่ฉันก็ยังไม่คิดที่จะลุกขึ้นจากเตียงไปทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย กะจะรอให้คนมากระตุ้นอ่ะ
ก๊อกๆๆ
นั่นไง!มาแล้ว
“ ปิ๊ง...ตื่นแล้วใช่มั้ยลูก แม่เข้าไปนะ”
ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ตอบอะไรแม่ก็เปิดประตูเข้ามาในห้องฉันแล้ว
“ อ้าว...ตื่นแล้วทำไมยังไม่ไปอาบน้ำแต่งตัวอีกล่ะ แม่บอกแล้วใช่มั้ยว่าจะไปแต่เช้าน่ะ” แม่บ่นพลางเดินมานั่งบนเตียงข้างตัวฉัน
“ แม่คะหนูไม่ไปไม่ได้เหรอ”ฉันถามโดยพยายามพูดให้ดูน่าสงสารสุดๆ
“ แม่คิดว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ ลูกอายุ 16 แล้ว โตแล้วน่าจะฟังที่แม่พูดรู้เรื่องว่าลูกควรจะช่วยงานแม่บ้างได้แล้ว แม่ไม่ได้ให้ทำงานอะไรหนักๆซักหน่อย”
“ หนูเข้าใจที่แม่พูดค่ะแต่ว่าหนูไม่อยากไปที่นั่นแม่ก็รู้”
“ แม่รู้ว่าลูกคิดอะไร แต่ลูกจะหนีมันไปตลอดไม่ได้ รู้มั้ยว่าสิ่งที่ลูกหนีอยู่มันคือความเจ็บปวดที่หนียังไงก็ไม่พ้น มันจะอยู่กับลูกทุกที่ที่ลูกอยู่ต่อให้ลูกหนีไปไกลเท่าไหร่มันก็จะตามลูกไปอยู่ดี ทางเดียวที่ลูกจะชนะมันได้ก็คือต้องเผชิญหน้ากับมันแล้วลูกจะลืมความเจ็บปวดนั้นไปได้เอง”
“...”
“ ลุกขึ้นไปอาบน้ำได้แล้วแม่ให้เวลาแค่20นาทีเสร็จแล้วลงไปทานข้าวเข้าใจมั้ย”
“ เข้าใจค่ะ”
แม่ลุกขึ้นจากเตียงฉันแล้วเดินออกจากห้องไป ตกลงฉันต้องไปจริงๆใช่มั้ยเนี่ย บอกตรงๆนะไม่อยากไปเลยจริงๆT^T
ฉันลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไปทำธุระส่วนตัวให้เสร็จภายใน 20 นาทีตามที่แม่บอกอย่างเสียไม่ได้ แล้วลงไปทานอาหารเช้า
ที่โต๊ะอาหาร
ฉันนั่งฝั่งตรงข้ามกับแม่ที่กำลังนั่งคุยโทรศัพท์เรื่องงานอยู่
“ ว่าไงลูกสาวของพ่อโดนแม่เค้าบังคับพาไปจนได้สินะ” พ่อฉันที่นั่งอยู่หัวโต๊ะถามฉัน
“ ค่ะ พ่อคะไม่มีทางช่วยหนูได้เลยหรอคะ(=*.*=)”
“ อันนี้พ่อก็จนปัญญา ลูกก็รู้ว่าพ่อเองก็ขัดแม่เค้าไม่ได้”
“ ค่ะหนูเข้าใจ T T ....คราวนี้ใครก็คงช่วยหนูไม่ได้”
“ เอาน่าลูกสาวพ่อ พ่อว่าที่แม่เค้าทำเพราะเค้าหวังดีกับลูก ยังไงลูกก็ทำให้แม่เค้าสบายใจหน่อยแล้วกัน”
“ ค่ะ... แล้วพี่ไปท์ล่ะคะยังไม่ตื่นอีก”
“ วันนี้วันเสาร์นะลูกคิดว่ามันจะตื่นเช้าหรอ”
“ จริงด้วยหนูลืมไป แล้ววันนี้พ่อก็ออกไปตีกอล์ฟอีกใช่มั้ยคะ”
