ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เกลียดหัวใจ

    ลำดับตอนที่ #5 : ไมีมีชื่อตอน

    • อัปเดตล่าสุด 7 มิ.ย. 57


    บ้านปาณัทพงษ์

                    ราเมศหมุนพวงมาลัยเข้ามาจอดหน้าบ้าน  ตระกูลปาณัทพงษ์มีเนื้อที่เกือบสิบไร่ ทั้ง4 พี่น้องร่วมใจกันสร้างคฤหาสน์ส่วนตัวในอาณาเขตเดียวกัน แต่ยังไม่มีใครยอมแยกตัวไปอยู่ในที่ของตัวเอง พวกเขาจึงอยู่รวมกันในบ้านหลังใหญ่กันมาจนถึงทุกวันนี้

                    PN  group เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีชื่อเสียงด้านการส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ไปทั่วโลก และยังเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศทั้งด้านความมั่นคง และความน่าเชื่อถืออีกด้วย ที่กิจการเจริญรุ่งเรืองมาได้ถึงทุกวันนี้ก็เพราะความสามัคคีของสมาชิกทุกคนในบ้านทั้งสิ้น

                    “ถึงบ้านแล้ว อามีธุระต้องไปสะสางอาไม่ไปส่งข้างในนะ”เขาดูร้อนรนจนเธอผิดสังเกต แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไปเพราะนั่นเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา

                    “ค่ะ ขอบคุณที่ไปรับเจ้าขาแล้วเจอกันนะคะ”เธอล่ำลาเขาและเดินลงจากรถไป เด็กรับใช้วิ่งกุลีกุจอเข้ามาถือกระเป๋าเดินตามหญิงสาวเข้าบ้านไป “คงไม่พ้นเรื่องผู้หญิงตามเคย  น่าหมั่นไส้จริงๆ”

                    ร่างอรชรเดินเข้ามาถึงห้องรับแขกใจกลางบ้าน เธอมองไปรอบๆด้วยใบหน้าที่อิ่มเอิบ สายตาสำรวจทุกซอกทุกมุมอย่างถี่ถ้วน “ไม่เปลี่ยนแปลงเลยนะเมื่อ 4 ปีที่แล้วเป็นยังไง มาวันนี้ก็ยังคงเหมือนเดิมคุณแม่น่ารักจริงๆ”เสียงรำพึงรำพันแสนเบา

                    “ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ และนี่สำหรับลูกสาวคนเดียวของพ่อใหญ่และแม่กช”บิดายื่นดอกไม้ช่อโตให้หญิงสาว

                    “ขอบคุณค่ะคุณพ่อคุณแม่ รักทั้งสองคนที่สุด.....เลยค่ะ”เธอยิ้มจนแก้มปริ เมื่อได้รับดอกไม้ช่อโต

                    “ยินดีต้อนรับหลานสาวที่แสนน่ารักของอาเล็ก”เสียงรวินท์ทำให้จันทร์เจ้าขารีบหันกลับไป

                    “อาเล็ก”เท้าบางถลันไปหาด้วยความคิดถึง “ขอกอดให้หายคิดถึงหน่อยนะคะ”ลำแขนเล็กยกขึ้นกระชับต้นคอกว้างใบหน้าซบนิ่งที่อกแน่น รวินท์ยืนนิ่งราวกับโดนสาป ลมหายใจของเขาติดขัดเป็นห้วงๆ

                    “อาดีใจนะที่เจ้าขากลับมา แต่ขอต่อว่าหน่อยเถอะไปตั้งหลายปี ไม่ยอมกลับมาบ้าน ปล่อยให้อาคอยแกร่ว บางครั้งโทรไปหาก็อ้างว่าติดเรียน หรือไม่ก็อ้างว่าติดสอบ”ชายหนุ่มถือโอกาสต่อว่าแต่ไม่จริงจัง