“ แน่นอนอยู่แล้วนักธุรกิจใหญ่อย่างพ่อวันหยุดอย่างนี้ก็ต้องออกไปตีกอล์ฟอยู่แล้วไม่เหมือนแม่ของลูกหรอก เสาร์อาทิตย์ก็ยังต้องออกไปทำงานน่าสงสารนะว่ามั้ย ^^” พ่อฉันนี่ก็หลงตัวเองใช่เล่นแฮะ พ่อกับแม่ฉันทำงานคนละที่กัน บริษัทพ่อเป็นบริษัทด้านการส่งออกน่ะ
“ ไม่ต้องมานินทาเลยนะคุณ” แม่ที่คุยโทรศัพท์เสร็จแล้วหันมาว่าพ่อ ได้ยินตอนสำคัญทุกทีเลยแม่ฉัน
“ แหมที่รักผมไม่ได้นินทานะแค่ชมว่าคุณขยันเอง”
“ เชอะ!คิดว่าไม่รู้เหรอคะ ไม่สนคุณละ ปิ๊งทานเสร็จแล้วใช่มั้ยลูก ไปกันได้แล้ว”
“ ค่ะ ไปละนะคะพ่อเจอกันตอนเย็นค่ะ” ฉันบอกลาพร้อมกับจุ๊บที่แก้มพ่อหนึ่งทีแล้วเดินตามแม่ออกมา ได้ยินเสียงพ่อตามหลังมาด้วยว่า
“ เดินทางปลอดภัยนะลูก”
บนรถ
ตอนนี้ฉันอยู่บนรถกำลังมุ่งหน้าไปที่บริษัท เด่นดัง โปรดักซ์ชั่น เป็นบริษัทเอเจนซี่ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง มีนักแสดงดังๆมากมายในสังกัด สร้างภาพยนตร์ ผลิตรายการโทรทัศน์ ละคร สื่อวิทยุและสื่อสิ่งพิมพ์ ตอนนี้ได้ยินว่าแม่กำลังจะซื้อช่องเป็นของตัวเองด้วยล่ะ
ฟังดูดีใช่ป่ะ ถ้าได้ไปที่นั่นจะได้เจอคนดังมากมายซึ่งหลายๆคนอาจจะชอบแต่กับฉันมันไม่ใช่เพราะฉันไม่อยากไปสถานที่ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความทรงจำที่เจ็บช้ำ ฉันได้พบรักแรกที่นี่ผู้ชายที่เป็นคนพรากร้อยยิ้มไปจากฉัน
เนื่องจากบริษัทของแม่อยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าฉันเลยมาถึงที่นี่อย่างรวดเร็ว และตอนนี้รถก็กำลังเลี้ยวเข้าบริษัท
ที่บริษัท
เมื่อรถเลี้ยวมาจอดหน้าบริษัทฉันก็เปิดประตูแล้วก้าวขาลงจากรถมายืนอยู่บนพื้น โอย...ตื่นเต้นชะมัด(>o<)ก้าวขาไม่ออกแล้วเนี่ยไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้มาเหยียบที่นี่อีกครั้งสถานที่ที่ฉันพยายามหนีมันมาตลอดหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา
ฉันยังยืนอยู่กับที่ไม่ก้าวเท้าออกไปไหนได้แต่ยืนมองตึกที่อยู่ตรงหน้า จนแม่ที่เดินเข้าไปแล้วต้องกลับออกมาใหม่เพื่อเรียกฉันให้เดินตามเข้าไป พอเดินเข้ามาในตึกแม่ก็บอกให้ฉันยืนรอก่อนที่จะเดินไปคุยธุระที่เคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ระหว่างนั้นฉันก็มองไปรอบๆ ที่นี่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก ผู้คนเดินกันขวักไขว่ในจำนวนนี้ฉันว่าน่าจะมีพวกดารานักร้องบ้างล่ะนะ แต่ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าใครเป็นใครบ้าง เพราะเวลาอยู่ที่บ้านฉันแทบจะไม่ค่อยได้เปิดที่วีดูซักเท่าไหร่ แบบว่าฟังแต่เพลงอ่ะนะ -_-
ก็ถ้าจะเทียบกันแล้วสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปคงเป็นความรู้สึกของฉันมากกว่า
“ ....ปิ๊ง”
เสียงแม่ดังปลุกฉันที่กำลังเหม่อมองอะไรไปเรื่อย
“ คะแม่”
“ ไปลูกแม่คุยธุระเสร็จแล้ว”
“ อ๋อ...ค่ะ”
แล้วแม่กับฉันก็พากันเดินตรงไปที่ลิฟท์ และระหว่างที่รอลิฟท์อยู่แม่ก็พูดกับฉันว่า
“ แม่จะขึ้นไปข้างบนก่อนเพราะเดี๋ยวมีแขกมาหาแม่ที่ห้องทำงาน คงจะคุยกันนานหน่อย ลูกไปรอแม่ที่สตูดิโอ 8 ก่อนแล้วกันไว้แม่คุยเสร็จแล้วจะให้คนลงมาตาม”
“ ได้ค่ะ ว่าแต่สตูดิโอ 8 นี่มันยังอยู่ชั้นเดิมรึเปล่าคะ”
“ อืม ยังอยู่ชั้นเดิมลูก”
ที่บริษัทแม่ฉันชั้นสามถึงชั้นเก้าจะเป็นสตูดิโอ ชั้นละสองห้องตามลำดับนับกันเอาเองนะ
“ โอเคค่ะ”
พอคุยกันถึงตรงนี้ลิฟท์ที่รออยู่ก็มาถึง ฉันเดินเข้าไปในลิฟท์
เมื่อลิฟท์เลื่อนขึ้นมาถึงชั้นหก ฉันก็เดินออกมาจากลิฟท์แล้วเดินตรงไปที่สตูดิโอ 8
เฮ้อ...มาถึงและสตูดิโอ 8 ทำไมต้องเป็นสตูฯนี้ด้วยนะไม่อยากมาเลย
แอ๊ด...ฉันเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ได้เคาะพอเข้าไปข้างในพี่คนหนึ่งที่ฉันรู้จักก็เดินเข้ามาทักทันที
“ อ้าวน้องปิ๊ง”
“ สวัสดีค่ะพี่จีน” ฉันทักตอบไป
“ สวัสดีจ้า^^ แหมไม่เจอกันตั้งนานเลยนะเรา สวยขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย”
“ ^^ แหะๆ ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“ ยังถ่อมตัวเหมือนเดิมนะเรา เอ่อ..ถ้ายังไงน้องปิ๊งยืนดูเค้าไปก่อนนะพี่ขอตัวไปทำงานแป๊บนึงเดี๋ยวมาคุยด้วยใหม่”
“ ค่ะ”
หลังจากที่พี่จีนเดินจากไปแล้วฉันก็เลือกยืนอยู่ข้างประตูที่ฉันชั้นเปิดเข้ามาเมื่อกี๊ ดูเค้าทำงานกันท่าทางจะเหนื่อยแฮะ
ฉันมองไปรอบๆห้องมีอุปกรณ์อะไรไม่รู้เต็มไปหมด ตรงกลางห้องมีเวทีที่ยกสูงขึ้นจากพื้นประมาณคืบนึง บนเวทีมีผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันคาดว่าน่าจะเป็นนายแบบยืนโพสท่าตามที่ช่างภาพสั่งอยู่ อืม...หล่อเหมือนกันแฮะนายคนนี้ สูง ขาว ออกตี๋นิดๆ ดูแข็งแรงดีด้วยถ้าพวกเพื่อนฉันมาเห็นท่าทางจะกรี๊ดสลบ แต่จะว่าไปนายนี่หน้าคุ้นๆแฮะ