                    “โถๆๆๆเจ้าขาไม่อยากเป็นลูกแหง่ให้ใครดูถูกนี่ค่ะ เจ้าขาอยากลองศึกษาการใช้ชีวิตตามลำพังบ้าง แต่...”เธอเว้นช่วง “คุณแม่ก็ไปหาแทบทุกเดือน จนบางครั้งเจ้าขาคิดว่าไม่ได้ห่างบ้านไปเลย”

                    “แหม!กลับมาคราวนี้วาจาฉะฉานนะเรา”มือหนาของรวินท์ขยี้ศีรษะทุยจนพองฟู

                    “เจ้าขาเอาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งกลับมาฝากพ่อกับแม่ด้วยนะคะ”เธอหันกลับไปหามารดาและบิดา

                    “พ่องอนแล้ว ไม่ยอมกอดพ่อแต่กอดอาเล็กก่อน”ระภัทธ์ทำเสียงขึ้นจมูกแกล้งงอนบุตรสาว  “คุณพ่อน่ะ..แกล้งเจ้าขาอีกแล้ว  คุณแม่ดูสิค่ะ คุณพ่อแกล้งเจ้าขา”เธอถือโอกาสฟ้องมารดา

                    “คุณใหญ่หละก็..”กชกรหันไปปรามสามี “แม่ดีใจที่เจ้าขากลับมาพร้อมกับความสำเร็จทั้งในด้านการเรียนและการดูแลตัวเองเมื่อพ่อกับแม่ไม่อยู่ด้วย”กชกรยิ้มภูมิใจ กับความสำเร็จของบุตรสาว

                    “เจ้าขาไม่อยากทำให้ทุกคนผิดหวังโดยเฉพาะพ่อกับแม่ค่ะ”เสียงเล็กสั่นเครือ

                    “เจ้าขาของอาเป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว”รวินท์กอดอกพิงโต๊ะด้วยท่าทีผ่อนคลาย

                    “เจ้าขาไม่อยู่ อาเล็กมีใครเป็นที่หนึ่งแทนเจ้าขาบ้างไหมเอ่ย....”ดวงตากลมหรี่ลงอย่างจับผิดและล้อเลียน

                    “อาไม่ให้ใครมาเป็นที่หนึ่งแทนเจ้าขาหรอก เพราะเจ้าขาเป็นที่หนึ่งของอาเสมอ”ที่พูดออกไปคนอื่นอาจคิดว่าเขาพูดเล่น แต่ใจจริงแล้วเป็นความจริงทั้งสิ้น

                “โอ้โห ขนาดนั้นเลยเหรอค่ะอา สงสัยเจ้าขาคงหาอาสะใภ้ไม่ได้เสียแล้ว เพราะอาเล็กมัวแต่มาตามดูแลเจ้าขานี่เอง”เธอแกล้งทำตาโตเป็นไข่ห่าน

                    “และนี่พี่กลางไปไหนเสียหละ และทำไมปล่อยให้เจ้าขาเข้ามาคนเดียว”เมื่อนึกขึ้นได้จึงถามออกไปเพราะเมื่อช่วงสายๆของวันนี้เขาเป็นคนอาสาว่าจะไปรับเจ้าขาเองเพราะทุกคนติดงานกันหมด แต่ทำไมไม่เข้ามาส่งจันทร์เจ้าขา

                    “ก็จะอะไรอีกหละค่ะ”น้ำเสียงหงุดหงิดขึ้นมาทันที “อากลางนัดกับสาวๆเอาไว้ที่งานเลี้ยงที่ไหนสักแห่งเจ้าขาก็จำไม่ได้ พอมาถึงก็ผลุนผันออกไปเลย”เธอตำหนิราเมศ

                    “ไม่เป็นไรนี่ลูก อากลางเขาต้องรีบไปงานต่อไม่ได้ไปกับสาวที่ไหนหรอก คงเห็นว่าเจ้าขาชอบยกเรื่องสาวๆมาอ้างอาเขาก็เลยรับสมอ้างซะเลย”บิดาชี้แจง แต่จันทร์เจ้าขาไม่อยากจะเชื่อ