“ เป็นไงหล่อใช่มั้ยล่ะคนที่อยู่บนเวทีนั่นอ่ะ” พี่จีนที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนพูดขึ้น
“ เอ่อ...ก็ดีค่ะแต่หน้าตาเค้าดูไม่ค่อยรับแขกเท่าไหร่นะคะ”
“ อ๋อ...ก็อย่างนี้แหละเด็กคนนี้เป็นคนค่อนข้างเย็นชาน่ะ แบบว่าเงียบมากๆเลยล่ะ พี่ยังอดสงสัยไม่ได้เลยนะว่าเค้าคิดยังไงถึงได้เข้ามาทำงานในวงการนี้ คือก็อย่างที่รู้ๆกันคนทำงานในวงการนี้มันต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี”
“แต่ปิ๊งว่ามันก็ขายออกไม่ใช่หรอคะผู้ชายแบบนี้”
“มันก็ใช่อ่ะนะ ว่าแต่เราไม่สนใจมั่งเหรอวงการบันเทิง พี่ว่าอย่างปิ๊งเนี่ยต้องดังแน่ๆ”
“ไม่เอาหรอก คือปิ๊งไม่ชอบอ่ะ” อย่างฉันเนี่ยนะจะเป็นดาราดังได้พี่จีนเอาอะไรมองเนี่ย
“ แหมน่าเสียดายจังแต่ถ้าเปลี่ยนใจก็บอกได้นะจ๊ะ”
“ แล้วจะบอกนะคะ” บอกตรงๆว่าไม่มีทาง - -*
ฉันคุยกับพี่จีนต่อไปได้ซักพักก็มีคนมาตามฉันบอกว่าแม่ให้ขึ้นไปหาที่ห้องทำงานได้แล้ว ฉันเลยขอตัวลาพี่จีนขึ้นไปหาแม่
ที่ห้องทำงานแม่
พอฉันมาถึงที่หน้าห้องทำงานแม่เลขาฯของแม่ก็บอกให้ฉันเข้าไปในห้องทำงานแม่ได้เลย ฉันเปิดประตูเข้าไปเห็นแม่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน แม่เงยหน้าขึ้นมองแล้วเรียกให้ฉันไปนั่งฝั่งตรงข้าม
“มานั่งนี่ลูกปิ๊ง”
ฉันเดินไปนั่งตามที่แม่บอกพอฉันหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ แม่ก็ผลักแฟ้มเล่มหนึ่งยื่นมาตรงหน้าฉัน
“อะไรคะเนี่ย O.O” ฉันถามงงๆ
“แฟ้มประวัติน่ะลองเปิดดูซิ”
ฉันเปิดแฟ้มนั้นดูก็เห็นว่ามันเป็นประวัติของผู้ชายคนหนึ่ง หน้าคุ้นๆแฮะ อ๊ะ!นึกออกแล้วคนที่เห็นที่สตูดิโอ 8 นั่นเอง นายคนนี้อยู่ ม.5 รุ่นเดียวกับฉัน แล้วยังเรียนโรงเรียนเดียวกันอีกด้วย ว่าแล้วว่าเคยเห็นที่ไหน ว่าแต่แม่ให้ฉันดูแฟ้มนี้ทำไมนะ
“ แม่ให้หนูดูทำไมคะเนี่ย - -a”
“ แม่มีงานจะให้ลูกทำน่ะสิ ^^”
“ งานเหรอคะ
“ ใช่จ้ะ”
“ งานอะไรคะแล้วมันเกี่ยวกันคนในแฟ้มนี้ยังไง” งงนะเนี่ย
“ แม่จะให้ลูกไปเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเค้าไงจ๊ะ”
“ OoO ว่าไงนะคะ ผู้จัดการส่วนตัวเนี่ยนะ” ให้ตายเหอะแม่คิดได้ไงเนี่ย อยากรู้จัง
“ ใช่จ้ะ”
“ หนูทำไม่ได้หรอกค่ะแม่” จริงๆนะฉันทำไม่ได้หรอกงานแบบนี้