                    “อ๋อ งานเลี้ยงเย็นนี้ที่พี่ใหญ่ต้องไปให้พี่กลางไปแทนใช่ไหมครับ”ระภัทธ์พยักหน้ารับ “ไม่ได้ไปกับสาวๆ แต่ผมคิดว่าต้องหิ้วสาวๆกลับมาแน่นอน รวินท์ฟันธง”เขาคาดเดา

                    “อากลางยังไงก็คืออากลางเจ้าชู้ไม่ยอมเลิก”เธอว่าราเมศ

                    “ทะเลาะกับอากลางมาหรือไง เห็นจ้องจะว่าเขายู่ตลอดเวลา อากลางไปสนใจสาวๆก็ดีแล้วจะได้เลิกสนใจเจ้าขา และไม่ต้องคอยหาเรื่องทะเลาะกับเรา”รวินท์พยายามพูดให้จันทร์เจ้าขาเลิกสนใจราเมศ หรือไม่สนใจได้ยิ่งดี

                    “มันก็จริงนะคะ เจ้าขาเบื่อที่จะรบกับอากลางแล้วเหมือนกัน”ใบหน้าเนียนก็ยิ้มออกมาได้ “พ่อค่ะแม่ค่ะเตรียมอะไรให้เจ้าขาไว้ทานบ้าง หิวม๊ากมาก..ท้องร้องไปหมดแล้ว”น้ำเสียงใสออดอ้อนราวกับเด็ก

                    “อะไรกันไหนบอกว่าโตแล้วยังทำตัวเป็นเด็กเหมือนเคยนะเรา”พอโดนบุตรสาวประจบระภัทธ์ก็ยิ้มไม่หุบ หันไปทางภรรยาให้รีบจัดโต๊ะอาหารเย็นทันที

                    “ทานข้าวกันก่อนแล้วค่อยขึ้นห้อง วันนี้พ่อกับแม่มีเซอร์ไพรส์ให้เจ้าขาด้วย แต่ไม่บอกตอนนี้นะขออุบไว้ก่อน”คงเป็นเรื่องสำคัญดูมีลับลมคมนัย แต่จันทร์เจ้าขาก็ได้แต่ยิ้มแฉ่ง

                    ระหว่างที่รอตั้งโต๊ะอาหารเสียงเล็กของจันทร์เจ้าขาก็ดังขึ้นเมื่อเล่าถึงปรบการณ์ระหว่างเรียนที่ปารีส ความน่ารักสดใสของเธอตราตรึงมัดหัวใจดวงโตของรวินท์ให้แนบแน่น

                    “พ่อคะเจ้าขาอยากทำงานให้เจ้าขาช่วยงานที่บริษัทนะคะ”เธอออดอ้อนและคิดว่าคงได้ผล

                    “กลับมาก็คุยถึงเรื่องงานเลยเหรอ พักให้หายเหนื่อยก่อนดีกว่านะลูก งานไม่หนีไปไหนหรอก เรื่องงานเอาไว้ทีหลังก็ได้”คำแนะนำของบิดาขัดใจเธอแต่ก็ไม่แสดงออก

                    “คุณพ่อพูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกนะคะ  เราไม่รู้ว่าภายภาคหน้าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง ถ้าเจ้าขาเกิดติดใจการนั่งๆนอนไม่ทำการทำงานก็มีกิน และถ้าพ่อกับแม่ไม่อยู่เจ้าขาจะทำยังไง”เธอกำลังโน้มน้าวบิดา

                    “อาเลี้ยงเราได้ไม่ต้องกลัว พักผ่อนตามคำสั่งของพี่ใหญ่นั่นแหละดีแล้ว  อาไม่ปล่อยให้เจ้าขาลำบากอย่างแน่นอน”รวินท์เสริมกำลังอีกคน