“ ทำไมจะไม่ได้ล่ะลูก”
“ ก็คิดดูสิคะแม่ หนูยังเป็นเด็กมัธยมอยู่นะคะ หนูยังจัดการตัวเองไม่ได้เลยแล้วจะให้หนูไปดูแลจัดการชีวิตคนอื่นได้ยังไงล่ะคะ หนูไม่ได้มีความรับผิดชอบมากมายขนาดนั้นซะหน่อย แล้วไอ้ผู้จัดการส่วนตัวเนี่ยต้องทำอะไรบ้างหนูก็ไม่รู้ แล้วอย่างนี้จะให้หนูทำได้ยังไงล่ะคะ”
“ ก็เพราะงั้นไงจ๊ะแม่ถึงอยากให้ลูกรับงานนี้ลูกจะได้มีความรับผิดชอบมากขึ้นไง แล้วการเป็นผู้จักการส่วนตัวมันก็ไม่ได้ยากอะไรตรงไหนเลย ก็แค่ดูแลความเรียบร้อยเกี่ยวกับตารางการทำงาน รับงานให้เค้าแล้วก็ให้คำปรึกษานิดๆหน่อย ส่วนอย่างอื่นก็แล้วแต่เราจะเห็นสมควร แม่เชื่อว่าลูกต้องเป็นผู้จัดการส่วนตัวในแบบของลูกได้แน่นอน”
“ ถ้ามันง่ายๆแค่นี้ทำไมไม่ให้เค้าดูแลจัดการตัวเองล่ะคะ”
“ แค่เค้าทำงานมันก็เหนื่อยอยู่แล้ว ยังจะให้เค้ามาทำอะไรแบบนี้ด้วยเค้าก็ยิ่งเหนื่อยขึ้นไปอีกน่ะสิ แม่จึงจำเป็นต้องหาผู้จัดการส่วนตัวให้เค้าไงลูก”
“ หนูรู้แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นหนู แล้วก่อนหน้านี้ล่ะคะเค้าไม่ได้มีผู้จัดการอยู่แล้วเหรอ”
“ มีจ้ะแต่...เค้าไม่พอใจผู้จัดการฯคนเก่าน่ะ”
ท่าทางนายนั่นจะเอาแต่ใจตัวเอง
“ และที่ต้องเป็นลูกก็เพราะว่าลูกเป็นลูกแม่”
เอ่อ...นี่มันเหตุผลอะไรวะเนี่ย -*-a
ยังไงคราวนี้แม่คงไม่ยอมให้ฉันขัดใจได้ง่ายๆ
“ เฮ้อ...ยังไงหนูก็ต้องทำใช่มั้ยคะ”
“ ใช่แล้วจ้าลูกรัก”
“ งั้น...ก็คงต้องตกลงล่ะค่ะแต่หนูจะทำเท่าที่หนูทำได้แล้วกัน”
“ อืมแม่เชื่อว่าลูกต้องทำได้”
“ หนูจะพยายามละกัน”
“ แม่ดีใจที่ได้ยินลูกพูดแบบนี้ งั้นเดี๋ยวลูกลงไปเจอเค้าที่ร้านคอฟฟี่ช็อปข้างล่างแม่นัดไว้ให้แล้ว ไปถึงก็บอกพนักงานว่าโต๊ะที่คุณพิมพ์อรจองเอาไว้ ตอนนี้เค้าน่าจะทำงานอยู่แต่อีกครึ่งชั่วโมงน่าจะเสร็จลูกลงไปรอเค้าก่อนระหว่างรอก็อ่านรายละเอียดต่างๆไปพลางๆโอเคมั้ย”
“ ค่ะ งั้นหนูไปนะคะ”
“ อืม”
ฉันลุกจากเก้าอี้แล้วเดินไปขึ้นลิฟท์เพื่อที่จะลงไปรอหมอนั่นที่ร้านที่แม่บอก
อยากรู้จังวันนี้มันเป็นวันอะไรกันซวยจริงๆ โดนแม่บังคับให้มาที่บริษัททั้งที่ไม่อยากมาแถมยังยัดเยียดงานบ้าๆนี่ให้ทำอีก แล้วชีวิตอันแสนสุขแบบเดิมๆของฉันมันจะเป็นยังล่ะ มันคงจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยซินะ
ความคิดเห็น