                    “ทั้งพ่อและอาเล็กกำลังทำให้เจ้าขาเสียคนอยู่นะคะ”ร่างเล็กกอดอกหน้าคว่ำ “ดื่มน้ำส้มก่อนนะลูกจะได้หายเหนื่อย”ผู้เป็นแม่ปลอบ “ดูสิค่ะแม่ พ่อกับอาเล็กกำลังทำให้เจ้าขาเสียคน”น้ำเสียงมีแง่งอน

                    “ในฐานะที่แม่เป็นคนกลาง แม่เห็นด้วยกับทั้งพ่อและอา เหตุผลของแม่ก็คือ อยากให้เจ้าขาพักผ่อนทบทวนความต้องการของตัวเอง ว่าที่แท้จริงแล้วเราต้องการทำอะไรกันแน่  ในวันนี้เจ้าขาอาจจะอยากทำงานที่บริษัท แต่พอผ่านไปสักระยะเจ้าขาอาจเปลี่ยนใจอยากทำในสิ่งที่ตัวเองรักจริงๆก็ได้”ด้วยความอ่อนโยนของมารดา ทำให้เจ้าขาไม่กล้าปฏิเสธ

                    “เฮ้อ!มันน่าน้อยใจจริงๆนะเล็ก เราพูดตั้งนานไม่ยอมเชื่อ พอแม่เขาพูดหน่อยเดียวยอมเข้าใจ”ระภัทธ์พูดลอยๆ

                    “อย่างอนเลยนะคะคุณพ่อสุดหล่อของเจ้าขา”เธอเอาใจบิดา “ไม่ต้องมาง้อหรอก”เขายังมีแง่งอนต่อ “เจ้าขารักคุณพ่อไม่ต่างจากคุณแม่เลยนะคะ อย่างอนสิค่ะเดี๋ยวไม่หล่อนะ”เธอง้อ

                    “คุณใหญ่หละก็ชอบแกล้งลูกอยู่เรื่อยเลยนะคะ”บงกชเอื้อมมือมากอดกระชับร่างอรชรเข้าไปอย่างปกป้อง

                    “พี่ใหญ่กับพี่กชเตรียมห้องเรียบร้อยแล้วใช่ไหมผมจะได้ให้เด็กเอาของขึ้นไปเก็บ”รวินท์ถาม “เสร็จแล้วค่ะคุณเล็กให้เด็กยกขึ้นไปได้เลย ส่วนของไม่ต้องให้เด็กจัดนะคะ เดี๋ยวพี่จะไปจัดเอง”บงกชตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล  “อ้อ..ครับ”

                    ความสุขรายรอบบ้านหลังจากที่ไม่มีเสียงหัวเราะมานาน แต่วันนี้มีแต่เสียงหัวเราะ เพราะจันทร์เจ้าขานั่นเอง ความน่ารักสดใสของเธอสามารถสร้างความสุขให้กับผู้คนรอบข้าง โดยเฉพาะรวินท์ที่ปล่อยใจไปกับความน่ารักของเธออย่างเนิ่นนาน ก่อนที่เขาจะหลุดลอยออกไปเสียงห้าวที่แฝงเอาไว้ด้วยความมีอำนาจก็ดังขึ้น

                    “สนุกกันจนลืมว่ามีเราอยู่ด้วยแล้วมั้ง”เรืองยศเสียงเอ่ยทุ้ม จันทร์เจ้าขาหันกลับไป “อารอง คิดถึงอามากๆๆเลยค่ะ ไม่ได้เจอหน้าตั้งนาน หล่อขึ้นเป็นกองเลยนะคะ แต่ไม่รู้ว่าจะมีเจ้าของหรือยังนะ”เมื่อโดนคำถามเขาจึงได้แต่ยิ้มบางๆ

                    “ไม่มีแล้วจะหาให้อาหรือไง”เขาถามกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบดังเดิม  “และถ้าหาให้อาจะสนใจไหมหละค่ะ  ไม่เอาดีกว่าเพราะอารองไม่ชอบเด็ก เพื่อนๆของเจ้าขารุ่นราวคราวเดียวกันทั้งนั้น ประเดี๋ยวจะมาสร้างความวุ่นวายให้อารอง หรือว่าอารองเปลี่ยนรสนิยมแล้ว”ใบหน้ามนดวงตากลมโตส่งสายตาทะเล้นมาให้เขา

                    “คบเด็กสร้างบ้าน อาคงเหนื่อยวิ่งตาม เพราะแค่วิ่งตามเจ้าขาก็เหนื่อยแล้ว หึหึหึ..”เขาหัวเราะในลำคอ

                    “ฮะฮะฮะ..พี่รองตอบตรงดี เราวิ่งตามเจ้าขาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งโต”รวินท์กล่าวเสริม จันทร์เจ้าหาหันไปทำปากขมุบขมิบ

                    “ไม่ลองไม่รู้นะคะ เพื่อนของเจ้าขาคนนี้น่ารักเรียนเก่ง และยังขยันอีกด้วย อีกไม่กี่เดือนก็ต้องเข้าไปสอนในมหาลัยแล้ว...ไม่แน่นะคะ อาจจะต้องไปเป็นอาจารย์สอนโรงเรียนนายตำรวจก็ได้ สนใจคบเด็กสร้างบ้านไหมค่ะอา”เธอกำลังหาแฟนให้เรืองยศ แต่เขาไม่มีทีท่าจะสนใจ

                    “ไม่หละ เรื่องแฟนอาหาเองไม่ต้องพึ่งเราหรอก แต่อาว่าวันนี้สมาชิกของเราไม่ครบนะ”เขาถามเมื่อนึกขึ้นได้  “ใครค่ะ”เธอถามสงสัย “ก็ตากลางไงวันนี้ทั้งวันยังไม่ได้เห็นหน้าค่าตาเลย สงสัยงานเยอะอีกตามเคย”เรืองยศบ่น

                    “งานก็เยอะสาวก็แยะ ไปกับสาวๆสิค่ะไม่ว่า วันนี้มาส่งเจ้าขายังไม่ทันลงจากรถบอกว่ารีบ บึ่งรถออกไปเลย”ทุกครั้งที่เธอพูดถึงเขาและสาวๆ ภายในใจก็หงุดหงิดทุกที คงเป็นเพระว่าเธอไม่กินเส้นกับเขากระมัง

                    “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกลูก อากลางเขาไปงานแทนพ่อ วันนี้พ่อกับแม่เกเรงานเพื่อรอรับการกลับมาของลูกสาวคนนี้ไง”ระภัทธ์ อธิบายให้จันทร์เจ้าขาเข้าใจ  รวินท์ครุ่นคิดกับสิ่งที่ไม่อยากให้เกิด เขาคงไม่ยอมถ้ามันเป็นจริงขึ้นมา

                    “ทานข้าวกันก่อน และหลังจากนั้นค่อยขึ้นไปพักผ่อนให้สบายตัว เรื่องอื่นยังไม่ต้องคิด ตกลงนะลูก”เขาสั่ง “ตักข้าวเถอะคุณพร้อมหน้ากันแล้ว  “ค่ะคุณใหญ่”บงกชทำตามคำสั่ง

                    ไม่ว่าอาหารจะอร่อยมากสักเพียงไหน แต่ถ้าใจเราไม่เป็นสุขรสชาดอาหารก็จะเปลี่ยน แต่ถ้าเราสุขต่อให้อาหารไร้รสชาดเราก็สามารถทานมันได้ เพราะทุกอย่างมันขึ้นอยู่ที่หัวใจเรานั่นเอง

    .........................................................................................................................................................

    ขอให้มีความสุขในการอ่านนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×